ตอนที่แล้วตอนที่ 48 เก็บเกี่ยว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 50 เผชิญกองทัพแห่งออซ 1

ตอนที่ 49 การเมืองในวอร์บัส


การจะเข้ามายังเมืองชั้นในของวอร์บัส ต้องข้ามสะพานหินระยะสองร้อยเมตรที่ทอดจากแม่น้ำฝั่งหนึ่งไปยังประตูเมืองชั้นใน

ในตอนเช้าที่ผู้คนยังไม่ได้ทานอาหารรองท้อง เหล่าพ่อค้าและประชากรจากเมืองชั้นนอกต่างเร่งรีบเดินทางเข้าเมืองชั้นใน ผ่านด่านตรวจของกองทหารรักษาเมืองแห่งวอร์บัส

พวกเขามีหน้าที่อย่างเดียวก็ตรวจดูความเรียบร้อยและเหตุจลาจลที่อาจขึ้นได้ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน

ออสบอร์นกับโรอาจ่ายเหรียญทองแดงเป็นค่าเข้าเมืองเล็กน้อย ก่อนจะเข้าไปประตูชั้นในได้ ในพื้นที่แห่งนี้มีประชากรหนาแน่นกว่าด้านนอกมากนักและส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา

แทบไม่มีเอลฟ์ให้เห็นเลย แต่มีคนแคระบ้างประปราย

"เราจะไปที่ไหนก่อนดี?"

ออสบอร์นหันไปถามเด็กชายที่ยืนด้านข้าง ในเมืองชั้นในไม่อนุญาตให้พลเมืองขี่ม้า พวกเขาต้องจูงมันไว้หรือฝากไว้ที่ค่ายพักม้านอกเมืองเท่านั้น แต่ออสบอร์นไม่ไว้ใจที่พักม้า เขาหวังว่าจะเช่าที่พักสำหรับค้างคืนที่มีคอกม้าแทน

ออสบอร์นเป็นคนรักสัตว์มาก หากดูจากเหตุผลนี้

โรอามองไปยังม้าสองตัวของพวกเขา การเดินจูงมันไปตลอดทางไม่ใช่ความคิดที่ดี ในเมืองชั้นในแห่งนี้สัตว์ที่ถ่ายเรี่ยราดตามท้องถนนจะถูกปรับโดยทางการ

"เราไปหาที่พักกันก่อน ญาติข้าอยู่ในค่ายทหารทางทิศตะวันตก เราค่อยเช่ารถม้าไปที่นั่น"

"ตกลง"

พ่อมดเฒ่ากับเด็กชายเดินต่อไปไม่ไกลนัก ก่อนจะเลือกเอาที่พักราคาเหมาะสมแห่งหนึ่ง และฝากม้าของพวกเขาไว้

รถม้าราคาย่อมเยาถูกเช่าพร้อมคนขับ ทิศทางที่มุ่งไปคือค่ายทหารของรัสเซล ภายในมีโรอาที่อุ้มสิงโตน้อยไว้ในอ้อมแขน เขาไม่ไว้ใจให้เจ้าของที่พักดูแลมัน พ่อมดชราเอาไปป์ออกมาสูบอย่างสบายใจ

ไม่มีใครรู้ว่าในใจของพ่อมดตอนนี้ลิงโลดเพียงใด เพราะว่าเสียงแจ้งเตือนจากการทำภารกิจสำเร็จได้ดังขึ้นอีกครั้งแล้ว

ลึกเข้าไปในหมู่อาคารสูงใหญ่ในเมืองชั้นใน มีอาคารหลักแห่งหนึ่งที่สูงที่สุด มันสูงเสมอด้วยกำแพงด้านหลังและมีทางเชื่อมเข้าไปด้านในของกำแพงขนาดมหึมา

นี่คือที่ทำการสภาแห่งวอร์บัส ศูนย์กลางอำนาจทั้งหมดของป้อมปราการ

"ข้าหวังให้ท่านช่วยส่งคำร้องขอไปยังเกลิออน แต่ดูที่ท่านทำสิเลวาเธล!"

เสียงดังมาจากเอลฟ์วัยกลางคนที่มีผมขาวทั้งศรีษะ เหน็บดาบใบมีดสีเขียวด้ามทองคำไว้ที่เอว

ดาบนี้มีชื่อ มันคืออักซัค หนึ่งในธรรมเนียบอาวุธระดับตำนานแห่งเกลิออน

คนที่เหน็บมันไว้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคืออวาซิล ผู้บัญชาการกองทัพเกลิออนประจำวอร์บัส น้องชายต่างมารดาของอวาเทรินกษัตริย์แห่งเกลิออน

ตอนนี้เขากำลังโกรธมากแต่เอลฟ์หนุ่มตรงหน้าเขาคล้ายกับไม่นำพาสิ่งใด ยังคงทำหน้าเรียบเฉยเหมือนที่เคยทำเสมอมา คนผู้นี้ไม่ได้เกรงกลัวอวาซิลเท่าที่ควร

