บทที่ 19-20
บทที่ 19 กลับไปสู่ความเป็นจริง
เมื่อกลับมายังพื้นที่ทรงกลมลึกลับนี้อีกครั้ง ในที่สุดซุนเฉิงก็ได้รู้สึกโล่งใจเสียที
ดูเหมือนว่ามันมีเงื่อนไขบางอย่างที่จะเข้ามาที่นี่ เขาคิดโดยไม่รู้ตัวขณะมองไปรอบๆ พื้นที่ว่างเปล่านี้คล้ายกับครั้งก่อนที่เขาเข้ามาไม่มีผิด ยกเว้นสองหน้าจอที่ตั้งอยู่ตรงกลาง
อย่างไรก็ตามหลังจากมองไปรอบๆอีกสองสามครั้ง ซุนเฉิง ก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แสงสีฟ้าเรืองแสงในพื้นที่ทรงกลมสว่างขึ้นมากเมื่อเทียบกับครั้งล่าสุดที่เขาเข้ามา นอกเหนือจากนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
น่าแปลก พื้นที่ทรงกลมที่ว่างเปล่ากลับทำให้ซุนเฉิงรู้สึกปลอดภัย แม้ว่าเขาจะยังรู้สึกไม่สบายใจที่สูญเสียการควบคุมร่างกาย แต่เขาก็สามารถควบคุมได้อย่างรวดเร็วและลอยไปที่ศูนย์กลางของพื้นที่ หยุดอยู่หน้าจอทางด้านขวา
หน้าจอสว่างขึ้นทันที เผยให้เห็นภาพของเฟรนซี่ที่กำลังเติมพลังงานอย่างเงียบๆ ในห้องพลังงานของฐานสตาร์สครีม
ซุนเฉิงจ้องไปที่ภาพนั้นครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปที่มุมล่างขวาของหน้าจอ
ทันใดนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดพร้อมอุทานออกมาว่า “หือ!”
ถ้าซุนเฉิงจำได้ถูกต้อง เมื่อสองสามวันก่อนตอนที่เขาเข้าไปในพื้นที่นี้จากโลกแห่งความเป็นจริง มุมขวาล่างของหน้าจอได้แสดงตัวเลขสองชุด: ดวงดาวสีน้ำเงิน: 65/1000 ดวงดาวสีขาว: 1/1 ส่วน
ทว่าหลังจากนั้นไม่กี่วัน เขาก็กลับมาที่นี่และพบว่าตัวเลขทั้งสองชุดเปลี่ยนเป็น ดวงดาวสีน้ำเงิน: 437/1000 ดวงดาวสีขาว: 2 /1
ตัวเลขสองชุดนี้หมายถึงอะไร? ซุนเฉิงไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าหมายถึงอะไร เขาจึงถอนหายใจและไปที่หน้าจอถัดไป
หน้าจอทางด้านซ้ายแสดงถึงโลกแห่งความเป็นจริง มีแสงสว่างขึ้นเช่นเดียวกับหน้าจอก่อนหน้านี้ พอเมื่อเขาเข้ามาใกล้ มันก็เผยให้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินโซเซอยู่เหนือโต๊ะ
"ฟิ้ว ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรสินะ!" ซุนเฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าสภาพตัวเขาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเมื่อสองสามวันก่อนเลย
ทว่าดวงตาของเขากลับเบิกกว้างขึ้นในขณะที่เขาเหลือบมองไปที่มุมของหน้าจอ ดาวสีน้ำเงิน: 437/1000 ดวงดาวแดง: 44996: 14:58... “มีการเปลี่ยนแปลงหรืองั้นเหรอ?”
