บทที่ 361: มอนสเตอร์คล้ายมนุษย์ แทรกซึมสำเร็จ!
เสียงกรีดร้องดังลั่นขึ้นมา
หันไปดูจะเห็นว่าเป็นเสียงแหกปากของนักรบคนหนึ่งเผ่านี้คนหนึ่งถูกมอนสเตอร์กัดขาดสองท่อนแล้วเคี้ยวจนละเอียดก่อนจะกลืนลงท้องไป
ถังเจิ้นที่ได้ยินเสียงกรีดร้องก็ต้องหันไปดูด้วยเหมือนกัน และเขาก็ไปสบตาเข้ากับมอนสเตอร์รูปร่างคล้ายมนุษย์ที่ขี่อยู่บนหลังมอนสเตอร์โดยไม่ได้ตั้งใจ
ซึ่งไอ้หมอนี่มันเป็นลอร์ด 2 ดาวหรือก็คือเลเวล 7 จึงไม่แปลกใจเลยที่มันสามารถควบคุมบัญชาการมอนสเตอร์เลเวลต่ำกว่าได้มากมายขนาดนี้!
แววตาของไอ้เจ้ารูปแบบมนุษย์นั่นเย็นชา บ้าคลั่ง และกระหายเลือดอย่างยิ่ง พอมันเห็นว่าถังเจิ้นกำลังมองตัวเองอยู่ก็แสยะยิ้มหลอน ๆ ให้ทันที
จากรอยยิ้มของมันบอกได้เลยว่าโคตรดูถูกกัน เหมือนกำลังยิ้มให้ฝูงมดงั้นแหละ
หากเป็นนักรบธรรมดามาเห็นก็คงจะตกใจกลัวและหลอนจนไม่อาจลบภาพรอยยิ้มของมันออกจากใจได้
ซึ่งนี่เป็นอีกความสามารถติดตัวแต่กำเนิดของไอ้พวกรูปแบบมนุษย์เหล่านี้
ส่วนถังเจิ้น... แน่นอนว่าไม่ได้กลัวอะไรเลย เขาแค่รู้สึกว่าทั้งสีหน้าแววตาและรอยยิ้มของไอ้รูปแบบมนุษย์นี่เห็นแล้วเหมือนโดนกวนส้นตีนยังไงไม่รู้เลยถลึงตาใส่มันไปทีหนึ่ง
ซึ่งเขาก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการถลึงตาของตนจะทำให้เผลอปล่อยพลังจิตของระดับลอร์ด 3 ดาวสวนกลับไป
ไอ้รูปแบบมนุษย์ก็ยิ้มแข็งทื่อร่างกายสะดุ้งโหยงใหญ่จนเกือบจะตกจากหลังมอนสเตอร์ที่ขี่อยู่
เมื่อมันตั้งสติได้ก็มองถังเจิ้นอีกครั้งและพบว่าเขาหันกลับไปวิ่งต่อแสร้งทำเป็นวิ่งหนีโดยไม่ได้สนใจมันอีกเลย
ตอนนี้แววตามันปรากฏร่องรอยของความกลัวแวบขึ้นมาแล้ว มันได้ชะลอการวิ่งไล่โดยเปลี่ยนไปค่อย ๆ ไล่ต้อนไปไม่ได้ดุเดือดเหมือนก่อนหน้านี้
แล้วเมื่อถึงตอนนี้พวกที่เฝ้าเส้นทางฯก็สังเกตเห็นพวกถังเจิ้นที่สับตีนแตกเข้ามาจนได้
นักรบทั้งหลายเหล่านั้นรีบวิ่งเข้าไปช่วยพวกถังเจิ้น อาวุธยิงไกลรูปแบบต่าง ๆ ยิงไปตกใส่ฝูงมอนสเตอร์รัว ๆ
เห็นแบบนี้แล้วไอ้รูปแบบมนุษย์ก็หยุดตามต่อแล้วสั่งให้ฝูงมอนสเตอร์ถอยทัพ
ขณะที่หันหลังกลับไปมองถังเจิ้นที่ตอนนี้ ‘ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนล้มลงไปกองกับพื้น’ ก็ทำสีหน้าประหลาด ๆ ออกมาแล้วรีบจากไป
หลังจากที่เห็นฝูงมอนสเตอร์ไปแล้ว ในที่สุดพวกนักรบที่เผ่นกันป่าราบมาตลอดทางด้วยความหวาดกลัวก็ทรุดลงไปพังพาบอยู่กับพื้นไม่ต่างจากซากหมาตาย
ขณะที่วิ่งหนีเอาตัวรอดนั้นไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงพละกำลังมันโผล่มาจากไหนไม่รู้จักหยุดจักหย่อน ร่างกายสามารถเคี่ยวกรำได้ไม่สนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเพราะกลัวจะถูกมอนสเตอร์จับฉีก
แต่พอปลอดภัยแล้วเนี่ยสิ ความเสียหายที่สะสมมาตลอดทางได้ระเบิดอาการออกมาอย่างรุนแรงจนร่วงกันหมดในทันที
การวิ่งหนีด้วยแรงที่เค้นจากการดูดนมแม่ทำให้ไม่เหลือแล้วทั้งแรงกายและแรงใจ!
พวกที่เฝ้าเส้นทางฯเห็นแบบนั้นก็รีบหาเปลหามหรือถ้าไม่พอก็หาของอื่น ๆ มาทำแล้วจัดการหอบเอาพวกที่นอนกองอยู่ที่พื้นไปทั้งหมด
พวกที่หนีนั้นไม่เหลือแรงจะทำอะไรต่อแล้วก็ได้แต่ปล่อยให้พวกที่เฝ้าอยู่พาตัวไปในสภาพพังพาบ
ตุบ!
ถังเจิ้น ‘บังเอิญ’ ล้มหน้าทิ่มพื้น พวกที่เฝ้าเส้นทางฯก็สังเกตเห็นทันที
“เฮ่ย มีสลบอยู่นี่อีกหนึ่ง!”
นักรบต่างเผ่าที่เห็นถังเจิ้นตะโกนบอกคนอื่น แล้วก็มีคนเอาเปลหามมาวางแล้วจับถังเจิ้นโยนขึ้นเปล
“พาทั้งหมดกลับเมืองไปก่อน ที่นี่ไม่มีที่ให้พวกนี้พักฟื้น!” หัวหน้านักรบเข้ามาดูอาการพวกที่หมดสติพร้อมออกคำสั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์
สั่งเสร็จก็เมินเฉยต่อทุกคนแล้วหันหลังออกไปเลย
นักรบของเผ่านี่มีวัฒนธรรมคือเคารพผู้แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงไม่ใคร่จะใส่ใจนักรบธรรมดามากนัก แต่การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหรือส่งคนที่ไม่ไหวแล้วกลับไปพักฟื้นมันยังคงเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ
ถังเจิ้นที่นอนบนเปลหามก็ถูกหามไปยังเส้นทางฯช้า ๆ
ครั้งนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและหมดสติเกือบร้อยคน และตอนนี้ทุกคนต่างก็กำลังเข้าคิวเพื่อรอเข้าไปในเส้นทางฯ
ซึ่งจู่ ๆ ก็มีไอ้คนหนึ่งมันเดินผ่านถังเจิ้นแล้วหันควับมามองด้วยความสงสัย
“เฮ่ย ไอ้นี่หน้าคุ้น ๆ นะ เอ็งเคยเห็นหน้ามันมาก่อนปะ”
นักรบที่หามถังเจิ้นได้ยินแบบนั้นก็ตะคอกกลับโกรธ ๆ ว่า “ก็ต้องคุ้นสิวะ พวกนี้ทั้งหมดก็ชาวเมืองเรานี่หว่า แล้วกูจะไปรู้มั้ยว่าเคยเห็นหน้ามาก่อนมั้ย!”
เป็นไอ้ตัวเฝ้าเส้นทางฯที่ไล่ตะเพิดถังเจิ้นก่อนหน้านี้นี่เอง และแม้มันจะถูกตะคอกใส่ก็ไม่ได้คิดว่าอะไรแต่กลับส่ายหน้าอย่างจริงจัง
“ไม่ใช่นา จำได้ว่าพึ่งจะเห็นมันเมื่อกี๊ ๆ นี่เอง ไม่ผิดแน่!”
ถังเจิ้นที่แทบจะแกล้งตายอยู่ก็ถึงกับด่าแม่มันในใจ ‘แม่มึงสิ นี่ถ้าไม่มีคนอื่นอยู่กูจับมึงมาสับทั้งเป็นจนกว่าจะละเอียดเลยสัดเอ๊ย!’
แต่อยากทำแค่ไหนมันก็ทำไม่ได้ เพราะถ้าความแตกล่ะก็ที่อุตส่าห์ไปวิ่งคลุกขี้ฝุ่นมาก็สูญเปล่าหมดน่ะสิ
คิดได้ดังนั้นก็ไม่มีทางเลือกต้องเปิดแอปฯมาศัลยกรรมหน้าใหม่แก้ตรงแก้มให้ไม่เหมือนเดิม
เพราะว่าเปลหามบังอยู่ทำให้พวกที่อยู่ใกล้ ๆ ไม่ทันสังเกตเห็นว่าใบหน้าตรงแก้มของถังเจิ้นมีการเปลี่ยนแปลงแบบซึ่ง ๆ หน้าเลยชัด ๆ เลย
จากนั้นก็บังเอิญมีนักรบอีกคนเดินผ่านมาได้ยินที่ทั้งสองก่อนหน้านี้พูดกันเข้าเลยเดินเข้ามาดูด้วย
“เอ็งแน่ใจนะว่าเคยเห็นมันมาด้อม ๆ มอง ๆ ที่เส้นทางฯมาก่อน” ไอ้คนที่มาก็คือหัวหน้านักรบและกำลังชี้ถังเจิ้นที่ ‘ใกล้ตาย’ พร้อมกับถามไอ้คนเฝ้าเส้นทางฯ
เนื่องจากตอนนี้เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินจึงต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้ไอ้มือระเบิดแอบดอดเข้าไปที่โหลวเฉิงได้ ดังนั้นจึงต้องมีการระมัดระวังทุกขั้นตอน
ไอ้คนถูกถามได้ยินดังนั้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ผมขอดูอีกทีได้มั้ยครับหัวหน้า”
หัวหน้าพยักหนักหน้าแล้วกวักมือเรียกให้มันไปดูอีกรอบ
มันก็เข้ามาที่เปลหามแล้วจับหน้าถังเจิ้นให้ตั้งตรง ๆ แล้วดูดี ๆ อีกรอบ
ใบหน้าที่ถูกแก้เสร็จเรียบร้อยได้เผยออกมาต่อหน้าทุกคนทันที แม้จะไม่ได้แตกต่างจากหน้าเดิมมากนัก แต่ดูก็รู้ว่าเป็นคนละคนกันโดยสิ้นเชิง
ไอ้คนเฝ้าเห็นแบบนี้แล้วก็เริ่มลังเล
หัวหน้านักรบเห็นท่าทีของมันก็รีบถาม “ว่าไง เอาใช้ชัด ๆ ซิว่าไอ้นี่เป็นพี่น้องเราที่พึ่งหนีตายจากฝูงมอนมา แล้วข้าก็สั่งให้คนหามมันไปส่งเมือง
ตกลงว่าเอ็งเคยเห็นหรือไม่เคยเห็นมันกันแน่”
“หมะ ๆ ๆ... เหมือนจา.. เคยเห็น... มั้ง?” มันตอบอย่างลังเล
หัวหน้าได้ยินก็โกรธขึ้นมาเลย “เคยเห็นก็บอกเคยเห็น ไม่เคยเห็นก็บอกไม่เคยเห็น จะลังเลทำห่าไรวะ!
เอาดี ๆ ตกลงเคยเห็นมั้ย!”
มันก็ตกใจจนเหงื่อแตกไปทั้งตัว เห็นสายตาอาฆาตของหัวหน้าแล้วก็เลยแหกปากตอบว่า “ผมคงจำผิดไปเองครับ ไม่เคยเห็นครับโพ้ม!”
พูดจบมันก็สบถด่าตัวเองในใจว่าตัวเองกินอิ่มไม่มีไรทำต้องออกมาหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ
ส่วนหัวหน้านักรบก็ตบกะบาลมันไปสองสามทีก่อนจะหันหลังจากไป
กลับมาที่ถังเจิ้นที่ถูกหามเข้าไปยังเส้นทางฯก็เคลื่อนผ่านตัวมันไปได้ไม่กี่ก้าว นักรบสองคนที่เป็นคนหามเขาเดินผ่านมันไปพร้อมกับทิ้งเสียงหัวเราะเยาะเอาไว้ให้
‘ไอ้หน้าโง่นี่ถึงขนาดใส่ร้ายพี่น้องร่วมเผ่าตัวเองที่บาดเจ็บสาหัสจนหมดสติอยู่เลยเชียวนา อะไรจะชั่วช้าไปถึงกึ๋นได้ปานนี้!’ นี่คือสิ่งที่นักรบที่หามถังเจิ้นรวมถึงคนอื่น ๆ คิด
ส่วนตัวมันก็แทบจะน้ำตาร่วง ยิ่งได้เห็นสายตาแปลก ๆ จากคนรอบข้างที่มองมาแล้วก็ได้แต่ด่าตัวเองอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำอีก
จากนั้นก็อดที่จะหันไปมอง ‘พี่น้อง’ ที่นอนอยู่บนเปลหามด้วยสีหน้าหดหู่ไม่ได้
แต่เมื่อสายตามันไปเจอเข้ากับใบหน้าเปื้นเลือดของอีกฝ่ายเข้าก็ถึงกับต้องตัวเกร็งไปเลย
เพราะมีแค่มันคนเดียวที่สังเกตเห็นว่า ‘พี่น้อง’ เผ่าเดียวกันที่นอนอยู่บนเปลหามกำลังแสดงรอยยิ้มมุมปากแปลก ๆ ก่อนที่จะหายตัวเข้าไปในเส้นทางฯ