เขามีเหตุผลที่เป็นเช่นนี้ เพราะเขาคือราชฑูตแห่งเกลิออนประจำวอร์บัส เลวาเธล

"ท่านก็ส่งคำร้องไปที่ฝ่าบาทแล้วนี่ ทำไมต้องให้ข้าส่งไปอีก"

ก่อนหน้านั้นกองทัพจากรัสเซลได้เคลื่อนทัพกลับไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้พื้นที่ส่วนของรัสเซลไม่มีคนดูแล อวาซิลต้องการให้เกลิออนสนับสนุนกองทหารเข้ามาเพิ่ม เพื่อคานอำนาจกับกองทัพดินแดนอื่น

"เจ้าว่าข้าเป็นคนโง่รึเปล่า? ข้าดูเหมือนคนโง่หรือ ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่แม้แต่จะเปิดซองจดหมายด้วยซ้ำ"

อวาซิลมีใบหน้าแดงด้วยความโมโห

"ก็ท่านทำให้ฝ่าบาทโมโหอยู่ตลอดเจ้าชายข้า ฝ่าบาทยังคงระแวงท่านเสมอมา แต่ท่านก็ไม่เคยทำให้ความสงสัยในข้อนี้ของเขาบรรเทาลง มีแต่จะเพิ่มขึ้น ท่านมันหัวขบถ"

เลวาเธลลุกขึ้นยืนและหันมาทางผู้บัญชาการเอลฟ์วัยกลางคน

เขามีเหตุผลที่ไม่อาจสนับสนุนแผนของอวาซิลได้ เพราะอวาเทรินจะคิดว่าราชฑูตของตนแปรพักตร์และส่งคนใหม่มาทันที พอถึงตอนนั้นก็จะไม่มีคนที่สามารถช่วยอวาซิลได้อย่างแท้จริง

"และจากที่ข้าได้ข่าวมา เมื่อไม่นานมานี้ออซได้เคลื่อนพลหนึ่งแสนไปยังค่ายของรัสเซลแล้ว พวกเขาตั้งใจจะยึดมันเอาไว้ อย่างไรก็ไม่ทันแล้ว"

นี่เป็นการเมืองภายในของวอร์บัสที่สู้กันอย่างลับๆมานาน แรกเริ่มมหานครแห่งออซไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก พวกเขาจึงจำเป็นต้องแบ่งเค้กก้อนใหญ่อย่างวอร์บัสให้ดินแดนอื่นเข้ามาร่วมปกครอง

แต่พอยุคสมัยเปลี่ยไป วอร์บัสกลับแข็งแกร่งขึ้นมาก ออร์คเองก็ไม่มีความตั้งใจจะพิชิตป้อมปราการที่ตีไม่แตกแห่งนี้ มันจากที่เป็นที่เสี่ยงภัย ก็กลายเป็นดินแดนแห่งอำนาจที่ผู้คนอยากแย่งชิง

ดินแดนอื่นเห็นเจตนาของออซมานานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เปิดโอกาสให้ออซลงมือ

"ก็นั่นอย่างไร ข้าถึงให้รีบนำทหารเข้ามาประจำการเพิ่ม ตอนนี้เราไม่มีอะไรจะไปสู้กับมันแล้ว ออซมีกองทัพถึงสามแสนนาย อีกหน่อยคงต้องยกทั้งป้อมให้พวกมัน"

"อยากได้ก็เอาไปเถิด เราจะได้กลับเกลิออนกัน ดินแดนนี้ไม่เหมาะกับเอลฟ์"

อวาซิลและเลวาเธล

อวาซิลและเลวาเธล

คำพูดนี้ของเลวาเธลนับว่าพูดได้ถูกจุด พวกเอลฟ์ไม่ถนัดปกครองดินแดนของมนุษย์ พวกเขามีแค่อาณาเขตเล็กๆที่งดงามและอุดมสมบูรณ์เท่านั้น อย่างไรประชากรเอลฟ์ก็มีน้อยที่สุดในบรรดาเผ่าพันธุ์แห่งมหาทวีป

"ช่างเถอะข้าไม่เถียงกับเจ้าแล้ว"

อวาซิลหันหลังและเตรียมจะเดินจากไป แต่ตอนนั้นเองก็มีเอลฟ์นายหนึ่งนำข่าวที่น่าตกใจเข้ามาให้เลวาเธลพอดี

ราชฑูตเอลฟ์อ่านแผ่นกระดาษบางตรงหน้าก่อนจะเอ่ยห้ามอวาซิลไว้

"ข้าว่าท่านคงอยากจะรู้ข่าวนี้แน่"

"อะไร"

อวาซิลถามห้วนๆ

"มีคนอ้างตัวว่าเป็นหลานชายของอามัวร์ ก็อน ปรากฎตัวที่หน้าค่ายของรัสเซล"

เอลฟ์เฒ่ามีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เลวาเธลเห็นการตอบสนองนี้แล้ว

"ท่านจะกังวลสิ่งใด ถ้าออซกล้าจับตัวหลานชายของอามัวร์เอาไว้ ทั้งสองดินแดนจะเป็นศัตรูกันทันที นี่ไม่ใช่โอกาสดีของเรา?"

อามัวร์ทิ้งหน้าที่ทางทหารออกไป ย่อมมีความผิดตามระเบียบทัพของวอร์บัส ยามปกติญาติห่างๆเช่นหลานชายคนหนึ่งคงไม่ถูกหางเลขไปด้วย แต่ตอนนี้ออซกำลังขยายอำนาจในวอร์บัสอย่างกำเริบเสิบสาน การจับตัวหลานชายของอีกฝ่ายไว้ต่อรองก็ย่อมกระทำได้

แน่นอนว่าอามัวร์จะไม่ยินยอม

ปล่อยให้พวกเขาสู้กัน ไม่ใช่ว่าเกลิออนจะได้ประโยชน์หรือ?

"ไม่ดีเลยต่างหาก อามัวร์เป็นเพื่อนข้า"

ว่าแล้วอวาซิลก็เดินหายออกไปทันที เลวาเธลได้แต่ตะโกนตามหลัง

"ท่านอยากทำอะไรก็ทำเลย แต่อย่าลืมว่าถ้าถึงจุดหนึ่งแล้ว อย่าว่าแต่ตำแหน่งผู้บัญชาการเลย ยศเจ้าชายของท่านก็อาจกระเด็นหลุดได้"


เบื้องหน้ากำแพงสูงใหญ่นับสิบเมตรเป็นที่ตั้งของค่ายทหารแห่งรัสเซล ครั้งหนึ่งทหารจากรัสเซลนับแสนได้อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนเจ้าของแล้ว

โรอานั่งรออยู่บนรถม้ากับออสบอร์น ก่อนหน้านั้นเขาให้คนเข้าไปแจ้งถึงท่านอาในค่ายแล้ว แต่เด็กชายยังคงรู้สึกว่ามีอะไรที่ผิดปกติ หน้าประตูไม่มีทหารที่ใส่ชุดเกราะของรัสเซลอยู่เลย และเขาก็ไม่เห็นธงรัสเซลเหนือค่ายแห่งนี้ด้วย

หรือท่านอาของเขาจะรู้ข่าวเกี่ยวกับตระกูลแล้ว เลยต้องการแยกตัวออกจากรัสเซล?

พักใหญ่ๆ ก็มีทหารนายหนึ่งมาเชิญเขาเข้าไปภายในค่าย โรอากำลังจะลุกเดินออกไป ก็พอดีกับที่ออสบอร์นฉุดมือเขาเอาไว้

"เดี๋ยวก่อน ข้ามีของจะให้"

พ่อมดเฒ่าหยิบเอาลูกบาศก์หกเหลี่ยมออกมาจากถุงผ้า เขาเตรียมของชิ้นนี้ไว้นานแล้ว มันคือลูกบาศก์ที่สลักอักษรเวทมนตร์ไว้จนเต็ม

"มันอาจช่วยเจ้าได้ ติดตัวเอาไว้เสมอ เราคงลากันตรงนี้"

ออสบอร์นไม่อยากเข้าไปในค่ายด้วย เพราะเด็กชายอาจต้องการเวลาส่วนตัวกับครอบครัว เขาจำเป็นต้องบอกลาในตอนนี้

"ขอบคุณ ออสบอร์น ผมจะคิดถึงคุณเสมอ"

เด็กชายกระโจนเข้าอ้อมกอดของพ่อมดเฒ่า ใบหน้ามีน้ำตาซึมออกมา

"อย่าร้อง ไปเถอะ"

เขาตบหลังเด็กชายเบาๆ และดันออกไปเบื้องหน้า เด็กทุกคนต้องเติบโต ต้องก้าวไปยังเส้นทางของตัวเอง

โรอาหันหลังมาโบกมือลาออสบอร์นหลายครั้ง ก่อนจะหายเข้าไปในค่ายที่มืดทะมึน

ลาก่อนโรอา...

พ่อมดเฒ่ามีน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาสั่งให้คนขับรถม้าไปยังย่านร้านค้าของวอร์บัส เพื่อหาร้านที่สามารถซ่อมแซมอุปกรณ์ระดับกลางได้

ไม่รู้ว่าต้องหานานแค่ไหนกัน

ในขณะนั้นเองตอนที่เขากำลังมองออกไปยังนอกหน้าต่างของรถม้า เสียงกรีดร้องในใจของเขาก็ดังขึ้น

"บังอาจ!!!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด