1222 - วิญญาณชั่วร้ายที่ติดตามมาด้วย
1222 - วิญญาณชั่วร้ายที่ติดตามมาด้วย
“ผู้อาวุโสในตระกูลของเรากล่าวว่าประตูหนานเทียนตกลงไปในเหมืองโบราณต้นกำเนิดหลายแสนปีแล้ว มันไม่มีทางปรากฏขึ้นที่นี่” จี้จื่อเยว่กล่าวด้วยความกังวล
“เราต้องใจเย็นๆ สิ่งที่เห็นตรงหน้าไม่ได้ว่าจะเป็นความจริง!” เย่ฟ่านตะโกนเรียกสติของทุกคน
“อย่างไรก็ตามวังสวรรค์อันงดงามนั้นยังคงลอยอยู่บนท้องฟ้า ศพที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านี้เป็นเรื่องจริงแท้อย่างแน่นอน ให้ตายเถอะ หากนี่เป็นวังสวรรค์จริงๆ มันก็สมเหตุสมผลที่จะมีซากศพของราชาผู้ยิ่งใหญ่มากหมายถึงขนาดนั้น?” จักรพรรดิดำกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
“จักรพรรดิอู่ซื่อปราบปรามเก้าสวรรค์สิบพิภพด้วยความแข็งแกร่งที่เหนือชั้น แม้แต่สิ่งมีชีวิตอมตะที่แท้จริงยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดังนั้นค่ายกลสังหารจักรพรรดินี้เพียงพอที่จะปกป้องเราอย่างแน่นอน”
เมื่อพูดจบจักรพรรดิดำก็ลงมือสร้างค่ายกลขึ้นอีกครั้ง
“บูม”
ในขณะนี้ หยกที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของพวกเขาปะทุขึ้นด้วยแสงสีแดงฉาน มันยิงสังหารซากศพของราชาผู้ยิ่งใหญ่มากมายนับไม่ถ้วน
เมื่อค่ายกลของจักรพรรดิทำการโจมตีแล้วมันก็เริ่มดึงดูดพลังปราณสวรรค์พิภพกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
ภายใต้การโจมตีอย่างบ้าคลั่งทุกสิ่งทุกอย่างหายไปเหลือเพียงเลือดเนื้อที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น ซากศพของราชาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดถูกทำลายจนสิ้นซาก
เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับสะบัดแขนเสื้ออย่างรุนแรง จากนั้นกระท่อมมุงจากก็ถูกกวาดออกไปทั้งหมด และสิ่งที่ปรากฏขึ้นคือโครงกระดูกของหญิงสาวที่ตายมาแล้วไม่ต่ำกว่าสองปี
“นี่...”
หัวใจของเย่ฟ่านจมลงและเต็มไปด้วยความเศร้าโศกอย่างถึงที่สุด หวังเจี๋ยหญิงสาวผู้กระตือรือร้นต้องตายเช่นนี้หรือ?
เย่ฟ่านรู้สึกอึดอัดในหัวใจ เขารู้ดีว่าสถานการณ์จะต้องรุนแรงอย่างยิ่ง หลังจากที่เห็นหลี่เสี่ยวม่านปรากฏตัวขึ้น มันมีโอกาสสูงมากที่นางจะลงมือสังหารเพื่อนๆ ทุกคน
“เพื่อนเก่าอีกคนจากไปแล้ว” ผังป๋อก็ถอนหายใจเช่นกัน
“ไม่ นี่เป็นเพียงเด็กหญิงเท่านั้น กระดูกของนางไม่น่าจะมีอายุเกินสิบเจ็ดปี” จักรพรรดิดำกล่าว
เมื่อเย่ฟ่านได้ยินสิ่งนี้เขาก็นั่งลงและสำรวจกระดูกอย่างระมัดระวัง “เป็นหญิงสาว ไม่ใช่หลินเจี๋ย”
“จะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่หลินเจี๋ย นางตายไปแล้วนั่นแสดงให้เห็นว่ามีใครบางคนยืมมือของนางวางแผนฆ่าเรา” ผังป๋อพึมพำ
“หากไม่ใช่เพราะค่ายกลจักรพรรดิคอยช่วยเหลือ ใครก็ตามที่เข้ามาในเวลานี้คงตายไปแล้ว ชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการให้ข้ามีชีวิตอยู่อีกต่อไป” เย่ฟ่านถอนหายใจ
เมื่อกระท่อมถูกกวาดล้างออกไปทั้งหมด อันตรายที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย จักรพรรดิดำสำรวจพื้นที่โดยรอบและกล่าวว่า
“ทุกสิ่งเป็นของปลอม วังสวรรค์ก็เป็นของปลอม ซากเทวะก็เป็นของปลอม อย่างไรก็ตามมันมีพลังของวังสวรรค์อยู่เล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้เคยเข้าไปในวังสวรรค์มาแล้ว”
ทันใดนั้นมันก็อุทานด้วยความตกใจก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิดำทุกคนก็หันกลับไปมองด้วยความสนใจ จักรพรรดิดำค้นพบอะไรกันแน่?
ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความสงสัยของจี้จื่อเยว่จ้องมองจักรพรรดิดำด้วยความระมัดระวัง จากนั้นนางก็ซ่อนไข่ศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองไว้ด้านหลังเพราะกลัวว่ามันจะขโมยไป
“หากข้าได้รับสมบัติชิ้นนี้บางทีมันอาจจะทำให้ข้ากลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้จริงๆ!” จักรพรรดิดำหัวเราะด้วยความกระตือรือร้น
“เจ้าพูดเรื่องบ้าอะไรอยู่?” ผังป๋อถาม
“สมบัติที่สร้างโดยเสมือนจักรพรรดิ!” คำพูดของสุนัขสีดำตัวใหญ่ทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง
“หวือ”
จากนั้นจักรพรรดิดำได้เหยียดอุ้งเท้าของตัวเองออกและเริ่มขุดค้นลงไปที่บริเวณซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของกระท่อมมุงจาก
“บูม”
พลังชั่วร้ายและน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา ทำให้ทุกคนเกิดความตกใจอย่างถึงที่สุด กลิ่นอายที่รุนแรงนี้ทำให้เส้นขนของพวกเขาตั้งตรงขึ้นทันที
นี่คือพลังที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย มันมีอำนาจที่จะทำลายชีวิตทั้งมวลเพียงแค่สัมผัสอย่างแผ่วเบา หากไม่ใช่ว่าทุกคนได้รับการปกป้องจากค่ายกลจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่พวกเขาคงตายไปตั้งแต่แรกแล้ว
“วิญญาณชั่วร้ายนี่คืออะไร?” หลี่เทียนถามในขณะที่ก้าวเข้าหาหลุมที่จักรพรรดิดำขุดค้นขึ้นเมื่อครู่
“น่าเสียดายที่สมบัติชิ้นนี้ถูกทำลายแล้ว” สุนัขสีดำตัวใหญ่ตีอกชกหัวด้วยความเจ็บปวดใจ
จากนั้นทุกคนก็เห็นรูปปั้นปีศาจสีดำสนิทที่มีรอยแตกปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน มันมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของร่างกายมนุษย์ มีลวดลายถูกแกะสลักไว้รอบตัวของรูปปั้น เห็นได้ชัดว่านี่คือค่ายกลรูปแบบหนึ่ง
“นี่มันอะไรกัน?”
“หุ่นเชิดรูปร่างมนุษย์!” จักรพรรดิดำอธิบาย
“กล่าวให้ถูกคือมันเป็นรูปปั้นที่ถูกสลักไว้ด้วยวงเวทย์ของเสมือนจักรพรรดิ พลังไม่มีที่สิ้นสุดและความลับอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดถูกแกะสลักไว้ในรูปปั้นหินนี้ มันเป็นหุ่นเชิดที่มีพลังทำลายล้างน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นราชาเซียนยังยากที่จะรอดชีวิตได้”
“มันสามารถฆ่าเซียนได้ด้วยหรือ?” หลายคนประหลาดใจ
“แน่นอน นี่คือสิ่งที่เสมือนจักรพรรดิใช้วิญญาณของตัวเองขัดเกลาขึ้น น่าเสียดายที่หลังจากสร้างมันขึ้นมาแล้วแม้แต่ตัวเขาก็ยังถูกพลังสะท้อนกลับของมันสังหารไปด้วย” จักรพรรดิดำกล่าว
“มันไร้สาระเกินไปแล้ว เสมือนจักรพรรดิที่ไหนจะโง่เขลาขนาดนั้น?” ไม่มีใครยอมเชื่อเรื่องนี้
“แน่นอนว่าหากมันต้องการฆ่าเสมือนจักรพรรดิจะต้องมีรูปปั้นหินมากกว่าที่ฝังอยู่ใต้กระท่อม ตามที่ควรจะเป็นนี่เป็นหนึ่งในรูปปั้นหินตัวแทนของค่ายกลเท่านั้น” สุนัขสีดำตัวใหญ่กล่าว
รูปปั้นปีศาจนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายออกมาอย่างต่อเนื่อง ตามที่ควรจะเป็นมันควรจะมีรูปปั้นลักษณะเดียวกันอยู่เก้าตัวจึงจะแสดงอำนาจที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับการโจมตีของเสมือนจักรพรรดิออกมาได้
เมื่อรูปปั้นหินผีถูกขุดออกมา หุบเขาอมตะก็กลับสู่ความเงียบสงบ ดินแดนอันงดงามและทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ในสายตาของทุกคนหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงดินแดนที่เต็มไปด้วยความรกร้างเท่านั้น
ทันใดนั้นผังป๋อก็ตบหัวศีรษะของตัวเองอย่างรำคาญใจและกล่าวว่า “ข้าพลาดอะไรไปสักอย่าง ข้าเคยเห็นรูปปั้นแบบนี้ที่ไหนสักแห่ง?”
“อะไรนะ” จักรพรรดิดำเริ่มกระตือรือร้นทันทีและถามว่าเขาเห็นมันที่ไหน
“ตอนนั้นข้าไม่ได้สนใจ มันน่าจะเป็นตำหนักเซียนที่อยู่นอกดินแดนต้องห้ามโบราณ ข้าเห็นรูปปั้นที่มีรอยแตกกระจายอยู่ทั่วลักษณะของมันเหมือนรูปปั้นนี้ไม่มีผิดเพี้ยน ในเมื่อมันเป็นของที่ถูกทำลายไปแล้วข้าย่อมไม่ได้ใส่ใจมากนัก”
สุนัขสีดำตัวใหญ่แยกเขี้ยวและอยากจะกัดเขาสองสามครั้ง “ช่างเป็นคนปัญญาอ่อนที่โง่เขลาเหลือเกิน หากเจ้ายินยอมเก็บรูปปั้นนั้นมาด้วยป่านนี้เราคงมีอาวุธที่สามารถสังหารเซียนผู้ยิ่งใหญ่อย่างง่ายดายแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นรูปปั้นหินก้อนนี้ก็ควรจะมาจากตำหนักเซียน?” เย่ฟ่านคิด
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินเข้าไปในป่าไผ่เพื่อสำรวจพื้นที่ ไผ่ทุกต้นเป็นสีขาวราวกับหิมะ แม้แต่ใบของมันก็ยังเป็นสีขาวไปด้วย
เย่ฟ่านเดินไปที่ด้านหน้าแท่นหินและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เขาใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เพื่อเปลี่ยนให้เป็นกระแสไฟฟ้าและเปิดมือถือขึ้นอีกครั้ง
ในขณะนี้ เย่ฟ่านและผังป๋อเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ความทรงจำเกือบยี่สิบปีของพวกเขาถูกฟื้นกลับคืนมาอีกครั้ง
“เย่ฟ่าน เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” จี้จื่อเยว่กังวลอย่างมากเมื่อเห็นท่าทีของเขา
“ข้าสบายดี”
เย่ฟ่านยิ้มให้นางจางๆ จากนั้นเขาก็เล่าให้นางฟังว่ามันคืออะไรและอธิบายวิธีใช้งานอย่างละเอียด เย่ฟ่านพบรูปถ่ายบางรูป และหลายรูปก็เป็นรูปของเขา
เมื่อเห็นใบหน้าของหลินเจี๋ยทั้งสองคนก็เกิดความเศร้าโศกขึ้นอีกครั้ง
“นี่คือ…”
ทันใดนั้นดวงตาของเย่ฟ่านก็แข็งทื่อ และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ผังป๋อที่อยู่ข้างๆ สูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ หลังจากที่ทุกคนเห็นรูปในมือถือใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจเช่นกัน
ภาพนี้สลัวมาก มีคนจำนวนมากที่มีสีหน้าหวาดกลัวในตอนที่รูปถูกถ่ายขึ้น
“หลินเจี๋ยถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือของนางในโลงทองแดง” เย่ฟ่านกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
“ไม่น่าเชื่อจริงๆ ผีร้ายตัวนั้นอยู่ข้างเรามาโดยตลอดแต่เรากลับไม่รู้ตัวเลย” ผังป๋อรู้สึกว่าแผ่นหลังของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ภาพที่หลินเจี๋ยถ่ายนั้นไม่ชัดเจนเท่าใด อย่างไรก็ตามขนาดของดวงตาอันใหญ่โตผู้นั้นก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่า ปีศาจที่ติดตามพวกเขามามีร่างกายใหญ่โตมากเพียงใด
เย่ฟ่านก็ตกใจเช่นกัน “มีอีกคนอยู่ในโลงศพแต่เรากลับไม่รู้ตัวเลย หลินเจี๋ยถ่ายภาพฉากดังกล่าวแต่ไม่ได้บอกใคร เห็นได้ชัดว่านางไม่ต้องการให้เราทุกคนเกิดความหวาดกลัว และผีร้ายตนนั้นจะต้องรู้ตัวอยู่แล้วว่านางมองเห็นมัน ดังนั้นมันจึงเลือกนางเป็นเป้าหมายแรก”
……….