1223 - บุปผาเทพอสูร
1223 - บุปผาเทพอสูร
ยิ่งเย่ฟ่านและผังป๋อคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น มีสิ่งมีชีวิตเช่นนี้อยู่ในโลงศพทองแดง พวกมันข้ามโลกมาพร้อมกับพวกเขาซึ่งทำให้ทุกคนเกิดความหวาดกลัวอย่างมาก
แม้แต่หลี่เทียน หลี่เหอสุ่ยและคนอื่นๆ ก็ยังตกตะลึง พวกเขาได้รับฟังประสบการณ์ชีวิตของเย่ฟ่านมาบ้างแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
จากนั้น เย่ฟ่านกดที่ปุ่มบันทึกของโทรศัพท์ และเสียงที่น่ากลัวราวกับเสียงที่ดังมาจากนรกก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
“ข้ากลับมาแล้ว…”
เย่ฟ่านและผังป๋อตัวสั่นและกลั้นลมหายใจ พวกเขาต้องการฟังคำพูดนี้อย่างระมัดระวัง
เสียงนั้นห่างไกลและน่าขนลุกมาก ไร้ร่องรอยของชีวิต ราวกับว่ามาจากดินแดนแห่งความตายที่เต็มไปด้วยความหนาวเย็นและมืดมน
“เจ้าได้ยินเสียงของข้า ซึ่งหมายความว่าเจ้าก็รอดชีวิตเช่นกัน ดูเหมือนว่าความสามารถในการเอาตัวรอดของเจ้าจะแข็งแกร่งมากกว่าที่ข้าคิดไว้...”
เย่ฟ่านและผังป๋อไม่ได้กล่าวอะไรสักคำ และฟังอย่างเงียบๆ
“ใช้เวลาอันน้อยนิดที่เจ้ามีให้หมดไปอย่างคุ้มค่า ข้าจะไปหาเจ้าอย่างแน่นอน ชีวิตของเจ้าทุกคนจะต้องถูกสังเวยเพื่อการกลับมาของข้า!”
ในป่าไผ่เงียบงันเป็นเวลานานโดยไม่มีเสียงใดๆ เย่ฟ่านกำหมัดแน่น เจ้าสาระเลวคนนี้วางแผนสังหารเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
มันเป็นเสียงเดียวกันกับคนที่จับตัวหลิวอี้อี้เป็นเหยื่อล่อและทำให้เขาต้องเรียกสายฟ้าแห่งสวรรค์ลงมาสังหารปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์มากมาย
อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านไม่พบเบาะแสใดๆ ในการต่อสู้ครั้งนั้น แม้ว่าเย่ฟ่านจะค้นหาทุกวิถีทางแต่เขาก็ไม่สามารถค้นพบตัวต้นเหตุของเรื่องราวได้
ในที่สุดมือมืดนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง มันยังคงเป็นคนเดิม ซึ่งเสียงที่เย็นชาและดุร้ายนั้นเขาจะไม่มีวันลืมเลือนไปตลอดชีวิต
ผังป๋อก็พิจารณาเรื่องนี้อยู่นานและสรุปได้ว่ามีเหตุผลเพียงสองประการเท่านั้นที่ทำให้พวกเขารอดชีวิตมาจนถึงปัจจุบัน
หนึ่งคือเย่ฟ่านและตัวเขาระมัดระวังตัวเองมาโดยตลอด ในเวลานั้นมีศัตรูที่ทรงพลังมากเกินไป และบุคคลระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากต่างไล่ล่าพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
เย่ฟ่านใช้ทักษะต้นกำเนิดซ่อนใบหน้าที่แท้จริงของตัวเอง ในขณะที่ผังป๋อก็อาศัยอยู่ร่วมกับยอดฝีมือเผ่าพันธุ์อสูร ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถค้นพบตัวจริงของพวกเขาได้
ประการที่สองคือบุคคลนั้นมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ จนกระทั่งไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาจึงมีความมั่นใจแล้วรู้สึกว่าสามารถฆ่าเย่ฟ่านได้เขาจึงปรากฏตัวขึ้น
“มันอาจจะไม่ใช่มนุษย์ก็ได้”
สุนัขสีดำตัวใหญ่พึมพำ มันพลิกดูโทรศัพท์มือถือไปมาและเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
“บรรยากาศในโลงศพทองแดงที่พวกเจ้าพูดถึงเต็มไปด้วยความหนาวเย็นและมืดมนอย่างยิ่ง…” หลี่เทียนจ้องมองที่รูปวิญญาณชั่วร้ายในโลงศพทองแดง รู้สึกว่ามันเข้ากับเสียงเมื่อครู่นี้มาก
“ไม่มีอะไรต้องกลัว กลับไปคิดให้ดีก่อน” ผังป๋อรู้สึกไม่สบายใจแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“ในตอนนั้นมีอะไรที่ข้ามจักรวาลมาพร้อมกับเราบ้าง? นอกจากผีตัวนี้มีคนอื่นอีกไหม?” เย่ฟ่านจ้องมองภาพที่พร่ามัวและครุ่นคิดอย่างหนัก
เขาและผังป๋อรวมทั้งเพื่อนๆ หลายคนได้เดินทางไปที่ดาวอังคารก่อนจะมายังโลกใบนี้ ผีดุร้ายตัวนี้ตามมาจากโลกหรือว่ามันขึ้นมาพร้อมกับพวกเขาในดาวอังคาร?
กระบวนการทั้งหมดเต็มไปด้วยความซับซ้อนยากที่จะหยั่งรู้ได้?
“อาจมีคนอื่นๆ ระวังด้วย!”
เย่ฟ่านกล่าว ตอนนี้พวกเขาอยู่ในที่โล่ง มันอันตรายเกินไป ศัตรูอาศัยอยู่ในเงามืดและคอยจับตาดูพวกเขาอยู่เสมอ
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มค้นหาในหุบเขาอมตะ มีราชาโอสถมากมายถูกทิ้งอยู่ในป่ารกร้างแห่งนี้ มีของล้ำค่าหลายชนิด ต้นไม้หลายต้นเป็นราชาโอสถที่ไม่ได้มาจากนอกดินแดน
หลี่เหอสุ่ยโชคดีมาก เขาขุดยาโบราณอายุห้าหมื่นปีข้างลำธารอันเงียบสงบได้ นี่เป็นราชาโอสถอันยิ่งใหญ่ที่มีกลิ่นหอมทำให้จิตใจเกิดความปลอดโปร่ง
สุนัขสีดำตัวใหญ่มองไปยังต้นกิเลนโบราณและขุดขึ้นมาหลายสิบต้น พวกเขาแทบจะขุดค้นดินแดนแห่งนี้จนว่างเปล่าไม่หลงเหลือทรัพยากรใดๆ ไว้
แน่นอนว่าป่าไผ่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเหมือนหยกขาวเหล่านี้ก็ถูกค้นออกมาทั้งหมดเช่นกัน
จี้จื่อเยว่ใช้โทรศัพท์มือถือของเย่ฟ่านเพื่อถ่ายรูปทุกคนด้วยความกระตือรือร้น จากนั้นนางก็ไปยืนกับเย่ฟ่านและขอให้ผังป๋อถ่ายรูปคู่ให้ ภาพนั้นจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ นางจะเก็บมันไว้ในความทรงจำเสมอ
“มีกลิ่นหอมบางอย่าง มันเป็นสมบัติแห่งสวรรค์พิภพ”
จมูกของจักรพรรดิดำกระตุกเล็กน้อย จากนั้นมันก็วิ่งไปข้างหน้าด้วยความสงสัย
ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าจักรพรรดิดำมีจมูกที่เฉียบคมมากกว่ามนุษย์หลายเท่า ดังนั้นพวกเขาจึงติดตามมันไปด้วยความกระตือรือร้น
ที่นี่เป็นป่าหินไม่มีหญ้าขึ้น หลังจากเดินไปได้หลายสิบลี้พวกเขาก็เห็นบุปผาสี่สีปลดปล่อยความหอมหวลอบอวลไปทั่วอากาศ
สุนัขสีดำตัวใหญ่อุทาน “บุปผาเทพอสูร!”
จักรพรรดิดำรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งที่ข้าเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อหลายแสนปีก่อน หากข้าได้รับบุปผาเช่นนี้ในตอนที่ยังเป็นเด็กข้าจะต้องกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน”
นี่คือบุปผาเทพอสูรซึ่งมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ มันคือดวงตาของเทพอสูร วัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่เพียงพอจะทำให้ผู้คนเกิดความโลภอย่างบ้าคลั่ง
คุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันคือสามารถใช้ขัดเกลาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของสิ่งมีชีวิตที่อายุน้อย
หากวิญญาณของพวกเขาได้รับการขัดเกลาโดยดอกไม้ต้นนี้ มันจะทำให้พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงเต๋าผู้ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จในการเป็นเซียนได้อย่างง่ายดาย
ดวงตาของสุนัขสีดำตัวใหญ่เป็นสีแดง มันรีบคว้าขวดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์จากเย่ฟ่านและเตรียมที่จะดื่มลงไปทั้งหมด
“ข้าอยากเป็นเด็ก ข้าอยากจะเกิดใหม่ ข้าอยากให้วิญญาณของตัวเองกลับมาหนุ่มแน่นอีกครั้ง!”
หลี่เหอสุ่ยรีบคว้าขวดหยกจากอุ้งเท้าใหญ่ของมันเพื่อป้องกันไม่จักรพรรดิดำทำในสิ่งที่ไร้สาระ
“มันยิ่งใหญ่อย่างที่เจ้าพูดถึงจริงๆ?”
“แน่นอน ในสายตาของจักรพรรดิคนนี้มันคือราชาโอสถที่ล้ำค่าที่สุด การรับประทานมันจะทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้น ใกล้ชิดกับเต๋ามากขึ้น และเพิ่มพรสวรรค์ให้กับผู้คนได้อย่างมากมาย”
จักรพรรดิดำไม่ลังเลรีรอ มันกลืนกินบุปผาเทพอสูรลงไปทันที
“ข้าจะกลายเป็นเซียนอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่สิ้นยุคของจักรพรรดิชิง”
“ไร้สาระ ตอนนี้เจ้ามีอายุมากกว่าแสนปีและกลายเป็นชายชราที่สมบูรณ์แบบแล้ว พืชชนิดนี้เพียงส่งเสริมพรสวรรค์ของเด็กทารกเท่านั้น หากเจ้าต้องการเป็นเซียนจริงๆสิ่งที่เจ้าต้องทำก็แค่บ่มเพาะด้วยความมุ่งมั่น การใช้สมบัติภายนอกไม่มีทางที่จะทำให้เจ้าประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง” ผังป๋อกล่าว
“เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายหรือ จักรพรรดิคนนี้ติดตามจักรพรรดิอู่ซือตั้งแต่ที่ข้าเกิดขึ้นมา แม้กระทั่งตอนนี้ข้าก็ยังไม่สามารถบรรลุเป็นเซียนได้” จักรพรรดิดำไม่คิดจะยอมแพ้
“ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าทำไมเฟิ่งหวงสายฟ้าถึงเสี่ยงชีวิตเข้ามาที่นี่ ปรากฎว่ามันต้องการได้รับบุปผาเทพอสูรเพื่อช่วยเหลือให้ลูกของมันกลายเป็นเซียนอสูรในอนาคต” หลี่เทียนกล่าว
พวกเขาทั้งหมดถอนหายใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า “นกเฟิ่งหวงตัวนั้นก็เป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่พร้อมจะพิสูจน์เต๋าได้ตลอดเวลา มันรู้ดีว่าสถานที่แห่งนี้อันตรายมากเพียงใดแต่มันก็ยังเสี่ยงชีวิตเข้ามาสิ่งนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าบุปผาเทพอสูรมีความสำคัญมากเพียงใด
“น่าสงสารจริงๆ” จี้จื่อเยว่ปลอบโยนไข่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเศร้าโศก
“มีบางอย่างผิดปกติ มีพลังชีวิตอย่างอื่นอยู่บนภูเขา มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างอยู่บนนั้น!” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าวและชี้ไปที่เนินเขาเบื้องหน้าของทุกคน
“ถูกต้อง หรือว่ามีมารดาของอสูรบางตนอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องไข่ของมัน?” เย่ฟ่านพยักหน้าและพุ่งขึ้นไปข้างบนยอดเขาโดยไม่ลังเล
“ไข่สีทองนั้นคืออะไร!”
“สวรรค์มันดูเหมือนไข่ของเฟิ่งหวงศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ผิดเพี้ยน”
หลายคนอุทานด้วยสีหน้าแปลกๆ
บนภูเขาหินมีไข่สี่ใบที่ถูกวางไว้ใต้ต้นบุปผาเทพอสูร กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากไข่นั้นเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและเห็นได้ชัดว่านี่คือไข่ของอสูรไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์
…