บทที่ 18 พื้นที่ลึกลับ
บทที่ 18 พื้นที่ลึกลับ
“หา...!”
เมื่อข้อมูลหน่วยความจำของซุนเฉิงกำลังจะถูกอ่านอย่างสมบูรณ์ พลังอันทรงพลังก็บีบสตาร์สครีมออกจากแกนกลางของเขา สตาร์สครีมอดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงแปลกใจเบาๆ และก็มองไปทางซุนเฉิงที่อยู่ในมือของเขาด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างเริ่มสงสัย
“น-นายท่านสตาร์สครีม!”
เมื่อเขาควบคุมร่างกายได้อีกครั้ง ก่อนที่เขาจะรู้สึกมีโล่งอก ซุนเฉิงก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังยึดเกาะกลไกรอบตัวเขา ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พอเขาเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงกำลังจะเกิดขึ้น เขาจึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความตื่นเต้น
“ช่างน่าสนใจอะไรขนาดนี้!”
ราวกับว่าสตาร์สครีมเพิ่งได้สติ เขามองไปทางซุนเฉิงด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะเหลือบมองอย่างมีนัยยะอะไรบางอย่างและโยนเขาไปด้านข้างบาริเคด “จงพาเขาไปที่ห้องพลังงานเพื่อเติมพลัง เมื่อเสร็จแล้วให้ไปยังพื้นที่วางแผนโจมตีเพื่อมาสมบทบกับเรา ข้าต้องการให้ดำเนินการโดยเร็วที่สุด!”
“ทราบแล้วครับ”
เห็นได้ชัดว่าบาริเคดเองก็สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายแปลกไป เขารู้จักสตาร์สครีมมานานสมควร ทำให้รู้เลยว่าเขาต้องไปเห็นอะไรในชิปความทรงจำของซุนเฉิงแน่
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งที่สตาร์สครีมได้เห็นผ่านความทรงจำของซุนเฉิง แต่เขาก็ไม่ได้ถาม หลังจากออกคำสั่งแล้ว เขาก็จับซุนเฉิงที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นขึ้นมาและเดินตรงไปที่ห้องพลังงาน
ในไม่ช้า ก็เหลือเพียงสตาร์สครีมในห้องพลังงาน เขายืนลูบคางมองไปยังชุดข้อมูลแปลกๆ ที่เขาเก็บไว้ตรงหน้าและพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงเบาๆ “ไม่สามารถถอดรหัสได้งั้นเหรอ? ไม่แม้แต่จะสามารถเริ่มถอดรหัสได้ด้วยซ้ำ อักขระพิเศษเหล่านี้ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เป็นข้อความไซเบอร์โทรเนียมโบราณหรือเปล่า? แต่เฟรนซี่เกิดขึ้นในฐานดวงจันทร์ หรือจะเป็นฝีมือของเขา?”
เสียงของเขาเบาลงเรื่อยๆ และใบหน้าของเขาก็เริ่มหมดความอดทนมากขึ้นเช่นกัน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พึมพำออกมาว่า “ฟอลเลน ไอ้บัดซบไซเบอร์โทรเนียน...” [ฟอลเลน=ดิเซปติคอนตนแรก]
...
“เจ้าฟื้นความทรงจำของเจ้าแล้วหรือยัง?”
ในขณะที่เขาอุ้มซุนเฉิงไปยังห้องพลังงาน ไม่นานหลังจากออกจากห้องฟูมฟัก บาริเคดก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกกมา
ซุนเฉิงยังคงพยายามแยกแยะข้อมูลหน่วยความจำใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในหัวของเขา เขาสะดุ้งกับคำถามนี้และตอบว่า "ขอรับท่านบาริเคด!"
เขาฟื้นความทรงจำได้จริง แต่น่าแปลกที่เขาไม่ได้รับผลกระทบจากสมองของเฟรนซี่เลย ซุนเฉิงได้รับความทรงจำคืนทั้งหมดที่ซาวด์เวฟผนึกไว้ สตาร์สครีมปลดล็อคผนึกความทรงจำอย่างสมบูรณ์ ทำให้เขารู้แล้วว่าเฟรนซี่คือใครกันแน่
กองทัพคาสเซ็ตต์ถือกำเนิดขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อน ในช่วงสงครามกลางเมืองไซเบอร์ตรอน ในตอนแรกมันถูกสร้างขึ้นจากพวกดิเซปติคอนระดับสูงแปดตัวที่มีชื่อรหัสว่า “รีคอน” “วีฮิเคิล” “เลเซอร์บีค” “บัซซอร์” “ราเวจ” “รัมเบิล” “เฟรนซี่” “แรทแบค” และ “โอเวอร์คิล” อย่างไรก็ตาม เนื่องจากดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอนยังคงอยู่ในช่วงสงครามในเวลานั้น ดิเซ็ปติคอนและสิ่งมีชีวิตจักรกลชนิดอื่นที่ถูกเรียกว่าออโต้บอทจึงต้องต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่อแย่งการควบคุมดาวเคราะห์ ด้วยเหตุนี้กองทหารคาสเซ็ตต์จึงถูกส่งไปยังสนามรบหลังจากเพิ่งเริ่มสร้างขึ้นมาไม่นาน
ในฐานะสมาชิกที่รับผิดชอบงานข่าวกรองที่อันตรายที่สุด จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่สมาชิกบางส่วนของกองทหารคาสเซ็ตต์จะเสียชีวิตในการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็น “รีคอน” “วีฮิเคิล” และ “โอเวอร์คิล” ต่อมาสมาชิกใหม่อย่าง “บัซซอร์” “สล็อตเฟรส” “ไทแรนโนซอรัส” “โฮรเนด ดรากอน” “บาร์บาร์ริค” ก็เข้าร่วมกลุ่ม แต่ส่วนใหญ่ไม่รอดจนจบช่วงสิ้นสุดสงครามกลางเมือง
สงครามกลางเมืองไซเบอร์ตรอนเพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อร้อยกว่าปีก่อน น่าเสียดายที่สายลับดิเซปติคอนที่โดดเด่นที่สุดสองคนคือ เลเซอร์บีคและเฟรนซี่ กลับถูกฆ่าในการต่อสู้ครั้งก่อนเมื่อพวกเขาพยายามจับเมกะตรอน ผู้นำของพวกกองทัพดิเซปติคอน
แม้ว่าซุนเฉิงจะไม่ได้ดูดซับข้อมูลความทรงจำของเฟรนซี่มาอย่างสมบูรณ์ แต่เขาก็ค้นพบจุดที่น่าสงสัยมากมายจากเรื่องนี้ เพราะดูเหมือนว่าสถานการณ์ภายในของกองกำลังคาสเซ็ตต์จะไม่ได้สนิทชิดแน่นอย่างที่เขาจินตนาการไว้ แม้ซาวด์เวฟ ผู้บัญชาการจะทรงพลังก็จริง แต่นายพลทั้งแปดไม่มีคนใดเลยที่เป็นสหายสนิทของซาวด์เวฟ ยกเว้นก็เพียสุนัขจักรกล
“เลเซอร์บีค” คิดว่าความสามารถในการสอดแนมของตนเหนือกว่าของซาวด์เวฟ เขาจึงพยายามที่จะเรียกร้องความสนใจจากเมกะตรอน เพื่อแทนที่ซาวด์เวฟและกลายเป็นผู้นำของกองทัพคาสเซ็ตต์ ส่วน “บัซซอร์” เป็นพวกดื้อรั้นและหลงใหลในการทําลายล้าง เขาเป็นพวกน่าสะพรึงกลัวและน่าขนลุก “แรทแบค” เป็นคนที่เย็นชาและรักสันโดษ ไม่สนใจใครๆ ยกเว้นตัวเอง ทําให้เขาไม่สามารถจงรักภักดีต่อใครได้
สำหรับ “รัมเบิล” ในฐานะนักรบดิเซปติคอนที่มีพลังทำลายล้างอันทรงพลังที่สุด เขาจึงไม่เคยถูกไว้เนื้อเชื่อใจจากซาวด์เวฟนับตั้งแต่ที่เขาอยู่ในกองทหารคาสเซ็ตต์ ส่วนทางด้าน “เฟรนซี่” เดิมทีเขาเป็นคนทะเยอทะยานมาก จึงได้เปลี่ยน "รัมเบิล" ที่ไม่ค่อยได้ฉายแสงให้กลายเป็นเพื่อนและผู้ติดตามของเขา จากข้อมูลความทรงจำที่ซุนเฉิงได้รับมา พวกเขาถึงขั้นไปเผชิญหน้ากับซาวด์เวฟแบบตัวต่อตัวมากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว
ในกองทัพคาสเซ็ตต์ คงมีเพียง “ราเวจ” และสุนัขจักรกลที่เพิ่งถูกชุบชีวิตเท่านั้นที่จะสามารถถูกใช้งานได้โดย “ซาวด์เวฟ” ทว่าที่จริง “ราเวจ” เป็นพวกเรียบง่าย ไม่คิดมาก ทำให้ในความเป็นจริงแล้ว คงมีเพียงสุนัขจักรกลเท่านั้นที่ภักดีต่อซาวด์เวฟอย่างแท้จริง
ซุนเฉิงไม่รู้เลยว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ให้กับทีมที่แปลกประหลาดนี้ที่ทำคุณงามความดีมากมายในการรบได้อย่างยิ่งใหญ่ได้ เขาต้องขอยอมรับเลยว่าการที่ซาวด์เวฟแทงหลังลูกน้องของตัวเองก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ก็ดูสภาพลูกน้องแต่ละคนสิ
เมื่อเฟรนซี่กลับมามีชีวิตอีกครั้งหลังสงคราม จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซาวด์เวฟถึงตามล่าเขา
เมื่อได้ยินคำว่า “ท่านบาริเคด” บาริเคดก็หยุดขยับบนท้องถนนชั่วขณะและไม่นานนัก ซุนเฉิงก็ได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย “ดูเหมือนว่าเจ้าจะตัดสินใจได้แล้วสินะ ลองคิดพิจารณาที่จะให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อท่านสตาร์สครีมเหมือนข้าไหม?”
ถ้าไม่ใช่เพราะความทรงจำของเขาฟื้นคืนมา ซุนเฉิงอาจจะเชื่อคำพูดของบาริเคดไปแล้วก็ได้
แต่ทันทีที่เขาพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ซุนเฉิงก็ได้เพียงลอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ
จากความทรงจำที่เขาฟื้นคืนมา เขารู้แล้วว่าบาริเคดมีพื้นเพเป็นเช่นไร
บาริเคดเกิดมาเป็นศัตรูคู่อาฆาตของพวกดิเซปติคอน นั่นคือออโต้บอท แต่เพราะความเชื่อในการ "ทำเรื่องที่ถูกต้อง" มันทำให้เขาได้แปรพักตร์มาอยู่ข้างดิเซปติคอนในช่วงสงครามกลางเมืองไซเบอร์โทรเนียน
ในฐานะผู้ที่เคยอยู่ทั้งสองฝ่าย ทำให้เขาไม่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างแท้จริง แม้แต่ในกองทัพดิเซปติคอนก็ตาม
แต่บาริเคดคนนี้ ถึงเขาจะมีอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง แต่ก็สามารถควบคุมและจัดการกับกลุ่มต่างๆ ภายในดิเซปติคอนได้อย่างชาญฉลาด
ว่ากันว่าเขาภักดีต่อช็อคเวฟ ประจบบลิทซ์วิง เชื่อฟังคำสั่งของเมกะตรอน และไม่เคยพูดจาว่าร้ายต่อสตาร์สครีม
ในช่วงเวลาที่เมกะทรอนปกครองกองทัพดิเซปติคอน สตาร์สครีมที่ได้กบฏไปมาซ้ำๆ ก็ถูกตั้งเป้าจากคนของเมกะตรอนกเอง ทำให้หลายคนภายในกองทัพมักจะทอดทิ้งเขาโดยไม่มีเหตุผล บ้างก็แทงเขา จนมันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันอันแสนปกติของดิเซปติคอนไปเสียแล้ว
พอเมกะตรอนหายไป บาริเคดจึงคิดเข้าร่วมฝ่ายสตาร์สครีมทันที
ซุนเฉิงรู้ดีว่าอีกฝ่ายยังไงก็คงไม่น่าเชื่อถือ
ถึงแม้ว่าเขาจะเยาะเย้ยในใจ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกมาบนเห็นบนใบหน้าของเขา ทั้งยังกล่าวปฏิญาณอย่างชัดเจน “ตราบใดที่ท่านตกลง ข้าก็ขอน้อมรับใช้ท่านสตาร์สครีม!”
เห็นได้ชัดว่าท่าทางของเขาได้ทำให้ “บาริเคด” พอใจมาก ซึ่งในไม่ช้าเขาก็พาซุนเฉิงไปที่ห้องพลังงานและเรียกดิเซปติคอนชนิดแมงมุมที่ติดตั้งแม่แบบทางการแพทย์ เพื่อรักษาเขาก่อนออกเดินทาง
ก่อนจากไป อีกฝ่ายยังเตือนเขาอีกว่า “หลังจากเติมพลังของเจ้าแล้ว จงมาที่ห้องฟูมฟักเพื่อรีบมาหาข้า เพราะท่านสตาร์สครีมอาจจะเริ่มใจร้อนแล้ว และเราจำเป็นต้องทำงานที่เขามอบหมายให้เราให้เสร็จโดยเร็วที่สุด!”
“ข้าเข้าใจแล้วนายท่าน!”
ทันทีที่บาริเคดจากไป ซุนเฉิงก็ถูกดิเซปติคอนที่มีรูปร่างคล้ายแมงมุมที่ดูแลห้องซ่อมแซมพาไปยังเครื่องจักรที่ไม่คุ้นเคยทันที จากนั้นมันก็บอกว่า "โปรดเปิดแกนกลางของท่านด้วย!"
ซุนเฉิงพยักหน้า เขารู้ว่านี่เป็นกระบวนการที่จำเป็นสำหรับการเติมพลังงาน ดังนั้นเขาจึงเปิดเผยแกนกลางออกมาทันที
ครู่ต่อมา ดิเซปติคอนที่เหมือนแมงมุมก็แตะเครื่องเบาๆ และฉายหน้าจอแสงตรงหน้าเขาทันที
หลังจากป้อนข้อมูลบางอย่างอย่างรวดเร็วบนหน้าจอแสง ดิเซปติคอนที่เหมือนแมงมุมก็เห็นหลอดโปร่งใสหลายหลอดคล้ายเอ็นของพืชลอยออกมาจากเครื่อง
ในไม่ช้าหลังจากที่ท่อยึดติดกับแกนกลางของเขา ของเหลวสีน้ำเงินน้ำก็ไหลเข้าสู่แกนกลางของเขาอย่างต่อเนื่องผ่านท่อ ทันใดนั้นความผันผวนของพลังงานเล็กน้อยคล้ายสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา
“ติ้ง... ตรวจพบแหล่งพลังงาน... เปิดใช้งานฟังก์ชันการดูดซับ...”
ทันใดนั้นซุนเฉิงรู้สึกฟื้นคืนกำลังวังชามา ราวกับว่าร่างกายของเขาที่เคยเป็นดินแดนอันแห้งแล้งเพิ่งพานพบกับฝนที่ตกลงมาใส่ ความรู้สึกของความสุขและความพึงพอใจได้แผ่ออกมาจากส่วนลึกภายในจิตวิญญาณของเขา เขากลืนกินรับพลังงานที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
“หา?”
ดิเซปติคอนที่เหมือนแมงมุมข้างๆ เขาได้มองไปยังหน้าจอแสงด้วยความสับสน “มีพลังงาน 500 แต้มยังไม่พอเหรอ? ทำไมถึงกินพลังงานมากขนาดนั้นกัน?”
จากนั้นเขาก็เพิ่มพลังงานอีก 500 แต้มให้กับซุนเฉิงโดยไม่ลังเลเลย
อาจเพราะบาริเคดเป็นคนส่งอีกฝ่ายมาด้วยตัวเองและยังพูดถึงสตาร์สครีมอีกด้วย แสดงว่าตัวตนของจักรกลตรงหน้าเขาคงอยู่สูงจนไม่อาจนำมาเทียบกับดิเซปติคอนทางการแพทย์ระดับล่างสุดอย่างเขาแน่นอน
ซึ่งการกระทำนี้ได้ช่วยซุนเฉิงอย่างมากมายมหาศาล ด้วยพลังงานที่มากมายเพียงพอได้ไหลเข้าสู่แกนกลางของเขาอย่างต่อเนื่อง เขาก็ตรวจพบแรงดึงดูดปริศนาจากมุมหนึ่งของร่างกายโดยไม่คาดคิด
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย เขาจึงเริ่มสำรวจสถานที่ที่มีแรงดึงดูดมหาศาล ในไม่ช้าเขาก็รู้สึกราวกับว่ามีกระแสน้ำวนที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ที่นั่น ก่อนที่เขาจะได้ตอบสนองอะไร สติของเขากลับถูกดึงดูดเข้าไปในพื้นที่ทรงกลมสีฟ้านั้นแล้ว
[คิดสภาพจักรพรรดิถูกแม่ทัพก่อกบฏไม่เว้นวัน แต่ก็ไม่ถูกประหารแถมให้อยู่ในตำแหน่งเดิมอีก สมกับที่เป็น พ่อดาวกรี๊ด จริงๆ ไม่ใช่เขาทำไม่ได้นะครับ]