ตอนที่ 53 เทพจำแลงลี้ลับ
เทวฑูตอัปลักษณ์นับร้อยแหวกว่ายออกไปยังกลุ่มควันของคาเดน ทุกครั้งที่มันทำเช่นนั้นวิญญาณของคาเดนจะเจ็บปวดปานถูกเหล็กแหลมแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เสียงกรีดร้องดังออกมาพร้อมกับการเลือนหายไปอย่างรวดเร็วของควันสีเขียว
คาเดนมองไปยังออสบอร์น มันแทบจะต้านเอาไว้ไม่ได้แล้ว
ในทันทีเสียงสวดภาวนาอันชั่วร้ายและน่าสยดสยองก็ดังขึ้นภายในหัวของคาเดน จิตใจของเขากู่ร้องออกมาราวกับจะบ้าคลั่ง เสียงเด็กหญิงเด็กชายมากมายหัวเราะซ้อนทับกับเสียงบทสวดฉีกกระชากเข้าไปในจิตวิญาณจนแหลกเหลวป่นปี้
"ม่ายยย ปล่อยข้าไป!"
ร่างวิญาณของคาเดนแตกกระจายครั้งแล้วครั้งเล่า จนแสงสีเขียวในดวงวิญาณค่อยๆซีดลงจนเกือบขาวสนิท
บทสวดยังคงพยายามชำระล้างมันต่อไป ไม่มีทางจะต่อต้านได้ สำหรับคฑาแห่งเอเววิสด้ามนี้ ผู้ที่มีความชั่วร้ายในจิตใจมากเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกมันสร้างความเสียหายได้มากเท่านั้น
เพราะมันใช้ความคิดด้านลบของเป้าหมายมาทำร้ายตัวเป้าหมายเอง
"จงสำนึกบาปของลูกเถิด พ่อจะอภัยให้ลูกในนามแห่งพระเจ้า"
พระอัยกาไนซ์ลอฟก้าวออกไปเบื้องหน้าดวงวิญญาณของคาเดน แสงสีขาวและเทวฑูตยังคงลอยอยู่รอบร่างกายของเขา เมื่อรวมกับใบหน้าเละเทะของเทวฑูตเด็ก ไนซ์ลอฟก็ไม่ต่างไปจากปีศาจในคราบนักบวช
สติของคาเดนเดี๋ยวแจ่มชัดเดี๋ยวเลือนลาง คล้ายกับว่าความคิดของเขากำลังถูกปรับเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ
ขณะเดียวกันวงแหวนดวงดาวก็ลอยมาอยู่เบื้องหน้าคฑาแห่งเอเววิส แสงสีเงินดุจดาวดวงใหญ่ในสายธารแห่งดวงดาวนับร้อย เปล่งแสงสว่างขึ้นฉับพรันผลักดันไนซ์ลอฟให้ถอยหลังไป
คฑาแห่งเอเววิสสั่นสะท้านด้วยความตกใจ
ระดับตำนานขั้นสูงเช่นเดียวกัน!
ทั้งคู่เป็นอาวุธระดับตำนานในขอบเขตแห่งแสงเหมือนกัน แต่ที่มาของพลังนั้นต่างกัน คฑาแห่งเอเววิสเป็นอาวุธที่ใช้แสงที่มีคุณสมบัติด้านลบ เป็นแสงที่มีผลต่อจิตใจและดวงวิญญาณ
แต่แสงจาดดวงดาวของวงแหวนเป็นแสงที่มีคุณสมบัติด้านบวก เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต บริสุทธิ์และมีอำนาจยับยั้งความชั่วร้ายโดยสมบูรณ์
คาเดนมีเวลาพักหายใจขึ้นมาหน่อย ส่วนไนซ์ลอฟก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที เขาหันไปหาเมนเดรกเพื่อที่จะเห็นว่ากลุ่มสามคนของออซมีสภาพที่เลวร้ายกว่าทางนี้มาก เมื่อไม่มีปืนลำแสงช่วยเหลือ เมนเดรกก็สู้อาวุธระดับตำนานไม่ได้เลย
"ท่านไนซ์ลอฟ ข้าส่งคนไปตามคนมาช่วยแล้ว เราช่วยกันถ่วงเวลาเอาไว้ได้ไหม"
เมนเดรกที่เสื้อผ้าขาดวิ่นไปทั้งร่าง รีบเข้ามาสมทบกับไนซ์ลอฟทันที
"อีกนานแค่ไหน?"
ไนซ์ลอฟมองไปยังคฑาแห่งเอเววิสกับวงแหวนสีเงินอันนั้น ยังคงต้านได้สักพัก แค่อย่าให้วิญญาณจอมเวทย์ตนนั้นฟื้นตัวได้ทันก็พอ
"สิบนาทีเป็นอย่างน้อย เราจำเป็นต้องเตรียมวงแหวนเคลื่อนย้ายก่อน"
"เชิญมาจากออซหรือ? ช่างลงทุนเสียจริง"
พระอัยกาแห่งวอร์บัสรู้สึกว่าศึกครั้งนี้ ออซสูญเสียไปไม่น้อย การเปิดใช้งานวงแหวนเวทมนตร์หนึ่งครั้ง เสียหินเวทมนตร์ที่มีมูลค่าเท่าภาษีของวอร์บัสเป็นสิบปี
ไม่ต่างกับปืนลำแสงบนเรือเหาะเลย
แต่ไม่ทันให้พวกเขาได้รู้สึกสบายใจบนฟ้าเบื้องบนก็เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
ชั้นบรรยากาศเหนือวอร์บัสประดุจถูกแหวกออกด้วยมือที่มองไม่เห็น เบื้องบนหาใช่ท้องฟ้าสีครามอีกต่อไป แต่เป็นอวกาศดำมืดที่มีแถบดวงดาวพร่างพราวอยู่เต็มไปหมด
ในเบื้องหลังจักรวาลอันยิ่งใหญ่มีร่างเงาสีดำค่อยๆปรากฎกายออกมา เงานั้นไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย แก่ชราหรือหนุ่มสาว แต่มันยกมือสองข้างขึ้นและผายออกมาเบื้องหน้า
จิตใจของไนซ์ลอฟสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวที่สุดในชีวิต เมนเดรกถึงกับกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งใช้มือดึงทึ้งผมจนหลุดลุ่ยเป็นกระจุก
คฑาเอเววิสในมือของไนซ์ลอฟส่งเสียงหวีดแหลมออกมาไม่หยุด เทวฑูตเด็กชายเด็กหญิงดิ้นทุรนทุรายก่อนจะสลายหายไป คาเดนได้สติปัญญาที่แจ่มชัดกลับมาอีกครั้ง
เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าเบื้องบนตามสายตาของคนอื่นๆ
เป็นไปไม่ได้!
เทพจำแลงบนฟากฟ้า พ่อมดเฒ่าเรียกเทพจำแลงออกมาได้ เขาเป็นใครกัน
ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเรียนรู้คาถานี้ได้ เขาต้องเป็นอัครสาวกหรือบุคคลที่ความพิเศษอย่างยิ่ง ถึงจะทำให้เทพเจ้าเบื้องบนยินดีตอบสนองคำเรียกขานและส่งร่างจำแลงลงมาเยือนโลกมนุษย์
จนมาถึงยุคหลังเหล่าเทพเจ้าต่างไม่ตอบสนองต่อสาวกองค์ใดอีก เทพจำแลงที่เรียกมาได้จึงเป็นแค่ภาพสัญลักษณ์ แม้จะส่งผลต่อศัตรูอยู่บ้าง แต่ไม่มีทางรุนแรงเท่ากับร่างจำแลงนี้
นี่จึงเป็นร่างจำแลงที่เทพตอบสนองด้วยพระองค์เองแน่นอน
ด้านหน้าค่ายตอนนี้ อวาซิลมองขึ้นไปเบื้องบนเขาได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเพราะไม่ใช่เป้าหมายของคาถาบทนี้ แต่ในใจของเขาก็สั่นสะท้านจนก้าวขาไม่ออก
บิดาของเขาเคยใช้คาถาประเภทนี้อัญเชิญเอลเจซิลเทพผู้พิทักษ์แห่งเกลิออนออกมาเช่นกัน แต่ไหนเลยจะทรงพลังเท่าเทพจำแลงเบื้องหน้าเขาตอนนี้
ใครเป็นคนอัญเชิญมานะ!?
ประชากรนับล้านในวอร์บัสต่างตื่นตระหนกไปทั่ว ท้องฟ้าตอนนี้กลับแปลกประหลาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เสียงอุทานวิพากษ์วิจารณ์มีอยู่ทุกที่
"นั่นมันอะไรกัน?"
เนลสันตื่นตกใจอย่างหนัก จนลืมความตั้งใจแรกในการตามหาพ่อมดเฒ่าไปแล้ว
ในซอยเล็กแคบ เลวาเธลเบิกตากว้างตะลึงงันเช่นนั้นอยู่นาน ก่อนจะหลุดคำพูดเท่ากับกระซิบออกมา
"เป็นไปไม่ได้ มีแต่ระดับตำนานที่ทรงพลังเป็นพิเศษเท่านั้นที่อัญเชิญร่างจำแลงแห่งเทพเจ้าได้"
"เป็นตาเฒ่าของข้า"
โรอาพึมพำเบาๆ เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ความรักและความอ่อนโยนปราถนาดีที่ออกมาจากร่างเงาบนท้องฟ้า
ตอนนั้นเองโรอาก็สังเกตได้ถึงร่างกายของเขาที่เริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สิงโตน้อยร้องคำรามไปทางโรอา เด็กชายมองไปที่ร่างของมัน สิงโตน้อยเองก็เริ่มหายจากอาการบาดเจ็บด้วยความเร็วพอๆกับเขาเช่นกัน
เลวาเธลเห็นความผิดปกตินี้กับตาตัวเอง เขาหรี่ตาลงและถามคำถามกับโรอา
"เจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับคนที่อัญเชิญร่างจำแลงนี้มา?"
ในค่ายทหาร โยฮันน์คือคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
เขากรีดร้องตลอดเวลา เอาแต่ทุบตีตนเองและใช้เล็บคมๆขูดเจาะไปทั่วใบหน้า จนในที่สุดก็ควักลูกตาชุ่มเลือดออกมาและเคี้ยวกิน
ไม่มีใครมามัวสนใจเขา ทุกคนกำลังเผชิญสิ่งเลวร้ายที่แตกต่างกันออกไป
ในที่ทำการของค่ายทหารแห่งออซ วงแหวนเคลื่อนย้ายสีน้ำเงินเข้มส่องสว่างอยู่ครู่หนึ่ง ก็มีร่างของชายชราหนวดเคราขาวโพลนท่าทางคงแก่เรียนเดินออกมา
ในทันทีเขาก็รับรู้ได้ถึงพลังทียิ่งใหญ่ทรงอำนาจที่สำแดงออกมาเหนือฟากฟ้าของวอร์บัส
ชายชรารีบเดินออกไปนอกอาคารและเงยหน้าขึ้นมองไปบนนั้น
"บัดซบ!"
ชายชราอุทานออกมาก่อนจะรีบหนีกลับเข้าไปที่วงแหวนเคลื่อนย้ายทันที