บทที่ 14 ตอน หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่พิเศษหรือเป็นหมู่บ้านมนุษย์หมาป่า?
บทที่ 14 ตอน หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่พิเศษหรือเป็นหมู่บ้านมนุษย์หมาป่า?
“แล้วคุณมีเพื่อนร่วมชั้น ศิษย์เก่า หรือคนอื่นๆ อีกไหม แนะนำให้ฉันสักคนบ้าง แบบนี้น่าจะง่ายกว่า!” มู่โหยวถามอย่างไม่เต็มใจ
“ถ้างั้น ฉันจะลองพยายามอย่างเต็มที่แล้วกัน...”
จ้าวเฉียนไม่กล้าที่จะปฏิเสธต่อหน้า ดังนั้นหลังจากจบประโยคดังกล่าว เธอก็โบกมือแล้วจากไป
“น่าเสียดายจัง…”
อันที่จริง มู่โหยวก็รู้ดีว่ามีความหวังอยู่นิดหน่อย คนที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอย่างจ้าวเฉียน ไม่ทางที่จะยอมสละศักดิ์ศรีตัวเองและทำงานในร้านขายสัตว์เลี้ยง
“ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง...”
พักเรื่องนี้เอาไว้เท่านี้ก่อน
มู่โหยวกลับไปที่ร้าน และลูกค้าที่เหลือด้วยกันกับเสิ่นหยา
เนื่องจากยุ่งวุ่นวายจนถึงช่วงบ่าย เมื่อลูกค้าทั้งหมดกลับออกไปหมดแล้ว ทั้งสองคนจึงนอนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ที่แผนกต้อนรับและเช็คของพร้อมกับคิดยอดที่ได้รับในวันนั้น
ในตอนท้ายของวัน ร้านค้าขายแฮมสเตอร์ได้ทั้งหมด 12 ตัว ชินชิลล่า 7 ตัว กระต่าย 5 ตัว เต่าทอง 3 ตัว นกคีรีบูน 6 ตัว และปลาคราฟ 5 ตัว
นอกจากนี้ยังมีสัตว์เลี้ยงจำนวนมากที่ลูกค้าติดป้ายสั่งจองล่วงหน้าและอยู่ในสถานะ Sold
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์และอาหารสัตว์สำหรับสัตว์เลี้ยงต่างๆ ที่ลูกค้าซื้อระหว่างซื้อสัตว์เลี้ยงอีกด้วย
หลังจากนับแล้ว มูลค่าการซื้อขายของวันนี้ก็สูงถึง 15,000 หยวน ที่ตกใจมากไปกว่านั้น แม้จะหักต้นทุนแล้วกำไรสุทธิก็ยังทะลุถึง 8,000 หยวน!
“ผู้จัดการ รายได้ของเราวันนี้วันเดียวเกือบจะเกินกว่ารายได้ทั้งเดือนที่ผ่านมาเลยนะ!” เสิ่นหยามองดูข้อมูลผลสรุปในคอมพิวเตอร์ ดวงตาของเธอหรี่ลงเป็นรูปจันทร์เสี้ยว และเธอก็ยิ้มกว้างราวกับปากจะฉีกไปถึงหู
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งตื่นเต้นไป นี่แค่วันแรกเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาวิธีว่าเราจะรักษาลูกค้าเหล่านี้ไว้ยังไงและพยายามผลักดันพวกเขาให้กลายมาเป็นลูกค้าประจำของเราให้ได้”
มู่โหยวหายใจ มูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในวันนี้มีสาเหตุหลักมาจากวิดีโอที่เขาโพสต์ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม วิดีโอที่จะเป็นกระเเสแบบนี้หาได้ยาก
พวกเขาโชคดีที่ได้โอกาสนี้และยังต้องพึ่งพาคุณภาพของร้านเพื่อรักษาลูกค้าไว้ในอนาคต
ผลสรุปยอดขายของวันนี้นั้นจบลง และมู่โหยวได้ยื่นซองจดหมายอั่งเปา 500 หยวนให้กับเสิ่นหยา ซึ่งถือเป็นรางวัลสำหรับการทำงานอย่างหนักของเธอในวันนี้
“ขอบคุณนะคะ ผู้จัดการ!”
มู่โหยวยืนอยู่ที่ประตูร้าน มองเสิ่นหยาที่กำลังดีใจ เดินและกระโดดสลับกันอย่างร่าเริง จากนั้นเขาจุดบุหรี่อย่างเงียบๆ โดยคิดถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงวันนี้
ในความเป็นจริง หลังจากได้รับนาฬิกาพกแล้ว มันก็กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาในการหาเงิน เขาไม่จำเป็นต้องเปิดร้านขายสัตว์เลี้ยงทุกวันด้วยซ้ำเขาเพียงแต่ต้องไปที่คาสิโนใหญ่ๆ ในต่างประเทศเพียงเท่านี้เขาก็สามารถหาเงินได้เท่าที่ตัวเองต้องการ
อย่างไรก็ตาม มู่โหยวไม่เคยคิดจะใช้วิธีนี้มาก่อน เหตุผลนั้นง่ายมาก วิธีการหาเงินแบบผิดๆ นี้ จะทำให้เขาโดนเปิดเผยตัวตนได้ง่ายๆ !
ต้องคำนึงอยู่เสมอว่าตอนนี้เขาไม่ใช่ผู้เล่นเพียงคนเดียวในโลก และในบรรดาผู้เล่นทั้งหมด เขาเป็นเพียงมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มเล่นเกม หากมีผู้เล่นคนอื่นๆ อีกล่ะก็...
สรุปว่าในสถานการณ์ปัจจุบันที่เขายังไม่ร้อนเงิน ก็ควรเปิดร้านต่อเหมือนเดิมและพัฒนาร้านแบบเงียบๆ ดีกว่า
“ลองก้าวไปทีละขั้น…”
หลังจากสูบบุหรี่เสร็จ มู่โหยวก็ขยี้ก้นบุหรี่ โยนมันลงถังขยะ แล้วหันกลับไปเพื่อเก็บกวาดร้าน
เขาไม่ลืมว่ายังมีพลังความคล่องตัวที่ดูจะไร้ประโยชน์อยู่ในเกม
หลังจากปิดร้าน มู่โหยวหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมา และกลับเข้าสู่เกม!
ในเกมเขาเพิ่งได้งานใหม่และมีบ้านเป็นของตัวเอง เมื่อเขาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน มู่โหยวแทบจะรอไม่ไหวที่จะควบคุมตัวละครนี้เพื่อออกไปผจญภัย
【คุณผลักประตู เดินออกจากกระท่อมของผู้เฝ้าดู และสำรวจส่วนลึกของหมู่บ้านต่อไป 】
【เริ่มมืดแล้ว ถนนข้างหน้ามืดมิด คุณต้องเปิดตะเกียงฟักทองเพื่อส่องทาง 】
【แสงจากตะเกียงฟักทองจะเด่นชัดเป็นพิเศษบนถนนสายเล็กๆ ในตอนกลางคืน 】
【คุณเดินออกไปสักพัก ก็มาถึงทางแยกข้างหน้า และทันใดนั้นก็เห็นมนุษย์หมาป่าหมอบอยู่บนพื้นหญ้าไม่ไกลนัก 】
【มนุษย์หมาป่าพบคุณแล้ว และมนุษย์หมาป่าก็วิ่งเข้าหาคุณ! 】
【คุณถูกมนุษย์หมาป่าฆ่า! 】
【คุณตายแล้ว อายุขัย -1 อายุขัยที่เหลืออยู่คือ 54 ปี 】
เชี่ยไรวะเนี่ย ตายแบบเดิมอีกแล้ว!
มู่โหยวเคยคิดที่จะเข้าไปในหมู่บ้านมาก่อน เพื่อไม่ให้มีฉากการถูกมอนสเตอร์ฆ่าจนตาย แต่เขากลับปฏิเสธความคิดดังกล่าว สุดท้ายเขาก็คิดถูกเเต่กลับสายไปเสียเเล้ว
ว่าแต่ว่า มนุษย์หมาป่าเชี่ยอะไรอีก?
มู่โหยวอ่านข้อความอย่างละเอียดหลายครั้ง และแน่ใจว่ามันเป็นมนุษย์หมาป่า ไม่ใช่หมาป่า
กล่าวคือหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่พิเศษหรือเป็นหมู่บ้านมนุษย์หมาป่า?
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของสิ่งมีชีวิตใหม่นี้ขัดขวางแผนการก่อนหน้าของมู่โหยวอย่างเห็นได้ชัด หมู่บ้านนี้ไม่ปลอดภัยจริงๆ !
เมื่อตัวละครเสียชีวิตแล้ว และมู่โหยวกำลังจะกดนาฬิกาพกเพื่อย้อนเวลากลับไปทันที แต่ในขณะนี้ เขาพบว่าเกมยังไม่ได้จบลง
หลังจากที่ตัวละครในเกมเสียชีวิตและกลับบ่อเกิด ข้อความใหม่ก็ปรากฏขึ้นที่ด้านล่างของหน้าจอโดยไม่คาดคิด
【หลังจากความเจ็บปวดแห่งความตาย คุณฟื้นคืนชีพในห้องใต้ดินของกระท่อม 】
【คุณกำลังจะลุกขึ้น จู่ๆ คุณก็สัมผัสกับหนังสือที่เต็มไปด้วยฝุ่นบนพื้น 】
【คุณหยิบมันขึ้นมาดู ปรากฎว่าเป็นบันทึกของการลาดตระเวนที่ผู้เฝ้าดูคนก่อนทิ้งไว้ ซึ่งบันทึกสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินทุกคืนเมื่อเขาออกตรวจตรา น่าเสียดายที่บันทึกนี้เขียนด้วยภาษาโปรทอส *เพื่อให้เข้าใจข้อความในนั้น คุณต้องเรียนรู้ภาษาโปรทอสก่อน 】
【บางทีคุณอาจต้องกลับไปหาเจ้าของร้านนกฮูกและซื้อพจนานุกรมเพื่อเรียนรู้ภาษาโปรทอสได้ 】
หาพจนานุกรม?
มู่โหยวผงะไปชั่วขณะ คราวนี้เมื่อเขาตายเขาจะกลับมาเกิดใหม่ที่กระท่อม ดูเหมือนว่ามีเหตุการณ์ใหม่เกิดขึ้นและเขาได้รับสมุดบันทึกแถมมาอีก
ดูจากชื่อแล้ว นี่ควรเป็นไดอารี่ที่เขียนโดยผู้เฝ้าดูคนก่อน บันทึกสิ่งที่เขาสัมผัสทุกคืนขณะออกลาดตะเวน หากสามารถแปลได้ครบถ้วน ก็จะสามารถรับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับโลกแห่งดวงดาวได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หากต้องการเข้าใจไดอารี่นี้ เขาต้องกลับไปหาพ่อค้าเพื่อซื้อพจนานุกรมก่อน และเรียนรู้ภาษาของโลกนี้
“มันก็ทำได้อยู่หรอก แต่ต้องรอจนถึงเช้าก่อน…”
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หมาป่าหรือพจนานุกรมของโปรทอส มู่โหยวก็ไม่จำเป็นต้องคิดถึงมันในตอนนี้
แต้มความคล่องตัวของวันนี้หมดลง จนถึงเวลา 18.00 น. ระบบแจ้งว่าหากขาดการเชื่อมต่อเป็นเวลา 6 ชั่วโมงจะได้รับบทลงโทษ
ตลอดเวลาที่เหลือเขาไม่มีอะไรทำเลย โดยคิดว่าอาจจะต้องนอนดึกเพื่อออกไปทำ 'งานเฝ้าดู' มู่โหย่วก็กลับไปที่ห้องนอนเพื่อนอนหลับพักผ่อนล่วงหน้า
เวลา 11.30 น. มู่โหยวถูกนาฬิกาปลุกปลุกให้ตื่นตรงเวลา
เขาลากร่างที่หิวโซลงไปชั้นล่างเพื่อหาอาหาร
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ก็ไปอาบน้ำอีกครั้งและเช็คเวลา
ตอนนี้เป็นเวลา 11.55 น. แล้ว
“ภารกิจ ภารกิจ!”
รุ่งอรุณกำลังใกล้เข้ามา และเมื่อคนส่วนใหญ่ในเมืองนี้หลับใหล มู่โหย่วก็พร้อมที่จะออกไปข้างนอกด้วยความกระตือรือร้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกไปมากลางดึกเพื่อทำงานให้เสร็จ และเขาก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเรื่องนี้!
แน่นอน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเปิดเผยตัวตน มู่โหยวไม่ได้เดินผ่านประตูหน้าอย่างเซ่อซ่า แต่วิ่งไปที่ห้องน้ำสัตว์เลี้ยง และออกไปทางหน้าต่างด้านหลังของห้องน้ำ
เขาเติบโตในร้านขายสัตว์เลี้ยงและคุ้นเคยกับบริเวณนี้มาก ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาว่าที่ใดมีการเฝ้าระวังและที่ใดไม่มีการเฝ้าระวัง
มู่โหยวเดินไปตามมุมอับของจุดเฝ้าระวัง ไปจนถึงตรอกร้างที่อยู่ห่างออกไปสองถนน
ซ่อนตัวอยู่ในความมืด เช็ดใบหน้าของเขา และเปลี่ยนร่างเป็น ‘ผู้เฝ้าดู’
เมื่อมองดูเสื้อผ้าสีแดงเข้มที่โผล่ออกมาจนทั่วร่างกายของเขา มู่โหยวก็จุดตะเกียงฟักทองแล้วเดินออกจากตรอกพร้อมกับตะเกียง
ท้ายบท *Protoss โปรทอส คือเผ่าพันธุ์ที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์และมีสติปัญญาสูง เป็นชนพื้นเมืองบนดาวไอเออร์