เขายังไม่เข้าใจความหมายเบื้องลึกเบื้องหลังของดาวสีน้ำเงินและตัวเลขของมัน แต่เขาคาดการณ์ว่าดาวสีแดงคงเป็นตัวเลขที่บอกแทนเวลา
เขาคำนวณในหัวและรู้ว่าเขาอยู่ในโลกของดิเซปติคอนมานานกว่าสี่วันแล้ว ซึ่งพอคาดเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็ต้องรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
เขาจำได้ว่าเขาได้เดินทางไปยังโลกดิเซปติคอนครั้งแรกขณะที่ดื่มและเมาอยู่ที่นั่นเกือบทั้งคืน ก่อนที่จะกลับสู่ความเป็นจริง ซึ่งในเช้าวันรุ่งขึ้น พอเขากลับไปที่โลกดิเซปติคอน เวลาก็ดูเหมือนจะหยุดเดินด้วย
แต่ตอนนี้ แม้ว่าเขาจะใช้เวลาสี่หรือห้าวันในโลกดิเซปติคอน ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีผลต่อโลกแห่งความเป็นจริงเลย ยกเว้นตัวจับเวลาบนหน้าจอ ดังนั้นเขาจึงยังไม่กล้ายืนยันการคาดเดา
แต่หลังจากนั้น ซุนเฉิงก็เลือกที่จะเอาหน้าชนกับหน้าจอตรงหน้าเขาทันทีโดยไม่ลังเล เพื่อกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง แม้ว่าเขาจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในโลกดิเซปติคอน แต่เขาก็รู้สึกเหนื่อยล้าราวกับเวลามันผ่านไปหลายปี
การคุกคามของบาริเคด ภัยอันตรายจากสเปกโตร การกระทำของซาวด์เวฟและคนที่คาดเดาไม่ได้มากที่สุดคือ สตาร์สครีม
การต้องมารับมือกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์เหล่านี้เป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก
เนื่องจากเขาขาดความแข็งแกร่งไป เขาจึงทำได้เพียงพึ่งพาไหวพริบของเขาในการรับมือเท่านั้น โชคดีที่ดิเซปติคอนส่วนใหญ่ที่เขาพบในตอนนี้เป็นเพียงพวกเหล่าคนรุ่นก่อนที่ทรงพลังอยู่แล้ว คงไม่สนใจและจริงจังกับเขาหรอกมั้ง
ถึงกระนั้น ประสบการณ์ที่เขาได้รับมาจากในอีกโลกหนึ่งในเวลาเพียงไม่กี่วันก็ทำให้เขารู้สึกแย่เหลือเกิน
พอตอนนี้เขาได้กลับไปยังพื้นที่ทรงกลมและมีตัวเลือกให้กลับไปยังโลกเดิมของเขา ซุนเฉิงจึงไม่ลังเลและตัดสินใจเลือกทันที
วู้บบ!
ทันใดนั้น แสงสีฟ้าสดใสก็ส่องประกายออกมาพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับจิตวิญญาณได้ถูกดึงออกไป มันมีอาการวิงเวียนหัวเล็กน้อย เมื่อซุนเฉิงฟื้นคืนสติกลับมา เขาก็มองไปรอบๆ โดยไม่รู้ตัวและเห็นว่าเขากลับมาที่ห้องทำงานแล้ว
“กลับมาแล้วเหรอ?”
อาการวิงเวียนหัวเล็กน้อยที่เกิดจากการเดินทางข้ามเวลายังคงส่งผลกระทบต่อเขา ทำให้ซุนเฉิงรู้สึกราวกับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขามันไม่ใช่ความจริง
เขาอดไม่ได้ที่จะตบหน้าตัวเอง เสียงตบที่ดังคมชัดเป็นเหมือนยาแก้พิษเย็นๆ ที่ปลดปล่อยอารมณ์ด้านลบออกไปจนหมดสิ้น
เขาลูบขมับและลุกขึ้นจากที่นั่ง ซุนเฉิงสัมผัสท้องของเขาโดยไม่รู้สึก คงอึดอัดกับความรู้สึกของท้องว่างกระมัง
“ฉันกลับมาแล้ว เยี่ยมเลย”
เขาปลอบใจตัวเองอย่างเงียบๆ และมองออกไปนอกหน้าต่าง มันเป็นวันที่อากาศดีเหลือเกิน
อย่างไรก็ตาม เพราะต้องไปพานพบหลายสิ่งหลายอย่างขณะเดินทางไปมาระหว่างสองโลก มันจึงทําให้ความรู้สึกของซุนเฉิงค่อนข้างสับสนพอควร เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าโดยไม่รู้ตัวเพื่อจะหยิบโทรศัพท์ออกมาและตรวจสอบเวลา
แต่เมื่อเขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
ปลายนิ้วของเขาสัมผัสกับบางสิ่งที่เย็นชืด แต่มันไม่ใช่สัมผัสโลหะที่คุ้นเคยของ iPhone 5 ความทรงจำของเขา มันเป็นความเย็นเหยียบอีกรูปแบบหนึ่ง มันมีขนาดเล็กกว่าและรูปร่างที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หลังจากหยิบสิ่งที่เขาสัมผัสออกมาจากกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ดวงตาของซุนเฉิงถึงกับเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เขามองไปยังผลึกสีดำในฝ่ามือของเขา มันเป็นแม่แบบหน่วยสอดแนมที่สตาร์สครีมให้เขาเมื่อวันก่อน
“นี่... นี่คือแม่แบบหน่วยลาดตระเวนงั้นเหรอ?”
