ตอนที่แล้วตอนที่ 233 แมงมุมม่านหมอก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 235 บรรลุเป้าหมายและเจอเป้าหมาย

ตอนที่ 234 แกะปีศาจ(อ่านฟรี)


ตอนที่ 234 แกะปีศาจ

ทั้งสองคนหันหลังชนกัน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับพวกแมงมุมม่านหมอกที่มาจากทุกด้าน แมงมุมม่านหมอกหลายสิบตัวเริ่มปรากฏในหมอกอย่างผลุบ ๆ โผล่ ๆ

มันเผยเขี้ยวเล็บข่มขู่ทั้งสอง ราวกับต้องการให้พวกเขาสับสนและหวาดกลัว จากนั้นก็ลงมือโจมตีลุคและคามิลไม่หยุดจากทุกทิศทาง

คามิลใช้ลูกเตะใส่ไม่หยุด ขณะที่ดาบในมือของลุคก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ทุกการโจมตีก่อนที่จะถึงตัวของมันก็เปลี่ยนเป็นร่างหมอกและหายไป พร้อมกับที่มีอีกตัวเข้ามาโจมตีแทน

ทุกอย่างดำเนินต่อไปอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งลุคเปลี่ยนวิธีการโจมตี

“ลองไฟดู”

ลุคเอาปลอกแขนอัคคีออกมาก่อนจะกำมือเปิดใช้งานปลอกแขน เปลวไฟสีแดงอันร้อนแรงถูกพ่นเข้าใส่แมงมุมม่านหมอกตัวหนึ่งที่โผล่หน้าเข้ามาหาลุคในระยะประชิด

แมงมุมม่านหมอกดูตื่นตกใจมาก มันรีบสลายตัวเป็นหมอกในทันที แต่ว่ายังไม่ทันที่ร่างหมอกของมันจะเคลื่อนตัวหนี ไฟก็พุ่งเข้ามาถึงแล้ว พอหมอกเหล่านั้นสัมผัสกับเปลวไฟก็มีเสียงกรีดร้องเสียงแหลมเล็กออกมา

เพลิงจากปลอกแขนอัคคีของลุคสามารถเผาได้แม้กระทั่งร่างหมอกที่พวกมันสลายไป แมงมุมม่านหมอกถูกบังคับให้คืนร่างกลับมาด้วยความเจ็บปวดทรมานจากการโจมตี สภาพของมันราวกับถูกเผาทั้งตัว ส่งกลิ่นไหม้ออกมาอย่างชัดเจน

“ไม่ใช่ว่าร่างหมอกมันโจมตีไม่ได้ แค่การโจมตีปกติสร้างความเสียหายกับหมอกไม่ได้ก็เท่านั้น” ลุคเข้าใจในทันที

แมงมุมม่านหมอกที่บาดเจ็บพยายามคลานหนี

“ย้า!” คามิลลงมือซ้ำด้วยการกระโดดขึ้นสูงก่อนจะม้วนตัวและฟาดขาลงเข้ากลางลำตัวของมัน

ปัง!

ตัวของแมงมุมม่านหมอกถูกอัดจนบี้คาเท้า แต่มันยังไม่ตาย แมงมุมม่านหมอกพยายามจะสลายเป็นหมอก แต่คราวนี้มันช้าลงมาก ต่างจากสภาพปกติของมันอย่างลิบลับ

คามิลเห็นว่ามันไม่ตายก็ระเบิดพลังพายุออกมาจากเท้าเกิดเป็นลมหมุนปั่นร่างของแมงมุมม่านหมอกที่สลายเป็นหมอกไม่หมดจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ส่วนร่างที่สลายเป็นหมอกไปแล้วก็คืนกลับเป็นร่างกายชิ้นส่วนต่าง ๆ และตกลงพื้น

แมงมุมม่านหมอกอีกหลายตัวที่เห็นต่างก็โกรธแค้นพวกมันพุ่งเข้าไปหาคามิลและโจมตีเธอเป็นหลัก

“หลบ!” ลุคตะโกนบอกก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาและยิงไฟเข้าใส่พวกแมงมุมม่านหมอก

คามิลหงายหลังทิ้งตัวลงไปแนบกับพื้น ขณะที่เปลวไฟพุ่งผ่านหน้าไป

“ซี่....................!!!”

