นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 409 - เลือกสมบัติ
หลังจากเดินออกจากห้องหอพยาบาลมาได้ ชายหนุ่มคนนั้นก็เดินนำพาเดวิดผ่านอาคารต่าง ๆ มาเรื่อย ๆ ตลอดระยะเวลาที่พวกเขาทั้งคู่เดินทางมีแต่ความเงียบงัน หลังจากบอกจุดหมายและวัตถุประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ออกมาแล้ว ผู้นำทางของเดวิดก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีกเลยแม้แต่คำเดียว
เขามีความหวาดหวั่นกับสิ่งที่เดวิดแสดงออกมาอยู่ไม่น้อย ในฐานะของผู้ก่อพลังชั้นสมบูรณ์ ชายหนุ่มคนนี้รู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางถูกผู้ก่อพลังหน้าใหม่อย่างเดวิดสร้างภาพลวงตาใส่ได้แน่ และเขาก็มั่นใจในสายตาของตัวเองว่าภาพที่เห็นนั้นเป็นเรื่องจริง มันสรุปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ศิษย์ทั่วไปคนใหม่นี้มีความแข็งแกร่งยิ่งไปกว่าเขา!
ไม่ใช่ด้วยความเข้มข้นของคลื่นสมอง เดวิดยังคงเป็นแค่ผู้ก่อพลังชั้นต้นเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้เขาดูพิเศษและน่าหวาดกลัว คือความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายที่สูงจนน่าเหลือเชื่อต่างหาก ชายหนุ่มที่ลอบแอบมองสังเกตศิษย์ใหม่ที่เดินเยื้องอยู่ทางด้านหลังเป็นระยะมั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
เดวิดไม่สนใจกับสายตาของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เขาแค่เดินตามมาอย่างเงียบ ๆ และใช้โอกาสมองสำรวจสภาพแวดล้อมของสำนักแห่งนี้ไปเรื่อย ๆ จนในที่สุด ชายหนุ่มที่เดินนำมาก็หยุดฝีเท้าลง ก่อนจะชี้มือไปยังอาคารขนาดใหญ่หลังหนึ่ง
“ที่นั่นคือหอกิจการศิษย์ทั่วไป นายต้องเข้าไปดำเนินการลงทะเบียนยกระดับตัวเองให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็ออกมาพบกับฉันอีกครั้งที่นี่”
เดวิดจ้องมองตามมือที่ชี้ไปของอีกฝ่าย พยักหน้ารับรู้เบา ๆ ก่อนที่จะเดินแยกออกไปตามที่ได้รับคำแนะนำ และหลังจากที่เดินผ่านประตูเข้ามาในอาคารได้ เขาก็มุ่งตรงไปยังส่วนที่มีป้ายระบุเอาไว้ว่า ‘งานทะเบียน’ อย่างไม่ลังเล
ขั้นตอนการลงทะเบียนไม่มีอะไรยุ่งยากมากนัก เดวิดแค่ต้องหยดเลือดลงไปบนวัตถุเรืองแสงเล็ก ๆ หยดเดียวเท่านั้น ชื่อ อายุ และรายละเอียดอื่น ๆ ของเขามีอยู่ในระบบเรียบร้อยตั้งแต่ตอนลงทะเบียนเป็นศิษย์รับใช้ครั้งแรกแล้ว หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้น เดวิดก็ได้รับมอบกระเป๋ามาอีกใบ มันดูแตกต่างและใหญ่กว่ากระเป๋าใบแรกที่ได้รับมาเล็กน้อย
เขายังไม่ได้สนใจที่จะสำรวจข้าวของด้านในตอนนี้ เมื่อรับมาได้แล้วก็เก็บเอาไว้ในแหวนเก็บของทันที ดูเหมือนว่าเดวิดจะไม่ต้องปิดบังการมีอยู่ของมันที่นี่เลย เพราะแม้ว่าแหวนเก็บของจะเป็นของมีค่าที่แทบจะหาไม่ได้ในสถาบันแทมเบรีย แต่ลูกศิษย์ของสำนักซิกนิสหลายคนก็สวมมันติดมือเอาไว้อย่างเปิดเผย ดูเหมือนว่าในสำนักแห่งนี้ แหวนเก็บของก็เป็นแค่เพียงอุปกรณ์ธรรมดา ๆ ที่หามาครอบครองได้โดยทั่วไปเท่านั้น
หลังจากที่เดินออกมาจากหอกิจการศิษย์ทั่วไป เดวิดก็เห็นผู้นำทางของเขาที่ยืนรออยู่ในบริเวณนั้นทันที และหลังจากที่เห็นเดวิดเดินออกมา ชายหนุ่มคนนั้นก็พยักหน้าส่งสัญญาณ และหมุนตัวเดินนำทางออกไปอีกครั้งทันที
“พวกเราจะต้องไปที่ไหนอีก? ไม่ใช่ว่าการลงทะเบียนเสร็จสิ้นแล้วอย่างนั้นหรือ?” เดวิดก้าวเท้ายาว ๆ ตามมาจนทัน ก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้นมาอย่างสงสัย
ในตอนแรก ดูเหมือนว่าชายหนุ่มผู้นั้นไม่อยากจะสนทนาหรือบอกข้อมูลอะไรกับเดวิดมากนัก แต่หลังจากที่ขมวดคิ้วนึกย้อนไปถึงความน่ากลัวของศิษย์ใหม่คนนี้ เขาก็เอ่ยปากออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก
“หอสมบัติ!”
“หือ? หอสมบัติ! ศิษย์ทั่วไปจะได้รับมอบ ‘สมบัติ’ ด้วยอย่างนั้นเหรอ หรือว่าฉันต้องเป็นคนส่งสมบัติไปเก็บรักษาเอาไว้ในนั้น?” เดวิดถามออกมาอย่างสับสน
“รอให้นายไปถึงที่นั่นก็จะรู้เองนั่นแหละ!” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของชายหนุ่มแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเริ่มรำคาญกับการซักไซ้แบบนี้แล้ว
เดวิดได้แต่เลิกคิ้วสูงขึ้นเล็กน้อย แววตาที่เย็นชาปรากฏวาบขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนที่จะกลับกลายเป็นเรียบเฉยเหมือนกับสีหน้าที่ถูกควบคุมให้ดูเป็นปกติมากที่สุด แน่นอน! ในใจของเขาเริ่มรำคาญกับการแสดงออกของผู้นำทางคนนี้ขึ้นมาตงิด ๆ แล้ว ถ้าไม่ได้อยู่ในสำนักที่มีกฎห้ามลงมือกับศิษย์ร่วมสำนักอย่างไร้เหตุผล เดวิดคงตบอีกฝ่ายหัวคว่ำไปแล้ว โทษฐานที่ทำตัวหยิ่งยโสเกินความแข็งแกร่งของตัวเองไปไกลแบบนี้
แต่เขาก็ไม่ต้องทนหงุดหงิดอยู่นานมากนัก เพราะหอสมบัติปรากฏขึ้นมาต่อหน้าในเวลาไม่นานนัก มันเป็นอาคารขนาดมหึมาที่มีเวรยามเฝ้าระวังอยู่อย่างหนาแน่น แม้แต่เดวิดที่มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองเป็นอย่างมาก ก็แน่ใจได้ในทันทีที่เห็นว่าไม่มีทางลักลอบเข้าไปได้อย่างเด็ดขาด เขาสัมผัสถึงระบบการป้องกันที่ซ่อนเร้นเอาไว้ได้ ต่อให้เป็นจ้าวแห่งสัตว์ร้ายก็อย่างหมายที่จะฝ่าเข้าไปเลย
“ศิษย์พี่ไคซาน! วันนี้ทำหน้าที่แนะนำศิษย์ใหม่อีกแล้วหรือครับ?” เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปถึงประตูหน้า นักเรียนที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ตรงนั้นเอ่ยถามออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
จนถึงตอนนี้ เดวิดเพิ่งจะรู้ชื่อเสียงเรียงนามของผู้ที่นำทางตัวเองมาตลอด และศิษย์พี่ไคซานผู้นี้ก็เอ่ยเข้าประเด็นทันทีแบบไม่ทักทายกลับเสียด้วยซ้ำ “พาศิษย์ทั่วไปคนใหม่เข้าไปเลือกอาวุธตามระเบียบเถอะ ฉันจะยืนรออยู่ด้านนอกนี้ ไม่เข้าไปด้วย”
สีหน้าของลูกศิษย์ที่ทักทายออกมาไม่มีทีท่าเคืองโกรธอะไร รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขาแบบเข้าใจสถานการณ์เสียด้วยซ้ำ “ได้เลยครับ!”
“นาย 2 คน พาศิษย์น้องคนใหม่เข้าไปเลือกอาวุธประจำกาย ให้คำแนะนำกับเขาดี ๆ ล่ะ” ดูเหมือนว่าศิษย์คนนี้จะเป็นหัวหน้าชุดหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ทำหน้าที่อยู่ในตอนนี้ เพราะเขาชี้มือไปที่ศิษย์อีก 2 คน และออกคำสั่งออกมาอย่างรวดเร็ว
“ครับ!” เสียงตอบรับดังออกมาอย่างพร้อมเพรียง
เมื่อรู้ขั้นตอนที่ตัวเองต้องทำต่อไป เดวิดก็ก้าวเดินตามเข้าไปด้านในอย่างไม่ลังเล สายตาสอดส่ายมองดูวัสดุที่ใช้สร้างอาคารหลังนี้ด้วยความอัศจรรย์ใจไปตลอดทาง แม้ว่ารูปลักษณ์จะดูไม่แปลกแตกต่างมากนัก แต่คลื่นพลังที่รั่วไหลออกมา เขารับรู้ได้ทันทีว่าอาคารหลังนี้น่าจะทนทานการโจมตีอย่างเต็มกำลังของ ‘ร่างสมบูรณ์’ ได้อย่างแน่นอน
“ฮึบ!” ยามรักษาความปลอดภัยทั้ง 2 คนส่งเสียงออกมาพร้อมกัน พวกเขาต้องใช้แรงไม่น้อยเลยในการเปิดประตูบานใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ หลังจากที่เดินเข้ามาด้านในได้ระยะเวลาหนึ่ง
“เอาล่ะ! จำกฎข้อห้ามเอาไว้ให้ดีล่ะ นายสามารถเลือกอาวุธที่อยู่ด้านในได้ตามใจชอบ แต่มันจำกัดแค่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น อย่าโลภมาก ไม่อย่างนั้นนายจะโดนตัดสิทธิและริบอาวุธทุกอย่างเอาไว้ แน่นอน! มันจะมีบทลงโทษที่ร้ายแรงตามหลังมาอีก” ยามคนหนึ่งกล่าวเตือนออกมา
“และอีกข้อ! ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะให้คำแนะนำอะไร แต่ในเมื่อศิษย์พี่ไคซานเป็นผู้นำนายมา พวกเราก็จะไม่ใจร้าย เพราะมีเรื่องบางอย่างที่นายควรจะรู้ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกอาวุธอยู่” ยามอีกคนกล่าวเสริมออกมา
เดวิดพยักหน้ารับรู้ด้วยสีหน้าที่สนใจ ดวงตาของเขาแสดงออกมาให้เห็นถึงความซาบซึ้งเล็กน้อย
“อาวุธที่เก็บรักษาอยู่ด้านในห้องนี้ มีทั้งอาวุธธรรมดาและอาวุธพิเศษ และแน่นอน! มันมีอาวุธระดับตำนานวางปะปนอยู่ด้วย อาวุธที่สามารถวางอยู่ในห้องนี้ได้ ส่วนใหญ่แล้วจะมีจิตสำนึกเป็นของตัวเอง แต่พวกมันจะอยู่ในสภาพที่หลับไหล นายต้องตั้งใจพิจารณาให้ดี อย่าเอาแต่มองแต่เพียงลักษณะภายนอกเท่านั้น!” คำพูดที่เพิ่งได้ฟังเข้าหู ทำให้เดวิดต้องสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่อย่างตื่นเต้น
แต่เขารีบสงบสติอารมณ์ตัวเอง พร้อมกับก้มหัวแสดงความขอบคุณทันที “ขอบคุณศิษย์พี่สำหรับคำแนะนำที่ทรงคุณค่าแบบนี้ ผมจะจดจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ ถ้ามีโอกาส ผมจะต้องตอบแทนพวกพี่แน่”
หลังจากที่เดวิดหมุนตัวเดินหายเข้าไปในห้องเก็บอาวุธ ยามทั้ง 2 คนก็มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะออกมาเบา ๆ
“หึหึ! ไม่รู้ว่าเจ้านี่ไปทำอะไรให้ศิษย์พี่ไคซานโกรธ เขาถึงไม่เดินเข้ามาส่งแล้วให้คำแนะนำที่ถูกต้องด้วยตัวเองแบบนี้ หวังว่าเจ้าศิษย์ใหม่คนนี้จะไม่เสียเวลามองหาจิตสำนึกจนมากเกินไปนะ ไม่อย่างนั้นคงเสียเวลาพวกเราแย่”
“หึ! ไม่แน่นักหรอก ด้วยคลื่นสมองระดับนี้ ฉันว่าเจ้านี้อาจจะเลือกได้เร็วก็ได้ แค่สัมผัสกับจิตสำนึกของมีดบินห่วย ๆ สักเล่ม ก็คงดีใจจนแทบเนื้อเต้น และนึกว่าเป็นอาวุธวิเศษแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า” พวกเขามองหน้ากัน และระเบิดเสียงหัวเราะที่ดังลั่นออกมา ประตูถูกปิดลงแล้ว พวกเขาไม่ต้องกลัวว่าเดวิดจะได้ยินเสียงอะไรอีก
ที่นี่คือห้องเก็บสมบัติสำหรับให้ศิษย์ใหม่มาเลือกใช้เป็นอาวุธประจำกาย แม้จะมีอาวุธที่เป็นสมบัติระดับตำนานวางอยู่เอาไว้จริง ๆ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์ใหม่จะเลือกและนำติดตัวออกไปได้ ส่วนระดับของอาวุธชิ้นอื่น!? มันไม่ได้ต่างกันมากนักตามที่พวกเขาพยายามจะบอกเลย วิธีการเลือกที่ถูกต้องคือตรวจสอบคุณภาพของวัสดุที่ใช้สร้างอาวุธขึ้นมา ไม่ใช่หวังลม ๆ แล้ง ๆ กับจิตสำนึกที่ฝังอยู่ด้านใน
เดวิดกำลังยืนตะลึงอยู่กับอาวุธที่วางอยู่บนชั้นที่เรียงรายยาวสุดลูกหูลูกตา เท่าที่กวาดมองดูอย่างคร่าว ๆ ในห้องนี้มีอาวุธวางเอาไว้ทุกประเภท ทั้งจำนวน รูปร่าง และขนาดก็หลากหลายกันออกไป เขาขมวดคิ้วเมื่อสัมผัสได้กับคลื่นพลังที่เปล่งออกมาจากอาวุธทั้งหมด มันสับสนวุ่นวายจนแยกไม่ออกเลยว่ามาจากชิ้นไหนกันแน่
ด้วยระดับความแข็งแกร่งคลื่นสมองของเดวิดในตอนนี้ ไม่มีทางที่เขาจะแยกระดับของอาวุธที่วางอยู่มากมายตรงหน้าได้แบบถูกต้องสมบูรณ์แน่ โอกาสที่จะเลือกหยิบอาวุธระดับต่ำออกไปนั้นมีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เดวิดได้แต่ถอนหายใจ และหวังว่าเทพีแห่งโชคจะยืนอยู่ข้าง ๆ ตัวเองอีกครั้ง...