1224 - จระเข้แห่งความมืดปรากฏตัวอีกครั้ง
1224 - จระเข้แห่งความมืดปรากฏตัวอีกครั้ง
“มีไข่เฟิ่งหวงอยู่ที่นี่จริงๆ” หลี่เทียนกล่าว
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามีความแตกต่างบางอย่าง?” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าว
ไข่ศักดิ์สิทธิ์สีทองในมือของจีจื่อเยว่เคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา เปล่งแสงมงคลที่นุ่มนวลขึ้น ในเวลานี้ทุกคนเห็นว่าไข่ทั้งสองนั้นไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง
“ไข่ใบนี้กำลังโกรธเกรี้ยว เจ้าตัวเล็กที่น่าสงสารดูเหมือนจะต้องการทำลายไข่ที่อยู่ตรงหน้า” จี้จื่อเยว่กระซิบและลูบไล้ไข่เฟิ่งหวงในมือของนางอย่างจดจ่อ
“ไข่สีทองบนยอดเขาไม่ใช่เรื่องเล็ก ดูเหมือนว่าจะไม่อ่อนแอไปกว่าไข่เฟิ่งหวง” จักรพรรดิดำกล่าวว่า มันเป็นสมาชิกของเผ่าอสูร ดังนั้นจึงเห็นสิ่งต่างๆ ได้ดีกว่ามนุษย์ทั่วไป
บนยอดเขาไข่ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน และระลอกคลื่นสีทองก็ไหลออกมาใต้บุปผาเทพอสูร มันพยายามดูดซับแก่นแท้จากทุกทิศทุกทางเพื่อบำรุงตัวเอง
“ไข่ศักดิ์สิทธิ์อีกสี่ใบที่สามารถเป็นเซียนอสูรได้ มันน่าตื่นเต้นจริงๆ คราวนี้เราโชคดีมาก เราได้รับไข่ห้าฟองติดต่อกัน หากเราบ่มเพาะพวกมันจนกลายเป็นเซียนอสูร ในอนาคตเพียงสัตว์อสูรทั้งห้าตัวนี้ก็สามารถทำให้เราครองโลกได้แล้ว” หลี่เทียนค่อนข้างพอใจ
“ปัง!”
เย่ฟ่านเหยียบย่ำไข่ใบหนึ่งจนแหลกละเอียดด้วยท่าทางโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
“ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้พวกมันปรากฏตัวขึ้นในโลกอีกแล้ว”
สีหน้าของเย่ฟ่านเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ความทรงจำของเขาถูกรื้อฟื้นขึ้นอีกครั้ง เพียงกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากไข่ทั้งสี่ใบที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้เขาโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
“เจ้าพบอะไร เจ้ารู้ที่มาของมันหรือ?” ผังป๋อมองเย่ฟ่านด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าไม่คิดว่ากลิ่นของไข่นี้คุ้นเคยหรือ? แม้ว่ามันจะยังไม่เป็นตัวแต่ข้าก็ไม่มีทางลืมเลือนกลิ่นอายของมันได้!” ข้อนิ้วของเย่ฟ่านถูกบีบเข้าหากันจนเป็นสีขาว
“คุ้นเคย...” ผังป๋อสะดุ้งและครุ่นคิดอย่างหนัก
“ข้าสงสัยมานานแล้วว่าอาจมีอย่างอื่นในโลงศพโบราณที่มายังโลกนี้พร้อมกับเรา และตอนนี้ดูเหมือนว่าการคาดเดาของข้าจะเป็นความจริง” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง
“พวกมันนั่นเอง!” ผังป๋อลืมตาขึ้นแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “พวกมันก็มาด้วยหรือ?” สิ้นเสียงเขาก็เตะไข่อีกสองใบจนแหลกละเอียดคาเท้า
คนอื่นๆ สับสนและดูประหลาดใจ พวกเขาไม่คาดคิดว่าทั้งสองคนจะมีความโกรธแค้นถึงขนาดนี้
“ทำไม?”
“มันเป็นสัตว์อสูรที่สังหารสหายของข้านับสิบคน” เย่ฟ่านกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปยังไข่ศักดิ์สิทธิ์ใบสุดท้าย “ถ้าข้าเดาไม่ผิดมันจะต้องเป็นไข่ของจระเข้ศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน!”
เสียงกรีดร้องของเพื่อนเก่ายังคงดังก้องอยู่ในหูเย่ฟ่าน ความตายของทุกคนเต็มไปด้วยความสยดสยอง จระเข้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ทะลวงผ่านกะโหลกศีรษะของพวกเขาและกัดกินสมองของทุกคนอย่างรวดเร็ว
เย่ฟ่านและเพื่อนร่วมชั้นรวมสามสิบคนเดินทางข้ามจักรวาลอันกว้างใหญ่ จุดหมายแรกที่พวกเขาไปถึงคือดาวอังคารอันรกร้าง สุดท้ายมีผู้คนเสียชีวิตอยู่ในดาวอังคารถึงสิบสี่คน นั่นเป็นจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของคนทั้งหมด
เย่ฟ่านยังคงจำใบหน้าที่ซีดเซียวของเพื่อนร่วมชั้นหญิงคนหนึ่งได้ นางทำอะไรไม่ถูกและไม่อยากตายอย่างน่าสังเวช นางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเอื้อมมือมาหาเขา ความเศร้าสะเทือนใจที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์นั้นไม่มีสิ่งใดลบล้างออกไปได้
เขาอยากช่วยนาง แต่มันก็สายเกินไป เขาทำได้เพียงมองดูจระเข้ตัวเล็กๆ โผล่ออกมาจากกะโหลกศีรษะของนางเท่านั้น
เพื่อนร่วมชั้นทั้งสิบสี่คนแต่เดิมมีเส้นทางชีวิตและอนาคตที่สดใสเป็นของตัวเอง พวกเขาเพียงต้องการใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาแต่กลับต้องมาตายอย่างน่าเศร้า
ดวงตาของผังป๋อเป็นสีแดงก่ำในขณะที่กล่าวว่า “ข้าจะไม่มีวันลืมเสียงกรีดร้องของเสี่ยวหลิน สายตาสิ้นหวังที่นางมองเข้ามาข้ายังคงรู้สึกเจ็บปวดใจอยู่เสมอ!”
คนอื่นๆ ต่างประหลาดใจ ไม่เคยมีสัตว์ประหลาดชนิดนี้อาศัยอยู่ในโลก เคยมีคัมภีร์โบราณกล่าวถึงมันอยู่บ้าง แต่นั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอาณาจักรเซียนและไม่เกี่ยวข้องกับโลกใบนี้
จระเข้ศักดิ์สิทธิ์มีลักษณะเหมือนงูแต่ไม่ใช่งู มีลักษณะคล้ายจระเข้แต่ไม่มีขา ท้องเปลือย มีเกล็ดสีดำปกคลุมทั้งตัว มีสีดำเข้มข้นราวกับสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายจากยมโลก
ในตอนนั้นตัวเย่ฟ่านมองเห็นมันมีความยาวประมาณสิบเซนติเมตรและหนาเท่ากับนิ้วเดียว ร่างกายของพวกมันแข็งแกร่งราวกับเพชร
จระเข้เหล่านี้แม้ว่าจะไม่มีปีกแต่สามารถบินอยู่บนท้องฟ้าและกัดกินสมองของมนุษย์เป็นอาหาร พฤติกรรมของพวกมันเต็มไปด้วยความชั่วร้าย ซึ่งเย่ฟ่านกับผังป๋อจะไม่มีทางละเว้นชีวิตของพวกมันอย่างแน่นอน
“มีอะไรอีกที่ข้ามความว่างเปล่ามากับเราบ้าง”
ผังป๋อรำพึงกับตัวเอง มันมีผีดิบผู้ลึกลับ และตอนนี้ยังมีจระเข้ศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย หากจะบอกว่ามีสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายชนิดอื่นๆ ตามมาอีกมันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด?
บุปผาเทพอสูรนั้นพร่างพรายโดยมีลำแสงร่วงหล่นลงมา ไข่ทองคำฟองสุดท้ายกำลังดูดซับแสงหลากสีนี้อย่างต่อเนื่อง ราวกับทารกในครรภ์
สิ่งนี้แตกต่างจากจระเข้ศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด และเย่ฟ่านเชื่อว่าหากปล่อยให้มันมีชีวิตรอดต่อไปมันจะแข็งแกร่งเทียบได้กับเฟิ่งหวงสายฟ้าในมือของจี้จื่อเยว่อย่างแน่นอน
“บรรพชนจระเข้ผู้ไม่มีใครเทียบได้ซึ่งถูกพระพุทธเจ้าปราบปรามภายในวัดต้าเล่ยหยิน แม้จะไม่สามารถติดตามเรามาได้ แต่ข้าคิดว่าไข่ใบนี้จะต้องเป็นหนึ่งในร่างอวตารของมันอย่างแน่นอน”
เย่ฟ่านและผังป๋อไม่สามารถปล่อยให้ไข่ของจระเข้ฟักออกมาได้ บรรพชนของไข่ใบนี้สร้างความเศร้าโศกให้กับพวกเขาอย่างมากมาย ซึ่งไม่มีทางที่ทั้งสองคนจะอภัยให้เผ่าพันธุ์นี้
วานรศักดิ์สิทธิ์ห้ามปรามพวกเขาไม่ให้ทำลายไข่ใบสุดท้ายและกล่าวว่า “ระวังหน่อย มันไม่มีทางที่ไข่ใบนี้จะลอยขึ้นมาอยู่ใต้ต้นบุปผาเทพอสูรได้เอง จะต้องมีแม่ของมันอยู่ในบริเวณนี้”
“ฮึ่ม ข้าอยากเจอมันอยู่พอดี เดียรัจฉานชั่วร้ายเจ้าอยู่ที่ไหน!” ผังป๋อก้าวไปข้างหน้าก้าวและส่งเสียงคำรามสั่นสะเทือนภูเขาหินขนาดใหญ่อย่างรุนแรง
ทันใดนั้นจิตสังหารที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งก็ปะทุออกมาจากถ้ำโบราณที่อยู่ไม่ไกลจากผังป๋อ ก่อนหน้านี้มันมีหมอกปกคลุมจางๆ และทำให้พวกเขาละเลยถ้ำที่ดูรกร้างแห่งนี้ไปโดยสิ้นเชิง
ยิ่งไปกว่านั้นจิตสังหารอันรุนแรงนี้ได้กวาดเข้าหาผังป๋อ และเห็นได้ชัดว่ามันจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตระดับราชาผู้ยิ่งใหญ่เป็นอย่างน้อย
“จักรพรรดิอสูรเก้าบาดแผล!”
ผังป๋อตะโกนเสียงดังและปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นปราณกระบี่อันแข็งแกร่งพุ่งเข้าไปในถ้ำโบราณโดยไม่มีความหวั่นเกรงเช่นกัน
หลี่เหอสุ่ย หลี่เทียนและคนอื่นๆ ต่างตกใจและกังวลเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในถ้ำโบราณนั้นไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น
“มันเป็นซากศพของสิ่งมีชีวิตระดับราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลไข่จระเข้นี้” จักรพรรดิดำกล่าว
“บูม”
ทันใดนั้นหนวดสองเส้นที่หนาราวกับถังน้ำโผล่ออกมาจากถ้ำซึ่งปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทา ขนาดของมันใหญ่โตอย่างน่าเหลือเชื่อและการที่มันสามารถอาศัยอยู่ในภูเขาหินขนาดเล็กนี้ได้ก็ดูไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง
จิตสังหารที่ไม่มีที่สิ้นสุดและหมอกพิษอันน่าสะพรึงกลัวท่วมท้นออกมาจากปากถ้ำ ไม่ว่าหมอพิษนั้นจะเคลื่อนตัวไปในทิศทางใดพืชพันธุ์ที่อยู่รอบๆจะเหี่ยวเฉากลายเป็นขี้เถ้าไปในทันที
“นี่คืออะไร!” เย่ฟ่านและคนอื่นๆ ถอยห่างออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงพิษร้าย
“ครืน…”
ภูเขาหินสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลาย อย่างไรก็ตามบุปผาเทพอสูรยังคงเปล่งประกายสดใสและไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกันสิ่งมีชีวิตร้อยขาที่มีร่างกายใหญ่โตราวกับภูเขาได้ปรากฏตัวออกมาจากถ้ำ
“โอ้สวรรค์ นี่มันราชาตะขาบอสูร ร่างกายของมันจะไม่ใหญ่โตเกินไปหรือ?” หลายคนหนังศีรษะชาด้าน
ตะขาบยักษ์ซึ่งยาวหลายร้อยวาขยับขาหน้าทั้งสองข้างทำให้เกิดเสียงดังกรอบแกรบ จากนั้นมันได้ปลดปล่อยหมอกพิษให้ครอบคลุมไปทางไข่ทองคำ เห็นได้ชัดว่าไม่อนุญาตให้ใครแตะต้องไข่ใบนี้อย่างเด็ดขาด
“เราเดาผิดไปหรือเปล่า บางทีเจ้านี่อาจไม่ใช่ไข่ของจระเข้แต่เป็นไข่ของตะขาบตัวนี้!” หลี่เทียนกลืนน้ำลายอย่างอยากลำบาก
ตะขาบยักษ์ตัวมีเกล็ดสีแดงเข้มปกคลุมทั่วทั้งตัว เกล็ดของมันเปล่งประกายแวววาวราวกับถูกสร้างขึ้นมาจากทองแดง พิษที่ถูกพ่นออกมาจากปากของมันทำให้บริเวณโดยรอบของภูเขาหินถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทาอย่างแน่นหนา
วานรศักดิ์สิทธิ์คือราชาผู้ยิ่งใหญ่ เขาควงกระบองเตรียมจะหวดตะขาบตัวนี้ให้ตาย แต่สุดท้ายมือไม้ของเขากลับอ่อนแรงลงอย่างน่าประหลาดใจ
“ระวังด้วย ตะขาบเฒ่าตัวนี้เป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่มานานหลายพันปีแล้ว! ขอเพียงทะลุทะลวงอีกก้าวมันก็จะกลายเป็นเซียนอสูรผู้แข็งแกร่ง!”
“ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นเพียงราชาผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น ระดมโจมตีจากทุกทิศทาง!” ผังป๋อกล่าว
จากนั้นทุกคนต่างกระตุ้นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองและเริ่มโจมตีตะขาบยักษ์จากระยะไกล
เปลวเพลิงจากหม้อปราณปฐพีต้นกำเนิดของเย่ฟ่านและเตาหลอมเซียนของหลี่เทียนทรงอำนาจมากที่สุด พลังของมันเพียงพอที่จะบดขยี้ตะขาบยักษ์ได้อย่างง่ายดาย
ในขณะที่ตะขาบยักษ์กำลังหลบหนีด้วยความหวาดกลัว กระบองของวานรศักดิ์สิทธิ์ก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายพันเท่า จากนั้นเขาได้หวดกระบองลงไปที่ศีรษะของตะขาบยักษ์และทำให้มันไม่มีโอกาสดิ้นรนได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตามก่อนที่ตะขาบจะสิ้นใจ ได้มีแสงสีทองพุ่งออกมาจากสมองของมันโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ศีรษะของเย่ฟ่าน
นี่คือจระเข้ศักดิ์สิทธิ์ ลักษณะของมันแตกต่างจากจระเข้สีดำที่เคยสังหารสหายของเย่ฟ่านบนดาวอังคาร เพราะวัตถุสีทองตัวนี้มีความยาวถึงแปดวาดูน่าสยดสยองอย่างยิ่ง
“วันนี้ไม่เหมือนอดีตอีกต่อไป ข้าจะทำลายเผ่าพันธุ์ของเจ้าให้หมดสิ้น โดยเริ่มจากเจ้าก่อน!”
หมัดหกสังสารวัฏของกระแทกไปข้างหน้าราวกับค้อนยักษ์ กำปั้นสีทองที่แข็งแกร่งของเขาทุบศีรษะจระเข้ศักดิ์สิทธิ์หลายสิบครั้งและทำให้ศีรษะของมันแหลกละเอียดกลายเป็นเพียงเนื้อบดกองใหญ่
“ร่างกายของมันแข็งแกร่งเกินไป เป็นไปได้ไหมว่านี่คืออวตารของบรรพชนจระเข้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งร่างกายที่แท้จริงถูกปิดผนึกอยู่ในวัดต้าเล่ยหยิน?” สีหน้าของผังป๋อเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ว่ามันจะเป็นใครข้าจะฆ่าพวกมันให้หมด!” เย่ฟ่านกล่าวอย่างเย็นชา
เมื่อเห็นว่าผังป๋อกำลังจะเหยียบไข่จระเข้ศักดิ์สิทธิ์ใบสุดท้ายทิ้งจักรพรรดิดำก็รีบวิ่งเข้ามาและหยิบไข่ของจระเข้ออกไปพร้อมกับกล่าวว่า
“ไม่ อย่าเปลืองทรัพยากรอย่างไร้สาระ เรายังสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้”
“ไม่ว่าปีศาจร้ายที่อยู่ในโลงศพทองแดงจะเป็นใคร ในเมื่อมันมีความแค้นกับข้าแล้ว ข้าก็จะพลิกแผ่นดินตามหามันให้เจอ!” เย่ฟ่านกล่าว
…………