ตอนที่แล้วบทที่ 2 การขโมยข้อมูลอันน่าเหลือเชื่อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 ม้าโทรจัน

บทที่ 3 การกลายพันธุ์


บทที่ 3 การกลายพันธุ์

ในโลกนี้ยังอยู่ภายในปี ค.ศ.2007 การพัฒนาอินเทอร์เน็ตจึงแตกต่างไปจากโลกก่อนการเดินทางข้ามเวลามาของซุนเฉิงอย่างไม่ต้องสงสัย

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย กระทั่งผู้ให้บริการโทรคมนาคมในสหรัฐอเมริกายังกำลังเปิดตัวแพ็คเกจอินเทอร์เน็ต 100Mbps แต่ก็ยังมีผู้ใช้ไม่กี่ราย ส่วนใหญ่เป็นสถาบันวิจัยและหน่วยงานองค์กรเช่น ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ขั้นสูง

ในปี ค.ศ. 2007 ความเร็วอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยของพลเมืองอเมริกันทั่วไปไม่เกิน 2 Mbps ด้วยซ้ำ ซึ่งกลยุทธ์ "การส่งต่อข้อมูลอย่างรวดเร็ว" ที่เสนอโดยอดีตประธานาธิบดีคลินตันเมื่อ 10 ปีก่อนก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้รับการสานงานต่อ ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เลย

หากเป็นดิเซปติคอนระดับสูงอย่างซาวด์เวฟ ผู้นำกองทัพคาสเซ็ตต์ ซึ่งเป็นหน่วยที่เฟรนซี่สังกัดอยู่มาลงมือด้วยตัวเอง เขาคงไม่ต้องมายุ่งยากอะไรเช่นนี้แล้ว

จากข้อมูลของเฟรนซี่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองของดิเซปติคอน เขารู้มาว่าซาวด์เวฟสามารถแปลงร่างเป็นดาวเทียมสอดแนมในอวกาศได้โดยตรง ทั้งยังทำลายอินเทอร์เน็ตของโลกด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสัญญาณการสื่อสารต่างๆ ได้อีก

แต่ซุนเฉิงไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เขาเป็นเพียงสายลับระดับต่ำสุดของดิเซปติคอนและไม่สามารถฝืนข้อจำกัดของฟิสิกส์พื้นฐานได้ ดังนั้นเขาจึงต้องการตัวส่งสัญญาณที่มีคุณภาพค่อนข้างสูง ในศูนย์วิจัยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ขั้นสูง

"เชื่อมโยงช่องข้อมูลสำเร็จแล้ว...เปิดใช้งานการเสริมตัวส่งสัญญาณชั่วคราวแล้ว...อนุญาตการใช้พื้นที่เก็บข้อมูลที่สอง...เปิดใช้งานฟังก์ชันป้องกันความปลอดภัยแล้ว...เปิดใช้งานฟังก์ชันตัวกรองแล้ว...เพิ่มค้นหาคำที่สำคัญ เช่น  'เอเลี่ยน หุ่นยนต์สิ่งลึกลับ' รูปแบบที่ไม่รู้จักอารยธรรมนอกโลก... ฟังก์ชันการแฮ็คเปิดใช้งานเต็มที่แล้ว... เป้าหมาย:เครือข่ายโลก..."

ชุดฟังก์ชันถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็วจากแม่แบบสายลับ ทำให้ซุนเฉิงได้ค้นพบความน่ากลัวของสิ่งมีชีวิตจักรกลเหล่านี้ที่รู้จักกันในนามดิเซปติคอนอีกครั้ง

เมื่อแกนหลักทำงานเต็มกำลัง เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก การแฮ็คอินเทอร์เน็ตดำเนินไปอย่างราบรื่นจนถึงจุดที่ซุนเฉิงไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไรต่อ

"มีความลับบางอย่างที่ซ่อนในทำเนียบขาวที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ 51 ที่ไม่มีใครรู้จักอยู่!"

“นาซ่าค้นพบวัตถุคล้ายดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างออกไป 174 ปีแสง มันอาจมีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาอยู่หรือเปล่านะ?”

“ที่ฮูสตันมีคนเห็นยูเอฟโอ แสดงว่ามีใครกำลังสอดแนมฐานอวกาศของเราอยู่แน่”

“มีคนพบเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติในทูซอน หลายคนได้เห็นสิ่งที่ดูเหมือนเครื่องบินรบ F22 โฉบเหนือ 'สุสาน” ข่วงกลางดึกด้วย!"

ขณะที่แขนทั้งสองข้างเชื่อมต่อและถ่ายโอนด้วยใยแก้วนำแสงของคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจำนวนมากที่คัดกรองค้นจากอินเทอร์เน็ตก็ถูกดาวน์โหลดไปยังสมองของซุนเฉิงด้วยความเร็วจนน่าตกใจ

1 Mb 10 Mb 1 Gb 10 Gb . .

แม้จะตั้งค่าตัวคัดกรองข้อมูลด้วยการค้นหาคำที่สำคัญเพียงสิบนาที แต่พื้นที่เก็บข้อมูลในหัวของซุนเฉิงก็ได้เก็บข้อมูลที่ซับซ้อนมากเกือบถึง 10 Gb ไปแล้ว จนทำให้ความเร็วในการดาวน์โหลดของห้องปฏิบัติการของที่นี่เกินขีดจำกัดไป

เมื่อมาถึงจุดนี้ ในที่สุดซุนเฉิงก็รู้ถึงขีดจำกัดของ "แกนหลัก" แล้วหนึ่งข้อ แม้ว่า "สายลับ" ของเขาจะแข็งแกร่ง แต่การวิเคราะห์ข่าวกรองที่ได้รับมา ดูเหมือนเขามีแต่ต้องพึ่งพาตัวเองเสียแล้ว

ในที่สุดเขาก็เริ่มเข้าใจทุกอย่างว่าต้องทำอะไร เขารวบรวมสมาธิและมุ่งความสนใจไปที่พื้นที่เก็บข้อมูลของสมองและเปิดอ่านข่าวและสื่อต่างๆ ในเครือข่ายที่ดาวน์โหลดโดย "แม่แบบสายลับ"

“พื้นที่ 51 อันแสนลึกลับ? เรื่องราวเอเลี่ยนงั้นเหรอ?…”

"โครงการลงจอดบนดวงจันทร์ของอะพอลโลถูกยกเลิกอย่างลึกลับ ทฤษฎีสมคบคิดเป็นความจริง มีฐานแนวหน้าของพติคอนส์อยู่ในอีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์...มีความเชื่อมโยงกันจริงๆ ระหว่างทั้งสองเรื่องนี้หรือเปล่านะ?"

"อืม สิ่งมีชีวิตจักรกลบนปิรามิดของชาวมายันอาจจะดูไม่ชัดเจนนัก แต่ฉันมั่นใจแน่ว่านั่นต้องเป็นข้อความจากดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอน..."

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมรถคันแรกที่คาร์ลเบนซ์คิดค้นจึงมีโลโก้ดิเซปติคอนติดอยู่กันล่ะ?”

ส่วนใหญ่ข้อมูลที่เขาพบบนอินเทอร์เน็ตดูสับสน ไม่มีประโยชน์ แต่ซุนเฉิงก็สามารถหาข้อมูลเบาะแสต่างๆ ได้ด้วยทักษะการวิเคราะห์ของเขาที่เทียบได้กับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ แม้ว่าเขาจะประหลาดใจมากกับความสามารถนี้ แต่เขามั่นใจว่าเขาเห็นสัญลักษณ์ดิเซปติคอนในภาพถ่ายขาวดำของคาร์ล เบนซ์และรถคันแรกของเขา ซึ่งเขาพบทางออนไลน์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้ตาฝาดแน่

