นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 426 - ฟลินท์!
เดวิดจ้องเจ้าตัวเล็กที่แยกเขี้ยวขู่อยู่ตรงหน้าอย่างคิดไม่ตก สิ่งที่จูสือเม่ยกับหลงเฉินกล่าวออกมานั้นถูกต้อง แต่การจะฆ่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้เดียงสารราวกับลูกหมาตัวเล็ก ๆ แบบนี้ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ลง
และก่อนที่เขาจะได้ตัดสินใจอะไรลงไป เจ้าเสือดำตัวจ้อยนั่นก็ชิงตัดสินใจก่อนแล้ว มันกระโดดงับเข้าที่มือของเดวิดอย่างเต็มแรงเลยทีเดียว
แกร๊ก!!
รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันที “เอาล่ะ! ตกลง! ฉันจะเอาแกกับไปด้วย” เดวิดพึมพำออกมาในที่สุด
ทั้งหลงเฉินและจูสือเม่ยมองหน้ากันอย่างตกตะลึง พวกเขากำลังคิดอยู่ในหัวว่าร่างกายของเดวิดนั้นทำขึ้นมาจากอะไรกันแน่ ไม่มีคลื่นพลังอะไรรั่วไหลแสดงออกมาให้เห็นว่ากำลังปกป้องร่างกายอยู่เลยแม้แต่น้อย แค่คมเขี้ยวที่แข็งแกร่งก็ไม่สามารถแม้แต่จะทะลุผ่านผิวหนังที่นิ้วมือซึ่งบอบบางเป็นอย่างมากไปได้ และหลังจากนั้นก็พากันส่ายหน้าออกมาพร้อมกัน พวกเขาไม่คิดว่าเดวิดจะสามารถฝึกลูกเสือตัวนี้ให้เชื่องได้เลย โดยเฉพาะเมื่อเลือดแม่ของมันยังติดคามืออยู่แบบนี้
กึ้ด!! แกร๊ก!
เสียงฟันที่แหลมคมขัดถูเข้ากับโลหะยังดังออกมาเป็นระยะ เจ้าเสือดำเกล็ดมังกรตัวน้อยยังไม่คิดที่จะยอมแพ้ มันทุ่มเทความพยายามเต็มที่ที่จะกัดนิ้วของเดวิดให้ขาด หัวของมันสะบัดไปมาไม่หยุดเลยทีเดียว และไม่ยอมแม้แต่จะอ้าปากปล่อยนิ้วของเดวิดให้เป็นอิสระด้วย
“ยังไม่ไหว! แกยังอ่อนแอเกินไป” หลังจากที่ยิ้มหัวเราะออกมาเบา ๆ เดวิดก็จับเจ้าตัวเล็กให้ลอยขึ้นมาสังเกตใกล้ ๆ ก่อนจะจ้องตาและเอ่ยปากสั่งสอนทันที
“ถ้าอยากจะแก้แค้นให้แม่ แกต้องแข็งแกร่งกว่านี้รู้มั้ย? ถ้าแค่นิ้วของฉันยังกัดไม่เข้า จะเอาอะไรมาแก้แค้น ตามฉันไปก่อน ตกลงมั้ย?”
“กรรซซ์!”
“อืม? เข้าใจก็ดีแล้ว” เขาถือว่าเสียคำรามนั่นเป็นการตอบรับ และจับเจ้าตัวเล็กวางเอาไว้บนไหล่ของตัวเองทันที
แน่นอน! เจ้าเสือน้อยไม่ได้อยู่นิ่งเลย กงเล็บของมันยึดเสื้อของเดวิดเอาไว้ไม่ให้ตัวเองตกลงไป ปากพยายามไล่กัดไปที่ต้นคออย่างเต็มที่เมื่อไม่ถนัดปากนัก เป้าหมายของมันก็เปลี่ยนไปเป็นใบหู แต่ก็เหมือนเดิม! เดวิดแค่รู้สึกจั๊กจี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“เอาล่ะ! เข้าไปสำรวจในถ้ำกันดีกว่าว่ามีอะไรดี ๆ อยู่บ้างมั้ย เสร็จแล้วจะได้รีบกลับกัน” เขาหันกลับไปกล่าวกับเพื่อนรวมทีมทั้ง 2 คน ก่อนจะพบเพียงความผิดหวัง ถ้ำนี้ไม่ได้ลึกมากมายอะไรนัก และมันเป็นเพียงแค่ที่พักอาศัยชั่วคราวของเสือดำเกล็ดมังกรระหว่างการเลี้ยงลูกเท่านั้น หลังจากที่ใช้เวลาสำรวจเพียงไม่นาน พวกเขาก็ตัดสินใจกลับไปตามหาอีก 2 คนที่ปลิวหายไปก่อนหน้านี้จนพบ ซึ่งโชคดีที่พวกเขาไม่มีใครได้รับอันตรายถึงชีวิตเลย
.....
“โชคดีที่พวกเราไม่ได้ทำให้คุณหนูผิดหวัง นี่คือสมุนไพรที่เก็บมาได้ครับ” หลังจากกลับมารวมกลุ่มกับขบวนหาสมุนไพรได้ เดวิดก็หยิบผลไม้สีแดงลูกนั้นส่งให้ทันที
ดวงตาของคุณหนูฉางเป็นประกาย และยื่นมือออกมาหมายจะรับเอาผลไม้ไปชื่นชม นี่เป็นสมุนไพรระดับ 3 อันล้ำค่า แค่ผลไม้ลูกนี้ลูกเดียว ต่อให้เธอชดเชยให้กับผู้เสียชีวิตจากการเดินทางครั้งนี้เป็น 3 เท่า รวมถึงจ่ายค่าแรงเพิ่มให้คนอื่น ๆ เป็น 2 เท่า ทองที่เหลืออยู่ก็เพียงพอสำหรับใช้จ่ายในตระกูลไปอีกหลายปีโดยไม่ต้องทำอะไรเลย การเดินทางครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายไปมากจริง ๆ
แต่ก่อนที่มือของคุณหนูฉางจะได้สัมผัสกับผลไม้ล้ำค่า เสียงคำรามของสัตว์ร้ายก็ดังก้องขึ้น พร้อมกับเงาร่างที่กระโจนเข้าใส่มือที่ยื่นออกมาราวกับสายฟ้า
อย่างไรก็ตาม เงาร่างที่ดุร้ายนั่นก็ถูกหยุดเอาเสียก่อน มือที่ว่างอยู่ของเดวิดยื่นออกไปจับมันหิ้วลอยอยู่กลางอากาศ ใช่แล้ว เป็นการโจมตีของเจ้าเสือดำเกล็ดมังกรตัวน้อยนั่นเอง
“อ-อะไรกัน!” คุณหนูฉางอุทานออกมาเสียงหลง ก่อนจะรีบถอยตัวออกไปหลายก้าวอย่างตื่นตกใจ เธอใช้เวลาไม่นานนักคุมสติของตัวเองกลับมาได้ หลังจากที่เห็นเดวิดลงมือจัดการกับสิ่งที่พุ่งเข้าใส่ตัวเองเรียบร้อยแล้ว
“นั่นมันตัวอะไร?”
“เอ่อ! สัตว์เลี้ยงของผมน่ะครับ ต้องขอโทษคุณหนูด้วยที่ทำให้ตกใจ พอดีเพิ่งได้มาหมาด ๆ ยังไม่ได้ฝึกให้ดีเลย” เดวิดเอ่ยขอโทษออกไปอย่างสุภาพ ก่อนจะจับเจ้าตัวร้ายให้มาเกาะอยู่ที่อกเสื้อของตัวเองก่อน
“หือ? นั่นมันลูกเสือดำเกล็ดมังกรไม่ใช่หรือยังไง” ผู้ฝึกฝนชายถามออกมาอย่างสงสัย เช่นเดียวกับสีหน้าของผู้คุ้มกันส่วนตัวของคุณหนูฉาง ที่กำลังมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสับสน
แม้ว่าจะยังเป็นแค่เสือดำที่เพิ่งเกิด แต่สัตว์อสูรประเภทนี้มีจุดเด่นในเรื่องเขี้ยวเล็บที่แหลมคม แต่ทำไมมือของเจ้าหนุ่มคนนี้ไม่เป็นอะไรเลย?
ยังไม่ทันที่เดวิดจะได้ตอบอะไรกลับไป เจ้าตัวร้ายก็พาตัวเองกลับขึ้นไปอยู่บนไหล่ของเขาได้อีกครั้ง แน่นอน! มันลงมือจู่โจมอย่างทันที กัดและตะกุยทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างเกรี้ยวกราด สายตาของผู้ที่เฝ้ามองดูอยู่เริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้งแล้ว เจ้าหนุ่มคนนี้เล่นอะไรของเขากันแน่ ทำไมถึงได้ยอมเจ็บตัวขนาดนี้
“หือ? ทำไมกัน?” แล้วสายตาของทุกคนก็เบิกกว้าง เมื่อไม่เห็นบาดแผลหรือเลือดไหลออกมาโซมกายอย่างที่คาด มันมีแต่เสียงแกรกกรากของการกัดโลหะเข้าอย่างแรงดังขึ้นมาเท่านั้น กงเล็บที่ตวัดไปทั่วทำให้เกิดประกายไฟขึ้นมาเป็นระยะ แต่ไม่มี! ไม่มีบาดแผลหรือรอยขีดข่วนปรากฏออกมาให้เห็นเลย
เดวิดก็สังเกตประกายไฟที่เกิดขึ้นได้ ไอเดียวาบเข้ามาในหัวของเขาทันที ‘ประกายไฟ...ได้เลย ต่อไปฉันจะเรียกแกว่า ‘ฟลินท์’ ก็แล้วกัน’
“โอ้! ไม่ต้องสนใจมันหรอก ปล่อยให้มันเล่นไปอย่างนี้แหละ” เมื่อเดวิดเห็นสายตาของผู้คนต่างจับจ้องมาอย่างตื่นตระหนก เขาก็รีบเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะยื่นส่งผลไม้ในมือให้กับคุณหนูผู้นำขบวนตามเจตนาเดิมทันที
เหล่าผู้คนในขบวนหาสมุนไพรหันไปจ้องมองหน้ากันอย่างพูดอะไรไม่ออก ท่าทางที่ดุร้ายของสัตว์อสูรตัวน้อยนั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่ในสายตาของทุกคน มันไม่ใช่การเล่นสนุกเลยแม้แต่นิดเดียว แต่มันเป็นการตั้งใจที่จะกัดและฉีกเนื้อของเดวิดออกมาให้เป็นชิ้นชัด ๆ เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นตัวประหลาดประเภทไหนกันแน่?
ความคิดที่หลากหลายปรากฏขึ้นในหัวของพวกเขา แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว สำหรับพวกเขาแล้ว เดวิดนั้นน่ากลัวเสียยิ่งกว่าสัตว์อสูรใด ๆ ที่เคยพบพานมาเสียอีก ในความรู้และความเข้าใจโดยทั่วไป ผู้ฝึกฝนจะมีร่างกายที่ไม่ต่างจากคนธรรมดามากนัก แต่เด็กหนุ่มที่ยืนให้สัตว์อสูรกัดและข่วนคออยู่ตรงหน้านี้ ต้องไม่ใช่ผู้ฝึกฝนธรรมดาอย่างแน่นอน อย่างน้อย ๆ หนังของเขาก็หนาและทนทานผิดปกติเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
คุณหนูฉางสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเดวิดอย่างพิจารณา ยังไม่ได้รีบร้อนที่จะยื่นมือออกไปรับผลไม้ลำค่ามาไว้ในครอบครอง ความคิดของเธอกำลังทำงานอยู่อย่างรวดเร็วและว่องไว ผู้ฝึกคลื่นสมองที่มีความแข็งแรงทางด้านกายภาพสูงล้ำแบบนี้ ถ้าไม่เป็นตัวตนที่พิเศษสุด ก็ต้องเป็นยอดฝีมือระดับสูงที่ปิดบังพลังที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก็คุ้มค่าที่จะสานความสัมพันธ์ด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“คุณเดวิด! ถึงแม้ว่าผลไม้ลูกนี้จะมีมูลค่ามหาศาล แต่ตระกูลฉางของเราก็ใช้ประโยชน์จากมันไม่ได้มากนักเลย และเท่าที่ฉันสัมผัสได้ ดูเหมือนว่าคุณเดวิดจะยังอยู่ในระดับขึ้นผู้ก่อพลังเท่านั้น ผลไม้ลูกนี้จะมีประโยชน์ต่อคุณเดวิดเป็นอย่างมาก มันอาจจะช่วยยกระดับให้บรรลุระดับผู้ก่อปฐพีได้โดยตรงเลยทีเดียว”
“คุณหนู!” เสียงร้องระงมดังมาจากผู้คุ้มกันส่วนตัวของเธอ แต่ทั้งหมดก็เงียบเสียงลงหลังจากที่คุณหนูฉางหันไปมองปรามด้วยสายตาที่หนักแน่น
เดวิดขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างสับสน เขาใช้เวลาสักพักจึงจะสามารถทำความเข้าใจกับเจตนาของอีกฝ่ายได้ และลอบแอบชมอยู่ในใจถึงความกล้าได้กล้าเสียของคุณหนูคนสวยผู้นี้ ไม่ว่าเดวิดจะตอบรับหรือปฏิเสธผลไม้ลูกนี้ ตระกูลฉางของเธอก็จะได้ประโยชน์ทั้ง 2 ทาง
ถ้าเขายอมรับผลไม้ลูกนี้เอาไว้ มันหมายถึงเดวิดจะติดหนี้บุญคุณพวกเธอครั้งใหญ่ การขอความช่วยเหลือในภายภาคหน้าย่อมจะถูกตอบรับโดยไม่มีการอิดออด ต่อให้เขาไม่รับมันเอาไว้ พวกเธอก็จะไม่เสียผลไม้ล้ำค่า แถมยังจะได้ความซาบซึ้งใจจากเดวิดไปเต็ม ๆ อีกด้วย นี่ช่างเป็นแผนการที่ไร้ที่ติเลยจริง ๆ
หลังจากครุ่นคิดจนตกผลึกแล้ว เดวิดก็ส่ายหน้าและยิ้มบาง ๆ ออกมา “ไม่จำเป็นหรอกคุณหนูฉาง ผมไม่ต้องการที่จะใช้มันเลย คุณหนูเก็บมันเอาไว้อย่างที่ควรจะเป็นเถิด” เขายัดเยียดผลไม้ใส่มือของคุณหนูคนสวยไปได้ในที่สุด ก่อนจะใช้มือคว้าเจ้าตัวเล็กลงจากคอมาวางไว้ที่อกของตัวเองแทน แม้จะไม่รู้สึกเจ็บอะไร แต่เดวิดก็เริ่มรำคาญขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังเบา ๆ ออกมาจากผู้คนที่ร่วมขบวนมาเก็บสมุนไพร ในขณะที่เหล่าผู้ฝึกตนส่ายหัวให้กับความโง่เง่าของเดวิด มีเพียงจูสือเม่ยเท่านั้นที่มีดวงตาเป็นประกายขึ้นมา แววตาของเธอที่มองมายังเดวิดนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย
หลังจากจบเรื่องทุกอย่างแล้ว ขบวนเก็บสมุนไพรก็ตัดสินใจที่จะเดินทางกลับออกไปจากป่าในทันที แค่สมุนไพรระดับ 3 เพียงลูกเดียวก็คุ้มค่ากับการเดินทางในครั้งนี้แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสี่ยงอัตราอยู่ในป่าเหมันต์อีกต่อไป แม้ว่ามันจะเป็นเวลาที่เย็นย่ำจวนจะใกล้ค่ำแล้ว แต่ถ้าเร่งเดินอย่างรวดเร็ว พวกเขาจะสามารถออกไปยังชายป่าที่ค่อนข้างปลอดภัยได้ก่อนที่ฟ้าจะมืดลงแน่