ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 436 - เริ่มเตรียมตัวสำหรับเทศกาลล่าสัตว์อสูร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 438 - รวมตัวก่อนเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 437 - รายชื่อและค่าหัว


เวลา 3 วันผ่านไปในพริบตา ภายในห้องพักใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมนั้นเต็มไปด้วยคลื่นสมองอันเข้มข้น เดวิดปลดปล่อยมันออกมาเพื่อฝึกฝนอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรือย่อท้อแม้แต่นิดเดียว เขากลายเป็นเครื่องจักรในการฝึกฝนไปอย่างเต็มตัว หลังจากที่เสียเวลาในการจัดการธุระไปบ้างเล็กน้อย ‘ดาบเหนือจินตนาการ’ แต่ละกระบวนท่าก็ถูกทยอยฝึกฝนจนบรรลุระดับสมบูรณ์แบบไปวันละกระบวนท่า ในที่สุดก็ถึงขั้นตอนที่ยากที่สุดแล้ว ผสานแล้วใช้มันออกมาด้วยกันให้ต่อเนื่องสมบูรณ์

หง่าง! หง่าง! หง่าง!

อีก 3-4 วันผ่านไป เสียงระฆังก็ดังกังวานจนได้ยินไปทั่วทั้งสำนัก ในที่สุดมันก็ถีงเวลาของงานเทศกาลใหญ่ที่ทุกคนรอคอยแล้ว

ภายในห้องพักของเดวิด เขายืนตระหง่านนิ่งอยู่ตรงกลางห้อง ปลดปล่อยคลื่นสมองอันเข้มข้นออกมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดพัก ในที่สุด ร่างกายของเดวิดก็กระพริบพร่าเลือนเหมือนจะหายวับไป ก่อนจะกลับมาปรากฏเด่นชัดขึ้นอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วหลับตาลงทำสมาธิอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นาน ร่างกายก็กระพริบวาบอย่างรวดเร็ว แต่มันไม่ได้เลือนหายไป แต่แยกตัวสร้างเงาร่างของเดวิดขึ้นมาอีก 2 คน สิ่งที่น่าตกใจก็คือ มันไม่ใช่ภาพติดตาธรรมดา เงาภายทั้ง 3 คงตัวอยู่ได้ราวกับทั้งหมดเป็นร่างจริงเลยก็ไม่ปาน อากัปกิริยาที่แตกต่างกันของแต่ละเงาร่างดูเหมือนจริง ถ้ามีคนภายนอกมองเข้ามา พวกเขาจะเห็นว่ามีคน 3 คนยืนอยู่ในห้องจริง ๆ และแต่ละคนกำลังขยับมืออย่างรวดเร็วด้วยท่าทางและกระบวนท่าที่แตกต่างกันไป สิ่งเดียวที่เหมือนกันระหว่างร่างทั้ง 3 นี้ คือจังหวะการหายใจที่ผสานเป็นจังหวะเดียวกันเท่านั้น

ร่างทั้ง 3 ปรากฏอยู่ได้แค่เพียงไม่ถึงวินาทีเท่านั้น 2 ร่างค่อย ๆ สลายกลายเป็นคลื่นสมองที่เข้มข้นแผ่กระจายออกทั่วบริเวณ ร่างเดียวที่เหลืออยู่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ก่อนจะพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจะโล่งอกโล่งใจเล็กน้อย “ในที่สุดก็ทันเวลา!”

ใบหน้าที่มีรอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่ได้เพียงแวบเดียวเท่านั้น คิ้วของเดวิดขมวดแน่นเข้าหากัน ก่อนจะก้มลงไปมองดูที่ส้นเท้าของตัวเอง และตวาดออกมาเบา ๆ อย่างหัวเสียเล็กน้อย “ฟลินท์! เลิกเล่นเสียที จะกัดอะไรกันหนักหนา” เขาก้มลงไปจับตัวของมันไปทิ้งไว้ที่มุมห้องพร้อมกับเนื้อชิ้นใหญ่ แล้วหันมาจัดการกับร่างกาย ได้เวลาเดินทางออกไปพบผู้คนแล้ว อย่างน้อย ๆ ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างหน้าจัดทรงผมให้พอดูได้เสียหน่อย

เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อย เดวิดก็คว้าเสือดำตัวน้อยยัดใส่อกเสื้อ ก่อนจะเปิดประตูห้องแล้วเดินออกไปอย่างไม่เร่งรีบนัก เสียงระฆังยังดังกังวานอยู่อย่างต่อเนื่องไม่จางหายไป มันหมายถึงว่าเขายังไม่ต้องเร่งรีบมากนัก การรวมตัวของผู้ที่จะเข้าร่วมกับเทศกาลล่าสัตว์อสูรเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

เดวิดเดินตามฝูงชนไปเรื่อย ๆ เป้าหมายของเขาคือจัตุรัสที่เป็นลานกว้างขนาดใหญ่กว่า 1 สนามฟุตบอลรวมกัน ศิษย์ของสำนักซิกนิสหลายพันคนทยอยกันเดินเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เดวิดขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่ลูกศิษย์ทั้งสำนักพากันออกมาจนหมดเลยหรือยังไง? ก็คนที่จะเข้าร่วมได้มีแค่ 500 คนอย่างนั้นไม่ใช่หรือ?

แต่หลังจากยืนปะปนอยู่ในฝูงชน และฟังเสียงการสนทนาที่ดังอื้ออึงอยู่ทั่วจัตุรัสสักพัก เขาก็เข้าใจแล้วว่าลูกศิษย์ส่วนใหญ่แค่ออกมาดูความคึกคักเท่านั้น เป็นแค่การมาส่งตัวแทนของสำนักออกไปต่อสู้แข่งขันสร้างผลงานกับสำนักอื่น อย่างไรเสีย งานเทศกาลครั้งนี้ถือว่าใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปีของสำนักเลย

เดวิดยืนรออยู่ไม่นานนัก เงาร่างของคน 12 คนก็ปรากฏขึ้นมาบนขอบฟ้า พวกเขายืนอยู่บนดาบบินที่พุ่งแหวกอากาศมาด้วยความเร็วที่ไม่เร่งร้อนมากนัก ก่อนที่ทั้งหมดจะร่อนลงบนเวทีขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านหนึ่งของจัตุรัสอย่างนุ่มนวล

ผู้อาวุโสหลายคนในนั้น เดวิดจดจำใบหน้าได้เป็นอย่างดี พวกเขาเป็นชุดเดียวกันกับคณะกรรมการไต่สวนที่พิจารณาคดีของเขาเมื่อหลายวันก่อน แต่ผู้อาวุโส 4 ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมา ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บนั้นจะหนักหนาสาหัสมากกว่าที่คิด แม้เวลาจะผ่านไป 1 อาทิตย์เต็ม ๆ ผู้อาวุโสที่โชคร้ายคนนั้นก็ยังไม่สามารถฟื้นฟูจนสามารถมาปรากฏตัวร่วมงานได้

แน่นอน! เจ้าสำนักเป็นผู้นำขบวนของเหล่าผู้อาวุโสชุดนี้มาด้วยตัวเอง และเขาก็ก้าวออกมาด้านหน้า ก่อนที่จะกล่าวออกด้วยเสียงที่ดังกังวานได้ยินไปทั่วจัตุรัสที่กว้างขวางอย่างไม่ยอมเสียเวลาเลยแม้แต่น้อย

“สวัสดีเหล่าลูกศิษย์ของสำนักซิกนิสที่รักทุกคน วันนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง หลังจากรอมา 500 ปี ก็ถึงเวลาที่เทศกาลล่าสัตว์อสูรครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง เช่นเดียวกันกับทุกคน ข้าผู้เป็นเจ้าสำนักแห่งนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าตัวแทนของพวกเราจะสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และเพิ่มพูนชื่อเสียงของสำนักให้ขจรขจายกว้างไกลมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีก

เอาล่ะ! ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว ศิษย์ที่อยู่ใน 500 อันดับแรกได้โปรดก้าวออกมาเพื่อรับตราประจำตัวสำหรับผู้เข้าร่วมเทศกาลจากผู้อาวุโส อ้อ! ผู้ที่ไม่มีสิทธิ! อย่างได้คิดที่จะสวมรอยอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น! ฮึ่ม!!” คำสุดท้ายของเจ้าสำนักเป็นแค่การคำรามในลำคอเท่านั้น แต่มันดังสนั่นเข้าไปในหูของลูกศิษย์ทุกคนได้อย่างชัดเจนมาก

เหล่าผู้อาวุโสลอยตัวลงมายืนกระจายกันอยู่ด้านหน้าของเวทีแล้ว เหล่าศิษย์ที่มีสิทธิและตัดสินใจเข้าร่วมทยอยกันเดินออกไปรับตราประจำตัวอย่างมีระเบียบ และเมื่อถึงคิวของเดวิด ผู้อาวุโสที่เป็นผู้ส่งตราให้เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ถือว่าเจ้ามีความกล้าไม่น้อยเลยทีเดียวที่ตัดสินใจเข้าร่วมเทศกาลล่าสัตว์อสูรครั้งนี้ แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิดหรอกนะ ปิดบังตัวเองให้ดี อย่างเผยความแข็งแกร่งออกมาจนเป็นที่เตะตาจนเกินไป ระมัดระวังตัวให้มากจะเป็นการดีที่สุด” ทันทีที่พูดจบ เธอก็หันหน้าออกไปส่งตราให้กับศิษย์ที่เข้าร่วมคนอื่นทันที ปล่อยให้เดวิดถูกผลักให้ไหลเดินออกไปด้วยสายตาที่มึนงงเล็กน้อย

หลังจากที่เดินมารวมกลุ่มกับเหล่าลูกศิษย์ที่รับตราประจำตัวมาแล้วเรียบร้อย เขาก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดเกี่ยวกับคำเตือนของผู้อาวุโสหญิงวัยกลางคนผู้นั้น ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “หืม? ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มันมีอะไรผิดปกติอย่างนั้นหรือ?” เดวิดส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะยักไหล่ คิดมากไปในตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว

เขาก้มหน้ามองตราประจำตัวขนาดเล็กที่อยู่ในมือ ก่อนจะยกขึ้นมันทาบที่หน้าผากเพื่อส่งคลื่นสมองเข้าไปอ่านรายละเอียดที่บันทึกเอาไว้ด้านในอย่างไม่ลังเล นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งสำหรับการอ่านข้อมูลของสำนักหรือเขตการปกครองแห่งนี้ มันมีอุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อเก็บข้อมูลสำหรับการใช้คลื่นสมองอ่านได้โดยตรงเลย ไม่ต้องพึ่งพา AI หรือระบบจนมากเกินไปนัก

นอกจากกฎระเบียบของการเข้าร่วมงานเทศกาล ภายในยังมีรายละเอียดของศิษย์ของสำนักอื่นที่เข้าร่วมระบุเอาไว้จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว มีคำเตือนให้ระมัดระวังคู่แข่งขันที่แข็งแกร่งเหล่านี้ให้ดี แต่ที่สำคัญที่สุดคือตัวเลขที่ระบุเอาไว้ด้านหลังรายชื่อพวกนั้นต่างหาก ถ้ากำจัดคู่แข่งเหล่านี้ไปได้ จะมีรางวัลค่าหัวอย่างงามเลยทีเดียว

เดวิดควบคุมคลื่นสมองของตัวเองให้พุ่งเป้าไปที่อันดับ 1 ของรายชื่อนี้ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดของคนที่มีค่าหัวสูงสุด หรือในอีกความหมายหนึ่ง ผู้ที่มีความแข็งแกร่งและอันตรายมากที่สุดในสายตาของเหล่าผู้อาวุโสในสำนักแห่งนี้

‘ปีศาจโลหิตชาด’ – ไม่มีข้อมูลส่วนตัวที่ชัดเจน!!

คิ้วของเดวิดขมวดแน่น ไม่มีข้อมูล! การข่าวมันจะห่วยไปหน่อยมั้ย!? เขายักไหล่เบา ๆ ก่อนจะเลื่อนลงมาอ่านดูของรายชื่อที่ 2 ต่อทันที

‘ซ่งเชวีย’ – อัจฉริยะในรอบหลายร้อยปีของสำนัก มีพรสวรรค์ด้านไฟติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทุกการโจมตีสามารถสร้างเพลิงที่รุนแรงออกมาเผาผลาญคู่ต่อสู้ได้

คำเตือน! แม้ว่าจะยังเป็นเพียงแค่ผู้ก่อพลังชั้นสมบูรณ์ แต่เหยื่อคนสุดท้ายของคนผู้นี้คือผู้ก่อปฐพีชั้นสมบูรณ์ เขาสามารถกำจัดอีกฝ่ายได้โดยไม่มีอาการบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย แนะนำให้รีบหนีอย่างเร็วที่สุดทันทีที่พบหน้า

ค่าหัว – 10,000,000,000 คะแนนความดีความชอบของสำนัก

ดวงตาของเดวิดเป็นประกายออกมาทันที ผู้ก่อพลังที่สามารถสังหารผู้ก่อปฐพีชั้นสมบูรณ์ได้อย่างนั้นหรือ น่าสนใจจริง ๆ หวังว่าคงจะมีโอกาสได้พบพานเจ้าหมอนี่นะ จะได้ลองเสียหน่อยว่าจะเก่งกล้าสักแค่ไหนกัน เขาพยักหน้าเบา ๆ อย่างพึงพอใจดูเหมือนว่าคู่แข่งขันในการเทศกาลแห่งนี้คงทำให้ต่อสู้ได้อย่างสมใจไม่น้อย แต่ก่อนที่จะได้เลื่อนอ่านข้อมูลของคนถัดไป เสียงดังกังวานจากเจ้าสำนักก็ดังขึ้นมาอีกครั้งแล้ว

“เอาล่ะ! ในเมื่อผู้ที่ประสงค์จะเข้าร่วมงานเทศกาลได้รับตราไปอย่างครบถ้วนแล้ว พวกเราก็จะออกเดินทางกันในทันที คำเตือนครั้งสุดท้าย! ผู้ที่ไม่ได้เตรียมใจที่จะเสี่ยงชีวิต หรือยังไม่แน่ใจว่าตัวเองพร้อมสำหรับการเข้าร่วมครั้งนี้หรือไม่ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายในการถอนตัว หลังจากที่ออกเดินทางไปแล้วทางสำนักจะไม่เปิดโอกาสอย่างนี้ขึ้นมาอีกเลย” น้ำเสียงที่กล่าวออกมาเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง

ไม่มีศิษย์ที่รับตราประจำตัวมาแล้วคนไหนขยับเลย ดูเหมือนว่าทุกคนจะตัดสินใจอย่างหนักแน่นมาล่วงหน้าแล้ว อันที่จริง ผู้ที่ออกมารับตราและประสงค์จะเข้าร่วมงานเทศกาลในครั้งนี้มีไม่ถึง 400 คนเสียด้วยซ้ำ มันหมายถึงว่าผู้ที่ไม่ต้องการจะเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อเข้าไปตามหาสมบัติเลือกที่จะถอนตัวไปตั้งแต่ต้นแล้ว

“ดูเหมือนว่าทุกคนจะมั่นใจในตัวเอง ไม่มีผู้ใดต้องการถอนตัวเลยสินะ! ยอดเยี่ยม! เตรียมตัวให้พร้อม พวกเราจะไปกันแล้ว” เจ้าสำนักกล่าวชื่นชมออกมา พร้อมกับมือที่สะบัดออกมาอย่างรวดเร็ว

แว้งงงง!!!!!

ดาบบินสีทองลอยจากแขนเสื้อของเขาขึ้นไปบนอากาศอย่างรวดเร็ว และภายในชั่วพริบตา ขนาดของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นจนบดบังไปทั่วท้องฟ้า เดวิดแทบจะลืมหายใจเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ดาบบินระดับตำนานที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าเรือเหาะขนาดยักษ์อย่างนั้นหรือ แล้วถ้ามันโจมตี จะทรงพลังขนาดไหนกันแน่!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด