บทที่ 19 อันดับสุดท้าย
หลินโจวตามผู้ช่วยหลิวไปที่ห้องควบคุม รายการประเภทนี้จะถ่ายทำจากมุมมองต่างๆ และภาพที่ถ่ายทำเหล่านั้นก็จะถูกส่งตรงไปยังห้องควบคุมการออกอากาศ
ผู้กำกับจะคอยสังเกตสถานการณ์และแจ้งเตือนฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ใส่ใจในรายละเอียด หรือสื่อสารกับพิธีกรและแขกผ่านทางชุดหูฟัง
เมื่อหลินโจวและผู้ช่วยหลิวเดินเข้าไปในห้องควบคุม ผู้กำกับจางเหล่ย ซึ่งเป็นผู้กำกับรายการ "I am a Singer" กำลังขมวดคิ้วแน่น มองหน้าจอแสดงผลเจ็ดแปดจอตรงหน้า ใบหน้าของเขาดูไม่สู้ดีนัก
ผู้ช่วยหลิวกระซิบกับหลินโจวว่า: "คุณอย่าพูดอะไรนะ รอให้อาจารย์เซินเหยาร้องเพลงจบ ผู้กำกับจางก็จะไปที่ห้องนักร้องเพื่อประกาศอันดับ หลังจากที่ผู้กำกับจางออกไปแล้ว ฉันจะไปบันทึกวิดีโอมาให้คุณดู"
"ห้องนักร้อง" ก็คือห้องที่นักร้องทั้ง 7 คนมารวมตัวกันหลังจบการแสดง ในตอนท้ายของแต่ละตอน ผู้กำกับจะต้องไปประกาศอันดับในห้องนักร้องด้วย
หลินโจวมองดูใบหน้ารูปไข่สีดอกกุหลาบของผู้ช่วยหลิว นึกไม่ถึงว่าผู้ช่วยผู้กำกับคนนี้จะเต็มใจยอมช่วยบันทึกวิดีโอมาให้เขาดู
เขาพยักหน้าเบาๆ จากนั้นทั้งสองก็เงียบไป ยืนอยู่ด้านหลัง รอให้เซิ่นเหยาร้องเพลงจบ
หลินโจวคุ้นเคยกับเซิ่นเหยาเป็นอย่างดี พูดตามตรง ทักษะการร้องเพลงของเธอก็ไม่ได้แย่นัก แต่เมื่อเทียบกับเหล่าานักร้องแถวหน้าแล้วเธอยังคงตามหลังอยู่มาก บนเวทีระดับท็อปอย่างรายการ "I am a Singer" เธอถือว่าแทบจะผ่านเกณฑ์ไปอย่างเฉียดฉิว
ในเวลานี้ เซิ่นเหยากำลังร้องเพลงเก่าคลาสสิก เพลงนี้มีทำนองไพเราะฟังง่าย ใช้ทักษะการร้องไม่สูงนัก เซิ่นเหยาถือว่าร้องได้ตามมาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม เธอเป็นศิลปินคนสุดท้ายที่ขึ้นแสดง ลำดับการแสดงของเธอถือเป็นข้อได้เปรียบ เมื่อเธอร้องเพลงจบ ผู้ชมทั้ง 500 คนต่างก็ปรบมืออย่างกระตือรือร้น
พวงแก้มของเซิ่นเหยาในเวลานี้กลายเป็นสีชมพู ท่าทีของเธอดูตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่าเธอพอใจกับการแสดงในครั้งนี้มาก จากนั้นเธอก็โค้งคำนับให้กับผู้ชมซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อแสดงความขอบคุณ
หลินโจวส่ายศีรษะ หลังจากผ่านไปแล้วหลายปี ทักษะการร้องเพลงของเซิ่นเหยายังคงอยู่ที่ระดับเดิม ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าเธอคงอยู่ไม่ถึงรอบที่สี่
กฎของรายการ "I am a Singer" คือระบบการคัดออกสองรอบ ซึ่งหมายความว่าทุกๆ สองรอบจะมีศิลปิน 1 คนที่ถูกคัดออก โดยจะนำศิลปินคนใหม่เข้ามาแทนที่ในรอบถัดไป
การจัดอันดับจะถูกนับตามคะแนนรวมที่สะสมของสองรอบ โดยผู้ที่มีคะแนนรวมอันดับสุดท้ายก็จะตกรอบไป
เซิ่นเหยาเดินลงจากเวทีด้วยความภาคภูมิใจ ภายในห้องควบคุมรายการ ผู้กำกับจางเหล่ยก็รีบออกไปเช่นกัน เขากำลังจะไปที่ห้องนับคะแนน ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในการสรุปคะแนนโหวตของนักร้องทั้ง 7 คน
จากนั้น ผู้กำกับจางเหล่ยก็จะไปที่ห้องนักร้องเพื่อประกาศผล
ทันทีที่ผู้กำกับจางออกไป ผู้ช่วยหลิวก็หันกลับไปหาหลินโจวแล้วพูดว่า "ตามฉันมา"
จากนั้นเธอก็กระโดดไปที่คอมพิวเตอร์อย่างเงียบ ๆ เหมือนกระต่ายตัวน้อย หลังจากกดปุ่มไม่กี่ครั้ง เธอก็เปิดวิดีโอที่ซูชิงเหม่ยร้องเพลงขึ้นมา ก่อนจะเอาหูฟังส่งไปให้หลินโจว
หลินโจวสวมหูฟังและมองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์
บนเวทีซูชิงเหม่ยสวมชุดเดรสยาวสีดำคลุมเข่า เผยให้เห็นน่องเรียวขาว ภายใต้แสงไฟ เรียวขาคู่นั้นเปล่งประกายเจิดจ้า
เธอได้รับเสียงปรบมือและเสียงเชียร์อย่างล้นหลามทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น ซูชิงเหม่ยนั้นสวยสง่าเย็นชา รูปร่างหน้าตาของเธอไร้ที่ติอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม หลินโจวยังคงพบว่าใบหน้าของเธอดูซีดเซียวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอาการปวดท้องเมื่อครู่ส่งผลกระทบต่อเธอไม่น้อย
ซูชิงเหม่ยร้องเพลงฮิตของตัวเอง แต่วันนี้เสียงของเธอแหบแห้งเล็กน้อย ไม่ใสกังวาลเหมือนเมื่อก่อน ลมหายใจก็ดูไม่ค่อยมั่นคง
แม้ว่าการแสดงครั้งนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี แต่โดยรวมแล้วกลับไม่มีอะไรโดดเด่น แตกต่างจากระดับปกติของเธออย่างมาก
หลังจากซูชิงเหม่ยร้องเพลงจบ เดินลงจากเวที ขาของเธอดูสั่นเล็กน้อย หลินโจวถึงกับกังวลว่าเธอจะล้ม
หลินโจวถอดหูฟังออกแล้วพูดกับผู้ช่วยหลิวว่า "ผู้ช่วยหลิว ขอบคุณนะครับ"
“ไม่เป็นไร” หญิงสาวร่างเล็กยิ้มน้อยๆ ก่อนจะถามด้วยเสียงเบาว่า: “ผู้ช่วยหลิน อาจารย์ซูไม่สบายหรือเปล่าคะ?”
หลินโจวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า ดูเหมือนว่าอาการของซูชิงเหม่ยจะแย่ลงมากจนแม้แต่ทีมงานก็ยังสังเกตเห็นได้
แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ศิลปินจะต้องใส่ใจกับการดูแลสุขภาพของตัวเอง ทีมงานรายการเองก็คงไม่สามารถรอให้คุณหายดีก่อนจะถ่ายทำต่อได้หรอก
แต่ซูชิงเหม่ยก็ถือว่าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ แม้ว่าหลินโจวเพิ่งนวดท้องเพื่อบรรเทาอาการปวดให้เธอไป แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะหายไปปลิดทิ้ง การที่เธอสามารถยืนหยัดบนเวทีร้องเพลงจนจบได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
ศิลปินหลายคนที่ไม่โด่งดังเท่าเธอ แค่โดนกระดาษบาดนิ้วนิดหน่อยก็ร้องจะไปโรงพยาบาลแล้ว
อย่างไรก็ตาม อันดับของซูชิงเหม่ยในสัปดาห์นี้คงจะไม่ดีเท่าที่ควร
หลินโจวกลับไปที่ห้องแต่งตัว และประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ซูชิงเหม่ยและคนอื่นๆ ก็กลับมา
“พี่ชิงเหม่ย ไม่เป็นไรหรอก ครั้งนี้พี่แค่ไม่สบาย อาทิตย์หน้าพี่ทำได้ดีกว่านี้แน่!”
โจวหยุนยังคงปลอบใจซูชิงเหม่ย ส่วนจางหงกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“อาจารย์ซู ช่วงนี้สบายดีไหมคะ? ฮ่าๆ ใช่ค่ะ ชิงเหม่ยของเราชอบเพลงที่อาจารย์ซูเขียนมาตลอด อาจารย์มีผลงานที่เหมาะสมบ้างไหมคะ... โอ้ โอเคค่ะ ไม่มีปัญหา ไว้ครั้งหน้าค่อยร่วมงานกันนะคะ!”
ฟังจากที่เธอพูด ดูเหมือนเธอกำลังมองหานักแต่งเพลงเพื่อขอเพลง แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธกลับมา
ดูจากท่าทางของเธอแล้ว คาดว่าน่าจะโทรหานักแต่งเพลงหลายคนแล้ว
ส่วนซูชิงเหม่ย ใบหน้าของเธอในเวลานี้ซีดกว่าตอนอยู่บนเวทีมาก เห็นได้ชัดว่าสภาพร่างกายของเธอแย่ถึงขีดสุดแล้ว
เมื่อเห็นหลินโจว ซูชิงเหม่ยก็เม้มริมฝีปาก แล้วพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า: "คุณพูดถูก"
หลินโจวอึ้งไป ไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? ซูชิงเหม่ยจึงพูดต่อว่า:
“ฉันอยากจะรักษาเสียงให้หายดี ฉันจะทำตามที่คุณบอก”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินโจวก็เข้าใจว่าซูชิงเหม่ยหมายถึงอะไร ก่อนหน้านี้เขาสอนซูชิงเหม่ยว่าเธอควรจะวางแผนการใช้ชีวิตและแผนโภชนาการที่ถูกต้อง และควรมีคนคอยกำกับดูแลให้เธอปฏิบัติตาม
ในเวลานั้น เขารู้สึกเสียดายและหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย เขาแค่รู้สึกว่าซูชิงเหม่ยไม่รู้จักรักตัวเอง และเสียดายรูปร่างหน้าตารวมไปถึงพรสวรรค์ในด้านการร้องเพลงของเธอ
พูดจบเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าครั้งนี้คงจะถูกไล่ออกแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้ซูชิงเหม่ยจะเห็นด้วยกับคำพูดของเขาเสียอย่างนั้น แถมยังจะให้เขาดูแลเธออีก?
“ชิงเหม่ย?”
จางหงก็ประหลาดใจเช่นกัน แต่ไม่นานสีหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นโล่งใจ เธอยิ้มและพูดว่า: " เธอคิดได้แบบนี้ฉันก็โล่งใจแล้ว ตอนนี้ดูแลสุขภาพของเราให้แข็งแรงก่อน เดี๋ยวอะไรๆ ก็จะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน!"
หลังจากการบันทึกรายการจบลง เมื่อทั้งสี่คนนั่งรถออกจากสตาร์ซิตี้ ท้องฟ้าข้างนอกก็มืดแล้ว
ซูชิงเหม่ยขึ้นรถไม่นานก็หลับไป หัวของเธอพิงกับหน้าต่างรถ กอดอกไว้แน่น กัดริมฝีปากเบา ๆ แม้แต่ตอนนอนท่าทางของเธอก็ยังคงดูดื้อรั้น บอกให้นอนราบลงไปก็ไม่ยอม
โจวหยุนหยิบเสื้อโค้ทมาคลุมให้เธอแล้วถอนหายใจเบา ๆ : " ถ้ารู้ตั้งแต่แรกไม่น่ารับรายการนี้เลย"
จางหงจ้องเขม็งไปที่โจวหยุดแล้วพูดว่า: "รายการระดับท็อปอย่างรายการ “I am a Singer” ใครๆ ก็แย่งกันเข้าร่วมทั้งนั้น!"
โจวหยุนเม้มริมฝีปาก หลินโจวที่ขับรถอยู่ก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา: "คุณซูอยู่อันดับที่เท่าไหร่ครับ?"
โจวหยุนพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ว่า: "อันดับเจ็ด"
หลินโจวชะงักไป แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจมากนัก เพราะอาการของซูชิงเหม่ยในวันนี้ไม่ดีเลยจริงๆ ได้อันดับ 7 ก็ถือว่าไม่ผิดคาดมากเกินไป
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมจางหงถึงพยามติดต่อนักแต่งเพลงอยู่ตลอดเวลา น่าจะเป็นเพราะเธออยากจะใช้เพลงใหม่เพื่อให้ซูชิงเหม่ยใช้พลิกสถานการณ์ในสัปดาห์หน้า
ท้ายที่สุดแล้ว หากนักร้องสาวดาวรุ่งแห่งวงการเพลงอย่างซูชิงเหม่ยถูกคัดออกตั้งแต่รอบแรก มันคงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้จริงๆ
นักเลงคีย์บอร์ดพวกนั้นไม่สนหรอกว่าคุณจะป่วยหรือไม่สบาย ยังไงก็ตาม เพียงแค่คุณก้าวพลาด คนเหล่านั้นก็พร้อมที่จะวิพากษ์วิจารณ์ การเยาะเย้ยถากถางย่อมต้องตามมาไม่ขาดสาย
เมื่อถึงตอนนั้น ความกดดันที่ซูชิงเหม่ยต้องแบกรับก็จะยิ่งมากขึ้นไปอีก
โจวหยุนมองดูซูชิงเหม่ยอีกครั้ง หลังจากแน่ใจว่าเธอหลับไปแล้ว เธอก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงฮึดฮัดว่า: "ฉันไม่ชอบเซิ่นเหยานั่นเลย ผู้หญิงคนนี้น่ารังเกียจมากจริงๆ พูดจาหยาบคายมาก ได้ดีเพราะเล่ห์เหลี่ยมทั้งนั้น!"