นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 419 - ได้เวลาพักผ่อน!
เลือดที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายของเดวิดกำลังส่งถ่ายพลังอันมหาศาลออกมาอย่างไม่สิ้นสุด ในตอนนี้ เขาไม่รู้แล้วว่าตัวเองยังนับเป็นมนุษย์จริง ๆ อยู่หรือไม่ ความแข็งแกร่งที่มีอยู่นั้นไม่ได้ต่างไปจากสัตว์ร้ายที่ทรงพลังเลยแม้แต่น้อย เดวิดหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับชักนำให้จิตใต้สำนึกตัวเองมุ่งหน้าเข้าไปที่โครงข่ายดีเอ็นเอทันที
สภาพแวดล้อมที่ปรากฏขึ้นมาต่อสายตา มันแตกต่างไปจากเดิมไม่มากนัก โครงสร้างของดีเอ็นเอไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป มีเพียงแสงระยิบระยับสีทองและสีแดงทอประกายสว่างสดใสมากขึ้นเท่านั้น จุดดัดแปลง 7 จุด มีอยู่ 5 จุดแล้วที่เปล่งประกายออกมา มันเป็นเครื่องยืนยันว่าในตอนนี้เดวิดอยู่ในระดับที่เทียบเท่ากับเฟสเซอร์ 5 ยีนแล้ว เหลืออีกเพียงการจัดเรียงลำดับเบสที่จุดดัดแปลงอีก 2 ตำแหน่งเท่านั้น แผนที่ยีนพันธุ์ผสมนี้ก็จะสมบูรณ์แบบขึ้นมาในที่สุด
เขาไม่ได้สนใจกับโครงสร้างโดยทั่วไปมากนัก แต่จ้องไปที่จุดดัดแปลงแห่งหนึ่งเพื่อเรียกข้อมูลทักษะพิเศษของโครงข่ายดีเอ็นเอออกมาดู ข้อมูลก็ผุดขึ้นมาในความรู้สึกทันทีที่เดวิดตั้งสมาธิอย่างเต็มที
‘ข่ายโลหิต’ ชื่อที่ปรากฏขึ้นมาทำให้ดวงตาของเขาทอประกาย มันน่าจะเป็นทักษะพิเศษที่สามารถประยุกต์ได้หลากหลายสถานการณ์ ถ้าความสามารถของมันเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เดวิดเพิ่งสมาธิไปที่แสงสีทองต่อในทันที
‘ปืนใหญ่พลังงาน’ คราวนี้เขาถึงกับผงะ! นี่มันเป็นทักษะพิเศษประเภทไหนกันแน่? การโจมตีระยะไกลอย่างนั้นหรือ เดวิดหรี่ตาลงแบบครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจและพาตัวเองกลับออกมาจากโครงข่ายดีเอ็นเอ เหลียวมองดูห้องพักเล็ก ๆ ไปรอบ ๆ แล้วส่ายหน้าเบา ๆ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมสำหรับการทดสอบพลังของทักษะพิเศษเลย แต่เขาก็ยังไม่รีบร้อนนัก ‘ไม่เป็นไร ทางสำนักกำลังจะมีกิจกรรมการล่าเกิดขึ้น เอาไว้ตอนนั้นค่อยหาโอกาสทดลองดูก็แล้วกัน’ เดวิดพึมพำอยู่ในหัวของตัวเองเบา ๆ
เขาขยับตัวลุกออกจากเตียงมายืนอยู่ที่กลางห้อง ใช้เวลาเกือบ 20 นาทีที่ค่อย ๆ ขยับร่างกายและควบคุมการหมุนเวียนเลือดเพื่อทำความคุ้นเคย ลดระดับการเต้นของหัวใจและการสูบฉีดเลือดให้อยู่ในระดับต่ำ คงพลังในร่างกายให้ไหลเวียนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องฉลาดมากนัก ที่จะเกินไปในหมู่ผู้ฝึกคลื่นสมองด้วยพลังพันธุกรรมที่รั่วไหลสร้างความกดดันออกมาตลอดเวลา
หลังจากคิดว่าตัวเองอยู่ในสภาวะที่ไม่แตกต่างจากศิษย์ทั่วไปคนอื่น ๆ มากแล้ว เดวิดก็ทรุดตัวลงนั่งเพื่อครุ่นคิดถึงแผนการฝึกฝนในขั้นต่อไปของตัวเอง หลังจากที่ออกไปยืดเส้นยืนสายและหาอาหารใส่ท้องแล้ว เขาควรจะทำอะไรต่อไปดี เหลือเวลาอีกไม่นานนักก่อนที่จะถึงงานเทศกาลการล่าที่ลูกศิษย์ทุกคนจะสามารถเข้าร่วมได้ มันไม่น่าจะเพียงพอที่จะยกระดับตัวเองขึ้นไปเป็นผู้ก่อปฐพี และเดวิดเริ่มเบื่อกับการอุดอู้อยู่แต่ในห้องแคบ ๆ แบบนี้แล้วด้วย
ในที่สุด เขาก็ลุกขึ้นยืนล้างหน้าล้างตาทำตัวให้สดชื่น ในเมื่อความก้าวหน้าของทักษะการต่อสู้อยู่ในระดับที่น่าพอใจจนเรียกได้ว่าเหนือความคาดหมาย เดวิดที่จะใช้เวลาช่วงต่อจากนี้ไปพักผ่อนให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้างเล็กน้อย เขาเปิดประตูแล้วก้าวออกจากห้องพักอย่างไม่ลังเลอีกเลย
ในตอนที่เดวิดเงยหน้าขึ้นสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด หางตาของเขาก็เห็นว่ามีศิษย์ทั่วไปคนหนึ่งเบิกตากว้างจ้องมองตัวเองอยู่ และชายคนนั้นก็รีบก้มหน้าก้มตาหันหลังเดินงุด ๆ จากไปในรีบร้อน มันทำให้เดวิดมีสีหน้าสับสนขึ้นมาเล็กน้อย และรีบตรวจสอบสภาพร่างกายว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ทันที
..................
