ตอนที่ 7: ครอบครัว สุซาคุ(1)
ในช่วงห้าวันของการพักฟื้นที่อยู่ในการดูเเลของเฉินซิ่ว เฉินหยานเซียวนอกจากการกินและนอนเเล้ว เธอยังอยู่ในขั้นตอนของการ "ฝึกฝน"
ในห้องปิดเฉินหยานเซียวสวมเสื้อคลุมตัวเดียว นั่งคุกเข่าอยู่บนเตียงร่างกายของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าของเธอแดงก่ำปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อคริสตัล
“ภายในห้าวัน จิตวิญญาณการต่อสู้ได้มาถึงระดับที่สี่ และพลังเวทย์ก็มาถึงระดับที่สาม เทียบเท่ากับมนุษย์อาจจะไม่ต้องกังวล เเต่มันแทบจะไม่ดีเลยสำหรับข้า” เสียงของปีศาจยังคงเย็นชา เเต่ !
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเฉินเจียอี้ฝึกฝนพลังเวทย์มาตั้งแต่เด็กและเธอยังอยู่ในระดับที่ 5 เท่านั้น จิตวิญญาณการต่อสู้ของเฉินเจียอี้ก็อยู่เเค่เพียงระดับที่ 4 เท่านั้นซึ่งทำให้ เฉินเฟิงค่อนข้างพอใจเเต่ เฉินหยานเซียวใช้เวลาเพียงห้าวันในการเปลี่ยนจากจากคนที่ไร้ซึ่งความสามารถไปสู่ระดับปัจจุบัน ความเร็วอันน่าทึ่งนี้อาจทำให้คนกลุ่มหนึ่งหวาดกลัวได้..
เจ้าสามารถเชี่ยวชาญพลังเวทย์และศิลปะการต่อสู้ได้ภายในห้าวัน และยังไปถึงระดับที่สี่ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ท้าทายสวรรค์จริงๆ!
คนธรรมดาไม่ต้องพูดว่าห้าวัน แม้ว่าพวกเขาต้องการฝึกหนึ่งในนั้นให้ถึงระดับเฉินหยานเซียวอาจต้องใช้เวลาถึงห้าปี ฉันเกรงว่าฉันจะถูกเรียกว่า อัจฉริยะ ไม่ต้องพูดถึงวิธีการฝึกฝนที่มีมนต์ขลังและการต่อสู้ที่ท้าทายสวรรค์ .
อย่างไรก็ตาม ความเร็วที่น่าอัศจรรย์นี้แทบจะเป็นที่ยอมรับไม่ได้เมื่อนึกถึงคำพูดของ ปีศาจ
เฉินหยานเซียวไม่ค่อยมีความรู้มากนักเกี่ยวกับระดับของพลังเวทย์และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในโลกนี้ ดังนั้นจากน้ำเสียงที่ไม่พอใจของปีศาจ เธอจึงถือว่าความเร็วของการฝึกฝนของเธอเป็นเพียงระดับปานกลางเท่านั้น ซึ่งเธอก็ไม่แปลกใจมากนัก
“วันนี้พอแค่นี้ พรุ่งนี้ข้ายังมีการต่อสู้อันหนักหน่วงรออยู่” หลังจากผ่อนลมหายใจออก เฉินเอี้ยนเซียวก็กางตัวออกบนเตียง ผลจากการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงส่งผลให้ร่างกายและจิตใจมีความเเข็งเเกร่ง เเต่มันก็เกินขีดความสามารถของเธอมาก ถ้าเธอต้องการจะพูด เธอจะบอกว่าแม้แต่การขยับนิ้วตอนนี้ยังยากสำหรับเธอ
พรุ่งนี้เธอจะไปพบกับเฉินเฟิงหัวหน้าตระกูลสุซาคุ และเธอกลัวว่าเฉินเฟิงจะไม่ปล่อยเธอออกไปง่ายๆ จากการบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ต้องห้าม ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เป็นเพียงคนงี่เง่าที่ยังต้องอาศัยความเมตตาของตระกูลสุซาคุ เพื่อเอาชีวิตรอด เเละไม่มีเหตุผลที่เฉินเฟิงจะปฏิบัติต่อเธออย่างเบามือเลย
ในขณะนี้เฉินหยานเซียวไม่ได้ตั้งใจที่จะเปิดเผยการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของเธอ ด้วยสถานการณ์และความสามารถในปัจจุบันของเธอ มันคงเป็นทางเลือกที่ไม่ฉลาดมากนัก ที่จะเปิดเผยข้อมูลเพื่อต่อรอง แม้ว่าเฉินเฟิงจะประทับใจเธอก็ตาม เเต่คนในตระกูลของเขาเองคงไม่มีความสุขที่ได้เห็นคู่แข่งปรากฏตัวในตระกูลสุซาคุรุ่นที่สามจะมีใครบ้างที่ไม่อยากเป็นที่โปรดปรานของเฉินเฟิง เพื่อมีอำนาจต่อรองในการเป็นผู้สืบทอดตระกูลสุซาคุในอนาคต ด้วยความที่เฉินหยานเซียวเป็นคนโง่เขลาเเละไม่มีความสามารถ จึงไม่มีใครในตระกูลรุ่นที่สามมายุ่งกับเธอ ยกเว้นสองพี่น้องเฉินเจียอี้ สถานการณ์ของเฉินหยานเซียว ตอนนี้จึงไม่มีอันตราย
แต่เมื่อเธอเปิดเผยสถานการณ์ของเธอและให้พวกเขารู้ว่าเธอมีความสามารถอันเหลือเชื่อในด้านพลังเวทย์และศิลปะการต่อสู้ คนเหล่านั้นก็จะต้องทำอะไรบางอย่างกับเธอ ยิ่งไปกว่านั้น พ่อแม่ของเฉินหยานเซียวก็เสียชีวิตแล้ว เเละเธอก็ไม่มีใครคอยสนับสนุนเธอ เมื่อตกเป็นเป้าหมายของผู้ที่เเย่งชิงอำนาจ เธอเกรงว่า พวกลุงๆที่คอยสนับสนุนลูกชายลูกสาวของตนเองเพื่อแข่งขันเเย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลจะดำเนินการด้วยเพื่อกำจัดคนที่มาใหม่ออกไป
แม้ว่า เฉินหยานเซียวจะไม่ค่อยรู้มากนักเกี่ยวกับระดับของพลังเวทย์และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ แต่เธอก็มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับด้านมืดของมนุษย์
(ท้ายบท)