หมอกพวกนั้นโดนไฟเผาทำให้พวกมันถูกบังคับคลื่นร่าง แต่พริบตาพวกมันก็กลายเป็นหมอกหายเข้า ๆ ไปในหมอกอีกครั้ง เพราะบาดเจ็บจากเปลวไฟไม่มาก

ลุคขยับแขนเพื่อบังคับทิศทางพ่นเปลวไฟไล่ตามไป แต่ว่าแมงมุมม่านหมอกในร่างหมอกนั้นผสานกับหมอกจริง ๆ จนแม้แต่ลุคก็แยกไม่ออก

“ต้องแยกพวกมันจากหมอก” ลุคหันไปพูดกับคามิลขณะที่พ่นไฟจากปลอกแขนอัคคีไปรอบ ๆ ด้วย เพื่อทำให้พวกมันไม่มีเวลามาตอบโต้กลับ

“ฉันมีวิธี” คามิลเหมือนจะคิดวิธีออก เธอขยับเท้าทั้งสองข้างด้วยความเร็วก่อนจะหมุนตัวเป็นพายุและเตะเข้าใส่หมอกรอบตัวอย่างต่อเนื่อง

ทุกลูกเตะเหมือนกับพัดขนาดใหญ่ที่สร้างลมกวาดม้วนพัดเอาหมอกจริงออกไปจากที่พวกเขาอยู่ ส่วนหมอกที่เป็นร่างของแมงมุมม่านหมอกกลับไม่พัดตามลมไป ทำให้ลุคเห็นตัวของพวกมันชัดเจน

“ตายซะ!” ลุคใช้ไฟเผาพวกมันตรง ๆ

แมงมุมม่านหมอกไม่มีที่หลบซ่อน ต่อให้มันจะคืนร่างจริงหรือเป็นร่างหมอกก็โดนไฟเผาอยู่ดี สุดท้ายแมงมุมม่านหมอกก็โดนไฟคลอกหลังจากร่างกลับคืนมา

จุดแข็งและความน่ากลัวของมอนสเตอร์พวกนี้คือการซ่อนตัวและหลบการโจมตีด้วยร่างหมอก แต่ถ้ามันใช้ความสามารถไม่ได้มันก็จะอ่อนแอยิ่งกว่ามอนสเตอร์ตามปกติมาก

พรึบ!

ไฟที่ปลอกแขนอัคคีถูกหยุดพ่นบนพื้นก็ปรากฏซากแมงมุมบางตัวที่โดนเผาจนตายกลายเป็นซากที่บิดงอจากการโดนเผา แต่ยังไม่ทันที่ควันจากร่างที่ไหม้เกรียมจะหายไป แมงมุมม่านหมอกก็สลายเป็นฝุ่นสีดำและถูกดูดซับเข้ามาในตัวของลุค

เสียงสะท้อนแห่งพลังดังขึ้นในหัวของลุคอย่างต่อเนื่อง

[คุณได้รับไอเทมเสื้อคลุมม่านหมอกระดับ B เกรดสีส้ม ผลพิเศษทำให้สลายตัวเองเป็นหมอก็ได้ชั่วคราว]

ขณะที่ลุคจดจ่อกับเสียงสะท้อนแห่งพลัง คามิลก็รีบเตือนเขา

“มันกำลังจะหนี”

“ใช้นี้อย่าฆ่ามัน แค่ทำให้มันบาดเจ็บ” ลุคเอาปลอกแขนอัคคีให้กับคามิลสองอัน

“อืม”

คามิลใส่ปลอกแขนทั้งสองข้างเข้าที่แขนของเธอ ก่อนที่เธอจะหมุนตัวเป็นพายุด้วยขาพร้อมกับพ่นไฟจากปลอกแขน

พอลมและไฟมาบรรจบกันพลังโจมตีที่น่ากลัวก็ปรากฏขึ้นมา ลมได้โหมกระหน่ำเปลวไฟให้รุนแรงมากขึ้นจนปกคลุมทุกสิ่ง เปลวไฟจำนวนมหาศาลกระจายออกไปเป็นวงกว้างทุกทิศทางเผาพวกแมงมุมม่านหมอกไปพร้อม ๆ กัน

“นี่มันทรงพลังมาก” ลุคเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

เขามองดูแมงมุมม่านหมอกที่บาดเจ็บสาหัสและบางส่วนที่อยู่ใกล้กับคามิลก็ตายไปแล้วก็มี คามิลเองก็ไม่คิดว่าพอได้ไอเทมปลอกแขนอัคคีมาเสริมจะทำให้เธอมีพลังโจมตีขึ้นรุนแรงขนาดนี้มาก่อนเช่นกัน

ลุครีบเข้าไปฆ่าตัวที่ยังรอดอยู่ และเขาก็เก็บเกี่ยวไอเทมเสื้อคลุมม่านหมอกมาได้ทั้งหมด 7 ชิ้นจากการต่อสู้ในครั้งนี้และทั้งหมดเป็นระดับ B เกรดสีส้ม

ดูเหมือนว่าพวกมันจะเกิดมาพร้อมกับระดับนี้จริง ๆ

ลุคทดลองสวมเสื้อคลุมที่พึ่งได้มาใหม่ เขามอบชิ้นหนึ่งให้กับคามิลได้ทดลองไปพร้อม ๆ กันด้วย คามิลค่อนข้างสนใจพลังของลุคและก็มั่นใจแล้วว่าทุกมอนสเตอร์ที่ลุคดูดซับเข้าไปนั้นให้ไอเทมต่างกันไป

ทั้งสองสวมเสื้อคลุมม่านหมอกมันก็เป็นเสื้อคลุมสีขาวปกติ แต่แล้วพอเปิดใช้งานความสามารถของมันตัวของลุคและคามิลก็สลายเป็นหมอกไปในทันที

นี่มัน!

