บทที่ 15 สั่งสอนเจ้านาย!
กำลังคัดลอกความทรงจำของโลกคู่ขนาน เพลง [เส้นทางธรรมดา] คืบหน้า 100% เสร็จสมบูรณ์…
กำลังคัดลอกความทรงจำของโลกคู่ขนาน เพลง [พบเจอ] คืบหน้า 90%...
กำลังคัดลอกความทรงจำของโลกคู่ขนาน เพลง [ผู้กล้าหาญที่โดดเดี่ยว] คืบหน้า 40%...
กำลังคัดลอกความทรงจำของโลกคู่ขนาน 《รวมบทกวีสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง》คืบหน้า 60%...
เมื่อมือของหลินโจวสัมผัสกับร่างกายของซูชิงเหม่ย ความคืบหน้าการคัดลอกความทรงจำของโลกคู่ขนานก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง
ในหมู่ทั้งหมดเพลง "เส้นทางธรรมดา" คัดลอกเสร็จสมบูรณ์ในทันที รายละเอียดต่างๆขอเพลงนี้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเพลง ทำนอง การเรียบเรียง การเล่นเครื่องดนตรี เทคนิคการร้องเพลง ล้วนถูกฝังลงในสมองเขาอย่างไม่ตกหล่น
ในขณะเดียวกันเพลง " พบเจอ " ก็มาถึง 90% แล้ว เพลง "ผู้กล้าหาญที่โดดเดี่ยว" เพิ่มขึ้น 5% เป็น 40% และสำหรับ " รวมบทกวีสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง " ที่ปรากฏขึ้นเมื่อคืนวานเมื่อในตอนเขาจับตัวซูชิงเหม่ยกลับคืบหน้าขึ้นถึง 60% โดยตรง!
หลินโจวถึงกับนิ่งไปชั่วครู่ สรุปแล้วนิ้วทองนี้ของเขาเป็นนิ้วทองบ้ากามจริงๆ เหรอ?
โดยปกติแล้ว พลังจะค่อยๆ เติบโตช้าๆ เมื่อฟังผู้หญิงร้องเพลง แต่ทันทีที่เขาได้สัมผัสกับร่างกายของผู้หญิง พลังพิเศษนี่กลับคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว!
นี่มันเกินไปแล้ว!
หลินโจวรู้สึกทั้งขำทั้งกลัดกลุ้ม เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมีความสามารถนี้ได้?
ส่วนซูชิงเหม่ยในเวลานี้กลับรู้สึกซับซ้อนยิ่งกว่า เมื่อมือของหลินโจววางลงบนหน้าท้องของเธอร่างกายของเธอก็พลันแข็งทื่อ เกือบอดไม่ได้ที่จะยื่นมือผลักหลินโจวออกไป
เธอโตมาขนาดนี้ ยังไม่เคยถูกผู้ชายสัมผัสอย่างใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อนเลย
ทั้งยังเป็นตำแหน่งที่อ่อนไหวและละเอียดอ่อนมากอีกด้วย!
ซูชิงเหม่ยถึงกับรู้สึกได้ถึงนิ้วชี้ของอีกฝ่ายสำผัสกับชุดชั้นในของเธอ ถ้าขยับขึ้นไปอีกนิดล่ะก็...
มือของซูชิงเหม่ยกำแน่นทันที เล็บเกือบจะจิกเข้าไปในเนื้อแล้ว
แต่ไม่นานเธอก็กลับนึกขึ้นมาได้ เมื่อคืนก่อน เธอหมดสติในอ่างอาบน้ำ เจ้าหมอนี่อาจจะสัมผัสส่วนสงวนของเธอไปแล้วก็ได้
เพียงแต่ตอนนั้นเธอหมดสติไปแล้ว เธอแค่ไม่รู้สึกตัวก็เท่านั้น
เมื่อคิดแบบนี้ ถึงแม้จะน่าอาย แต่การสัมผัสตอนนี้ก็ดูจะไม่น่าอับอายเท่าเดิมแล้ว
ขณะที่ซูชิงเหม่ยกำลังคิดอยู่ เธอก็เห็นมือของผู้ชายคนนั้นวางอยู่บนหน้าท้องของเธอโดยไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าของเขากำลังเหม่อลอย ราวกับว่าเขากำลังสัมผัสถึงบางสิ่งบางอย่าง
ความอับอายของเธอพลันมลายหายไป ถูกแทนที่ด้วยความโกรธอย่างรวดเร็ว เธอกัดฟันแล้วพูดขึ้นว่า "คุณ… คุณนวดสิ"
เสียงของซูชิงเหม่ยทำให้หลินโจวกลับมามีสติอีกครั้ง ตอนนี้เขากำลังคิดถึงการคัดลอกความทรงจำของโลกที่แล้ว ไม่ได้มีความคิดสกปรกใดๆ เลย
เมื่อได้ยินเสียงซูชิงเหม่ยที่เต็มไปด้วยความเขินอาย ในเวลานี้ เขาก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่ามือของตัวเองยังวางอยู่บนหน้าท้องของหญิงสาว!
"ขอโทษครับ…"
หลินโจวกล่าวขอโทษ จากนั้นมือของเขาก็เริ่มออกแรงกดลง และเริ่มนวดคลึงซ้ายขวา
คนที่ปวดท้องส่วนใหญ่ น่าจะมีประสบการณ์เดียวกัน คือถ้ากดท้องแรงๆ อาการปวดก็จะทุเลาลงบ้าง
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงวิธีบรรเทาอาการเบื้องต้นเท่านั้น หลินโจวได้เรียนรู้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นนี้ และเคยฝึกฝนกับเซิ่นเหยาอดีตภรรยาของเขามาก่อน
เขารู้ว่านอกจากจะต้องออกแรงกดแล้ว เขายังต้องนวดคลึงตามเข็มนาฬิกา จากนั้นจึงประคบร้อน เพื่อให้อาการปวดท้องบรรเทาลงอย่างรวดเร็ว
"อ้า!!"
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของหลินโจวทำให้ซูชิงเหม่ยไม่ทันระวังตัว เธอจึงส่งเสียงร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว
ในเวลานั้น โจวหยุนกลับมาพร้อมกับถุงน้ำร้อน ทันทีที่เธอเปิดประตู เธอก็ได้ยินเสียงร้องของซูชิงเหม่ย ผู้ช่วยน้อยเกือบจะโยนถุงน้ำร้อนในมือทิ้งไป
เธอมองไปยังซูชิงเหม่ยที่กำลังถูกหลินโจวนวดอยู่ ในหัวยังดังก้องไปด้วยเสียงร้องของซูชิงเหม่ย เสียงนั้นทำให้เธอรู้สึดขนลุกไปทั้งตัว แก้มของเธอแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
โจวหยุนกระซิบกับจางหงว่า: "พี่หง พี่ชิงเหม่ยนี่รู้สึกสบายหรือรู้สึกปวดท้องกันแน?"
จางหงถลึงตามองเธอ: "คิดอะไรอยู่เนี่ย? อย่าพูดอะไรไร้สาระ!"
“โอ้..” โจวหยุนแลบลิ้น ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ซูชิงเหม่ยตอนนี้แก้มแดงระเรื่อ เธอตระหนักได้ว่าเสียงร้องของเธอเมื่อกี้นั้นฟังดูน่าอายเล็กน้อย ในตอนนี้เธอทำได้เพียงก้มหน้าลง ใช้ผมยาวปิดบังใบหน้า ราวกับอูฐที่เอาหัวซุกไว้ในทราย
จะยังไงแล้ว แค่ไม่มีใครเห็นหน้า เธอก็รู้สึกอายน้อยลง
หลินโจวตกใจกับเสียงร้องของซูชิงเหม่ยเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คงเป็นเพราะซูชิงเหม่ยไม่ค่อยชินกับการถูกคนสัมผัสร่างกายแบบนี้
เขาตั้งใจนวดอย่างสุดฝีมือ แต่ก็รู้สึกว่าแรงมือข้างเดียวเหมือนจะยังไม่พอ จึงใช้มือทั้งสองข้างพร้อมกัน!
ซูชิงเหม่ยรีบยกมือขึ้นปิดปาก เธอเกือบจะเผลอร้องออกมาอีกครั้ง
เธอรู้สึกเหมือนตำแหน่งที่หลินโจวกดอยู่นั้น ชา ๆ แปล๊บ ๆ แต่ก็ไม่ค่อยปวดท้องมากเท่าไหร่แล้ว รู้สึกสบายขึ้นมาก
เดิมทีเธอรู้สึกไม่ดีที่มีผู้ชายมาแตะต้องร่างกาย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอไม่ได้รู้สึกต่อต้านมากขนาดนั้น แถมยังรู้สึกสบายอีกด้วย
ยิ่งกว่านั้น หลินโจวดูเหมือนจะมีประสบการณ์มากพอสมควร ตอนที่นวดเขาก็ตั้งใจหลีกเลี่ยงจุดที่อ่อนไหว มุ่งความสนใจไปที่บริเวณท้องเท่านั้น ไม่มีการล่วงเกินใดๆ ทั้งสิ้น
ขณะที่นวดไปเรื่อยๆ ร่างกายของซูชิงเหม่ยก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง เหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากก็หายไปแล้ว
ผ่านไปไม่กี่นาที หลินโจวก็คลายมือและถามว่า "คุณซู รู้สึกดีขึ้นบ้างไหมครับ?"
“เอ๋?”
ดวงตาที่เย็นชาของซูชิงเหม่ยยังคงพร่ามัวอยู่เล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของหลินโจว เธอก็กระพริบตา และพูดด้วยความประหลาดใจว่า: "เหมือนจะดีขึ้นมากแล้วค่ะ"
“ได้ผลจริงๆ ด้วย!” โจวหยุน และจางหงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลินโจวลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับโจวหยุนว่า: "เอาถุงร้อนมาประคบให้คุณซูหน่อย"
โจวหยุนพยักหน้าตอบตกลงทันที รีบเดินเอาถุงร้อนไปประคบหน้าท้องของซูชิงเหม่ย
ซูชิงเหม่ยเงยหน้าขึ้นมองหลินโจว พลางกล่าวว่า: "ขอบคุณค่ะ"
หลินโจวไม่ได้รู้สึกซาบซึ้ง กลับเริ่มติเตียนเธอขึ้นมา: "คุณซูครับ ผมต้องขอเตือนคุณว่ากิจวัตรประจำวัน ทั้งการพักผ่อน การทำงาน นิสัยการกินของคุณตอนนี้ไม่ดีเลย เรื่องนี้มันจะส่งผลเสียกับร่างกายคุณอย่างมาก ถึงขั้นยังส่งผลกับลมหายใจของคุณด้วย ทำให้ฝีมือด้านการร้องเพลงของคุณแย่ลงได้เลยนะครับ”
“คุณเป็นนักร้อง ด้วยฐานะนี้คุณจะต้องมีความรับผิดชอบต่อแฟนคลับ ผมคิดว่าคุณควรปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันและดูแลอาหารการกินให้ดีกว่าตอนนี้ คุณควรหยุดเอาแต่ใจตัวเองได้แล้วนะครับ”
“ร่างกายเป็นของคุณ แต่เสียงร้องของคุณเป็นของแฟนคลับ ถ้าคุณยังทำตัวไม่รักตัวเองแบบนี้ ไม่เพียงแต่จะผิดต่อตัวเอง แต่ยังผิดต่อแฟนคลับของคุณอีกด้วย”
"ดังนั้น ผมขอแนะนำให้คุณกำหนดกิจวัตรประจำวันและพฤติกรรมการกินที่ถูกต้อง และต้องมีคนคอยกำกับดูแลอย่างเข้มงวดเพื่อให้คุณปฏิบัติตาม แบบนี้ถึงจะเป็นการกระทำที่รับผิดชอบต่อตัวเองและบรรดาแฟนคลับที่คอยสนับสนุนคุณอยู่!"
จริงๆ แล้วหลินโจวไม่ได้พูดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาลอยๆ 2 วันที่ผ่านมานี้ เขาสังเกตเห็นถึงข้อบกพร่องหลายอย่างของซูชิงเหม่ยอย่างชัดเจน
แม้ว่าเธอจะไม่เหมือนดาราสาวคนอื่น ๆ ในวงการบันเทิง ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อความสำเร็จ กลับกันเธอเป็นคนเรียบง่าย มีความรับผิดชอบขยันปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลา
แต่เธอก็มีข้อบกพร่องของตัวเองเหมือนกัน นั่นคือเป็นคนที่เอาแต่ใจ และไม่ค่อยสนใจดูแลร่างกาย!
ในเมื่อคุณเป็นนักร้อง กลายเป็นบุคคลสาธารณะ คุณก็มีหน้าที่ที่จะต้องแสดงด้านที่ดีที่สุดให้บรรดาแฟนคลับเห็นอยู่เสมอ ไม่ใช่ปรากฏตัวต่อหน้าแฟนคลับในสภาพที่อิดโรยอยู่ตลอดเวลา
การทำเช่นนั้นรังแต่จะนำพาพลังงานด้านลบมาสู่คนที่ชื่นชอบคุณเท่านั้น
นี่ไม่ใช่สิ่งที่บุคคลสาธารณะควรทำ!
ในตอนที่ หลินโจวเป็นผู้ช่วยของเซิ่นเหยา เขามักจะย้ำเรื่องนี้กับเธออยู่บ่อยๆ ซึ่งมันก็ทำให้ทัศนคติของทั้งสองคนเริ่มไม่ลงรอยกัน และห่างเหินกันไปทีละน้อย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของซูชิงเหม่ยนั้นแตกต่างจากของเซิ่นเหยา ซูชิงเหม่ยมีรูปร่างหน้าตาและความสามารถในการร้องเพลงดีกว่าเซิ่นเหยามาก ความนิยมและสถานะก็เหนือกว่า ดังนั้น เธอจึงควรถนอมร่างกายของเธอให้อยู่ในสภาพที่ดีพร้อมมากที่สุดอยู่ตลอด
เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นโรคกระเพาะอยู่แล้วแท้ๆ แต่เมื่อวานเธอกลับไม่ยอมทานอาหารเย็น ยังแอบออกมากินตอนดึกๆ อีก นี่แหละเรียกว่าการนอนหลับพักผ่อนและรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา นาฬิกาชีวิตยุ่งเหยิงไปหมด!
หลินโจวเริ่มจะรู้สึกทนไม่ไหว ทั้งๆที่เธอมีเงื่อนไขที่ดีมากขนาดนี้แท้ๆ แต่ทำไมถึงยังทำร้ายตัวเองแบบนี้?
ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะพูดคำเหล่านี้ออกมา
ทันใดนั้นทั้งห้องแต่งตัวก็พลันเงียบสงัด
โจวหยุนอ้าปากค้าง มองหลินโจวด้วยสีหน้าตกตะลึง
จางหงก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของเธอเบิกกว้าง
ส่วนซูชิงเหม่ย...