ตอนที่ 60 หน้าที่ของภรรยา
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอกลายมาเป็นบุคคลสำคัญของมหานครแห่งออซ ควรเริ่มตั้งแต่ที่สามีผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่ของเธอ ได้รับเหรียญตราปราชญ์ชั้นที่ ๑ จากผลงานต้นแบบวงแหวนเวทย์เคลื่อนที่ระยะไกลเมื่อสี่สิบปีก่อน
ชีวิตเป็นเช่นนี้ ผลสำเร็จจะปรากฎให้เห็นถ้าเราทุ่มเทมากพอ เธอไม่รู้ว่าหากวันนั้นสามีเธอท้อถอยและเธอไม่คอยให้กำลังใจเขา ปัจจุบันมหานครแห่งออซจะยังสามารถยืนอยู่ในมหาทวีปได้อย่างท้าทายเหมือนตอนนี้หรือเปล่า?
บางคนบอกว่า บทบาทของชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งที่เป็นไปตามกลไกของธรรมชาติ ถึงไม่มีบุคคลนั้นที่ทำเช่นนี้ ก็จะมีบุคคลนี้ที่ทำแทนได้ ในที่สุดธรรมชาติจะบีบคั้นพวกเขา ให้เข้าไปสู่ผลลัพธ์เดียวกัน
แต่นั่นจะใช้ได้กับสามีของเธอหรือเปล่า? เขาเป็นคนที่ลูน่าคิดว่าไม่อาจหาใครมาเทียบได้ทั้งในอดีตและในอนาคต การคิดเช่นนี้อาจดูเข้าข้างตัวเองไปสักหน่อย แต่เธอก็โกหกตนเองไม่ได้จริงๆ
คอร์นีเลียสมีเพียงคนเดียวในโลกแน่นอน
ดังนั้นเธอก็ต้องเป็นภรรยาที่พร้อมจะสนับสนุนความฝันของสามี เธอต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขาสามารถทำในสิ่งที่เขารักได้ตลอดไป
หน้าที่การเก็บกวาดปัญหาอันท้าทายสารพัดจึงเป็นสิ่งที่หล่อนพึงกระทำ มือของเธอเปื้อนเลือดได้แต่ไม่ใช่กับคอร์นีเลียส
ไม่ว่าวันนี้ผลจะออกมาเช่นไรเธอจะน้อมรับมัน
ศึกนี้เป็นครั้งแรกที่ออซจะเผชิญหน้ากับระดับตำนานตัวจริง หากพวกเขาชนะ ประวัติศาสตร์จะเชิดชูเธอไปอีกหลายร้อยปีหรืออาจนานกว่านั้น แต่ถ้าพ่ายแพ้ สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือความอัปยศชั่วนิรันดร์
คนบาปแห่งออซจะต่อท้ายชื่อของเธอไปอีกนานแสนนาน
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เธอต้องสู้เพื่อเขา เพื่อคนที่เธอรักที่สุดในชีวิต
สำหรับหลานชายของเธอ โยฮันน์ มันเป็นแค่แรงส่งหนึ่ง ที่ทำให้เธอตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
สายตาของลูน่าจับจ้องไปที่อุกาบาตสีแดงเพลิงบนท้องฟ้า ความจริงแล้วในใจส่วนลึกที่สุด ความหวาดหวั่นและกลัวตายร่ำร้องขึ้นมาไม่หยุด มีใครบ้างที่อยู่ในระดับสูง แล้วจะกล้าท้าสู้กับระดับตำนานอย่างที่เธอทำ หากไม่มีเรือเหาะพวกนั้น นี่จะเป็นภารกิจฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน
อุกาบาตพุ่งตกลงมายังใจกลางของค่ายทหารรัสเซลมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวินาทีที่ผ่านไป คือความวิตกกังวลเกินกว่าครั้งใดในชีวิต จนเมื่อมันอยู่ห่างจากม่านพลังไปไม่กี่ร้อยเมตร โดมแก้วสีฟ้าก็เลือนหายไปอย่างสิ้นเชิง
เธอรอเวลานี้อยู่ การฝืนต้านทานอุกาบาตคือความคิดที่โง่เขลา พลังของหินเวทมนตร์จะถูกเตรียมเอาไว้เพื่อปล่อยพลังโจมตีของปืนใหญ่ระดับตำนานเท่านั้น
ฉับพรันเมื่อความคิดของหล่อนบังเกิด ลำแสงสีฟ้าเข้มก็ถูกยิงออกมาจากเรือเหาะเกือบยี่สิบลำพร้อมกัน พลังของมันคือการโจมตีระดับตำนานขั้นแรกยี่สิบคน
หินอุกาบาตชะงักค้างทันทีเมื่อลำแสงหลายเส้นเข้ามาปะทะกับมัน คลื่นพลังของการทำลายล้างระเบิดออกมาเหนือค่ายทหารของรัสเซล แรงลมและพลังงานความร้อนหนาแน่นกระจายออกจากศูนย์กลางการปะทะไปทุกทิศทางหลายกิโลเมตร
ที่ทำการของผู้บัญชาการของรัสเซลมีร่างหลายร่างกระโจนออกมาด้วยสภาพที่น่าสังเวช พวกเขาคือเหล่า ผ.บ.และราชฑูตจากเกลิออน มิวอล์สต็อกและไฮเฟลที่ถูกควบคุมตัวก่อนหน้านี้
ม่านพลังจากเรือเหาะที่ถูกกางเอาไว้เพื่อขังพวกเขา หายไปในตอนลำแสงปืนใหญ่ถูกยิง พลังงานของเรือเหาะจำเป็นต้องใช้เพื่อการโจมตีเท่านั้น
อวาซิลหลบเศษซากต่างๆจากการทำลายล้างที่ถูกพัดออกไปเบื้องหน้า ขณะที่สายตาก็เหลือบมองไปยังจุดปะทะเพื่อดูผลลัพธ์ แต่ในใจลึกๆแล้วพวกเขารู้ดีว่า อุกาบาตไม่อาจทนทานอยู่ได้ คาถานี้ต่อให้เป็นขั้นกลางของระดับตำนานก็ไม่อาจสกัดกั้นการโจมตียี่สิบคนของขั้นแรกในระดับตำนานได้ ความแตกต่างไม่ได้มากมายเพียงนั้นหากนับจากคาถาต่อคาถา
แต่ระดับกลางตัวจริงไม่มีทางร่ายถาคาบทเดียวแล้วนั่งรอความตายอย่างแน่นอน เขาต้องมีหลายสิ่งให้พึ่งพามากกว่าคาถาหนึ่งบท สุดท้ายแล้วในประวัติศาสตร์ อวาซิลไม่เคยได้ยินว่าจำนวนของขั้นแรกในระดับตำนานที่มากพอ จะสามารถล้มระดับตำนานขั้นที่เหนือขึ้นไปได้
อย่างที่อวาซิลและทุกคนคาดเดา เมื่อควันและฝุ่นที่บดบังพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้คลี่คลายลง เศษชิ้นส่วนของอุกาบาตก็ปรากฎให้เห็น มันถูกปืนลำแสงหล่อหลอมและสกัดจนกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยที่ไม่อาจสร้างความกดดันใดๆได้อีก
คาถาของระดับตำนานบทนี้ พ่ายแพ้ต่อเรือเหาะสังหารเทพอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม อารมณ์ดีใจหรือปราบปลื้มไม่ปรากฎอยู่ในใบหน้าของมาดามลูน่า เธอเฝ้าคอยสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ต่างหาก
ตอนนั้นเองในทิศทางที่หล่อนคาดคิดเอาไว้ จิตสัมผัสอันเฉียบแหลมของครึ่งก้าวระดับตำนานก็ร้องเตือนขึ้นทันที เหนือท้องฟ้าบริเวนประตูเมืองทิศใต้ มีรถม้าที่ลอยอยู่กลางอากาศพุ่งด้วยความเร็วมหาศาลออกไปจากเมืองชั้นใน ลูน่ารู้ทันทีว่าศัตรูของหล่อนปรากฎตัวขึ้นแล้ว
ร่างของหญิงชราในชุดคลุมสีขาวสะอาดทะยานขึ้นจากพื้นดินใต้กำแพงเมืองพร้อมกับผู้ทรงพลังระดับสูงนับสิบคน ตรงไปยังรถม้าคันนั้น เขตแดนพลังธาตุมากมายเท่าจำนวนร่างในท้องฟ้า ปรากฎขึ้นพร้อมกันเพื่อสกัดกั้นรถม้าเพียงคันเดียว
มาดามลูน่าพาเหล่าขุนพลมารอต้อนรับผู้หลบหนีอยู่ที่กำแพงเมืองด้านทิศใต้ก่อนแล้ว
ทันทีที่พลังงานเขตแดนอันท่วมท้นครอบงำเข้ามา รถม้าระดับตำนานก็สั่นโครงเครง หญิงชราชุดดำที่บังคับรถม้าอยู่ด้านหน้ามีสีหน้าหนักใจ ที่นั่งข้างหล่อนไม่มีร่างของออสบอร์นอยู่อย่างที่ควรจะเป็น
พ่อมดเฒ่าไปไหน?
มาดามลูน่ากับพวกนายพลระดับสูงทั้งหมด เมื่อเห็นว่ารถม้าถูกบังคัลให้ช้าลงจึงรีบสร้างดาบพลังงานธาตุออกไปทันที อำนาจกดขี่มหาศาลเริ่มก่อร่างขึ้นมารอบหญิงชราชุดดำ โดยเฉพาะจุดที่หญิงชราชุดขาวยืนอยู่ กรีมัวร์สัมผัสได้ถึงพลังธาตุอันน่าเกรงขามไม่แพ้กับพลังเวทย์ของมอร์เทรียส ประธานมุขมนตรีแห่งวอร์ล็อคเลย
ครึ่งก้าวระดับตำนาน!
ใจของกรีมัวร์กระตุกวูบ หล่อนได้แต่ภาวนาให้ออสบอร์นมาจัดการคนพวกนี้ทันเวลา
อ๊า!!!!!
ก่อนที่ดาบพลังงานธาตุเล่มใดจะถูกปล่อยออกไป เสียงกรีดร้องอันโหยหวนของภูตผีก็ดังขึ้น พร้อมกันนั้นร่างสีเขียวโปร่งแสงที่แอบอยู่ท้ายรถม้า ก็ขยายใหญ่ขึ้นจนสูงหลายร้อยเมตรในพริบตา ฝ่ามือยักษ์สีเขียวใสตะปบลงมาใส่กลุ่มของลูน่าอย่างรุนแรง
คลื่นพลังแห่งความตายอบอวนไปทั่ว จนกลบกลิ่นอายธาตุไฟร้อนระอุที่อุกาบาตพามาก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
"ร่างวิญญาณชั่วร้ายระดับตำนาน! กระจายออกไป!"
ลูน่าเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์นี้แล้ว นางมองไปยังทิศทางที่เรือเหาะลำหนึ่งลอยอยู่ มันเป็นลำเดียวที่ยังไม่ได้ปล่อยลำแสงสังหารออกไป มันรอโอกาสนี้เพื่อจะเป็นนัดปลิดชีพอย่างแท้จริง
ลำแสงสีน้ำเงินเข้มถูกยิงออกมาจากเรือเหาะ เป้าหมายของมันคือร่างวิญญาณสีเขียวมหึมาเบื้องหน้า
คาเดนที่ดูดกลืนพลังชีวิตของเมนเดรกมาจนพอใจ รีบหันหน้าไปทางลำแสงสีน้ำเงินเข้มทันที มันอ้าปากจนกว้างหลายเมตรและพ่นควันสีเขียวเข้มอันชั่วร้ายออกมา
ควันสีเขียวบิดหมุนเป็นเกลียว ตรงไปปะทะกับลำแสงจากเรือเหาะอย่างไม่หวั่นเกรง ผ่านไปไม่ถึงวินาที ลำแสงสีน้ำเงินยิ่งมายิ่งมากแต่ควันสีเขียวกลับละเหยหายไปอย่างรวดเร็ว
การโจมตีจากเรือเหาะครั้งนี้ เป็นการทุ่มเทหินเวทมนตร์ลงไปเท่าที่ปืนใหญ่จะรับไหว มันควรเทียบได้กับขั้นแรกในระดับตำนานที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ชนิดที่อีกนิดเดียวก็ทะลุขีดจำกัดไปสู่ขั้นกลางได้
คาเดนอดโอดครวญในใจไม่ได้ มันเหลือเวลาอัญเชิญอีกไม่กี่นาทีเท่านั้น เดิมทีมันคิดว่าจะได้พักผ่อนแล้ว แต่มันกลับถูกเรียกออกมาในนาทีสุดท้าย
มาดามลูน่าคาดหวังว่า เรือเหาะอีกสิบเก้าลำที่เหลือจะกลับมาพร้อมใช้ปืนใหญ่ได้ในอีกไม่นาน นางต้องถ่วงเวลาให้ได้เพียงสามนาทีเท่านั้น
หญิงชราชุดขาวรีบก้าวไปเบื้องหน้า ตรงจุดเดิมที่ถูกฝ่ามือของร่างวิญญาณตบลงมาและเรียกดาบพลังงานอีกครั้ง เขตแดนพลังธาตุยังคงอยู่ มันทำหน้าที่สกัดกั้นรถม้าเอาไว้ได้เกือบทั้งหมด
กรีมัวร์พยายามบังคับรถม้าให้ฝ่าเขตแดนธาตุที่ซ้อนทับกันหลายชั้นออกไป แต่นั่นต้องใช้เวลาพอสมควร หวกว่าเธอเป็นระดับตำนานแล้วละก็ การใช้พลังเต็มที่ของรถม้าคันนี้ออกมาได้ เขตแดนเหล่านี้จะไม่นับเป็นอันใดเลย
น่าเสียดายที่หล่อนเป็นแค่ระดับสูงขั้นบนสุดเท่านั้น
"ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ในนั้นพ่อมด เจ้าสังหารหลานชายข้า เจ้าไม่อาจไม่ชดใช้!"
ลูน่าตะโกนไปที่รถม้าลอยฟ้า พร้อมกันนั้นดาบพลังงานธาตุที่สุกสว่างด้วยสายฟ้าสีเงินมากมายหลายเส้นก็ลอยออกไปที่เบื้องหน้า ในมือของลูน่ายังคงมีดวงตามนุษย์สีแดงสดดวงหนึ่งที่ปล่อยพลังอำนาจของระดับสูงออกมาอยู่ตลอดเวลา ทันทีที่ดวงตาจ้องมองไปที่รถม้า ท่านผู้หญิงกรีมัวร์ก็ค่อยๆแสดงท่าทางง่วงงุนออกมา
มันคือวัตถุเวทมนตร์ระดับสูง ดวงตาแห่งฝันร้าย!
ดาบพลังงานเล่มใหญ่หลายสิบเมตรพุ่งไปในอากาศด้วยความเร็วดุจฟ้าผ่าในยามวัสสานฤดูพร่างพราย หญิงชราชุดดำไม่มีทีท่าว่าจะหลบได้ทัน เพราะนางเข้าสู่ห่วงฝันจนไม่อาจรับรู้ถึงสิ่งใด
กรีมัวร์และคนในรถม้าทั้งหมด ตกอยู่ในอันตราย!
กรรร!!!!
เสียงคำรามของมังกรดังขึ้นจากทิศทางของคฤหาสน์กลางเมืองชั้นในของวอร์บัส ปีกมหึมาเท่าอาคารทั้งหลังสยายออกไปข้างลำตัว ก่อนจะพัดกระพือทะยานสู่ท้องฟ้า บนหลังของมันมีร่างชราของออสบอร์นนั่งบัญชาการอยู่
ในปากที่มีฟันขาวแหลมคมเรียงอยู่นับไม่ถ้วน มีลำแสงสีใสสว่างดุจดวงตะวันก่อตัวอยู่ในั้น ก่อนที่ลูน่าจะเข้าใจถึงสถานการณ์แปลกประหลาดตรงหน้า ลำแสงสีใสในปากของมังขาวตัวนั้นก็พุ่งตรงมาที่นางแล้ว
มันคือเปลวเพลิงไร้สี คาถาระดับตำนานของเอสคาร์ลอส
ไม่ถึงวินาทีลำแสงขนาดใหญ่ก็พุ่งทำลายดาบพลังงานของลูน่า พร้อมกับโจมตีใส่นางจนลอยหายไป
ลำแสงยังคงไม่หยุดแค่นั้น มังกรขาวเอสคาร์ลอสโผบินขึ้นไปบนอากาศที่สูงขึ้น ก่อนจะพ่นเปลวเพลิงไร้สีออกมาอีกครั้ง ในครั้งนี้เป้าหมายของมันคือเรือเหาะที่กำลังเติมเชื้อเพลิงอยู่นับสิบลำ
ม่านพลังงานถูกสร้างขึ้นอย่างฉุกละหุก มันพยายามต้านทานเปลวเพลิงขาวสะอาดจากมังกรอย่างเต็มกำลัง
แต่หินเวทมนตร์ส่วนใหญ่ถูกนำมาใส่ลงในเรือเหาะลำสุดท้ายที่โจมตีคาเดนอยู่ เรือเหาะลำอื่นที่ใช้พลังงานไปกับอุกาบาตจนเกือบหมดจึงไม่อาจต้านทานเปลวเพลิงเผด็จการนี้ได้
เอสคาร์ลอสคือมังกรระดับตำนานขั้นแรกที่ใกล้จะเข้าสู่ขั้นกลางได้แล้ว มันแข็งแกร่งกว่าบลังโกไซราแกรนด์ด้วยซ้ำ
เรือเหาะนับสิบลำเผาไหม้อย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องทุรนทุรายของลูกเรือในนั้นดังออกมาอย่างสยดสยอง
ออซพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์...