สุดยอดใช่ไหม!

ทั้งลุคและคามิลพูดคุยกัน แต่มันไม่ใช่การพูดผ่านเสียง แต่เป็นการสื่อสารด้วยวิธีการพิเศษที่มีเพียงร่างหมอกด้วยกันถึงจะเข้าใจกัน

มุมมองที่พวกเขาเห็นก็แปลกไปด้วยเช่นกัน เพราะมุมมองที่พวกเขาเห็นนั้นเป็นรอบทิศทางในทุกจุดที่หมอกไปถึง

หลังจากพยายามควบคุมทิศทางการลอยไปมาอยู่พักหนึ่งพวกเขาก็สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของหมอกได้ แล้วแต่ว่ามันควบคุมได้แค่ทิศทางหมอกที่เหลือก็จะลอยตามไปเอง นั้นทำให้ลุครู้ว่าไม่จำเป็นต้องควบคุมหมอกทั้งหมด แต่ควบคุมหมอกหลัก หมอกที่เหลือจะเคลื่อนไหวตามเอง

คามิลทำได้อย่างรวดเร็วไม่ต่างจากลุค เพราะหมอกจะลอยไปตามลมด้วยและคามิลก็มีพรสวรรค์ที่เกี่ยวข้องกับลม ทำให้เธอจับทิศทางมันได้อย่างง่ายดาย

การคืนร่างเดิมก็ทำได้ไม่ยาก แค่คิดหมอกทั้งหมดก็รวบเข้าหากันและก่อร่างกายขึ้นมาใหม่พร้อมกับไอเทมเสื้อคลุมม่านหมอกที่กลับมาคลุมอยู่ด้านหลัง

คามิลเองก็กลับคืนร่างเดิมของตัวเธอเองด้วย อันที่จริงแล้วเธอสามารถควบคุมพวกมันได้ดั่งใจ

“ถ้าอย่างนั้นนี่คือสิ่งที่นายตามหาหน้ากากพรายไม้และเสื้อคลุมม่านหมอกเพื่อลอบเข้าไปที่ประตูมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่ 2”

ลุคพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ใช่ แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด ผมอยากได้ไอเทมจากมอนสเตอร์ชิ้นสุดท้าย มันสำคัญมากไม่แพ้กับสองชิ้นนี้”

“มอนสเตอร์แพะปีศาจ”

“ใช่ ถ้าได้ความสามารถของมันมาจะช่วยให้การปลอมตัวเข้าไปในมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่ 2 สมบูรณ์แบบมากขึ้น นี่คือเหตุผลที่ผมมั่นใจว่าจะพาทั้งสองคนหนีออกมาได้”

“ก็ดี ฉันจะช่วยนายจับพวกแพะปีศาจเอง”

ใช้เวลาตลอดทั้งวันเพื่อหามอนสเตอร์แพะปีศาจที่ลุคต้องการ ระหว่างนั้นพวกเขาเจอการโจมตีจากมอนสเตอร์พรายไม้และมอนสเตอร์แมงมุมม่านหมอกอีกหลายครั้ง

มอนสเตอร์พรายไม้ที่พบส่วนใหญ่เป็นระดับ C และมีระดับ B บ้างเป็นบางครั้ง รูปร่างที่พวกมันปลอมตัวส่วนใหญ่เป็นแบบเดิม ๆ ที่ค่อนข้างซ้ำกัน เพราะว่ามีฮันเตอร์เข้ามาที่นี่ไม่มากนัก

แต่ว่ามีครั้งหนึ่งที่มันดันแปลงเป็นแพะปีศาจ แต่ว่าพอโดนลุคฆ่าก็พบว่ามันแค่มอนสเตอร์พรายไม้ตัวหนึ่งเท่านั้น ขณะที่การล่ามอนสเตอร์แมงมุมปีศาจนั้นค่อนข้างจะดุเดือดมากกว่า

เพราะทั้งหมดเป็นมอนสเตอร์ระดับ B แต่ก็ยังง่ายกว่าในตอนแรกที่สู้กับพวกมัน เมื่อเจอกับจุดอ่อนแล้วการฆ่าพวกมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก

24 ชั่วโมงหลังจากเข้ามาที่ชิ้นส่วนโลกต่างมิติแห่งนี้ในที่สุดลุคและคามิลก็เจอกับเป้าหมายที่ตามหา แพะปีศาจ

ด้านหน้ามีฝูงแพะอยู่กลุ่มหนึ่ง ขนาดของฝูงก็ราว ๆ 100 กว่าตัว แพะทุกตัวหน้ามีลักษณะที่เหมือนกับทั่วไป ขนาดตัวก็ไม่ต่างกันมากนัก แต่ที่น่าแปลกคือทุกตัวนั้นกลับมีแค่รับ F เท่านั้น

“เป็นพวกมันไม่ผิดแน่แพะปีศาจ”

“เหมือนกับแพะธรรมดามาก แต่จากข้อมูลพวกมันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากไม่ต่างจากมอนสเตอร์สองตัวก่อนหน้าและถ้าประมาทก็อาจจะตายได้”

ขณะที่ลุคกำลังจะลงมือ ตอนนั้นเองเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่ามีพรายไม้ระดับ B ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมาท่ามกลางฝูงแพะ มันปลอมตัวเป็นแพะปีศาจและแอบเข้าไปในฝูง

พอได้จังหวะเหมาะพรายไม้ระดับ B ตัวนั้นก็โจมตีใส่แพะปีศาจตัวหนึ่งที่อยู่ในฝูงในทันที แต่ว่าในเสี้ยววินาทีนั้นเองจากแพะที่มีระดับ F ก็ระเบิดพลังในระดับ B ขั้นสูงสุดออกมา

ร่างกายของมันกำยำขึ้นและเต็มไปด้วยมัดก้าม เขาแพะขยายใหญ่และหมุนวนราวกับเขาของซาตาน

ก่อนที่มันจะมองพรายไม้ตัวนั้น พรายไม้ถึงกับตกตะลึง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร แพะปีศาจรอบ ๆ มันก็เริ่มเปลี่ยนไปจากระดับ F ไปเป็นระดับอื่นมีตั้งแต่ระดับ D จนถึงระดับ B

ทั้งฝูงจ้องไปที่พรายไม้จากนั้นก็รุมฉีกกินมันทั้งเป็น

พรายไม้ไม่อาจจะต่อสู้ได้เลยสุดท้ายก็โดนกินจนไม่เหลือซาก เรียกได้ว่าพรายไม้ตัวนี้หาเรื่องตายที่แอบเข้ามาในฝูงของแพะปีศาจ

หลังจากพรายไม้ตายไปแล้วแพะปีศาจทั้งหมดก็กลับคืนร่างเดิมพลังกลับมาที่ระดับ F จนหมดสิ้นไม่อาจจะแยกออกมาก่อนหน้านั้นมันพึ่งแสดงพลังในระดับใดออกไปได้เลย

ลุคและคามิลอึ้งอยู่กับที่ทางด้านหลังเดิน แม้จะรู้พลังของมันมาก่อนแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าพวกแพะปีศาจจะโหดขนาดนี้ หลอกล่อเหยื่อให้เข้าไปหาและลงมือกินทั้งเป็น นี่มันสมกับที่ได้ชื่อว่าแพะปีศาจ

“พลังในการซ่อนระดับพลังของตัวเอง นี่แหละความน่ากลัวของมัน”

ตอนที่ทีมของกิลด์ที่นำโดยระดับ B มาเจอพวกมันก็คิดว่าเป็นมอนสเตอร์ทั่วไป ก่อนจะลงมือโจมตีพวกมันสุดท้ายไม่มีใครรอดกลับมาได้ จะเหลือก็แต่อีกทีมหนึ่งที่ไม่ได้เข้าร่วมโจมตีและหนีไปหลบซ่อนด้วยความหวาดกลัว

ไม่มีใครรู้ว่าในฝูงมีระดับ B เท่าไหร่หรือระดับ C เท่าไหร่ เพราะพวกมันสามารถซ่อนพลังของตัวเองได้อย่างหมดจด แม้แต่ระดับ A ทั่วไปก็ยากจะแยกออกนอกจากว่าจะตรวจสอบพวกมันด้วยการส่งคลื่นพลังเข้าไปโดยตรง หรือไม่ก็ต้องใช้ระดับ A ที่แข็งแกร่งในระดับกลางถึงสูงและอยู่ใกล้ ๆ ถึงจะแยกแยะออกได้

แต่นั้นก็ยุ่งยากเป็นอย่างมาก ตัวตนแบบนั้นไม่มีทางลงมาทำเรื่องแบบอยู่แล้ว

ลุคต้องการพลังของมันในการเข้าไปที่ประตูมิติโลกสมบูรณ์แห่งที่ 3

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด