บทที่ 14 การกำหนดเป้าหมาย
บทที่ 14 การกำหนดเป้าหมาย
ลางสังหรณ์ที่เขารู้สึกเหมือนได้รับการยืนยันในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ตลอดทั้งวันมานี้ ซุนเฉิงต้องประสบกับความรู้สึกของการตกเป็นเป้าหมายโดยไม่มีเหตุผล
ดูเหมือนว่าทีมคาเมร่าจะมีความแค้นอย่างมากต่อกองทหารคาสเซ็ตต์ แม้จะมีการเยาะเย้ยและถากถางอยู่บ้าง แต่สเปกโตรก็ดูเหมือนจะพยายามยั่วยุเขาเสมอ คงคิดหาข้ออ้างที่จะโจมตีเขา
ทันใดนั้น ชายร่างท้วมคนนี้ก็ส่งข้อมูลเข้ามาแทรกแซงหาเขาอย่างไม่รู้ตัว มันไม่เพียงแค่ทำลายฟังก์ชันการป้องกันของเขาเท่านั้น แต่ยังเหมือนกับว่าเขากำลังคิดที่จะบุกโจมตีแกนหลักของเขาอีกด้วย
สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือ สเปกโตรได้หายไปจากสายตาในขณะที่พาเขาไปสำรวจฐานทัพ หากซุนเฉิงไม่ระมัดระวัง ในไม่ช้าเขาคงจะพบว่าตัวเองถูกล้อมรอบด้วยดิเซปติคอนซึ่งถูกดึงดูดโดยเสียงระฆังปลุกที่ดังขึ้นในบริเวณใกล้เคียงแน่
โชคดีที่สเปกโตรยังคงระวังคำเตือนของบาริเคดอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากฐานทัพเพิ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้และยังไม่ได้ติดตั้งระบบป้องกันด้วยอาวุธใดๆ ซุนเฉิงจึงไม่ตกอยู่ในอันตราย
ทว่าจากการยั่วยุอย่างตลอดเวลาจากสเปกโตร มันได้ทำให้ซุนเฉิงถูกกดดันจนประสาทเสีย ในระดับปัจจุบันของเขา เขาคงยังไม่สามารถต่อสู้กับสเปคโตรได้และตอนนี้เขาคงได้แต่น้อมทำตามทุกอย่างไปก่อน ต้องคอยระวังการยั่วยุของอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกันก็ต้องไปสำรวจตามฐานใต้ดินของดิเซปติคอน ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งของสตาร์สครีมและคนอื่นๆ
ต้องยอมรับเลยว่าคนงานก่อสร้างดิเซปติคอนที่เขาประเมินต่ำเกินไปก่อนหน้านี้ว่าเป็นเพียงทาสและคนงาน กลับมีพลังและแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ตามข้อมูลที่สเปกโตรได้บอกมา ดูเหมือนฐานนี้ก่อตั้งขึ้นมาได้เพียงประมาณหนึ่งเดือนเท่านั้น
แต่คนงานก่อสร้างดิเซปติคอนที่ทำงานหนักเหล่านี้ ซึ่งสามารถทำงานได้อย่างไม่หยุดนิ่งเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ก็ได้ขุดและขยายเหมืองที่ถูกทิ้งร้างเป็นเวลาหลายปี ซึ่งทอดยาวหลาย 10 กิโลเมตร นี่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก แม้แต่มนุษย์ก็คงต้องพยายามอย่างมากกว่าจะได้เท่านี้ แต่มันคงต้องใช้เวลาหลายปี
สิ่งที่เหนือความคาดหมายยิ่งไปกว่านั้นคือ ในขณะที่กำลังขุดเจาะโครงการนี้ไป เหล่าคนงานก่อสร้างยังสามารถย่อยสลายโลหะและสามารถผลิตเครื่องจักรกลได้อีกด้วย การที่โปรเจคใหญ่นี้ประสบความสำเร็จได้ คงเพราะคนงานก่อสร้างดีเซปติคอนกว่าร้อยคนที่สตาร์สครีมนำมาจากฐานทัพดวงจันทร์นี้แหละ
แต่จากมุมมองของมนุษย์ ฐานทัพนี้ยังคงไม่สมบูรณ์ดีพออย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าสำหรับดิเซปติคอนนั้นแตกต่างจากมนุษย์ ซุนเฉิงรู้อย่างรวดเร็วว่าฐานนี้มีรูปแบบที่ดีอยู่แล้ว เพราะเขามองจากมุมมองของดิเซปติคอน
ฐานของสตาร์สครีมส่วนใหญ่ประกอบด้วยสามส่วน ห้องจ่ายพลังงาน ที่เก็บพลังงานโรงงานผลิต ที่ประกอบเครื่องจักรและชิ้นส่วนต่างๆ และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพจำนวนมากที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ โดยมีช่องทางเดินต่างๆ ที่เชื่อมระหว่างทั้งสองฝั่ง
ดิเซปติคอนเป็นสิ่งมีชีวิตจักรกล จึงไม่จำเป็นต้องพักผ่อน เว้นแต่พวกเขาต้องการประหยัดพลังงาน มันจึงไม่น่าแปลกใจที่ประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขาจะสูงมาก
ทรัพยากรความร้อนใต้พิภพใกล้กับทูซอนมีความอุดมสมบูรณ์ และพื้นที่ภูเขาเป็นพื้นที่ที่ซับซ้อนที่สุดในโลก วิศวกรของดิเซปติคอนได้พบเข้ากับสถานที่อันเหมาะแก่การตั้งฐาน มันอยู่ลึกลงไปใต้ดิน พวกเขาจึงได้จัดตั้งหน่วยผลิตพลังงานความร้อนใต้พิภพจากอารยธรรมไซเบอร์เนติกส์อย่างหนาแน่น พวกมันเปลี่ยนพลังงานต่อเนื่องที่เกิดจากพลังของธรรมชาติให้เป็นพลังงานไฟฟ้าที่ดิเซปติคอนสามารถดูดซับได้โดยตรง เพื่อเสริมพลังงานของแกนหลักหรือผ่านโปรแกรมการแปลงที่ซับซ้อน เปลี่ยนมันเป็นของเหลวพลังงานที่สามารถจัดเก็บได้ง่ายหรือก้อนพลังงาน
หากพูดในทางอนุรักษ์นิยม เมื่อเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพทั้งหมดเริ่มทำงาน ฐานนี้คงสามารถแปลงพลังงานได้ไม่น้อยกว่าร้อยจุดต่อวัน ซึ่งเทียบได้กับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนขนาดกลางเลยทีเดียว
"ตุ้บ!"
ซุนเฉิงถูกเตะจากด้านหลังและกระแทกเข้ากับกำแพงอีกครั้ง หลังจากถูกเตะมาถึงพื้น เขาก็หันกลับมาและเห็นสเปกโตรยืนอยู่ในระยะไกล มองลงมาที่เขาโดยไม่มีการปกปิดใดๆ ทั้งสิ้น
"... น่าเบื่อ เจ้าอ่อนแอมากหลังจากฟื้นคืนชีพขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกองทัพคาสเซ็ตต์จึงได้กลายเป็นขยะไปหมด..."
ซุนเฉิงลุกขึ้นจากพื้นอย่างเงียบๆ เดินต่อไปที่ห้องโถงที่เขาพบกับสตาร์สครีมและทีมของพวกเขาครั้งแรก
ในระหว่างการเผชิญหน้ากันช่วงสั้นๆ เขาได้รู้ดีว่ามีบางอย่างผิดปกติกับหัวของสเปกโตร อีกฝ่ายไม่เพียงแต่อารมณ์ฉุนเฉียวตามปกติของดิเซปติคอนเท่านั้น แต่ยังดูเหมือนจะมีความจำไม่ดีอีกด้วย
ในตอนแรก สเปกโตรยังแค่เล็งเป้าหมายไปที่เขา ทำร้ายเขาด้วยการเล็งเป้ากระทุ้งหลายอย่างมาที่เขา แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้โจมตีโดยตรงแบบนี้ ทว่าไม่นานนัก อีกฝ่ายก็คงห้ามใจไม่ไหวและเลือกโจมตีเขาจริงๆ
ซุนเฉิงไม่มีทางตอบโต้ได้ เพราะเขาไม่สามารถชนะได้ในการต่อสู้เลย
ดังนั้นเมื่อเขารู้ว่าสเปกโตรกำลังมาหาเรื่องเขาจริงๆ เขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงอีกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
น่าเสียดายที่หมอนี้น่าเบื่อและน่ารำคาญมาก ตามเขามาทุกที่เลย แถมทุกครั้งที่เขาถูกพบตัวเข้า เขาก็ต้องอดทนกับการถูกตีสองสามครั้งและมันก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
แต่เพราะหมอนี้ดูเหมือนจะปัญญาอ่อนเล็กน้อย ซุนเฉิงจึงสามารถดึงข้อมูลจำนวนมากที่เขาไม่รู้ออกมาได้โดยไม่ได้ตั้งใจ
หลังจากย่อยแยกแยะข้อมูลหน่วยความจำทั้งหมด ทำให้เดิมทีซุนเฉิงคิดว่าดิเซปติคอนที่โชคร้ายที่เขามาสิงร่างคงเป็นเพียงสายลับระดับต่ำคนใหม่
แต่ข้อมูลของสเปกโตรจากทีมคาเมร่าที่เขาได้ผ่านการถูกทุบตีมาหลายครั้งนั้น อีกฝ่ายได้กล่าวถึงสงครามกลางเมืองไซเบอร์โทรเนียนมากกว่าหนึ่งครั้ง จากน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่า 'เฟรนซี่' ดั้งเดิมจะเป็นดิเซปติคอนระดับสูงเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าเขาได้เสียชีวิตในการต่อสู้และเพิ่งฟื้นคืนชีพด้วยเหตุผลบางอย่าง
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นเพียงการคาดเดาจากสิ่งที่เขาได้ยินจากสเปกโตร แต่หลังจากสรุปแล้วซุนเฉิงก็รู้สึกว่ามันยังคงมีปัญหามากมายอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
เขากระตือรือร้นอยากที่จะรู้เพิ่มเติม แต่เขาก็ต้องการหลีกเลี่ยงเช่นกัน เพราะสเปกโตรไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้เขาว่างเลย เรียกได้ว่าตามติดมารังแกทุกชั่วขณะ เขาจึงทำได้เพียงเก็บความสงสัยใหม่ในใจไว้ชั่วคราว
เมื่อเห็นเขาถอยหนีไป สเปกโตรก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและไล่ตามเขาราวกับว่ามันเสียสติไปแล้ว
"ฟู่วว!"
ซุนเฉิงฟุ้งซ่านเล็กน้อย เขาเห็นรูกระสุนห่างจากเท้าของเขาเพียงสองหรือสามเซนติเมตร เมื่อเห็นเช่นนี้เขาจึงรู้สึกไม่สบายใจยิ่ง รีบหันหน้าไปมองและเริ่มวิ่งหนีทันที
"ให้ตายสิ หมอนี่พยายามจะฆ่าฉันเหรอ?"
เมื่อครู่นี้ พอเขามองย้อนกลับไป เขาก็เห็นว่าสเปกโตรได้ยกแขนขวาขึ้นแล้ว เผยให้เห็นปืนกลยิงเร็วที่เขาติดตั้งไว้ ซุนเฉิงรู้สึกได้เลยว่าชิบหายแล้ว
เท่าที่เขารู้มา ปืนกลยิงเร็วทุกกระบอกที่ดิเซปติคอนใช้นั้นเต็มไปด้วยบรรจุกระสุนพลังงานแบบไม่มีลูกกระสุน ซึ่งมันล้ำหน้ากว่าการเก็บกระสุนในแม็กกาซีนของมนุษย์หลายชั่วอายุคนไปแล้ว พวกมันไม่เพียงแต่มีความสามารถพิเศษบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น แต่ยังมีความร้อนที่เกิดจากการระเบิดเมื่อพุ่งชนเป้าหมาย สามารถทำลายโลหะผสมหน่วยความจำบนชีวิตจักรกลของเขาได้อย่างง่ายดาย
นี่ไม่ใช่อาวุธที่น่ากลัวที่สุดของสเปกโตรด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะติดตั้งปืนใหญ่เคมีที่สามารถกัดกร่อนร่างกายจักรกลโลหะผสมพิเศษของดิเซปติคอนระดับสูงได้อย่างง่ายดายด้วย ถ้าชายคนนี้ยิงใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง ซุนเฉิงก็ไม่รู้เลยว่าตนจะถูกฆ่าด้วยการยิงเพียงครั้งเดียวหรือไม่
"กึก กึก กึก!"
กระสุนที่สาดยังคงยิงไปยังทิศทางของเขา ซุนเฉิงวิ่งและกระโดดดิ้นรนเพื่อหลบหลีกพวกมันและแสงสีฟ้าในดวงตาของเขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
"ฮ่าฮ่าฮ่า วิ่งต่อไป วิ่งต่อไป..."
สเปกโตรยังคงโบกแขนขวาและหัวเราะร่าเหมือนตัวตลก ปลดปล่อยเสียงอิเล็กทรอนิกส์ที่แปร่งๆ ออกมา จนผู้คนที่ได้ยินต้องขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นแม่แบบสายลับก็ตรวจพบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ และหลังจากที่รู้ว่าเป็นบาริเคด ซุนเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่มากขึ้นไปอีก เขากัดฟันด้วยความโกรธพร้อมตะโกนว่า “ท่านบาริเคด ถ้าท่านไม่ออกมาในเร็วๆ นี้ ข้าเกรงว่าข้าจะไม่สามารถรับใช้ท่านได้และคงจะต้องตายที่นี่ก่อนแล้ว!”
ที่นี่มันมีแต่คนบ้าและเป็นโรคประสาทไปแล้ว ตอนนี้ซุนเฉิงรู้สึกเสียใจอย่างมากที่ได้กลับมายังโลกนี้อีกครั้ง!
คิดว่าคนประเภทไหนกันที่อยู่ในกองทัพดิเซปติคอนได้?
จากการเผชิญหน้ากันในเวลาอันสั้นๆ ของเขา ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่มีสมองสภาพดี คนหนึ่งก็เหี้ยมเจ้าเล่ห์เพทุบาย สามารถกำจัดเขาได้ทุกเมื่อ ส่วนอีกคนก็วางแผนโจมตีเขาอย่างโจ่งแจ้ง ไม่มีใครเลยเห็นเขาเป็นคน
ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งเจ็บใจและหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก แต่ถึงกระนั้น ซุนเฉิงยังคงมุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมกับแผนการของสตาร์สครีมในการวางแผนต่อต้านซาวด์เวฟและช่วยทำภารกิจให้เสร็จสิ้นลงเสีย