[ขอแก้จากหน่วยสอดแนมเป็นลาดตระเวนครับ]
เป็นแม่แบบหน่วยลาดตระเวนไม่ผิดแน่!
มันคือแกนกลางระดับ 2 ที่สตาร์สครีมมอบให้เขาพร้อมด้วย iPhone 5 ที่เขานำมาจากโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งคู่ต่างถูกเก็บไว้ในร่างกายของเขาตอนที่เขาใช้ฟังก์ชันการแปลงร่าง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมาอยู่ที่นี่ได้
หลังจากที่เขาได้ปลดล็อกความทรงจำทั้งหมดของเฟรนซี่ ตัวเขาก็รู้สึกดูถูกเทคโนโลยีระดับต่ำทั้งสองชิ้นนี้มาก แต่แกนกลางระดับที่ 2 ก็ยังคงเป็นแกนกลางระดับที่ 2 อยู่ดี มันเป็นของที่มีระดับสูงกว่าแกนหลักที่ถูกติดตั้งอยู่ในร่างของเฟรนซี่เมื่อเขาได้เข้ามาสิงร่าง พลังการคำนวณเพียงอย่างเดียวของมันก็เกินกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของโลกทั้งหมดแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้ซุนเฉิงสับสนคือ เขานำสิ่งนี้กลับมาด้วยได้ยังไงกัน?
บทที่ 20 การสมรู้ร่วมคิดเริ่มต้นขึ้น (ตอนที่ 1)
ซุนเฉิงคาดคิดเกี่ยวกับการนำสิ่งต่างๆ กลับมาจากจักรวาลที่พวกดิเซปติคอนอาศัยอยู่มายังโลกแห่งความเป็นจริงอยู่บ้าง เพราะในระหว่างการเดินทางข้ามเวลาครั้งก่อน เขาได้นำ ไอโฟน 5 เข้าสู่โลกนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ซุนเฉิงจึงเริ่มพิจารณาถึงความเป็นไปได้หนึ่ง นั่นคือเขาได้นำ iPhone 5 ของเขาไปไว้ในร่างจักรกลของเฟรนซี่ มันจึงทำให้เขาได้เก็บโทรศัพท์ไว้ในร่างกายด้วย
สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือ ครั้งนี้เขาดันไม่ได้นำไอโฟน 5 ของตัวเองกลับมา แต่กลับนำแกนระดับที่ 2 ที่เขาเก็บไว้ในร่างจักรกลกลับมาแทน
“ฉันเอามันกลับมาด้วยจริงๆ เหรอ?”
เมื่อรู้ถึงสิ่งที่เขานำกลับมาจากจักรวาลอื่น ซุนเฉิงก็รู้สึกถึงความสุขที่เขาไม่อาจอธิบายให้ตัวเองฟังได้ แต่ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้สึกกังวลและไม่สบายใจมาก เพราะแม้ว่าเขาจะเพิ่งพบเจอกับพวกดิเซปติคอนได้ไม่นานนัก แต่ความชั่วร้ายและพลังของพวกเขาก็ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก
ลองคิดดูสิ กระทั่งเฟรนซี่ที่มีมีแกนกลางระดับต่ำสุดกลับยังสามารถแฮ็กอินเทอร์เน็ตของโลกได้ในระยะเวลาอันสั้น หากดิเซปติคอนระดับ 2 ที่มีความสามารถในการต่อสู้เข้ามาแทนที่ คงเรียกได้ว่าหายนะ
แม้ว่าการมีแกนหลักอยู่จะไม่ได้หมายความว่าดิเซปติคอนสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว แต่มันก็เกือบจะเป็นก้าวที่สำคัญที่สุด และที่เหลือคงมีแค่เรื่องต้องสร้างร่างจักรกลขึ้นมาใหม่และเปิดใช้งานแกนหลัก
ทว่าสิ่งนี้อันตรายเกินไป!
ซุนเฉิงรู้สึกกังวลและรีบเก็บมันกลับเข้าไปในกระเป๋าของเขาอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ยังกังวลและหยิบมันออกมาอีกครั้ง จากนั้นจึงใส่มันไว้ในกระเป๋าด้านในของเสื้อผ้าของเขา
ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังรู้สึกประหม่าและเริ่มรู้สึกไม่สบายใจมาก เขาจึงถอด USB ไดรฟ์ออกจากเคสคอมพิวเตอร์ตรงหน้าอย่างรวดเร็วและก็คิดจะออกจากสำนักงานทันที ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นและเตรียมตัวที่จะกลับไปยังหอพักของเขา
เมื่อล็อคประตูแล้ว เขาก็ออกจากสำนักงานอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปในวิทยาเขตที่กว้างขวาง ล้อมรอบด้วยบรรยากาศวัยรุ่นและเสียงหัวเราะของนักศึกษาที่เดินผ่านไปมา ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่เด่นสง่าอยู่บนท้องฟ้าทำให้เขารู้สึกคลายความกังวลลงไปได้พอควร
ซุนเฉิงค่อยๆ รู้สึกตัวว่านี้ไม่ใช่จักรวาลของจักรกลและเป็นอันตรายอีกต่อไป เขาเป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดา ไม่ใช่สายลับหรือหุ่นยนต์
เมื่อเดินผ่านโรงอาหาร ท้องเขาก็ร้องเตือนให้เขาซื้ออาหารกลางวันบรรจุกล่องด้วยธนบัตรที่ยังเหลืออยู่ แต่มันก็มีเพียงเงินออมเพียงจำนวนน้อยนิด เขาลืมคิดถึงวิกฤตหนี้ที่เขาลืมไปเสียสนิทเลย ทำให้เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าโลกแห่งความเป็นจริงที่เขาคิดว่าเป็นสวรรค์ก็ไม่ได้สะดวกสบายและอบอุ่นเหมือนโลกที่เขาเพิ่งไปมา
แอ๊ด!
เมื่อเขาเปิดประตู ในที่สุดเขาก็กลับไปยังห้องพักของเขา ซุนเฉิงวางอาหารกลางวันที่ใส่กล่องไว้บนโต๊ะ เปิดโน๊ตบุ๊คและไปยังห้องน้ำตรงข้ามหอพักเพื่อล้างมือ เมื่อเขากลับมา เขาก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูและนำแก้วน้ำมาที่โต๊ะของเขา
หลังจากจัดเตรียมที่นั่งและทำความสะอาดไวรัสโทรจัน โน๊ตบุ๊คของเขาก็กลับมาเป็นปกติและไม่มีข้อผิดพลาดอะไรเด้งขึ้นมาอีก
หลังจากจิบน้ำ ซุนเฉิงก็เริ่มคิดอย่างจริงจัง
หนี้เกือบแสนไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ และซุนเฉิงก็ไม่มีข้อยกเว้น เขาคงตื่นเต้นวาดฝันอยากสร้างธุรกิจและดันตัดสินใจกู้ยืมเงินอย่างโง่เขลาไป หากก่อนหน้านี้เขาไม่สามารถข้ามผ่านไปยังอีกจักรวาลได้ เขาอาจจะไม่สามารถทบทวนสิ่งที่ผิดพลาดและเผลอคิดสั้นไปก็ได้
ซุนเฉิงกินไปและคิดไป
ตอนนี้หลังผ่านเหตุการณ์หลายอย่างมา จิตใจของเขาก็สดชื่นแจ่มชัดกว่าที่เคยเป็นมาก่อน
ตอนที่เขาเริ่มต้นธุรกิจขึ้นมา มันแทบไม่ต่างอะไรจากการเล่นของเด็กน้อยเลย
แนวคิดน่ะดี แต่แผนไม่ละเอียดและมันหยาบเกินไป ในฐานะผู้เริ่มต้นธุรกิจนี้ ซุนเฉิงรู้ดีว่าตัวเขามันไม่มีประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถอย่างมาก ไม่เพียงแต่เขาจะไม่เข้าใจความเสี่ยงมีอยู่ตั้งแต่แรก แต่ยังล้มเหลวในการลงนามข้อตกลงเรื่องความรับผิดชอบและภาระผูกพันที่ชัดเจนกับสมาชิกทุกคนในทีมของเขาอีก
ต่อมา ซุนเฉิงถูกหุ้นส่วนคนอื่นๆ บีบออกจากทีมเทคนิค พวกเขาอาจลอบร่วมมือกัน ซึ่งนอกจากนี้เขายังล้มเหลวในฐานะผู้บริหารที่แบ่งปันผลตอบแทนได้ล้มเหลว แต่ยังต้องรับภาระที่ยากลำบากที่สุดในการระดมทุนอีกด้วย
เมื่อมองย้อนกลับไป ตอนนั้นเขามันโง่จริงๆ
หนี้ส่วนใหญ่ถูกยืมมาในชื่อของเขาเอง อีกทั้งเขายังยืมเงินกู้จากมหาวิทยาลัยจำนวนมากเพราะการชักชวนของเพื่อนร่วมห้องของเขา เป็นผลให้หลังจากธุรกิจล้มเหลว คนอื่นๆ จึงสามารถออกไปได้โดยไม่ต้องคิดอะไรเลย แต่เขาในฐานะผู้เริ่มก่อตั้งย่อมไม่สามารถหลบหนีไปได้ เขาไม่เพียงแค่ต้องแบกรับหนี้ทั้งหมด ทว่ายังต้องแบกรับผลเสียที่ตามมาด้วย
ถ้าในตอนนั้นซุนเฉิงมีสติ เขาคงจะไม่แตะต้องเงินกู้ยืมของมหาวิทยาลัยที่ทั้งโลภและโหดเหี้ยม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีรายงานข่าวเกี่ยวกับเงินกู้ประเภทนี้อยู่เยอะแยะเต็มไปหมดว่ามันเป็นเงินทุนสีเทา ปล่อยกู้ดอกเบี้ยสูงเพื่อการศึกษา ซึ่งอาจเพราะการศึกษาไม่เอื้ออำนวยและมีคนจำนวนมากที่ขาดเงิน หลายคนจึงถูกหลอกและทำร้ายร่างกาย
เขาได้กู้ยืมเงินหลายอย่างด้วยชื่อส่วนตัว ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำรายเดือนอยู่ที่ 1.5% ส่วนเงินกู้ที่กู้ยืมในนามทีมผู้ประกอบการนั้น มีอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 25% ต่อปี ตอนนั้นคงมีแค่เขาคนเดียวที่ตัดสินใจผิดพลาด เซ็นสัญญากู้จนทำให้ตัวเองต้องแบกรับปัญหาหนักอย่างนี้
หนี้เกือบหนึ่งแสนหยวนไม่ใช่จำนวนที่เล็กน้อยเลย เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้สักนิดเดียวที่ซุนเฉิงจะชำระหนี้ด้วยเงินที่เขามีอยู่ในตอนนี้ เว้นแต่ครอบครัวของเขาจะช่วยเหลือและเคลียร์ให้
แต่พอความคิดเช่นนี้แวบเข้ามาในหัวของเขาเพียงครู่เดียว เขาก็สลัดมันทิ้งไปทันที ซุนเฉิงไม่ต้องการให้ครอบครัวของเขารู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่สามารถจ่ายเงินได้ แต่เป็นเพราะฐานะของเขามันเป็นแค่ลูกบุญธรรม
ใช่แล้ว ซุนเฉิงเป็นเพียงแค่ลูกบุญธรรม พ่อแม่แท้ๆ ของเขาได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเขายังเด็ก และญาติของพวกเขาทั้งสองฝ่ายก็ไม่เต็มใจที่จะเลี้ยงดูเขาด้วย ดังนั้นเขาจึงถูกรับเลี้ยงโดยครอบครัวที่เขาอยู่ในยามนี้ แม้ว่าพ่อแม่บุญธรรมของเขาจะปฏิบัติต่อเขาอย่างดีและไม่เคยปิดบังอะไรต่อเขาเลย แต่ซุนเฉิงก็ไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนและสร้างปัญหาให้พวกเขามากกว่านี้แล้ว เขาตัดสินใจแบกรับภาระหนี้นี้ไว้กับตัวเขาเอง
"ปัญหาตอนนี้คือจะต้องหาเงินให้เร็วที่สุดยังไง?"
หลังจากทานอาหารในกล่องเสร็จอย่างรวดเร็ว ซุนเฉิงก็ขมวดคิ้วและโยนกล่องอาหารกลางวันทิ้ง จากนั้นกลับมาที่คอมพิวเตอร์เพื่อคิดว่าจะหาเงินได้ยังไง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว ในชั่วพริบตาท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและถึงเวลาเย็นแล้ว
หลังจากเล่นโน๊ตบุ๊คมาทั้งบ่าย ซุนเฉิงก็เหยียดแขนและหาวอย่างเกียจคร้าน ความกังวลบนใบหน้าของเขาถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มบางเบา
มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ นี่เป็นผลจากการเดินทางข้ามไปต่างโลกงั้นเหรอ?
เมื่อมองไปยังโน๊ตบุ๊คเบื้องหน้าที่ถูกปรับโฉมใหม่ ระบบปฏิบัติการที่ดูทันสมัย ซุนเฉิงจึงยิ้มออกมา
ครั้งก่อนที่เขากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตนเองมีทักษะคอมพิวเตอร์ของเขาเพิ่มขึ้นมากอย่างมาก ซึ่งมันทำให้เขาสับสนจริงๆ ในเวลานั้น พอตอนนี้ในหัวเขามันคิดแต่เรื่องจะหาเงินมาใช้หนี้ได้ยังไง ซุนเฉิงจึงคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งและลองทดสอบอะไรบางอย่างดู
พอทดลองเสร็จเรียบร้อย ก็ดูเหมือนว่าการคาดเดาของเขาจะถูกต้อง อาจเป็นเพราะอิทธิพลจากการดูดซับข้อมูลความทรงจำของเฟรนซี่ ทำให้ทักษะคอมพิวเตอร์ของเขาจึงดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
ระบบที่เขาใช้ในการฝึกฝนคือระบบปฏิบัติการ XP ในคอมพิวเตอร์ของเขาเอง ช่วงบ่ายวันนี้ ซุนเฉิงไม่เพียงแต่ปรับให้มันสามารถรับรองภาษาท้องถิ่นได้เท่านั้น แต่เขายังตกแต่งหน้าตาของระบบปฏิบัติการให้สวยงามเหมือนระบบ Win10
นอกจากนี้เขายังตัดทอนโค้ดของระบบ XP ไปมากมาย แต่ยังคงฟังก์ชันการทำงานส่วนใหญ่ไว้ พร้อมทั้งแทนที่ซอฟต์แวร์บางอย่างที่เป็นค่าเริ่มต้นของไมโครซอฟท์ รวมถึงเบราว์เซอร์ IE ที่มีการออกแบบที่แย่มากด้วยซอฟต์แวร์ที่ดีกว่า และลบส่วนประกอบของ Windows เกือบทั้งหมดที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่คงจะไม่มีวันได้ใช้ในชีวิตนี้
หลังจากการปรับลดขนาดระบบอย่างหนัก เวอร์ชั่นปรับปรุงของระบบ XP ที่เขาสร้างเสร็จนี้ ไม่เพียงแต่มีหน้าจอการทำงานที่สวยงามเท่านั้น แต่มันยังใช้พื้นที่เพียง 1 กิกะไบต์เท่านั้น เขาได้บีบอัดมันลงมาจากขนาดเดิม 2.4 กิกะไบต์ เรียกว่าลดลงไปมากเลยทีเดียว
“ไม่เลวเลย นี่ต้องเป็นมิตรกับผู้ใช้มากกว่าระบบ XP ที่ตอนนี้กำลังแพร่หลายอยู่ในตลาดแน่!”
ขณะกำลังพึงพอใจกับผลงานชิ้นแรกของเขา ซุนเฉิงจึงทำมันออกมาเป็นแพ็คเกจให้สามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเขากำลังเก็บมันไว้ เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูนอกหอพักของเขา จากนั้นเสียงชายหนุ่มที่คุ้นเคยได้ดังขึ้นมาทันที "อาเฉิง นายอยู่หรือเปล่า?”
ทันใดนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของซุนเฉิงพลันแข็งค้างไป