ตอนที่แล้ว1235 - ภัยพิบัติเก้าดาวอสูร 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1237 - ต่างคนต่างมีแผนการ

1236 - การนองเลือดครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้นแล้ว


1236 - การนองเลือดครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ความตายของคนทั้งสี่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลก นี่เป็นการพิสูจน์ได้อย่างแท้จริงว่ายุคเก่ากำลังจะจบสิ้นลงแล้วและยุคใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น

หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวที่น่าตกใจอีกเรื่องหนึ่งซึ่งดึงดูดความสนใจไปทั่วโลก ฮั่วอวิ๋นเฟย ต่อสู้กับ “พระโพธิสัตว์หญิง” แห่งนิกายพุทธในทะเลทรายตะวันตก

การต่อสู้นั้นดำเนินอยู่ที่ด้านหน้าของเขาพระสุเมรุและการต่อสู้ดำเนินไปกว่าสิบวัน น่าเสียดายที่ผลแพ้ชนะไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา

ไม่นานหลังจากนั้นนักบวชเฒ่าแห่งวัดต้าเล่ยหยินได้ประกาศว่าจื่อโหยวชิงได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่สามารถรอดชีวิตจากการต่อสู้กลับมาได้

ในส่วนของฮั่วอวิ๋นเฟยไม่รู้ว่าชะตากรรมของเขาเป็นอย่างไรบ้าง เพราะไม่มีผู้ใดกล่าวถึงเขานับตั้งแต่วันนั้น

ในอดีตฮั่วอวิ๋นเฟยเป็นเพียงตัวตนที่เล็กจ้อยจากสำนักไท่ซวนที่ยังไม่มีคุณสมบัติเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขากลับสามารถต่อสู้ได้อย่างเท่าเทียมกับพระโพธิสัตว์หญิงแห่งนิกายพุทธ อัตราการเติบโตของเขานั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง

ทักษะอสูรกลืนสวรรค์กลายเป็นเงาในใจผู้คนอีกครั้ง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ในโลกต่างระดมกำลังออกไล่ล่าฮั่วอวิ๋นเฟยและหลี่เสี่ยวม่าน

หากผู้สืบทอดจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมเติบโตขึ้นพวกเขาจะกลายเป็นภัยพิบัติไม่สิ้นสุดของโลกใบนี้ ดังนั้นค่าหัวของคนทั้งสองจึงแทบจะทัดเทียมกับค่าหัวของเย่ฟ่านได้เลย

“ในอดีตพวกเขาทำตัวต่ำต้อยและเลือกที่จะขุดค้นสุสานของเซียนอนาถาเท่านั้น แต่ตอนนี้เป้าหมายใหม่ของพวกเขากลับเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?” เย่ฟ่านจากหมู่บ้านเทียนจื่อกล่าวกับตัวเอง

ไม่กี่วันต่อมามีข่าวอีกอย่างถูกปล่อยออกมา บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงแสดงฐานการบ่มเพาะในระดับเซียนเทียมขั้นสามออกมาอย่างโดดเด่น เขาไล่ล่าหวังเถิงจนหนีหัวซุกหัวซุนเป็นระยะทางกว่าสามแสนลี้เพียงลำพัง

ทันทีที่แสงศักดิ์สิทธิ์ปะทุออกมาจากร่างของเขา ทุกอย่างก็กลายเป็นเถ้าถ่าน ทำให้ยากต่อการสัมผัส แสงที่สว่างสดใสนั้นเหมือนกับดวงอาทิตย์ดวงเล็กๆ ที่สามารถมองเห็นได้ในระยะทางหลายพันลี้

ผู้บ่มเพาะของภาคเหนือต่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างยิ่ง ในการต่อสู้ครั้งนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงแสดงความแข็งแกร่งที่เหนือชั้นและสังหารหวังเถิงโดยไม่มีโอกาสตอบโต้กลับไปแม้แต่กระบวนท่าเดียว

จักรพรรดิแดนเหนือผู้สง่างามได้รับการจัดอันดับเคียงข้างจักรพรรดิจงโจว ราชาอสูรหนานหลิง และพระโพธิสัตว์ตะวันตก ในอดีตเขาคืออัจฉริยะผู้ไม่มีใครเทียบได้!

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ถูกทำลายโดยเย่ฟ่านเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว ชื่อเสียงของเขาก็ลดลง แต่ความแข็งแกร่งของเขายังคงอยู่ที่นั่น และมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถต่อสู้กับเขาตัวต่อตัว

แต่ตอนนี้เขาประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ เหตุผลที่บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงลงมือนั้นถูกเปิดเผยออกมาว่า หวังเถิงได้สังหารศิษย์น้องคนหนึ่งของเขา

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงคำพูดที่เหยากวงเปิดเผยออกมา ทุกคนรู้ดีว่านี่มันเป็นเรื่องไร้สาระอย่างยิ่ง

นั่นก็เพราะศิษย์พี่ศิษย์น้องของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงไม่เคยมีความผูกพันกันอยู่แล้ว หากอีกฝ่ายถูกคนนอกฆ่าตายคนที่เหลือมีแต่จะกระโดดโลดเต้นด้วยความพึงพอใจ

“เขาลงมือเพราะเก้าญาณวิเศษลึกลับ!”

เย่ฟ่านได้ข้อสรุปอย่างง่ายดาย เขาก็มีความปรารถนาที่จะไล่ล่าหวังเถิงเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ไม่เคยพบเบาะแสเลย

ในการต่อสู้ครั้งนี้หวังเถิงถูกบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ หากไม่มีนกกระเรียนลึกลับพาศีรษะของเขาหลบหนี มันไม่มีทางที่เขาจะรอดชีวิตได้

“มันเป็นนกกระเรียนตัวนั้นอีกแล้ว มรดกของจักรพรรดิหลวนกู่(ปฐมแห่งความโกลาหล) ที่เขาฝึกฝนก็ถูกมอบให้โดยกระเรียนตัวนี้” เย่ฟ่านและคนอื่นๆ รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้

เซียนกระเรียนลงมือช่วยหวังเถิงด้วยตัวเอง แม้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็ยังประสบกับความล้มเหลว อย่างไรก็ตามเขายังคงสามารถสังหารคนผู้หนึ่งและทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังยิ่งกว่าเดิม

จื่อเทียนเฟิงผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากหุบเขาเทพมีความเกี่ยวข้องกับหวังเถิงอย่างใกล้ชิด เขานำกำลังซุ่มโจมตีบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเพื่อช่วยเหลือหวังเถิง

แต่กลับต้องประสบกับความโชคร้ายถูกบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงสังหารจนสิ้นซาก ยอดฝีมือกลุ่มสุดท้ายของหุบเขาเทพถูกสังหารจนหมด

“หวังเถิงจบสิ้นแล้ว เขากลายเป็นเพียงหินรองเท้าให้กับเหยากวง นับแต่นี้เขาจะไม่สามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อีก” หลี่เทียนกล่าว

“ไม่เป็นความจริงเสมอไป เซียนกระเรียนตัวนั้นจะไม่ช่วยเหลือให้เขาหลบหนีหากเขาไม่มีประโยชน์เหลืออยู่ เกรงว่าเมื่อเขาสะสมความพ่ายแพ้มากขึ้นเรื่อยๆ มันจะก่อให้เกิดจิตมารภายในตัวของหวังเถิง และเขาจะใช้มารตัวนี้ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรปราชญ์” ต้วนเต๋อกล่าว

“แพ้ครั้งเดียวหรือสองครั้งยังไม่พอ ยังต้องแพ้เรื่อยๆ เพื่อสะสมความอัปยศอดสูหรือ?” หลี่เทียนกล่าว

ในดินแดนรกร้างตะวันออก คลื่นที่น่าตกใจกระทบท้องฟ้า เมื่อข่าวเรื่องนี้หลุดออกมาผู้คนมากมายก็ไม่สามารถนั่งอย่างสงบได้

แท่นบูชาห้าสีถูกสร้างขึ้น และเย่ฟ่านจะออกจากทุ่งดวงดาวโบราณเป่ยโต้ว(หมีใหญ่) เพื่อเดินทางสู่จักรวาลที่ไม่มีใครรู้จัก

ไม่กี่วันหลังจากนั้นได้มีรูปสลักของเทพธิดาผู้งดงามคนหนึ่งปรากฏขึ้น ความงามของนางทำให้ผู้คนตกตะลึงอย่างถึงที่สุดและมีคนไม่น้อยต่างต้องการที่จะประมูลรูปสลักนี้

ชื่อของนางคือหลินเจี๋ยซึ่งมีคนรู้จักเพียงไม่กี่คนเท่านั้น นี่คือรูปสลักจากหยกสีเขียวงดงาม ฝีมือที่แกะสลักขึ้นนั้นปราณีตราวกับถูกสวรรค์บันดาลขึ้น

ในไม่ช้าก็มีคนเปิดเผยความลับออกมา รูปสลักนี้เป็นเพียงสิ่งที่แสดงให้ทุกคนเห็นเท่านั้น สิ่งที่จะประมูลจริงๆ คือหญิงสาวผู้งดงามเจ้าของรูปสลักซึ่งเป็นสหายรักของเย่ฟ่าน และนางยังมีต้นกำเนิดจากดาวดวงเดียวกันกับเขาอีกด้วย

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการที่นำเทพธิดาคนนี้ออกมาประมูลมันย่อมเป็นการท้าทายร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณโดยตรง และนี่จะต้องเป็นการขัดขวางไม่ให้เย่ฟ่านข้ามท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวได้”

นี่เป็นการดูถูกเหยียดหยามร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณอย่างยิ่ง ผู้ที่ทำเช่นนี้ได้จะต้องมีความแค้นกับร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณอย่างลึกล้ำ

เมื่อมีคนออกไปตรวจสอบเรื่องนี้พวกเขาก็รู้ได้ว่าผู้ที่จัดงานประมูลคือตระกูลหูแห่งภูเขาเทียนต้วน ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบอันดับโรงประมูลที่ร่ำรวยที่สุดของดินแดนรกร้างตะวันออก

“เทพธิดาจากนอกอาณาเขต!”

การผสมผสานของอารยธรรมที่แตกต่างกันทำให้ผู้คนเกิดความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

ข่าวนี้ทำให้ภาคใต้ของตงหวงเดือดพล่านในทันที ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณกลายเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกใบนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

ผู้ที่กล้าท้าทายเขาจะต้องมีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งไม่แพ้กัน

นี่เป็นกับดักอันยิ่งใหญ่ที่ใช้ล่อเย่ฟ่านออกมาฆ่าอย่างเปิดเผย!

ในภาคกลางก็มีความปั่นป่วนวุ่นวายเกิดขึ้นเช่นกัน นั่นก็เพราะมีเด็กหญิงอายุสามสี่ขวบคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น นางเอาแต่ร่ำไห้อยู่ตลอดเวลาและทำให้ผู้คนเกิดความสงสารเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของเด็กหญิงคนนี้กลับทำให้ผู้คนมากมายสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ นี่คือเด็กหญิงตัวน้อยที่ติดตามอยู่เบื้องหลังเย่ฟ่านและหายตัวไปจากโลกเป็นเวลาหลายปีแล้ว

ในตอนที่นางออกจากโลกอำพรางสวรรค์นั้นมีผู้คนไม่น้อยมองเห็นเหตุการณ์อัศจรรย์ที่นางสร้างขึ้น การปรากฏตัวของเด็กหญิงคนนี้ย่อมทำให้ศัตรูของเย่ฟ่านเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

เย่ฟ่านที่วางแผนจะสังหารปีศาจร้ายจากดาวอังคารตัวนั้นเกิดความกังวลใจเช่นกัน แม้เขาจะรู้ดีว่าหนานหนานไม่ใช่ตัวตนธรรมดาและอาจมีความแข็งแกร่งมากกว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ด้วยซ้ำ

แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้นางต้องชัดเซพพเนจรอยู่ในภาคกลางของตงหวงแบบนั้นได้

ภูเขาเทียนต้วนไม่ใช่สถานที่ที่ดีและคนธรรมดาไม่สามารถเข้าไปข้างใน ว่ากันว่าในบริเวณนี้มีแม้กระทั่งค่ายกลสังหารของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ นั่นทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะข่มขู่ตระกูลหู

“สำหรับร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ ต่อให้รู้ว่านี่เป็นหายนะเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน ผู้ที่ทำเรื่องนี้มีจิตใจลึกซึ้งอย่างยิ่ง เขาไม่กล้าต่อสู้กับร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณตรงๆ แต่กลับใช้วิธีลอบกัดแทน”

เพียงคืนเดียว บรรยากาศของดินแดนรกร้างตะวันออกเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน มันกดดันมากจนผู้คนหายใจไม่ออก และพวกเขารู้ดีว่าพายุกำลังจะมา!

ไม่นานมานี้ ผู้คนยังคงคุยกันถึงความลึกลับของแท่นบูชาห้าสี แต่ตอนนี้มันได้พัฒนามาถึงจุดนี้แล้ว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเย่ฟ่านกำลังจะจากไป

“ข้าได้กลิ่นเลือดฉุนแล้ว นี่จะเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนต้องตกตาย!”

ผู้บ่มเพาะชราคนหนึ่งคร่ำครวญว่า นี่เป็นสัญชาตญาณที่มาจากการเรียงตัวกันของเก้าดาวอสูรอย่างแน่นอน

เย่ฟ่านไม่เคยเป็นคนมือไม้อ่อนมาตลอด ศัตรูของเขาแทบจะดับสูญจนหมดสิ้น เมื่อมีคนท้าทายเขาเช่นนี้เย่ฟ่านจะแสดงความเมตตาได้อย่างไร!

ทุกคนต่างรอคอยและมีลางสังหรณ์ว่านี่จะเป็นคลื่นรุนแรงที่พัดผ่านดินแดนรกร้างตะวันออก!

…….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด