1239 - ละเวงเลือดลานประมูล
1239 - ละเวงเลือดลานประมูล
ยี่สิบปีผ่านไป และรูปลักษณ์ของหลี่ฉางชิงก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก นอกจากใบหน้าที่ซีดลงเล็กน้อยทุกอย่างของเขาค่อนข้างเหมือนเดิม
“เย่ฟ่าน...ไม่ว่าเจ้าจะวางแผนไว้อย่างไร ไม่ว่าเจ้าจะคิดว่าเจ้าฉลาดและทรงพลังแค่ไหน มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ นั่นคือเจ้าต้องตาย ไม่มีใครช่วยเจ้าได้!”
หลี่ฉางชิงอดทนกับความแค้นมาตลอดยี่สิบปี เดิมทีเขาต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่น และแสดงตัวตนที่แท้จริงของเขาเพื่อให้เย่ฟ่านเกิดความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้มันกลับทำลายความคาดหวังของเขาโดยสิ้นเชิง
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่มีการพัฒนาอะไรเลย เจ้าไม่รับฟังความเห็นของผู้อื่น เพียงเชื่อมั่นความคิดปัญญาอ่อนของตัวเอง ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าทั้งสามคนเป็นคนวางแผนนี้ขึ้นมา แล้วข้าจะไม่วางแผนตอบโต้ได้อย่างไร?”
เย่ฟ่านหัวเราะเยาะและทำให้หลี่ฉางชิงเกิดความโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด
ทันใดนั้นหลี่ฉางชิงก็ส่งเสียงคำรามดังก้อง พร้อมกับฝ่ามือที่เปื้อนเลือดข้างหนึ่งได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ในขณะนั้นมีเสียงปีศาจโหยหวนสั่นสะเทือนจิตใจของผู้คนอย่างรุนแรง
“ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็ได้เตรียมค่ายกลสังหารไว้เช่นกัน!” ต้วนเต๋อกล่าว
หม้ออสูรกลืนสวรรค์ปรากฏขึ้นบนหัวของเขา บนตัวหม้อมีสัญลักษณ์ดาวเก้าดวงที่เต็มไปด้วยความลึกลับ นี่คือแกนกลางของค่ายกลจักรพรรดิที่เย่ฟ่านเตรียมไว้เพื่อสังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่
มันจำเป็นต้องใช้พลังของอาวุธเต๋าสุดขั้วจึงจะมีพลังทำลายล้างเพียงพอที่จะบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างได้
อสูรกลืนสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า แม้ว่าจะไม่ได้ฟื้นคืนชีพอย่างแท้จริง แต่รัศมีของมันก็ยังท่วมท้นและไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะต้านทานได้
แสงสีเลือดทั้งหมดถูกทำลายล้าง แม้กระทั่งฝ่ามือลึกลับที่ปรากฏขึ้นด้านหลังหลี่ฉางชิงก็ยังถูกทำลายล้างไปด้วย
“ฆ่า!”
เปลวไฟพวยพุ่งออกจากหม้ออสูรกลืนสวรรค์ที่เป็นแกนกลางและกวาดไปทั่วท้องฟ้า ผู้คนที่อยู่ในลานประมูลไม่มีทางหลีกเลี่ยงการโจมตีครั้งนี้ได้
“บังอาจ!”
สิ่งมีชีวิตโบราณมากมายส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธก่อนจะเริ่มพุ่งเข้าหาเย่ฟ่านและสหาย
ในเวลานี้ มหาอำนาจทั้งหมดต่างแสดงอาวุธศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วออกมา พลังที่แข็งแกร่งทุกชนิดพยายามต่อต้านความบ้าคลั่งของหม้ออสูรกลืนสวรรค์
“ค่ายกลต้องห้ามของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ ฆ่า!” เย่ฟ่านตะโกน
จากนั้นพื้นที่โดยรอบทั้งหมดก็ลุกโชติช่วงด้วยปราณมังกรอันแข็งแกร่งโดยมีลวดลายศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พวกมันก่อตัวเป็นเคียวขนาดใหญ่และกวาดเข้าหาผู้เข้าร่วมการประมูลอย่างดุร้าย
ปราณต้นกำเนิดกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง เปลวไฟที่โหมกระหน่ำนั้นปิดผนึกพื้นที่ทั้งหมดอย่างแน่นหนาและไม่อนุญาตให้ใครหลบหนีออกไปได้
เสียงกรีดร้องของผู้คนดังก้องสวรรค์พิภพ ไม่ว่าอาวุธที่พวกเขาติดตัวมาจะแข็งแกร่งมากเพียงใดมันก็ไม่มีทางต่อต้านการโจมตีของอาวุธเต๋าสุดขั้วได้
“ทำลายหม้อใบนั้น!”
ราชาผู้ยิ่งใหญ่ของหลายเผ่าพันธุ์พุ่งเข้าหาต้วนเต๋อและต้องการทำลายหม้ออสูรกลืนสวรรค์ของเขา
“ลำพังแค่พลังของพวกเจ้าจะต่อต้านอาวุธเต๋าสุดขั้วได้หรือ!”
เย่ฟ่านตะโกนเบาๆ จากนั้นเขาก็หยิบหยกชิ้นเล็กๆ ออกมา นี่คือค่ายกลสังหารที่จักรพรรดิดำสร้างขึ้น ในการต่อสู้ครั้งนี้พวกเขาเตรียมตัวมาอย่างดี ดังนั้นค่ายกลสังหารเย่ฟ่านพกพามาด้วยจึงมีจำนวนไม่น้อย
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของราชาผู้ยิ่งใหญ่หลายคนถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด ในขณะเดียวกันร่างกายของพวกเขาก็ไม่อาจต่อต้านพลังการโจมตีของค่ายกลจักรพรรดิอู่ซือได้ และพวกเขาก็ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นหมอกเลือดอย่างง่ายดาย
พลังที่ล้นหลามโหมกระหน่ำไปทั่วท้องฟ้ากลายเป็นมังกรขนาดใหญ่ ในชั่วพริบตา ผู้คนหลายพันคนก็ถูกละเลงเลือดโดยไม่มีโอกาสต้านทานได้
“อัญเชิญดาบเพลิงศักดิ์สิทธิ์”
ราชาผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์วิหคคนหนึ่งคำรามเสียงดังก้อง จากนั้นดาบขนาดใหญ่ที่มีสีแดงฉานได้ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า กลิ่นอายของมันน่าสะพรึงกลัวและเต็มไปด้วยความชั่วร้ายอย่างยิ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คืออาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วอย่างแน่นอน
เมื่อราชาผู้ยิ่งใหญ่หลายคนเห็นดาบปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าพวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะสังเวยพลังของอาวุธในมือของตัวเองเพื่อส่งเสริมอำนาจของอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
“อาวุธของเจ้าน่าสะพรึงกลัวจริงๆ อย่างไรก็ตามระดับของมันยังห่างไกลจากหม้ออสูรกลืนสวรรค์ของข้า?” ต้วนเต๋อเยาะเย้ย
สิ้นเสียงอักขระเต๋าโบราณหลายพันตัวถูกปลดปล่อยออกมาจากหม้ออสูรกลืนสวรรค์ พวกมันก่อตัวเป็นพายุขนาดใหญ่ที่กวาดเข้าหากลุ่มยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์โบราณ
หม้ออสูรกลืนสวรรค์ปลดปล่อยพลังออกไปอย่างบ้าคลั่ง แสงสีดำที่ครอบงำเข้าหาดาบโลหิตทำให้อาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วที่ถูกเรียกออกมาไม่มีโอกาสดิ้นรนแม้แต่น้อย
“พี่ต้วน ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักขนาดนั้น ข้าได้เตรียมค่ายกลสังหารของจักรพรรดิอู่ซือสามชิ้นไว้แล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะเตรียมอะไรมาก็ไม่มีประโยชน์” เย่ฟ่านกล่าว
จากนั้นเขาก็โยนชิ้นส่วนหยกขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับปลดปล่อยแสงสีทองให้สว่างไสวไปทั่วบริเวณ
ค่ายกลที่ไม่มีใครเทียบได้ซ้อนทับกันกลายเป็นม่านพลังขนาดใหญ่ ในเวลาต่อมาม่านพลังเหล่านั้นก็ปลดปล่อยใบมีดแห่งแสงฟาดฟันเข้าหากลุ่มคนที่อยู่ในค่ายกล
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์โบราณ รวมทั้งนักฆ่าจากวังพิภพและอเวจี ไม่มีผู้ใดหลบหนีจากการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวนี้ได้
มีเพียงเสียงกรีดร้องเท่านั้นที่ดังก้องอย่างต่อเนื่อง ในตอนแรกผู้คนไม่น้อยยังพยายามโจมตีกลุ่มของเย่ฟ่านอยู่บ้าง แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องพบกับพลังของหม้ออสูรกลืนสวรรค์ที่อยู่ในแกนกลางค่ายกลแทน
หลี่ฉางชิงก็ไม่มีโอกาสรอดชีวิตเช่นกัน ปราณดาบที่แข็งแกร่ง ฉีกร่างของเขาออกเป็นสองส่วน เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและชี้หน้าของเย่ฟ่านด้วยมือที่สั่นสะท้าน
“ปีศาจตัวนั้นอยู่ที่ไหน?”
“ข้าจะรอเจ้าที่เทือกเขาเทียนต้วน เจ้าไม่มีทางรอดชีวิตไปได้”
หลี่ฉางชิงกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเหี่ยวเฉาลงอย่างรวดเร็ว
“ฆ่า”
ต้วนเต๋อตะโกนและปลดปล่อยพลังจากหม้ออสูรกลืนสวรรค์ให้กวาดไปทั่วสนามรบ เขาต้องการจบการต่อสู้ครั้งนี้ให้เร็วที่สุด เพราะยังมีการต่อสู้ครั้งใหญ่รออยู่ในภูเขาเทียนต้วนด้านนอก
“ไม่…”
มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นค่ายกลจักรพรรดิปราศจากจุดเริ่มต้นก็สังหารผู้คนทั้งหมดอย่างไร้ความปรานี
ลานประมูลขนาดใหญ่ถูกย้อมเป็นสีเลือดพร้อมกับกลิ่นคาวที่คละคลุ้งไปทั่วอากาศ หมอกโลหิตพลุ่งพล่านอยู่ในความว่างเปล่า เลือดเนื้อของผู้คนกระจัดกระจายอยู่ในทุกทิศทาง
ท่ามกลางซากศพมากมายเหล่านั้นเย่ฟ่านหยิบดาบเพลิงที่เปื้อนไปด้วยโลหิตขึ้นมาจากพื้นด้วยความกระตือรือร้น เจ้าอ้วนต้วนก็ได้รับเจดีย์โบราณเก่าคร่ำคร่าชิ้นหนึ่งเช่นกัน และพัดขนนกที่ถูกทิ้งไว้บนพื้นก็กลายเป็นสมบัติของวานรศักดิ์สิทธิ์
ในขณะนี้อาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วทั้งสามชิ้นได้เปลี่ยนมือเป็นที่เรียบร้อย
…
อาคารอันงดงามในเมืองยังคงมีสภาพเป็นปกติ ความวุ่นวายที่เกิดจากการต่อสู้ภายในดินแดนปิดผนึกนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อโลกภายนอก
เทือกเขาเทียนต้วนคือดินแดนอันกว้างใหญ่ที่มียอดเขานับพันลูก เมื่อรวมอาณาเขตของยอดเขาแต่ละแห่งเข้าด้วยกันมันมีรัศมีกว้างไกลกว่าหนึ่งแสนลี้จึงยากที่จะค้นพบสถานที่ชุมนุมของศัตรู
ภูเขาแต่ละรูปมีความยิ่งใหญ่ ตั้งตระหง่าน และทรงพลัง นี่คือเทือกเขาเทียนต้วนที่มีชื่อเสียง ว่ากันว่านี่คือบันไดสู่สรวงสวรรค์ที่ถูกตัดขาด
“ในตอนที่ข้าเกิดขึ้นมา ภูเขาที่อยู่ตรงกลางนั้นมีความสูงที่แทบจะทะลุทะลวงออกไปด้านนอกของโลกเลยด้วยซ้ำ” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าว
เขาคือสิ่งมีชีวิตจากยุคโบราณที่นอนหลับอยู่ในต้นกำเนิดสวรรค์มานานนับล้านปี แน่นอนว่าสภาพแวดล้อมในยุคนั้นย่อมมีความแตกต่างจากโลกปัจจุบันค่อนข้างมาก
“ว่ากันว่าที่นี่ก็เคยเป็นสถานที่ประทับของจักรพรรดิโบราณบางคน น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้ว่ายอดเขากลางนั้นถูกทำลายลงจากจักรพรรดิคนใดกันแน่” เย่ฟ่านกล่าว
มีเพียงจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นจึงจะสามารถตัดยอดเขาที่มีรัศมีความใหญ่โตมากกว่าหนึ่งพันลี้ได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
เพียงมองดูสภาพของยอดเขาที่ถูกทำลายนั้นก็ทำให้พวกเขาตกตะลึงต่อความแข็งแกร่งของสิ่งมีชีวิตระดับจักรพรรดิโบราณได้แล้ว นี่คือพลังที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน
……..