ตอนที่ 56 หลบหนี
ออสบอร์นมองร่างวิญญาณของคาเดนที่ลอยตามเขากลับมา ตอนนี้มันมีสีเขียวสดใสอีกครั้งหลังจากดูดกลืนพลังชีวิตของเมนเดรกไปจำนวนมาก
พ่อมดเฒ่ากำลังชั่งน้ำหนักและคิดหาแผนการณ์ในใจ
ตราบใดที่เขาไม่เผยตัวออกไป ต่อให้เรือเหาะพวกนั้นจะทรงพลังเท่าใดก็ไม่อาจทำอันตรายเขาได้
ดังนั้นแผนตอนนี้คือหลบซ่อนตัวตน
ว่าแล้วออสบอร์นก็ร่ายคาถาลวงตาใส่ตนเองและเก็บร่างวิญญาณของคาเดนเข้ามาภายในแหวน
พลังของคาถาอัญเชิญยังคงอยู่อีกหลายนาที คำสั่งให้ร่วมต่อสู้ยังไม่หมดไป ดังนั้นเขาสามารถเรียกคาเดนออกมาได้ภายในระยะเวลาที่เหลือ การเก็บเขาลงไปในแหวนไม่ได้เป็นการยกเลิกการอัญเชิญแต่อย่างใด
เสียงเครื่องกลของเรือเหาะยี่สิบลำ ดังสนั่นอยู่เหนือฟากฟ้าของวอร์บัส ประชาชนในเขตชั้นในต่างรีบอพยพออกมาและไปรวมกันอยู่ที่เขตชั้นนอก
ไม่ต้องรอให้ใครสั่ง เพราะดูจากความเสียหายจากการต่อสู้แล้ว พวกเขาไม่ปราถนาที่จะเสี่ยงอยู่ในเมืองแห่งนี้
พ่อมดเฒ่ารีบทะยานมาถึงที่อยู่ของโรอาตามที่อวาซิลบอกเอาไว้ เขาพบเด็กชายกับเลวาเธลทันที
เอลฟ์หนุ่มดูชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตั้งสติได้
"ท่านคงเป็นพ่อมดสีเงินออสบอร์น"
เลวาเธลมีกิริยานอบน้อม อย่างไรคนตรงหน้าเขาก็เป็นระดับตำนาน(เลวาเธลเข้าใจไปเอง) ในระหว่างที่รออยู่ที่นี่เขาได้ฟังเรื่องราวมากมายมาจากเด็กชาย ต้องเข้าใจว่าโรอาได้เรียนรู้วิชาเล่านิทานมาจากกอแท็บจนเชี่ยวชาญ
ซึ่งบังเอิญว่าเลวาเธลปักใจเชื่อไปแล้วว่าออสบอร์นคือระดับตำนาน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อมดคนนี้ทำมา แสดงให้เห็นเช่นนั้น
เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เด็ดขาด!
โชคดีว่าเลวาเธลไม่รู้ว่าโลกนี้มีคนพิศดารอย่างออสบอร์น ที่มีระบบเป็นผู้ช่วยอยู่ด้วย
"อามัวร์นำกองทัพหนึ่งแสนของรัสเซลออกไปจากที่นี่ได้หลายวันแล้ว ตอนนี้คงอยู่ในทะเลปีศาจ หากท่านอยากไล่ตามเขา เกรงว่าคงจะไม่ทัน"
เลวาเธลหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะทำสีหน้าครุ่นคิดออกมาและกล่าวต่อ
"ท่านสามารถพาเขาออกไปทางประตูเมืองทิศใต้ได้ ที่นั่นกำลังวุ่นวาย"
ออสบอร์นไม่พูดอะไร เขาทำแค่พยักหน้าและพาโรอารีบออกไปจากตรงนี้
"เจ้าหายดีแล้ว?"
พ่อมดเฒ่าทองไปยังร่างกายของเด็กชายที่บาดแผลหายไปทั้งหมด ผิวหนังของเขาที่เกิดขึ้นใหม่กลับผ่องใสและขาวเนียนกว่าเดิมมาก
สิงโตน้อยก็หายดีแล้วเช่นกัน
ไม่รอให้เด็กชายตอบเขาก็แบกโรอาและสิงโตน้อยขึ้นหลัง ก่อนจะใช้พลังเวทย์ที่เหลือรีบทะยานไปด้านทิศใต้ของเมือง
เลวาเธลมองตามไปด้วยสีหน้าใคร่รู้ ทำไมคาถาลวงตาอ่อนแอจัง? ทำไมไม่ใช้ความเร็วระดับตำนาน? คงบาดเจ็บกระมัง?
ทางค่ายรัสเซล เมนเดรกที่นอนหมดแรงอยู่บนพื้น มองขึ้นไปที่กองเรือยี่สิบลำในอากาศ ในมุมหนึ่งร่างหลายร่างพากันลอยออกมาจากมัน
ครู่เดียวก็มาถึงเบื้องหน้าของเมนเดรก วุฒิสภาเฒ่าผู้นี้เริ่มรู้สึกอายกับสภาพตนเองขึ้นมา ปกติในออซเขาสามารถวางท่าใหญ่โตได้ตามใจเพราะระดับฝึกตนที่สูงส่งของเขา
"หลานชายข้าอยู่ไหน?"
เสียงนี้เป็นเสียงที่เมนเดรกไม่อยากได้ยินที่สุดในชีวิต เสียงมาดามลูน่าภริยาของคอร์นีเลียส ผู้ทรงพลังครึ่งก้าวระดับตำนานแห่งกองพิทักษ์มหานคร
เมนเดรกอ้ำอึ้งจนพูดไม่ออก จะให้บอกหล่อนอย่างไรว่าไอ้ก้อนถ่านดำๆบนพื้นนั่นเป็นหลานชายของหล่อน
"เขากลายเป็นฟืนไปแล้ว"
เสียงนี้เป็นของมาคัสร่างของเขาไม่มีส่วนไหนที่ไม่เลอะเลือนไปด้วยเลือดเนื้อฉ่ำโลหิต มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ยังอยู่ครบ
หญิงชราในชุดคลุมสีขาวตัวยาวละพื้น มองเห็นศพที่ไหม้เกรียมศพนั้นแล้ว หล่อนค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ด้วยดวงตาที่สั่นไหว
มีหลากอารมณ์อยู่ในนั้น โศกเศร้า โกรธแค้น รู้สึกผิดและบ้าคลั่ง
นางย่อตัวลงสัมผัสแผ่วเบาไปที่ใบหน้าของศพดำเกรียม
"เมนเดรก เจ้าต้องอธิบายเรื่องนี้กับข้า"
คำพูดนั้นแผ่วเบาแต่ทำให้วุมิสภาเมนเดรกหนาวเย็นไปถึงกระดูก หญิงชราหลับตาลงอยู่สองถึงสามวินาก่อนจะลืมตาขึ้น บรรยากาศโดยรอบหนึกอึ้งเต็มไปด้วยอารมณ์ของนาง
"ตามหามันให้เจอ ข้าจะให้มันชดใช้"
มาดามลูน่าหันมองไปด้านหลังที่มีเหล่าผู้บัญชาการเหนือมนุษย์ระดับสูงหลายคน พวกเขารับคำสั่งของนางอย่างว่าง่ายและเหยียบย่างบนอากาศกลับขึ้นไปบนเรือเหาะ
ไม่นานเรือเหาะยี่สิบลำก็เริ่มเคลื่อนพลอีกครั้ง พร้อมกันนั้นทหารของกองทัพแห่งออซก็เริ่มปูพรมค้นหาไปทั่วเมืองชั้นใน
ออซบอร์นไม่กล้าใช้พลังเวทย์ทะยานไปบนอาคารเหนือวอร์บัสอีก มันจะเรียกความสนใจมากเกินไป เขาพาโรอาลงมาเดินบนถนนเหมือนคนปกติแทน
เบื้องหลังเป็นม้าสองตัวที่ติดตามพวกเขามาหลายวัน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้กลับไปเอาพวกมันมาจากที่พัก
"ประตูเมืองปิดแล้ว ห้ามใครเข้าออกจากเมืองชั้นใน!"
เสียงดังเกินปกติมาจากบริเวณหน้าประตู เมืองพร้อมกันนั้นม่านพลังงานที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ออสบอร์นเคยเห็นก็ค่อยๆกระจายออกไปทั่ววอร์บัส มันเป็นเหมือนโดมแก้วสีฟ้าโปร่งแสง ดูสวยงาม แต่ทันทีที่แตะต้องพวกมันท่านจะกลายเป็นเถ้าถ่านในวินาทีเดียว
พ่อมดเฒ่าไม่ยอมถูกขังอยู่ในนี้ เบื้องหน้าเป็นประชาชนที่กำลังก่อจลาจล เขาคิดว่าจะอาศัยจังหวะนี้หนีออกไปได้ แต่ในทันทีคลื่นพลังของระดับสูงก็พัดพามาจากเบื้องบน
วอร์บัสมีประตูเมืองด้านทิศใต้เพียงบานเดียว และตอนนี้เมื่อมองขึ้นไปเหนือมันจะเห็นเรือเหาะลำยักษ์สองลำประจำการอยู่ที่นี่
พลังงานของเหนือมนุษย์ระดับสูงมาจากผู้บัญชาการของเรือเหาะสองลำ ที่เหยียบอยู่บันหัวเรือโลหะ เสื้อคลุมของทหารสีน้ำเงินเข้มพัดกระพือไปด้วยสายลมเชี่ยวกราก แต่พวกเขาไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย
ประชาชนที่กำลังก่อจลาจลอยู่ในความสงบทันที อึดใจต่อมาโดมแก้วสีฟ้าก็คลอบคลุมไปทุกตารางนิ้วของวอร์บัส โอกาสของพ่อมดหมดลงแล้ว
ออสบอร์นมองออกไปบนท้องฟ้าทุกทิศทาง อย่างที่เขาคาดไว้ เรือเหาะลอยไปทั่วทุกพื้นที่ของเมืองและเป็นตนเหตุของม่านพลังเวทย์ตรงหน้าเขา
ลานหน้าประตูเมืองเต็มไปด้วยประชาชนที่ยังไม่ได้ออกไป พวกเขามีจำนวนมากจนล้นออกไปบนถนนทุกสายที่มันเชื่อมไปถึง นี่ยังเป็นบางส่วนเท่านั้น ยังมีประชาชนที่ตัดสินใจอยู่ดูสถานการณ์ในเมืองชั้นอีกจำนวนมาก
ภายใต้คลื่นมนุษย์หลายหมื่นคน ในมุมหนึ่งออสบอร์นคิดว่าเขาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยซ่อนอยู่ในจำนวนผู้คนนับหมื่นนี้ แต่เขาก็รีบปัดความคิดนี้ออกไปและพยายามคิดหาทางออกจากที่นี่โดยใช้วิธีอื่น
เรียกอุกาบาตลงมา? มันควรทำลายม่านพลังนี้ได้ แต่มันก็จะเป็นการเปิดเผยทันทีว่าเขายังอยู่ในเมืองชั้นในและต้องการจะออกไป ตอนนั้นการตรวจจับของเรือเหาะจะมารวมกันที่หน้าประตูเมืองเป็นจุดเดียว
หรือเขาจะทำลายม่านพลังนี้ก่อน จากนั้นล่อให้พวกมันมารวมกันที่นี่และหนีไปทางอื่น?
แต่ก็ไม่ทันแน่นอน จะหาทางออกอื่นโดยไม่สร้างความสนใจเป็นไปได้ยาก และเขาไม่แน่ใจว่าจะมีเวลาเท่าไหร่ก่อนที่ม่านพลังชุดต่อไปจะปรากฎขึ้นแทน
ตอนนี้ถ้ามีกรีมัวร์อยู่ที่นี่ก็ดีน่ะสิ เฮ้อ... คิดถึงเธอจัง
"คุณสร้างปัญหาอีกแล้วนะออสบอร์น"
เสียงที่คุ้นเคยเหมือนกับเจ้าของใบหน้าที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ดังขึ้นภายในใจเขา เธออยู่นี่!?
ค่ายทหารของรัสเซลกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง แต่บรรยากาศความกดดันตอนนี้ไม่ต่างจากที่ออสบอร์นสร้างเอาไว้มากนัก
"ออซไม่มีอำนาจเคลื่อนกองเรือเหาะมาที่นี่ วอร์บัสไม่ยินยอมการละเมิดอำนาจที่ท่านกำลังทำอยู่"
อวาซิลมีท่าทางดุดัน มือขวาของเขาจับไปที่ด้ามทองคำของอักซัค พร้อมสำหรับการต่อสู้เสมอ
"แล้วอย่างไร สภาแห่งวอร์บัสลงมติตอนนี้ได้หรือไม่ เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเขาจะไม่อนุญาต"
มาดามลูน่ามองไปยังร่างของไนซ์ลอฟหนึ่งในสมาชิกสภาที่ตอนนี้ยังสลบไม่ได้สติ
"เราต้องยึดถือมติล่าสุดมาดาม"
เสียงที่ทรงพลังไม่แพ้กับอวาซิลดังขึ้นจากอากาศ ร่างของคนแคระสองคนลอยลงมาอย่างรวดเร็ว ลมพายุใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาพัดฝุ่นผงบนพื้นดินจนลอยฟุ้งไปทั่ว มาดามลู่น่าหรี่ตาของนางลง มิวอล์สต็อกก็ออกตัวแล้ว
"ท่านต้องนำกองเรือกลับไปที่ออซภายในสิบนาที ไม่เช่นนั้นข้าจะถือว่าท่านระเมิดอำนาจของวอร์บัส เราจะประกาศสงครามทันที"
ยังเป็นเสียงเดิมจากคนแคระเคราแดง อุสอันด็อก ราชฑูตแห่งมิวอล์สต็อก
"ท่านไม่มีอำนาจประกาศสงคราม"
ลูน่าแย้ง
"ใครสน ข้าฆ่าก่อนค่อยรายงานทีหลัง"
คราวนี้ไม่ใช่อุสอันด็อก แต่เป็นกอดิมซึนด็อฟ ท่าทางของเขาเหมือนนักเลงตามท้องถนนที่พร้อมแลกหมัดกับใครสักคนที่พูดไม่เข้าหู
ลูน่าเหมือนโดนลุมอยู่คนเดียว นางมองไปที่เมนเดรก แต่วุมิสภาคนนี้เหมือนจะทำว่าเรื่องทุกอย่างไม่เกี่ยวกับเขา เมนเดรกที่โอหังได้เรียนรู้แล้ว เขาเลือกที่จะเงียบในตอนนี้
เอาไว้ก่อนเถอะเมนเดรก กลับไปออซเมื่อไหร่เจ้าเตรียมขุดหลุมศพตัวเองได้เลย!
"ท่านไม่เห็นสภาพของไนซ์ลอฟ ไม่เห็นศพของโยฮันน์ผู้บัญชการระดับสูงของเราหรือ? ท่านจะทรยศวอร์บัส สนับสนุนศัตรู?"
ลูน่าไม่ยอมแพ้ แต่มือที่ไพล่ไปด้านหลังของนางกลับทำสัญญาณอะไรบางอย่าง ทหารติดตามของนางเห็นมันแล้ว
"ใครเป็นศัตรูใครกันหรือมาดาม เราอนานอริมขอให้ท่านอธิบายด้วย"
เสียงที่เจือยแจ้วอ่อนหวานดังขึ้นพร้อมกับสายน้ำหมุนวนหอบหนึ่ง มันก่อตัวขึ้นจากพื้นดินถัดจากอวาซิลไปไม่กี่เมตร พลังงานธาตุน้ำเข้มข้นกระจายออกมาเป็นกลิ่นฝนเย็นชิ้นใจ
คนแคระสองคนอดสูดหายใจเข้าไปลึกๆไม่ได้ ช่างสดชื่นนัก!
ร่างของอนานอริมปรากฎขึ้นในสายน้ำนั่น พร้อมกับร่างของบุรุษอีกคน เมนัน
ครึ่งก้าวระดับตำนานไม่สามารถปรากฎกายขึ้นมาจากอากาศได้เหมือนที่อนานอริมและเมนันทำ สิ่งนี้ทำได้เฉพาะผู้ทรงพลังในระดับตำนานแท้จริงเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีวัตถุเวทมนตร์บางอย่างที่ช่วยในการเคลื่อนย้ายนี้
"ยังชอบทำอะไรที่หรูหราสิ้นเปลืองเหมือนเดิม"
อวาซิลกล่าวเยาะ แต่ผู้นำจากไฮเฟลไม่สนใจ
บรรยากาศทางฝั่งที่ต่อต้านออซเหมือนกำลังได้เปรียบ ฝ่ายที่หนักใจตอนนี้คือมาดามลูน่า
"ท่าน ผ.บ.แห่งไฮเฟลกล่าวเช่นนี้ เหมือนท่านจะไม่รู้ว่ารัสเซลได้หนีทัพจากวอร์บัสไปแล้ว เมื่อเราจะดำเนินการจับตัวผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างหลานชายของเขาไว้เพื่อตรวจสอบเจตนาแท้จริง กลับถูกผู้ทรงพลังของพวกเขาโจมตีและสังหารสมาชิกสภาระดับสูงไป นี่ยังไม่ถือว่าเป็นศัตรู?"
"หนีทัพไป? ก็ออซเห็นการกระทำของรัสเซลตลอดเวลา ทำไมตอนนั้นท่านไม่ห้ามเขา? ก็เพราะว่าพวกท่านเองก็รอให้เขาทำเช่นนั้นใช่ไหมเล่า? อย่างนี้เมือ่เห็นแล้วไม่ห้าม เท่ากับยินยอมหรือไม่ หรือว่าพวกท่านชาวออซรู้เห็นเป็นใจกับรัสเซลด้วย"
อนานอริมมีฝีปากเก่งกล้า อวาซิลกับกอดิมซึนด็อฟและอุสอันด็อกแอบชมเชยในใจ
"พอที! ในเมื่อพวกท่านเลือกแล้ว ก็ช่างเถอะ"
สิ้นคำของลูน่าม่านพลังงานสีฟ้าก็ซัดลงมาจากเรือเหาะด้านบน ม่านพลังเต็มไปด้วยอำนาจกดขี่ จนพวกอวาซิลขมวดคิ้วออกมา
ม่านพลังระดับตำนาน!
"หมายความว่าอย่างไร มาดามลูน่า"
อวาซิลถามเสียงแข็ง
"ก็หมายความว่าข้าอยากให้พวกท่านอยู่ที่นี่ จนกว่าฉันจะสังหารพ่อมดคนนั้นได้น่ะสิ"
พูดจบร่างของน่างก็ทะลุหายออกไปนอกม่านพลัง ทิ้งพวกอวาซิลไว้ด้านใน
"ช่างโอหังเสียจริง หรือนางไม่รู้ว่าพวกเราก็มีวัตถุระดับตำนานอยู่ด้วย"
กอดิมซึนด็อฟพูดดูถูก ในขณะที่มือของเขาก็เลื่อนไปที่เข็มขัดทองคำฝั่งอัญมณีสีเหลืองที่เขาสวมอยู่ มันคืออิมดู เส้นสายแห่งทองคำและสันหลังปฐพี
"ท่านจะถล่มที่นี่หรือไง?"
อนานอริมกล่าวตำหนิ เข็มขัดอิมดูมีอำนาจในการสร้างแผ่นดินไหว แม้จะใช้มันพังม่านพลังออกไปได้แต่เมืองทั้งเมืองก็จะถูกทำลายเช่นกัน
"ถึงข้าอยากใช้ก็ใช้ไม่ได้ มันช่วยข้าได้เป็นบางโอกาสเท่านั้น"
กอดิมซึนด็อฟไม่ใช่ระดับตำนานเขาใช้พลังของวัตถุระดับตำนานเต็มที่ไม่ได้ อย่างมากก็ทำให้ได้เปรียบผู้ทรงพลังในระดับเดียวกันเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงการฝ่าม่านพลังระดับตำนานเลย เช่นเดียวกับอวาซิลเขาใช้พลังของอักซัคได้บางส่วนเท่านั้น
"ม่านพลังควรอยู่ไม่นาน พวกท่านรอที่นี่เถอะ"
อนานอริมเตรียมจะใช้วัตถุระดับตำนานหายตัวไปจากที่นี่เหมือนตอนที่เข้ามา
"ข้าว่าเราอยู่เฉยๆกันดีกว่า"
อุสอันด็อกชี้ไปยังนอกอาคารผู้บัญชาการแห่งรัสเซลที่พวกเขายืนอยู่ ตามทิศทางที่คนแคระบอก ปืนใหญ่ของเรือเหาะลำหนึ่งกำลังเล็งมาที่พวกเขา