บ้านพักหมายเลข 201
ในห้องฝึกฝนที่มีขนาดกว้างขวางและตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม เด็กหนุ่มที่มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์กำลังนั่งเอนกายอยู่ที่พื้นอย่างมีความสุข กัดกินผลไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ในมือด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ ก่อนจะหันไปยกเหยือกเหล้าที่วางอยู่ข้างกาย และเทของเหลวในนั้นลงคอไปแบบรวดเดียวหมด
“ฮ่าฮ่า! ศิษย์พี่ฟง! น่าเสียดาย พี่ไม่มีโอกาสได้เห็นกับตาตัวเองว่าเจ้าโง่ 2 คนนั่นสู้กันดุเดือดขนาดไหน เฮ้อ! ศึกชิงนางครั้งนี้น่าประทับใจไม่น้อยเลยจริง ๆ ไม่มีใครออมมือเก็บท่าไม้ตายเอาไว้เลย” เสียงกลั้วหัวเราะดังออกมาจากลูกศิษย์อีกคนหนึ่งที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามของหนุ่มอ้วนดังขึ้นมา ในมือของเขาก็ถือเหยือกเหล้าขนาดใหญ่อยู่เช่นกัน
“สิ่งที่น่าตลกที่สุด!? จะเป็นอะไรไปได้ นอกจากท่าทางของต้วนหมิงอันหลังจากที่ได้ชัยชนะแล้วนั่นไง มันดูหยิ่งผยองภาคภูมิใจเหมือนได้รับชัยชนะ และรางวัลใหญ่ ไม่ได้รู้เลยว่า ‘เสวียหมิงเออร์’ เป็นแค่สินค้ามือสองที่ถูกใช้ไปอย่างโชกโชนแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!” คำพูดที่เขากล่าวต่อมา เรียกเสียงหัวเราะจากเหล่าลูกศิษย์คนอื่น ๆ ที่นั่งเรียงรายอยู่ด้านหลังได้สนั่นเลยทีเดียว
ปัง!
เสียงประตูถูกกระแทกเปิดออกดังขัดจังหวะขึ้น ลูกศิษย์คนเดียวกันกับที่เดินหนีออกมาจากบริเวณห้องพักของเดวิดพุ่งตัวเข้ามาด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“ศิษย์พี่ฟง! น-ในที่สุด! ม-มันก็..”
“บังอาจ!”
“แกกล้าบุกเข้ามาในห้องโดยไม่รอให้ศิษย์พี่อนุญาตก่อนอย่างนั้นหรือ? กล้าดียังไง!?” เขาไม่สามารถพูดมาจนจบประโยคได้ เพราะเสียงตวามและแรงกดดันจากเหล่าศิษย์ที่นั่งอยู่ในห้องกำลังถาโถมเข้าใส่อย่างรุนแรง สายตาทุกคู่กำลังจ้องมองไปที่เขาอย่างดุร้าย
ตุบ!
ลูกศิษย์คนที่บุกรุกเข้ามาทิ้งตัวลงคุกเข่าด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด แรงกดดันจากคนจำนวนมากที่โถมเข้าใส่พร้อม ๆ กันทำให้เขารับเอาไว้ไม่ไหว แถมแต่ละคนนั้นยังไม่ได้มีระดับที่ต่ำต้อยเลย หลายคนในนั้นอยู่ในระดับผู้ก่อพลังชั้นปลายแล้วด้วยซ้ำ
“เฮ้อ! ลูกศิษย์เดี๋ยวนี้มารยาทต่ำทรามลงไปทุกที แค่ได้รับการมอบหมายภารกิจง่าย ๆ ไปจากศิษย์พี่ฟง ก็คิดว่าตัวเองจะเข้านอกออกในบ้านหลังนี้ได้ตามใจแล้วอย่างนั้นหรือ!?” 1 ใน 7 ของลูกศิษย์ที่นั่งอยู่บนพื้นกล่าวออกมาด้วยคิ้วที่ขมวดติดกันแน่น
“อืม!? จริงอย่างที่นายพูด ดูเหมือนว่าถ้าไม่สั่งสอนเสียบ้าง เรื่องแบบนี้คงจะเกิดขึ้นอีกไม่น้อยแน่!” ศิษย์อีกคนกล่าวเสริมออกมาอย่างเห็นด้วย
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ขยับตัวทำอะไรลงไป ‘ศิษย์พี่ฟง’ ก็ยกมือขึ้นมาเป็นการห้ามปรามเอาไว้เสียก่อน
“พูดออกมา! ถ้าเรื่องของแกมีความสำคัญมากพอ ฉันจะปล่อยให้แกรอดกลับไป” เสียงอันเย็นชาดังออกมาจากปากของเขา ดวงตาที่เล็กอยู่แล้วหรี่ลงจนกลายเป็นเส้นเดียว
ศิษย์ทั่วไปที่คุกเข่าอยู่ตัวสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ เขาพยักหน้ารัว ๆ พร้อมกับเอ่ยออกมาอย่างเร่งร้อน
“ศิษย์พี่ฟง! จ-เจ้าลูกศิษย์คนที่พี่สั่งให้ผมจับตาดู มันออกมาจากห้องพักแล้ว” เสียงของเขาสั่นจนน่าสงสาร
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่กล่าวออกมาจะเรียกความสนใจจากคนอื่น ๆ ในห้องได้เป็นอย่างดี ทุกคนหันมามองจ้องศิษย์ทั่วไปที่คุกเข่าอยู่ตรงประตูเป็นตาเดียวกันอีกครั้ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ออกมาแล้วอย่างนั้นหรือ? ดี!ดี!” แก้มยุ้ย ๆ ของศิษย์พี่ฟงกระเพื่อมสั่นอย่างแรงเมื่อเขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา และร่างอันอ้วนท้วนสมบูรณ์ก็ค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะเดินออกไปเพื่อพยุงผู้ที่เข้ามารายงานให้ลุกขึ้นจากการคุกเข่า
“เอาล่ะ! บอกฉันมา ตอนนี้เจ้านั่นอยู่ที่ไหน? มันกำลังจะไปทำอะไร?” ‘ฟงเทียน’ กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้นเล็กน้อย
“ม-ไม่รู้ครับ! ผ-ผมเห็นม-มันออกจากห้องมา ก-ก็รีบวิ่งมาราย...”
ปัง!!
ศิษย์รับใช้ผู้โชคร้ายกระเด็นหายไปทั้ง ๆ ที่ยังกล่าวออกมาไม่จบประโยค พร้อมกับเสียงคำรามที่โกรธเกรี้ยวของศิษย์พี่ฟง “ให้ตายสิ! ไร้ประโยชน์จริง ๆ’
เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนจะเอ่ยสั่งการด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ส่งคนไปหาข้อมูลมาว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหนแล้ว”
ประกายตาของฟงเทียนนั้นแวววาวขึ้นมาเล็กน้อย ตอนที่เดินกลับมานั่งลงยังตำแหน่งเดิมของตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับเสียงพึมพำที่ดังออกมาเบา ๆ “ในที่สุด! อาวุธระดับตำนานก็จะเป็นของฉัน!”
...................
หลังจากเดินออกมาจากหอภารกิจ เดวิดที่มีรอยยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้าก็หยิบตั๋วพักร้อน ไม่สิ! ใบสั่งงานภารกิจของตัวเองออกมาดูซ้ำอีกครั้ง นี่น่าจะเป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้จับใบสั่งงานที่สลักลงในหนังสัตว์แบบนี้ และใช่แล้ว! เดวิดคิดจะออกไปพักผ่อนยืดเส้นยืดสายนอกสำนัก เขาจึงเลือกมารับภารกิจของศิษย์ทั่วไป
‘คุ้มกันการเดินทางเข้าไปเก็บสมุนไพรในป่าเหมันต์ของตระกูลฉาง’
แน่นอน! ภารกิจที่เขาเลือกเป็นเพียงแค่ภารกิจคุ้มกันง่าย ๆ และไม่ไกลจากสำนักมาก เดวิดไม่คิดที่จะเสียเวลาไปกับการพักผ่อนครั้งนี้นานเกินไป แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ และสำรวจสภาพแวดล้อมและชีวิตความเป็นอยู่ของเขตการปกครองหรือทวีปที่ห่างไกลนี้บ้างเท่านั้น
“นายมีเวลา 1 อาทิตย์ในการเดินทางออกไปทำภารกิจครั้งนี้ พยายามกลับมาให้ตรงเวลา ไม่อย่างนั้นทางสำนักจะมีบทลงโทษอย่างหนัก ไปได้แล้ว!”
หลังจากที่ยามเฝ้าประตูรับใบคำสั่งและตราประจำตัวศิษย์ไปสแกน เขาก็กล่าวเตือนเดวิดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ พร้อมกับชี้มือให้เดินไปยังประตูทางออกทันที
เดวิดยิ้มและก้าวเดินออกจากประตูไปอย่างไม่ลังเล...