บทที่ 90 : กลิ่นอายแห่งวัยเยาว์(3)
บทที่ 90 : กลิ่นอายแห่งวัยเยาว์(3)
เหนือสิ่งอื่นใด ฉันลงเอยด้วยทีมเดียวกันกับปิเอลอีกแล้ว
หัวฉันปวด
ฉันเสริมพลัง [ศักดิ์ศรีของขุนนางผู้บิดเบี้ยว] ในทันทีโดยใช้ [ออร์บเสริมพลัง]
'...ปิเอล แอนดรูว์ ฉัน ทราวิส โมนิก้า'
เราไม่มีแทงค์ที่มีทักษะสูงอย่างแม็กซ์ แต่แนวรับของทีมก็ไม่ได้แย่
เราเป็นกลุ่มเดียวในชั้นเรียนที่มีนักเรียนที่ได้รับคะแนนสูงสุดสองคนคือปิเอลกับแอนดรูว์
โดยธรรมชาติแล้วแผนกฮีโร่ไม่ใช่พวกโง่ ดังนั้นพวกเขาจึงจับคู่เรากับนักเรียนสามคนจากชั้นล่างสุด
ทีมประกอบด้วยนักเรียนระดับท็อปสองคนและระดับล่างสุดสามคน
'ก็ไม่แย่นะ'
เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เหมาะสม ฉันสามารถทำงานได้ในระดับนักเรียนทั่วไป
ยิ่งไปกว่านั้น ฉันเคยร่วมมือกับทราวิสมาหลายครั้งแล้ว
และโมนิก้าที่เป็นผู้ช่วยแบบพาสซีฟมากกว่านักรบ น่าจะจัดการได้ง่าย
แอนดรูว์อาจมีอีโก้ที่แข็งแกร่ง แต่เรามีปฏิสัมพันธ์กันเป็นประจำในการนัดพบกันของชมรม และเขาเป็นหนี้ฉัน
ฉันไม่น่าจะมีปัญหาในการควบคุมแอนดรูว์
'ความท้าทายที่แท้จริงคือปิเอล'
เธอเป็นปัจจัยที่คาดเดาไม่ได้ในขณะนี้
การคาดการณ์การเคลื่อนไหวต่อไปของเธอเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ในเกมดั้งเดิม ปิเอลมีความรู้สึกด้อยกว่านีกี้ แต่เป็นตัวละครที่มีความรู้สึกที่แข็งแกร่งของการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
แต่ตอนนี้ ฉันไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ฉันเริ่มใส่ใจปิเอลมากขึ้น
การเต้นระบำดาบอันสง่างามของเธอ...
ภาพที่น่าทึ่งของปิเอลที่ [ดวงตาของผู้สังเกตการณ์] ของฉันมองเห็นมันยังคงค้างอยู่
'....ฉันทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้'
อย่างไรก็ตาม ลูกเต๋าได้ถูกทอยไปแล้ว
ไม่มีทางเปลี่ยนทีมที่ถูกตัดสินไปแล้วได้
ทั้งหมดที่ฉันทำได้คือตั้งเป้าหมายที่จะมาเป็นอันดับแรกในการประเมินผลในทางปฏิบัตินี้เช่นกัน
ร็อกประกาศว่า
"เราจะออกไปกันเดี๋ยวนี้ พบกันที่ประตูหน้าของแผนกฮีโร่นะ”
ด้วยเหตุนี้เขาจึงออกจากห้องเรียนไป
นักเรียนเริ่มเดินตามเขาไป
'มาลุ้นให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นกันเถอะ'
เฮ้อ...
ฉันถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเข้าร่วมกับนักเรียน
บนรถม้าระหว่างเส้นทางไปยังทางผ่านฟอสสปาติลซึ่งเป็นที่ตั้งของการประเมินภาคปฏิบัติสัปดาห์ที่ 8 ของแผนกฮีโร่ 'การสำรวจดันเจี้ยน'
"มันจะใช้เวลาเดินทางนานแค่ไหน? ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าเราอยู่ที่ไหนเพราะสิ่งที่ฉันเห็นรอบๆมีแค่ต้นไม้"
"สัปดาห์หน้าคือช่วงสอบกลางภาค ใช่ไหม? ดังนั้นมันควรจะจบลงในวันศุกร์หรือวันเสาร์นี้... ฉันเดาว่ามันอาจใช้เวลาประมาณหนึ่งวันเป็นอย่างมาก?"
นักเรียนรวมตัวกันในทีมและพูดคุยกัน
ตั้งแต่เริ่มต้น ปิเอลซึ่งไม่ได้พูดอะไรเลย นั่งห่างจากฉันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทราวิสที่นั่งอยู่ข้างฉันยิ้มแฉ่ง
"เราโชคดีจัง ไม่ใช่แค่ปิเอลแต่ยังรวมถึงแอนดรู และธีโออีกด้วย! ฉันหวังพึ่งพวกนายอีกรอบนะ! ฉันจะทำให้ดีที่สุด!"
ทราวิสยิ้มอย่างอบอุ่นและหัวเราะเบาๆ
เขาคงจะเป็นเลิศในการขายในโลกสมัยใหม่
"ฉัน... ฉันจะพยายามให้ดีที่สุดเหมือนกันนะ!"
โมนิก้าที่ดูไร้เดียงสาและมีฝ้ากระเพิ่มพูดเพิ่มมา
"...ฉันก็จะทำให้ดีที่สุดเช่นกัน ฉันคาดหวังกับพวกนายทุกคนนะ"
แอนดรูว์กล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างน่าประหลาดใจ
แม้ว่าเขาจะพูดว่า 'ทุกคน' แต่สายตาของเขาจับจ้องมาที่ฉัน
'เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน?'
เขากินอะไรแปลกๆไปหรือเปล่า?
หลังจากได้รับสายตาของเขา ฉันก็เปิดปากพูดอย่างใจเย็น
"ฉันก็หวังพึ่งพวกนายเหมือนกัน ทราวิสกับฉันเคยร่วมมือกันมาก่อน ฉันหวังว่าเราจะได้ที่หนึ่งในครั้งนี้เช่นกัน"
บางทีมันอาจเป็นคำที่ทรงพลัง 'ที่หนึ่ง' ที่กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยา
ทุกคนมองมาที่ฉัน
ทราวิสและโมนิก้ายิ้มและพยักหน้า
ในที่สุด ปิเอลที่มองออกไปข้างนอกก็ตอบกลับมา
"...ฉันหวังพึ่งนายอยู่นะ"
เธอบ่นพึมพำและกลับไปที่หน้าต่าง
มันเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ต้องการพูดมากไปกว่านั้น
ทราวิสทำลายความเงียบด้วยเสียงหัวเราะแบบฝืนๆ
"ฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า... นั่นเป็นสิ่งที่เราควรพูด ปิเอล เธอถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปพร้อมกับนีกี้ อย่างไรก็ตาม ฉันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นภาระ!"
"ชะ ใช่! ฉันก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน!.
โมนิการีบเข้ามาเสริม
"หืมมม ฉันจะให้มันทั้งหมดที่ฉันมีด้วย"
ฉันพยักหน้าอย่างพอใจขณะมองดูพวกเขา
ทราวิส โมนิกา
ทั้งคู่อยู่ในอันดับล่างสุดทั้งทางวิชาการและทางปฏิบัติ แต่มันไม่ใช่เรื่องน่ารำคาญ
พวกเขารู้จักที่ที่พวกเขาอยู่เป็นอย่างดี
พวกเขายึดติดกับผู้ที่สามารถรักษาตำแหน่งสูงสุดได้เมื่อพวกเขาทำไม่ได้
มันอาจถูกมองว่าเป็นการเกาะพวกเขาไป ซึ่งได้รับประโยชน์จากความพยายามของผู้อื่น
ถึงกระนั้น ฉันก็พบว่าความสามารถดังกล่าวมีคุณค่าอย่างไม่น่าเชื่อ
มันเป็นทักษะที่ฉันขาด
ไม่สิ มันเป็นพฤติกรรมที่ฉันไม่สามารถทำได้
ไม่ใช่เพียงเพราะคุณลักษณะพิเศษของธีโอ [ศักดิ์ศรีของขุนนางผู้บิดเบี้ยว]
แม้กระทั่งก่อนที่ฉันจะก้าวเข้าไปในร่างของธีโอ ฉันก็รู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากและตั้งเป้าหมายไว้สูงเสมอ
แน่นอนว่า หากมีผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ ฉันสามารถหันไปเป็นพวกเกราะคนอื่นได้ได้ แต่ฉันไม่ต้องการแบบนั้น
ทราวิสหัวเราะอย่างสะใจ
"ฮ่าฮ่าฮ่า แล้วพวกขนมล่ะ? ฉันซื้อมานิดหน่อยมาจากร้านฮอทด็อกที่เพิ่งเปิดใหม่ ฉันมีห้าตัวที่ตรงกับจำนวนคนในทีมของเรา!”
ดังนั้น เราจึงเพลิดเพลินกับขนมขบเคี้ยว แลกเปลี่ยนการพูดคุยเล็กๆน้อยๆ และฆ่าเวลาไปเรื่อย
ในระหว่างนี้ ดวงตาของฉันได้สบกับของปิเอล
"......"
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ ปิเอลก็เงียบไป
เธอเพียงแค่จ้องมองมาที่ฉันด้วยแววตาเศร้าสร้อย
"......"
อ่า มันรบกวนจิตใจฉัน
อีกครั้งที่อารมณ์ของธีโอเพิ่มขึ้น
เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของฉัน ฉันรีบหันศีรษะและแสร้งทำเป็นมองออกไปนอกหน้าต่าง
ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ──
ฉันรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ท่วมท้นของธีโอ
'ฮ่าาา บ้าจริง...'
มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ก่อนหน้านี้ ปิเอลดูกระตือรือร้นมากที่จะถอดเสื้อผ้าของฉัน
ถ้าเป็นธีโอตัวจริง เขาอาจจะกรีดร้องด้วยความดีใจ
แต่มันยากที่จะจินตนาการว่าธีโอทำอะไรแบบนั้น แม้ว่าอารมณ์จะรุนแรงขนาดนั้นก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เราต้องไปที่ดันเจี้ยนจริงในทางผ่านฟอสสปาติล ไม่ใช่ดันเจี้ยนที่สร้างขึ้น
'การสำรวจดันเจี้ยน' เป็นการประเมินที่ยาวนาน ซึ่งแตกต่างจาก 'การปราบมอนสเตอร์' หรือ 'การสำรวจวัตถุ' ซึ่งใช้เวลามากที่สุดเพียงครึ่งวัน
ในเกมดั้งเดิม ทีมของนีกี้ใช้เวลาสามวันสองคืนในดันเจี้ยน
เราอาจจะอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกัน
แน่นอน เราต้องนอนด้วยกัน
ใครสามารถคาดการณ์เหตุการณ์หรืออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นได้บ้าง?
'มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก'
ถ้าฉันสามารถใช้ [ยาแห่งการลืมเลือน] ที่หาได้ด้วยวิธีพิเศษเท่านั้น ฉันสามารถกำจัดความรู้สึกเหล่านี้ได้ แต่มันจะลบความทรงจำและอารมณ์อื่นๆทั้งหมด
ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอาชนะมันด้วยตัวเอง
'ฉันต้องเพิ่มความดื้อรั้นของตัวเอง'
ความดื้อรั้นช่วยเพิ่มพลังแห่งความมุ่งมั่นตามธรรมชาติ
ด้วยเหตุนี้ฉันจึงหลับตาลงพร้อมกับเล่น [โรมิโอ&จูเลียต]
สัมผัสที่เย็นสบายนำมาซึ่งความสะดวกสบาย
...ฉันต้องอยู่อย่างสงบต่อไป
เหล่านักเรียนมาถึงทางผ่านฟอสสปาติลในตอนดึก
"เอ่อ ตอนนี้เวลาเท่าไหร่แล้ว? เราออกเดินทางในเวลากลางวันและเพิ่งจะถึงเอง"
"ตอนนี้ 4 ทุ่ม มันใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง... เรามาถึงเร็วกว่าที่คิดเหรอ?"
อืม มันใช้เวลาสองวันเมื่อเราไปเยือนบริเวณใกล้เคียงในครั้งที่แล้ว รถม้าคันนี้ต้องเร็วมากๆ"
นักเรียนยืดเส้นยืดสายขณะลงจากรถม้า
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มสำรวจสภาพแวดล้อม
สีดำสนิท
ภูมิทัศน์ที่แห้งแล้งของดินแดนร้าวและโขดหินสูงตระหง่าน
'มันเหมือนกับที่ฉันเห็นในเกมต้นฉบับเลย'
ธีโอคิดขณะสแกนรอบๆตัว
ตุบ ตุบ─
ร็อกลงจากรถม้าคันอื่นพูดเสียงดัง
"ทุกคนมารวมตัวกันเป็นทีมและเข้าแถวต่อหน้าฉัน"
ก่อนหน้านี้นักเรียนที่หมกมุ่นอยู่กับสภาพแวดล้อม ได้มาเข้าแถวต่อหน้าร็อกแบบเป็นทีม
หลังจากที่ร็อกยืนยันจำนวนนักเรียนแล้ว เขาก็สั่งว่า
"เยี่ยม ผู้สอน แจกอุปกรณ์ให้นักเรียนทันที"
มีผู้สอนมากกว่าในระหว่างการประเมินภาคปฏิบัติก่อนหน้านี้
พวกเขาได้รับกระเป๋าเป้สะพายหลังสีเขียวขนาดใหญ่จากรถขนส่งสินค้าขนาดใหญ่
ตุบ ตุบ ตุบ
ผู้สอนวางเป้สะพายหลังต่อหน้านักเรียน
ทีมละ 1 เป้ กระเป๋าเป้มีทั้งหมดสี่สิบใบ
นักเรียนมองไปที่กระเป๋าเป้สะพายหลังอย่างสงสัย แต่ไม่มีใครกล้าเปิดมันออก
เมื่อเสร็จสิ้นการแจกจ่าย ร็อกได้กล่าวกับนักเรียน
ภายในกระเป๋าเป้สะพายหลังที่พวกเธอได้รับ มันจะมีอาหารและน้ำเพียงพอสำหรับ 5 คนสำหรับแค่วันเดียว และมีผลึกเวทมนตร์ที่ไว้ใช้ในการติดตามพวกเธอทั้งหมด 5 อัน"
คำพูดของเขาจุดประกายความฮือฮาในหมู่นักเรียน
พวกเขาส่วนใหญ่บ่นว่าทำไมพวกเขาถึงได้รับจำนวนเพียงวันเดียว
"······ทุกคน เงียบ!"
ร็อกยกมือขึ้น ทำให้นักเรียนสงบลง ก่อนจะพูดต่อ
"การสำรวจดันเจี้ยนจริงเริ่มต้นด้วยการหาทางเข้า มันมีดันเจี้ยนอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในทางผ่านฟอสสปาติลซึ่งพวกเธอต้องสำรวจเอง กำหนดเส้นตายคือ 13.00 น. ในวันพฤหัสบดี ใช้ทุกอย่างที่พวกเธอมี"
มันเป็นงานที่น่ากลัวสำหรับนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยรุ่น
มีนักเรียนเพียงไม่กี่คนที่เตรียมการไว้อย่างเพียงพอ เนื่องจากไม่ได้ให้รายละเอียดทั้งหมด
นักเรียนบ่นอย่างสิ้นหวังว่า 'เราควรทำอย่างไร เราควรทำอย่างไร'
ทว่า คำพูดของร็อกยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
"แบ่งผลึกตอนนี้ หนึ่งอันต่อคน การสำรวจจะเริ่มใน 10 นาที"
ด้วยคำพูดเหล่านั้น ร็อกจึงหันหลังกลับ
หลังจากนั้น ผู้สอนก็หันหลังและหายตัวไป
ไม่นานหลังจากนั้น ทางผ่านฟอสสปาติลที่เงียบงันก็เต็มไปด้วยเสียงร้องของนักเรียนที่ท้อแท้
“พวกเราควรทำไงดี... มีอาหารแค่วันเดียวจริงๆ และมีผ้าห่มเพียงสามผืน”
"...พวกเราจบสิ้นกันแล้ว อย่างน้อยำวกเขาควรบอกตำแหน่งของทางเข้าให้เรารู้หน่อยนะ เราจะหามันได้อย่างไรในสถานที่ขนาดใหญ่แบบนี้ ทีมของเราไม่มีใครที่มีสายตาดีด้วยซ้ำ"
"อา มันหนาวมาก มาก่อไฟกันก่อนเถอะ ...อะไรกัน? ไม่มีใครเอาไม้ขีดไฟมาเลยเหรอ?"
เมื่อมองไปที่นักเรียนคนดังกล่าว ธีโอก็ยิ้มเยาะ