ตอนที่ 234 แกะปีศาจ(อ่านฟรี)
ตอนที่ 234 แกะปีศาจ
ทั้งสองคนหันหลังชนกัน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับพวกแมงมุมม่านหมอกที่มาจากทุกด้าน แมงมุมม่านหมอกหลายสิบตัวเริ่มปรากฏในหมอกอย่างผลุบ ๆ โผล่ ๆ
มันเผยเขี้ยวเล็บข่มขู่ทั้งสอง ราวกับต้องการให้พวกเขาสับสนและหวาดกลัว จากนั้นก็ลงมือโจมตีลุคและคามิลไม่หยุดจากทุกทิศทาง
คามิลใช้ลูกเตะใส่ไม่หยุด ขณะที่ดาบในมือของลุคก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ทุกการโจมตีก่อนที่จะถึงตัวของมันก็เปลี่ยนเป็นร่างหมอกและหายไป พร้อมกับที่มีอีกตัวเข้ามาโจมตีแทน
ทุกอย่างดำเนินต่อไปอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งลุคเปลี่ยนวิธีการโจมตี
“ลองไฟดู”
ลุคเอาปลอกแขนอัคคีออกมาก่อนจะกำมือเปิดใช้งานปลอกแขน เปลวไฟสีแดงอันร้อนแรงถูกพ่นเข้าใส่แมงมุมม่านหมอกตัวหนึ่งที่โผล่หน้าเข้ามาหาลุคในระยะประชิด
แมงมุมม่านหมอกดูตื่นตกใจมาก มันรีบสลายตัวเป็นหมอกในทันที แต่ว่ายังไม่ทันที่ร่างหมอกของมันจะเคลื่อนตัวหนี ไฟก็พุ่งเข้ามาถึงแล้ว พอหมอกเหล่านั้นสัมผัสกับเปลวไฟก็มีเสียงกรีดร้องเสียงแหลมเล็กออกมา
เพลิงจากปลอกแขนอัคคีของลุคสามารถเผาได้แม้กระทั่งร่างหมอกที่พวกมันสลายไป แมงมุมม่านหมอกถูกบังคับให้คืนร่างกลับมาด้วยความเจ็บปวดทรมานจากการโจมตี สภาพของมันราวกับถูกเผาทั้งตัว ส่งกลิ่นไหม้ออกมาอย่างชัดเจน
“ไม่ใช่ว่าร่างหมอกมันโจมตีไม่ได้ แค่การโจมตีปกติสร้างความเสียหายกับหมอกไม่ได้ก็เท่านั้น” ลุคเข้าใจในทันที
แมงมุมม่านหมอกที่บาดเจ็บพยายามคลานหนี
“ย้า!” คามิลลงมือซ้ำด้วยการกระโดดขึ้นสูงก่อนจะม้วนตัวและฟาดขาลงเข้ากลางลำตัวของมัน
ปัง!
ตัวของแมงมุมม่านหมอกถูกอัดจนบี้คาเท้า แต่มันยังไม่ตาย แมงมุมม่านหมอกพยายามจะสลายเป็นหมอก แต่คราวนี้มันช้าลงมาก ต่างจากสภาพปกติของมันอย่างลิบลับ
คามิลเห็นว่ามันไม่ตายก็ระเบิดพลังพายุออกมาจากเท้าเกิดเป็นลมหมุนปั่นร่างของแมงมุมม่านหมอกที่สลายเป็นหมอกไม่หมดจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ส่วนร่างที่สลายเป็นหมอกไปแล้วก็คืนกลับเป็นร่างกายชิ้นส่วนต่าง ๆ และตกลงพื้น
แมงมุมม่านหมอกอีกหลายตัวที่เห็นต่างก็โกรธแค้นพวกมันพุ่งเข้าไปหาคามิลและโจมตีเธอเป็นหลัก
“หลบ!” ลุคตะโกนบอกก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาและยิงไฟเข้าใส่พวกแมงมุมม่านหมอก
คามิลหงายหลังทิ้งตัวลงไปแนบกับพื้น ขณะที่เปลวไฟพุ่งผ่านหน้าไป
“ซี่....................!!!”
หมอกพวกนั้นโดนไฟเผาทำให้พวกมันถูกบังคับคลื่นร่าง แต่พริบตาพวกมันก็กลายเป็นหมอกหายเข้า ๆ ไปในหมอกอีกครั้ง เพราะบาดเจ็บจากเปลวไฟไม่มาก
ลุคขยับแขนเพื่อบังคับทิศทางพ่นเปลวไฟไล่ตามไป แต่ว่าแมงมุมม่านหมอกในร่างหมอกนั้นผสานกับหมอกจริง ๆ จนแม้แต่ลุคก็แยกไม่ออก
“ต้องแยกพวกมันจากหมอก” ลุคหันไปพูดกับคามิลขณะที่พ่นไฟจากปลอกแขนอัคคีไปรอบ ๆ ด้วย เพื่อทำให้พวกมันไม่มีเวลามาตอบโต้กลับ
“ฉันมีวิธี” คามิลเหมือนจะคิดวิธีออก เธอขยับเท้าทั้งสองข้างด้วยความเร็วก่อนจะหมุนตัวเป็นพายุและเตะเข้าใส่หมอกรอบตัวอย่างต่อเนื่อง
ทุกลูกเตะเหมือนกับพัดขนาดใหญ่ที่สร้างลมกวาดม้วนพัดเอาหมอกจริงออกไปจากที่พวกเขาอยู่ ส่วนหมอกที่เป็นร่างของแมงมุมม่านหมอกกลับไม่พัดตามลมไป ทำให้ลุคเห็นตัวของพวกมันชัดเจน
“ตายซะ!” ลุคใช้ไฟเผาพวกมันตรง ๆ
แมงมุมม่านหมอกไม่มีที่หลบซ่อน ต่อให้มันจะคืนร่างจริงหรือเป็นร่างหมอกก็โดนไฟเผาอยู่ดี สุดท้ายแมงมุมม่านหมอกก็โดนไฟคลอกหลังจากร่างกลับคืนมา
จุดแข็งและความน่ากลัวของมอนสเตอร์พวกนี้คือการซ่อนตัวและหลบการโจมตีด้วยร่างหมอก แต่ถ้ามันใช้ความสามารถไม่ได้มันก็จะอ่อนแอยิ่งกว่ามอนสเตอร์ตามปกติมาก
พรึบ!
ไฟที่ปลอกแขนอัคคีถูกหยุดพ่นบนพื้นก็ปรากฏซากแมงมุมบางตัวที่โดนเผาจนตายกลายเป็นซากที่บิดงอจากการโดนเผา แต่ยังไม่ทันที่ควันจากร่างที่ไหม้เกรียมจะหายไป แมงมุมม่านหมอกก็สลายเป็นฝุ่นสีดำและถูกดูดซับเข้ามาในตัวของลุค
เสียงสะท้อนแห่งพลังดังขึ้นในหัวของลุคอย่างต่อเนื่อง
[คุณได้รับไอเทมเสื้อคลุมม่านหมอกระดับ B เกรดสีส้ม ผลพิเศษทำให้สลายตัวเองเป็นหมอก็ได้ชั่วคราว]
ขณะที่ลุคจดจ่อกับเสียงสะท้อนแห่งพลัง คามิลก็รีบเตือนเขา
“มันกำลังจะหนี”
“ใช้นี้อย่าฆ่ามัน แค่ทำให้มันบาดเจ็บ” ลุคเอาปลอกแขนอัคคีให้กับคามิลสองอัน
“อืม”
คามิลใส่ปลอกแขนทั้งสองข้างเข้าที่แขนของเธอ ก่อนที่เธอจะหมุนตัวเป็นพายุด้วยขาพร้อมกับพ่นไฟจากปลอกแขน
พอลมและไฟมาบรรจบกันพลังโจมตีที่น่ากลัวก็ปรากฏขึ้นมา ลมได้โหมกระหน่ำเปลวไฟให้รุนแรงมากขึ้นจนปกคลุมทุกสิ่ง เปลวไฟจำนวนมหาศาลกระจายออกไปเป็นวงกว้างทุกทิศทางเผาพวกแมงมุมม่านหมอกไปพร้อม ๆ กัน
“นี่มันทรงพลังมาก” ลุคเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
เขามองดูแมงมุมม่านหมอกที่บาดเจ็บสาหัสและบางส่วนที่อยู่ใกล้กับคามิลก็ตายไปแล้วก็มี คามิลเองก็ไม่คิดว่าพอได้ไอเทมปลอกแขนอัคคีมาเสริมจะทำให้เธอมีพลังโจมตีขึ้นรุนแรงขนาดนี้มาก่อนเช่นกัน
ลุครีบเข้าไปฆ่าตัวที่ยังรอดอยู่ และเขาก็เก็บเกี่ยวไอเทมเสื้อคลุมม่านหมอกมาได้ทั้งหมด 7 ชิ้นจากการต่อสู้ในครั้งนี้และทั้งหมดเป็นระดับ B เกรดสีส้ม
ดูเหมือนว่าพวกมันจะเกิดมาพร้อมกับระดับนี้จริง ๆ
ลุคทดลองสวมเสื้อคลุมที่พึ่งได้มาใหม่ เขามอบชิ้นหนึ่งให้กับคามิลได้ทดลองไปพร้อม ๆ กันด้วย คามิลค่อนข้างสนใจพลังของลุคและก็มั่นใจแล้วว่าทุกมอนสเตอร์ที่ลุคดูดซับเข้าไปนั้นให้ไอเทมต่างกันไป
ทั้งสองสวมเสื้อคลุมม่านหมอกมันก็เป็นเสื้อคลุมสีขาวปกติ แต่แล้วพอเปิดใช้งานความสามารถของมันตัวของลุคและคามิลก็สลายเป็นหมอกไปในทันที
นี่มัน!
สุดยอดใช่ไหม!
ทั้งลุคและคามิลพูดคุยกัน แต่มันไม่ใช่การพูดผ่านเสียง แต่เป็นการสื่อสารด้วยวิธีการพิเศษที่มีเพียงร่างหมอกด้วยกันถึงจะเข้าใจกัน
มุมมองที่พวกเขาเห็นก็แปลกไปด้วยเช่นกัน เพราะมุมมองที่พวกเขาเห็นนั้นเป็นรอบทิศทางในทุกจุดที่หมอกไปถึง
หลังจากพยายามควบคุมทิศทางการลอยไปมาอยู่พักหนึ่งพวกเขาก็สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของหมอกได้ แล้วแต่ว่ามันควบคุมได้แค่ทิศทางหมอกที่เหลือก็จะลอยตามไปเอง นั้นทำให้ลุครู้ว่าไม่จำเป็นต้องควบคุมหมอกทั้งหมด แต่ควบคุมหมอกหลัก หมอกที่เหลือจะเคลื่อนไหวตามเอง
คามิลทำได้อย่างรวดเร็วไม่ต่างจากลุค เพราะหมอกจะลอยไปตามลมด้วยและคามิลก็มีพรสวรรค์ที่เกี่ยวข้องกับลม ทำให้เธอจับทิศทางมันได้อย่างง่ายดาย
การคืนร่างเดิมก็ทำได้ไม่ยาก แค่คิดหมอกทั้งหมดก็รวบเข้าหากันและก่อร่างกายขึ้นมาใหม่พร้อมกับไอเทมเสื้อคลุมม่านหมอกที่กลับมาคลุมอยู่ด้านหลัง
คามิลเองก็กลับคืนร่างเดิมของตัวเธอเองด้วย อันที่จริงแล้วเธอสามารถควบคุมพวกมันได้ดั่งใจ
“ถ้าอย่างนั้นนี่คือสิ่งที่นายตามหาหน้ากากพรายไม้และเสื้อคลุมม่านหมอกเพื่อลอบเข้าไปที่ประตูมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่ 2”
ลุคพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ใช่ แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด ผมอยากได้ไอเทมจากมอนสเตอร์ชิ้นสุดท้าย มันสำคัญมากไม่แพ้กับสองชิ้นนี้”
“มอนสเตอร์แพะปีศาจ”
“ใช่ ถ้าได้ความสามารถของมันมาจะช่วยให้การปลอมตัวเข้าไปในมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่ 2 สมบูรณ์แบบมากขึ้น นี่คือเหตุผลที่ผมมั่นใจว่าจะพาทั้งสองคนหนีออกมาได้”
“ก็ดี ฉันจะช่วยนายจับพวกแพะปีศาจเอง”
ใช้เวลาตลอดทั้งวันเพื่อหามอนสเตอร์แพะปีศาจที่ลุคต้องการ ระหว่างนั้นพวกเขาเจอการโจมตีจากมอนสเตอร์พรายไม้และมอนสเตอร์แมงมุมม่านหมอกอีกหลายครั้ง
มอนสเตอร์พรายไม้ที่พบส่วนใหญ่เป็นระดับ C และมีระดับ B บ้างเป็นบางครั้ง รูปร่างที่พวกมันปลอมตัวส่วนใหญ่เป็นแบบเดิม ๆ ที่ค่อนข้างซ้ำกัน เพราะว่ามีฮันเตอร์เข้ามาที่นี่ไม่มากนัก
แต่ว่ามีครั้งหนึ่งที่มันดันแปลงเป็นแพะปีศาจ แต่ว่าพอโดนลุคฆ่าก็พบว่ามันแค่มอนสเตอร์พรายไม้ตัวหนึ่งเท่านั้น ขณะที่การล่ามอนสเตอร์แมงมุมปีศาจนั้นค่อนข้างจะดุเดือดมากกว่า
เพราะทั้งหมดเป็นมอนสเตอร์ระดับ B แต่ก็ยังง่ายกว่าในตอนแรกที่สู้กับพวกมัน เมื่อเจอกับจุดอ่อนแล้วการฆ่าพวกมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก
24 ชั่วโมงหลังจากเข้ามาที่ชิ้นส่วนโลกต่างมิติแห่งนี้ในที่สุดลุคและคามิลก็เจอกับเป้าหมายที่ตามหา แพะปีศาจ
ด้านหน้ามีฝูงแพะอยู่กลุ่มหนึ่ง ขนาดของฝูงก็ราว ๆ 100 กว่าตัว แพะทุกตัวหน้ามีลักษณะที่เหมือนกับทั่วไป ขนาดตัวก็ไม่ต่างกันมากนัก แต่ที่น่าแปลกคือทุกตัวนั้นกลับมีแค่รับ F เท่านั้น
“เป็นพวกมันไม่ผิดแน่แพะปีศาจ”
“เหมือนกับแพะธรรมดามาก แต่จากข้อมูลพวกมันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากไม่ต่างจากมอนสเตอร์สองตัวก่อนหน้าและถ้าประมาทก็อาจจะตายได้”
ขณะที่ลุคกำลังจะลงมือ ตอนนั้นเองเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่ามีพรายไม้ระดับ B ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมาท่ามกลางฝูงแพะ มันปลอมตัวเป็นแพะปีศาจและแอบเข้าไปในฝูง
พอได้จังหวะเหมาะพรายไม้ระดับ B ตัวนั้นก็โจมตีใส่แพะปีศาจตัวหนึ่งที่อยู่ในฝูงในทันที แต่ว่าในเสี้ยววินาทีนั้นเองจากแพะที่มีระดับ F ก็ระเบิดพลังในระดับ B ขั้นสูงสุดออกมา
ร่างกายของมันกำยำขึ้นและเต็มไปด้วยมัดก้าม เขาแพะขยายใหญ่และหมุนวนราวกับเขาของซาตาน
ก่อนที่มันจะมองพรายไม้ตัวนั้น พรายไม้ถึงกับตกตะลึง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร แพะปีศาจรอบ ๆ มันก็เริ่มเปลี่ยนไปจากระดับ F ไปเป็นระดับอื่นมีตั้งแต่ระดับ D จนถึงระดับ B
ทั้งฝูงจ้องไปที่พรายไม้จากนั้นก็รุมฉีกกินมันทั้งเป็น
พรายไม้ไม่อาจจะต่อสู้ได้เลยสุดท้ายก็โดนกินจนไม่เหลือซาก เรียกได้ว่าพรายไม้ตัวนี้หาเรื่องตายที่แอบเข้ามาในฝูงของแพะปีศาจ
หลังจากพรายไม้ตายไปแล้วแพะปีศาจทั้งหมดก็กลับคืนร่างเดิมพลังกลับมาที่ระดับ F จนหมดสิ้นไม่อาจจะแยกออกมาก่อนหน้านั้นมันพึ่งแสดงพลังในระดับใดออกไปได้เลย
ลุคและคามิลอึ้งอยู่กับที่ทางด้านหลังเดิน แม้จะรู้พลังของมันมาก่อนแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าพวกแพะปีศาจจะโหดขนาดนี้ หลอกล่อเหยื่อให้เข้าไปหาและลงมือกินทั้งเป็น นี่มันสมกับที่ได้ชื่อว่าแพะปีศาจ
“พลังในการซ่อนระดับพลังของตัวเอง นี่แหละความน่ากลัวของมัน”
ตอนที่ทีมของกิลด์ที่นำโดยระดับ B มาเจอพวกมันก็คิดว่าเป็นมอนสเตอร์ทั่วไป ก่อนจะลงมือโจมตีพวกมันสุดท้ายไม่มีใครรอดกลับมาได้ จะเหลือก็แต่อีกทีมหนึ่งที่ไม่ได้เข้าร่วมโจมตีและหนีไปหลบซ่อนด้วยความหวาดกลัว
ไม่มีใครรู้ว่าในฝูงมีระดับ B เท่าไหร่หรือระดับ C เท่าไหร่ เพราะพวกมันสามารถซ่อนพลังของตัวเองได้อย่างหมดจด แม้แต่ระดับ A ทั่วไปก็ยากจะแยกออกนอกจากว่าจะตรวจสอบพวกมันด้วยการส่งคลื่นพลังเข้าไปโดยตรง หรือไม่ก็ต้องใช้ระดับ A ที่แข็งแกร่งในระดับกลางถึงสูงและอยู่ใกล้ ๆ ถึงจะแยกแยะออกได้
แต่นั้นก็ยุ่งยากเป็นอย่างมาก ตัวตนแบบนั้นไม่มีทางลงมาทำเรื่องแบบอยู่แล้ว
ลุคต้องการพลังของมันในการเข้าไปที่ประตูมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่ 3