1238 - หลี่ฉางชิง
1238 - หลี่ฉางชิง
จากนั้นไม่นานผู้ดูแลงานประมูลซึ่งเป็นสมาชิกของตระกูลหูซึ่งเป็นชายชราเส้นผมสีขาวโพลนคนหนึ่งได้ออกมาต้อนรับกลุ่มของเย่ฟ่าน
เขาแสดงเจตจำนงค์อย่างตรงไปตรงมาว่ามีผู้คนว่าจ้างให้ทำสิ่งนี้ อีกฝ่ายกล่าวว่ามันจะมีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องใช้โลกใบเล็กเพื่อทำเป็นสนามรบ
แน่นอนว่าเจตนาที่ผู้ดูแลงานประมูลของตระกูลหูกล่าวออกมานั้น เป็นเพราะกลุ่มของเย่ฟ่านได้เดินเข้าสู่กับดักของพวกเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังสิ่งใดอีกต่อไป
มีผู้คนนับหมื่นชุมนุมกันอยู่ในงานประมูล สายตาทุกคู่กำลังจับจ้องเย่ฟ่านด้วยความกระตือรือร้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างต้องการชมความสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้น
“เราผู้เฒ่าเพียงแค่ทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในการประมูลเท่านั้น” ชายชราคนเดิมกล่าว จากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปบนเวทีและประกาศว่า “ผู้ที่จ่ายราคาสูงสุดจะได้รับเทพธิดาคนนี้ไปครอง”
แม้ว่าเมืองแห่งนี้จะตั้งอยู่ในทะเลทราย แต่บรรยากาศภายในลานประมูลกลับหนาวเย็นลงอย่างมาก สายตาของผู้คนมากมายจับจ้องเย่ฟ่านอย่างโหดร้าย และพร้อมที่จะลงมือได้ตลอดเวลา
“นำหญิงสาวคนนั้นออกมา ข้าจะประมูลนางไปเป็นนางบำเรอ” ชายหนุ่มจากทะเลสาบหยวนหูกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จากนั้นค่อยแบ่งปันให้สหายของข้าได้ลิ้มลองหญิงสาวที่มาจากนอกอาณาเขตด้วยกัน”
คำพูดนี้มีเจตนาดูหมิ่นเย่ฟ่านอย่างชัดเจน เขารู้ดีอยู่แล้วว่าหลังจากสิ้นสุดงานประมูลครั้งนี้จะต้องเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น เผ่าพันธุ์ของเขาระดมยอดฝีมือมาที่นี่มากมายนับไม่ถ้วนดังนั้นเขาจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องกลัวเย่ฟ่าน
“ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะมีความมั่นใจถึงขนาดนี้ เพราะตามที่ข้ามองเห็นอย่างน้อยก็มีอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วถึงสามชิ้น!”
ต้วนเต๋อตกใจกลัวก่อนจะเตือนเย่ฟ่านและวานรศักดิ์สิทธิ์ด้วยเสียงแผ่วเบา
“เนื่องจากหญิงสาวคนนี้เป็นสหายของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่นางจะเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน มันคงดีไม่น้อยหากได้ร่างศักดิ์สิทธิ์แบบนี้มาอุ่นที่นอน?” ชายหนุ่มคนเดิมจากทะเลสาบหยวนหูกล่าวด้วยดวงตาคาดหวัง
“เย่ฟ่าน ข้าคิดถึงเจ้ามากมาหลายปีแล้ว ในที่สุดเราก็ได้พบกันอีกครั้ง ข้าอยากเห็นสีหน้าของเจ้าตอนที่รู้ว่าข้าเป็นใครจริงๆ!”
ชายแปลกหน้าในชุดเกราะสีดำสนิทที่ปิดบังร่างกายทั้งหมดคนหนึ่งกล่าวอย่างเย็นชา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้ายราวกับกลั่นกรองมาจากนรก
“นั่นคือเขา กลิ่นอายชั่วร้ายแบบนี้มีเพียงผู้ที่คลุกคลีอยู่กับปีศาจตนนั้นถึงจะมีได้” ต้วนเต๋อเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องหลุมฝังศพ ดังนั้นประสาทของเขาจึงมีความไวต่อกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายทั้งปวง
“คงเป็นเพื่อนเก่าที่เดินทางมายังโลกนี้ร่วมกันกับข้า” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง
คนอื่นๆ สงบมาก และสีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเฉยเมย ในขณะนี้มหาอำนาจทุกแห่งที่เข้าร่วมการประมูลต่างเตรียมอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองออกมา
ตามสายตาที่เย่ฟ่านมองเห็นดูเหมือนจะมีมหาอำนาจมากกว่าสิบแห่งที่เข้าร่วมการประมูลครั้งนี้!
บนแท่นสูง ชายชราคนเดิมเริ่มการประมูลด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง ในตอนนี้ยังไม่ถึงคราวที่จะนำตัวหลินเจี๋ยออกมาประมูล ดังนั้นเขาจึงนำเสนอสินค้าชุดแรกๆ ด้วยรอยยิ้มสดใส
“เลิกไร้สาระได้แล้วไม่มีใครสนใจขยะพวกนี้ ข้าขอเสนอต้นกำเนิดสองล้านจินเพื่อแลกกับหญิงสาวคนนั้น!”
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งยืนขึ้น รัศมีพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาเต็มไปด้วยความเฉียบคม ไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่านี่จะต้องเป็นทายาทของวังพิภพหรือไม่ก็วังอเวจีอย่างแน่นอน
“ข้าก็ต้องการนางมาเป็นสาวใช้ส่วนตัว พวกเจ้าเสนอราคามาได้เลย!”
ชายหนุ่มจากทะเลสาบหยวนหูกล่าว จากนั้นชายชราสองคนที่อยู่เบื้องหลังของเขาก็ระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์ในระดับเซียนเทียมขั้นสามออกมา
ไม่นานหลังจากนั้น ทุกคนที่อยู่ในลานประมูลต่างก็นำอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองออกมาแสดงเพื่อเป็นการข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม ในความเป็นจริงอาวุธเหล่านี้ถูกนำออกมาเพื่อข่มขู่เย่ฟ่านเป็นการเฉพาะ
“ทุกคนสนุกกันพอแล้ว มาเริ่มฆ่าตะพาบในไหตัวนี้กันดีกว่า!”
ชายคนหนึ่งคำรามเสียงดังและทำให้ลานประมูลเงียบลงทันที
ในขณะนี้ เย่ฟ่านก้าวขึ้นไปบนเวทีด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่มีความผันผวนทางอารมณ์แม้แต่น้อย
คนที่สวมชุดเกราะสีดำทั้งตัวตื่นเต้นที่สุด เขาส่งเสียงกรีดร้องราวกับนกฮูกกลางคืนและกล่าวว่า
“เย่ฟ่านเจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร ข้ารอโอกาสนี้มานานหลายปีแล้ว ข้าอยากเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังของเจ้าเหลือเกิน!”
เย่ฟ่านมองอีกฝ่ายอย่างเฉยชาและกล่าวอย่างใจเย็น “น่าเสียดายที่เจ้าต้องผิดหวังแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างไรเจ้ายังคงเป็นเศษสวะเหมือนเช่นเมื่อยี่สิบปีก่อนไม่เปลี่ยนแปลง!”
“เจ้า...”
ชายคนนั้นหอบหายใจอย่างรุนแรงเห็นได้ชัดว่าเขาโกรธเกรี้ยวมากเพียงใด “ถ้าเจ้ารู้ว่าข้าเป็นใครเจ้าจะต้องเสียใจ!”
“สหายเต๋าที่ทำการประมูลครั้งนี้ความจริงแล้วพวกเราไม่ได้ต้องการหญิงสาวคนนั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่าเราจะร่วมมือเพื่อสังหารร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณด้วยกัน”
ราชาผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของทะเลสาบหยวนหูลุกขึ้นยืนและตะโกนเสียงดังก้อง สายตาของเขากวาดไปรอบๆ ลานประมูลเพื่อค้นหาว่าใครเป็นคนวางแผนการนี้
“ไม่ว่าใครจะจัดงานประมูลก็ไม่สำคัญ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องขอบคุณพวกเจ้าที่นำสมบัติเหล่านี้มามอบให้ด้วยตนเอง”
เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าและชี้ไปที่สมบัติในมือของทุกคนรวมทั้งของที่ถูกนำออกมาประมูลแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าได้วางค่ายกลจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ไว้ที่นี่แล้ว พวกเจ้าทุกคนจะไม่มีใครรอดชีวิตไปได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ทุกคนก็ตกตะลึงโดยสมบูรณ์ พวกเขารู้สึกว่ารอยยิ้มของเย่ฟ่านโหดร้ายเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าพวกเขามาที่นี่ก็เพื่อจะฆ่าเย่ฟ่านเช่นกัน แต่จากท่าทีเขาอีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมการอันยิ่งใหญ่ไว้พร้อมแล้ว
แล้วใครจะเป็นเหยื่อในการชุมนุมครั้งนี้!
“ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยมีเวลามากนัก” เย่ฟ่านยืนอยู่บนแท่นสูง มองดูผู้คนด้านล่างอย่างสงบและกล่าวว่า
“ดังนั้นแทนที่จะรอให้พวกเจ้าแสดงตัวออกมาข้าจึงเลือกที่จะฆ่าพวกเจ้าทุกคนแทน เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าทุกคนก็มาที่นี่เพื่อฆ่าข้าเช่นกัน”
บูม!
ทันใดนั้นแสงสีทองได้สาดส่องขึ้นไปทั่วท้องฟ้า มันเป็นโดมขนาดใหญ่ที่กักขังทุกคนที่เข้าร่วมการประมูลไว้ในสถานที่อันจำกัด
เย่ฟ่านไม่เชื่อว่าหลินเจี๋ยจะถูกจับตัวไว้ตั้งแต่แรก ไม่ว่าหลินเจี๋ยจะมีตัวตนหรือไม่ก็ตาม คนที่วางแผนรวมทั้งผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมเพื่อประมูลตัวนางล้วนเป็นศัตรูของเขาทั้งสิ้น
ดังนั้นหากฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ย่อมไม่เป็นการฆ่าผิดตัวอย่างแน่นอน
เย่ฟ่านจ้องมองชายลึกลับที่ทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยชุดเกราะสีดำแล้วกล่าวว่า
“ข้ารอเจ้ามานานแล้ว!”
ในกระบวนการนี้เย่ฟ่านสังเกตเห็นปฏิกิริยาของชายคนนั้นและใช้ความรู้สึกทางจิตวิญญาณอันทรงพลังของเขาเพื่อตรวจจับความผันผวนทางอารมณ์ของอีกฝ่ายและค่อนข้างมั่นใจว่าหวังเจี๋ยจะต้องไม่ถูกจับตัวไว้
“เจ้า... รู้ว่าข้ากำลังมา?” ชายในชุดเกราะสีดำถอยหลังไปสองสามก้าว
“ที่นี่มีพวกเรามากมาย มีอะไรต้องกลัว? มีราชาผู้ยิ่งใหญ่นับร้อยคน ต่อให้ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ไม่มีทางรอดชีวิตได้?” ชายชราเผ่าพันธุ์โบราณคนหนึ่งกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“แน่นอนว่าไม่มีอะไรต้องกลัวอยู่แล้ว” ชายชุดเกราะสีดำฟื้นความสงบก่อนจะเดินไปข้างหน้า
“ผ่านมายี่สิบกว่าปี ข้ารอคอยการกลับมาพบกันของเรามาโดยตลอด เวลาที่เจ้าจะต้องสำนึกเสียใจมาถึงแล้ว!”
เขาเตรียมที่จะถอดหมวกเหล็กออกและเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง
เย่ฟ่านยิ้มอย่างเฉยเมยและกล่าวว่า “ข้าต้องสำนึกเสียใจด้วยหรือที่เคยฆ่าเจ้า? ข้าบอกไปแล้วว่าเจ้ายังคงเป็นเพียงไอ้สารเลวเมื่อยี่สิบปีก่อน”
“เจ้ารู้จริงๆ ว่าข้าเป็นใคร?” ชายคนนั้นร่างกายสั่นสะท้านและไม่กล้าถอดหมวกออก
“หลี่ฉางชิงแม้จะผ่านไปหลายสิบปีแล้วเจ้ายังคงทำได้เพียงเกาะขาหลิวอวิ๋นจื่อเท่านั้น มันจะมีสักวันหรือไม่ที่เจ้ากล้ายืนหยัดด้วยตัวเอง” เย่ฟ่านกล่าวเบาๆ
“ตั๊ง”
หลี่ชางชิงทุบหมวกลงไปบนพื้นและกรีดร้องอย่างโกรธเกรี้ยว ดวงตาของเขาแดงก่ำจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้
เขาคาดหวังเสมอว่าจะต้องเห็นดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงของเย่ฟ่าน อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านกลับมองเขาด้วยสายตาเฉยเมยราวกับมองมดปลวกตัวเล็กๆเท่านั้น
การแสดงที่เขาเตรียมตัวไว้อย่างดีกลับต้องจบลงอย่างจืดชืดแบบนี้
………………