สิ่งที่ทำให้ซุนเฉิงเขาประหลาดใจมากยิ่งกว่าคือเขาได้ค้นพบข้อความไซเบอร์ตรอนหนึ่งหรือหลายกลุ่มจากภาพแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่ประวัติศาสตร์หลายแห่ง แม้ว่าเขาจะถอดรหัสได้เพียงไม่กี่คำ แต่ข้อความส่วนใหญ่คงมีเพียงดิเซปติคอนระดับสูงที่เข้าใจรหัสพวกนี้

"มีบางอย่างแปลกๆ ... ต้องมีอะไรแปลกๆ อยู่แน่นอน..."

เขารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ซุนเฉิงคิดหนัก เหงื่อเขาไหลลงมาเมื่อคิดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง ที่โลกแห่งนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

สิ่งมีชีวิตจักรกลบนดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอนอาจมาถึงโลกเมื่อนานมาแล้ว และดิเซปติคอนบางตัวอาจซ่อนตัวแฝงอยู่กับมนุษย์ แต่จากความรู้อันจำกัดของเขาถึงเรื่องกองทัพดิเซปติคอน พวกมันล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยกลอุบาย เย่อหยิ่งและบ้าสงคราม

มันทำให้เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกดิเซปติคอนที่มีนิสัยบ้าคลั่งเช่นนี้ได้มาเยือนโลกเมื่อนานแล้ว แต่ไม่คิดทำลายโลกและควบคุมมนุษย์ชาติให้ตกเป็นทาส  หรือพวกมันคิดว่ามนุษย์นั้นโง่เขลาและเป็นสิ่งมีชีวิตที่ด้อยกว่าสัตว์เลื้อยคลาน ยิ่งเขาคิดมากเท่าไรเขาก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากเท่านั้น

ต้องยอมรับเลยว่าแม้แต่ประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ผู้ซึ่งอ้างตนว่าเป็นประเทศมีเสรีภาพ  แต่กลับยังมีคือการควบคุมหรือปราบปรามการเผยแพร่เรื่องหลายเรื่องในอินเตอร์เน็ตอย่างเข้มงวดมาก

เนื่องจากมีเบาะแสบางอย่างซ่อนอยู่ ซุนเฉิงรีบปรับแก้ตัวประมวลผลรวดเร็วและเริ่มการค้นหาข้อมูลที่ตรงจุดและเป้าหมายมากขึ้น สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกลำบากใจที่สุดก็คือเขาได้ค้นพบว่าข้อมูลพวกดิเซปติคอนและดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอนบนอินเตอร์เน็ตได้ถูกลบไปโดยไม่รู้ว่าเป็นใครทำ มันจะมีเฉพาะข้อมูลที่กว้างๆ เท่านั้นที่หลงเหลืออยู่บางส่วน แต่ข้อมูลที่สำคัญได้ถูกลบไปหมดแล้ว

การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่บริษัทอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่งแห่งใดหรือหลายๆ บริษัทจะทำได้  ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีเพียงหน่วยงานเดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้ นั่นก็คือมาจากพวกรัฐบาล!

“เป็นไปได้ไหมที่รัฐบาลสหรัฐลบร่องรอยพวกดิเซปติคอน? หรือมนุษย์บนโลกไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดกัน? พวกเขารู้เรื่องสิ่งมีชีวิตจักรกลนี้มานานแล้วเหรอ? ไม่สิ บางทีมนุษย์อาจติดต่อกับดิเซปติคอนมานานแล้วหรือเปล่า?”

ข้อสงสัยสะสมอยู่ในใจของซุนเซิง เขาไม่สามารถค้นหาเบาะแสเพิ่มเติมจากข้อมูลบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้เลย เขาจึงคิดที่จะยกเลิกค้นหาไป

เขาปิดฟังก์ชั่นการแฮ็คทันทีและดึงแขนทั้งสองข้างที่เชื่อมต่อกับเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ออก

ทว่าในเวลานี้เอง ซุนเฉิงก็รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงภายใน [แกนกลาง] ของร่างกาย เขารู้สึกมึนงงทันทีพักใหญ่จนไม่อาจทำอะไรได้  พอตั้งสติได้ เขาก็รู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในออฟฟิศเดิมแล้ว สภาพแวดล้อมโดยรอบกลายเป็นพื้นที่ทรงกลมขนาดเล็กที่มีแสงอ่อนและสีฟ้า

"เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?"

เขารู้สึกไร้แขนและร่างกาย ทั้งตัวไม่มีน้ำหนัก จนทำให้ความกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามาในหัวของเขา

ความรู้สึก แขน ขา ร่างกายของเขาหายไปจนหมดสิ้น ความกลัวคืบคลานในใจของเขา

เขาสังเกตเห็นว่าเขาลอยอยู่กลางอากาศร่างกายที่ไร้น้ำหนัก  ใบหน้าเขาตอนนี้ตื่นตกใจอย่างมาก  เขารู้สึกแย่มาก

"ฉันอยู่ที่ไหนกัน?"

เขามองไปรอบๆ อย่างระมัดระวังและได้แต่ถอนหายใจออกมา

ในพื้นที่รูปทรงกลมเล็กๆ เพียงไม่กี่ตารางเมตรนี้ ไม่มีใครอื่นนอกจากหน้าจอสลัวที่ดูไร้ชีวิต มีสองจอที่ลอยอยู่ข้างหน้าไม่ไกล และไม่มีใครอยู่เลย

แต่ซุนเฉิงก็ยังคงระแวง เขาอยู่กับที่สักพักก่อนที่จะเดินไปข้างหน้า เขาเดินไปจนสุดหน้าจอและหยุดลงด้วยความตื่นตระหนก

เพราะเขาไม่คาดคิดเลยว่า จู่ๆ หน้าจอตรงหน้าเขาก็สว่างขึ้นราวกับสัมผัสได้ถึงตัวตนเขา ร่างจักรกลขนาดเล็ก สูงเพียงครึ่งตัวของเขา ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วบนหน้าจอ ร่างนั้นนั่งเงียบๆ บนเก้าอี้

“หุ่นยนต์เหรอ เดี๋ยวนะ ทำไมร่างนี้ถึงดูคุ้นเคยขนาดนี้... นี่ไม่ใช่ร่างปัจจุบันของฉันหรอกเหรอ?”

หุ่นยนต์ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอทำให้เขาตกใจมาก แต่เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ๆ เขาก็มั่นใจอย่างยิ่งถึงตัวตนของมัน

"เกิดอะไรขึ้น?"

เขายังคงสับสนกับสถานการณ์ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็เลือกหันไปมองที่หน้าจออื่นข้างๆ เหมือนเมื่อครู่ไม่มีผิด พอซุนเฉิงเดินไปที่ด้านหน้าของหน้าจอ มันก็สว่างขึ้นทันที ฉายภาพชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าว่างเปล่า

“นั่นมันตัวฉัน!”

เขาเห็นชายหนุ่มบนหน้าจอ แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกถึงร่างกายของเขาในยามนี้ แต่ซุนเฉิงที่เดินไปมาอยู่หน้าจอก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เขาได้แต่ตะโกนในใจอย่างเงียบๆ

“เกิดอะไรขึ้น? ที่นี่ที่ไหน? ทำไมฉันถึงเห็นร่างกายของฉันก่อนกลายเป็นหุ่นยนต์ได้? มีใครอยู่ที่นี่ไหม…”

ในขณะที่เขาลอยไปมาอย่างตื่นเต้น เขาก็สัมผัสหน้าจอโดยไม่ได้ตั้งใจ

ช่วงเวลาต่อมานั้นเอง แรงดูดอันมหาศาลก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ  จู่ๆ ซุนเฉิงก็รู้สึกว่าทุกอย่างตรงหน้าได้มืดมิดไป เขาได้สลบลงไปในทันที!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด