ตอนที่ 30 : ความโลภและความมุ่งมั่น
ตอนที่ 30 : ความโลภและความมุ่งมั่น
ในเรื่องของการหลบหนี หวังซ่งค่อนข้างมีประสบการณ์แล้วหลังจากได้ผ่านมันมาครั้งหนึ่ง
เขานำคนที่เหลือทั้งแปดคนซอกแซกไปตามมุมต่างๆ และหาโอกาสที่จะหลบหนีผ่านหน้าต่างและอาคาร ซึ่งมันก็ได้แสดงให้เห็นถึงประสบการณ์อันเหลือล้นของเขาเลย
แม้ว่าจางหลี่ซิน เมิ่งเจีย และคนอื่นๆ จะไม่ใช่ผู้ตื่น แต่หวังซ่งก็คอยคุ้มกันความปลอดภัยของพวกเขาเอาไว้ได้ ซึ่งนี่ก็เกี่ยวข้องกับการที่จางเย่เป็นเป้าหมายหลักของนักล่าด้วย
หลังจากผ่านไปประมาณ 20 นาที
เสียงกรีดร้องที่บีบคั้นหัวใจของจางเย่ก็ดังมาจากระยะไกล
นี่ทำให้หวังซ่งสั่นสะท้าน และจางเฉิงเฉิงก็ทรุดตัวลงและหลั่งน้ำตาออกมา
มันไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจางเย่
อย่างไรก็ตาม โศกนาฏกรรมครั้งนี้ก็ทำให้หวังซ่งสงบนิ่งมากยิ่งขึ้น
“ทางเข้าหมู่บ้าน รถหุ้มเกราะ อาวุธ หลบหนี ที่พังพิงกลางเมือง!”
“และยังมีพี่ลู่หมิง”
คำนามหลายๆ คำเชื่อมโยงกันในเวลานั้นเอง
“ก่อนอื่นต้องไปที่บ้านของพี่ลู่หมิงและพาเขาไปกับพวกเราด้วย! ตอนนี้มันมีซอมบี้ระดับสองปรากฏตัวขึ้นในหมู่บ้านกู๊ดโฮปแล้ว พวกเราไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปได้แล้ว”
หวังซ่งพูดในขณะที่พวกเขาหลบหนี
ข้อเสนอแนะนี้ได้รับความเห็นชอบจากผู้อื่นอย่างเป็นเอกฉันท์
ระยะทางจากหมู่บ้านกู๊ดโฮปไปถึงที่พักพิงในตัวเมืองคือ 13 กิโลเมตร แม้ว่าพวกเขาจะมีรถหุ้มเกราะ แต่มันก็เป็นเรื่องท้าทายสำหรับพวกเขาที่จะไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยโดยมีซอมบี้อยู่เต็มถนน
ลู่หมิงคือผู้ตื่น การพาลู่หมิงไปด้วยคงจะช่วยเพิ่มปลอดภัยในการเดินทางได้อีกขั้น
นอกจากนี้ เนื่องจากจางเย่ตายไปแล้ว การปล่อยลู่หมิงให้อยู่ที่นี่คนเดียวย่อมไม่ต่างอะไรกับการทิ้งให้เขาตายอยู่ที่นี่
การพาเขาไปด้วยจะเป็นการช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ มันเป็นประโยชน์ต่อเขาเอง
มันไม่มีอะไรผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย!
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์จริงก็ทำให้หวังซ่งทั้งประหลาดใจและงุนงงอีกครั้ง
“ฉันไม่ไป”
เมื่อได้ยินการปฏิเสธอันเย็นชาจากด้านหลังประตู ดวงตาของหวังซ่งจึงค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น
“พี่ นั่นคือซอมบี้ระดับสองนะ! ระดับสอง!”
“ฉันรู้ นายเพิ่งพูดเองหนิ”
“งั้นทำไมพี่—”
ก่อนที่หวังซ่งจะทันได้พูดจบ ลู่หมิงที่อยู่ด้านในก็แค่นเสียงออกมา
“มันมีซอมบี้ระดับสองปรากฏขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ เช่นนี้แล้ว งั้นไม่ใช่ว่ามันจะมีซอมบี้ระดับสูงกว่านี้อยู่ที่ด้านนอกเหรอ?”
เมื่อฉันอยู่ภายในบ้าน ฉันก็อาจจะสามารถจัดการกับซอมบี้ได้ แต่เมื่อฉันออกไป ถ้าไม่มีที่กำบัง ฉันจะสามารถต่อสู้กับซอมบี้ได้ยังไง?!
ไม่มีอะไรผิดกับสิ่งที่เขาพูดเลย
มันยังไม่ทราบเส้นทางข้างหน้า และอะไรก็เกิดขึ้นได้ระหว่างทาง
ไม่มีใครสามารถคาดการณ์อนาคตได้ ซึ่งหมายความว่าใครๆ ก็พลาดได้ทั้งนั้น
หวังซ่งไม่เก่งในการโน้มน้าวผู้คนด้วยเหตุผล
เมื่อเห็นว่าลู่หมิงยังรั้นเช่นนี้ หวังซ่งก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา
ด้านหลังเขา จางหลี่ซินได้ดึงคอเสื้อของหวังซ่งมา
นี่ทำให้หวังซ่งต้องหันไป
เขาเห็นสหายทั้งหกคนด้านหลังเขาตัวแข็งทื่อ และจ้องมองออกไปในระยะไกล
เขามองตามสายตาของคนพวกนี้
เขาเห็นซอมบี้สี่ขาที่ดูน่าขนลุกคล้ายกับสุนัขล่าสัตว์ค่อยๆ เดินเข้ามาจากปลายถนนที่ห่างไกล
และในปากของมันก็มีร่างของจางเย่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งพร้อมกับมีเลือดไหลลงมา ร่างของเขาขาดวิ่น ศีรษะของเขายังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และดวงตาสีเทาของเขาก็จ้องตรงมาที่หวังซ่ง ราวกับว่าเขาตายไปพร้อมกับความคับข้องใจที่เหลืออยู่
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที
…
นักล่าวางศพของจางเย่ลงกับพื้น
มันหมอบลงเหมือนกับสุนัขล่าเนื้อจริงๆ และเงยหน้าขึ้นเมื่อมองมายังหวังซ่งและคนอื่นๆ
มุมปากของมันโค้งขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกๆ
ราวกับว่ามันกำลังเยาะเย้ยพวกเขา
ความฉลาดของซอมบี้ยักษ์นั้นไม่ได้ต่ำเลยจริงๆ
และสถานการณ์นี้ก็ดูเหมือนว่าจะยืนยันได้ถึงหนึ่งสิ่ง คือเมื่อระดับของซอมบี้เพิ่มขึ้น ระดับสติปัญญาของพวกมันก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
อย่างน้อยหวังซ่งก็สามารถมองเห็นการเยาะเย้ยแปลกๆ และความดุร้ายที่ซ่อนอยู่ในสายตาของนักล่า
“มันกำลังเล็งเป้ามาที่พวกเรา…”
เมิ่งเจียพึมพำด้วยความสิ้นหวัง
นั่นมันชัดเจนเกินไปแล้ว
สำหรับนักล่า ผู้ตื่นระดับสองอย่างจางเย่ถือเป็นอาหารชั้นเลิศเลย แต่หวังซ่งและจางเฉิงเฉิงที่เป็นผู้ตื่นระดับหนึ่งก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเท่าไร
ในตอนนี้ หลังจากที่มันจัดการกับจางเย่ได้แล้ว และกินอีกฝ่ายเข้าไปแล้ว นักล่าก็ได้ให้พวกซอมบี้แยกย้ายกันไปและไล่ตามพวกเขามาเพียงลำพังตามร่องรอยที่หวังซ่งและคนอื่นๆ ทิ้งเอาไว้
มันเหมือนกับสุนัขล่าเนื้อจริงๆ
ทั้งโลภและดื้อดึง
ถนนทั้งสายกลายเป็นแรงกดดันเนื่องจากการปรากฏตัวของนักล่า
แต่นักล่ากลับไม่เคลื่อนไหวต่อไป
มันแค่มองคนทั้งเจ็ดที่อยู่ในระยะไกล และเหมือนจะสัมผัสได้ว่ายังมีคนธรรมดาอีกคนอยู่ภายในนั้น
ดังนั้นมันจึงมีเหยื่อทั้งหมดแปดคน
หลังจากล็อกเป้าหมายและจดจำกลิ่นได้ นักล่าก็ก้มศีรษะของมันลง ฉีกแขนข้างหนึ่งของจางเย่ และเริ่มเคี้ยวมันอย่างตะกละตะกลาม
“ปล่อยเขานะ!”
จางเฉิงเฉิงกรีดร้องออกมา เธอไม่อาจทนเห็นพี่ชายของเธอถูกกระทำเช่นนั้นได้แม้ว่าเขาจะตายไปแล้ว โชคดีที่หวังซ่งคว้าตัวของเธอเอาไว้ได้ทัน
“อย่าบุ่มบ่าม…”
หลังจากพูดออกมาเบาๆ หวังซ่งก็เห็นจางเฉิงเฉิงหันมามองเขาด้วยความสิ้นหวัง
“ไม่บุ่มบ่ามแล้วมันจะมีอะไรดีขึ้นเหรอ?”
ความใจร้อนย่อมนำไปสู่ความตาย และการไม่ใจร้อนก็นำไปสู่ความตายเช่นกัน
ในทันทีที่นักล่าปรากฏตัว โชคชะตาของทุกคนก็ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว
หวังซ่งพูดไม่ออก
เขาไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของจางเฉิงเฉิงยังไงเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ยินเสียงเอี๊ยดเบาๆ ดังมาจากหน้าต่างด้านบน
เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นว่าหน้าต่างบนชั้นที่สองได้ถูกเปิดออก ลู่หมิงยืนอยู่ด้านหลังของหน้าต่าง และมองไปยังนักล่าอย่างใจเย็น
หวังซ่งอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
“พี่ มันเป็นความผิดของผมเอง ผมสร้างปัญหาให้กับพี่ซะแล้ว”
เขารู้สึกเสียใจกับลู่หมิงอย่างแท้จริง
ในระหว่างการไล่ล่าของซอมบี้ยักษ์ก่อนหน้านี้ มันก็เป็นลู่หมิงที่ช่วยพวกเขาไว้
และในตอนนี้ เขาก็ได้นำซอมบี้ระดับสองมาที่บ้านของลู่หมิงอีก
คราวนี้มันคงจะไม่ลงเอยเหมือนครั้งก่อนอีก
ความโศกเศร้าเอ่อล้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจของเขา หวังซ่งอดพูดไม่ได้ว่า “ชาตินี้ผมติดหนี้พี่ ชาติหน้าผมจะใช้คืนให้อย่างแน่นอนครับ”
จากนั้นเขาก็เห็นลู่หมิงมองเขาอย่างเย็นชาและยกหนังสติ๊กขึ้นมา
…
ลู่หมิงรู้สึกว่าหวังซ่งมีปัญหาบางอย่างอยู่ในหัวของตัวเอง
ก่อนหน้านี้หวังซ่งได้แนะนำให้เขาย้ายออกไป
เมื่อครู่ หวังซ่งก็ได้มาชวนเขามุ่งหน้าไปยังกลางเมืองด้วยอีก
และตอนนี้เขาก็ได้ดราม่าขึ้นมาอีก ซึ่งลู่หมิงก็เกลียดเรื่องแบบนี้เป็นที่สุด
ประเด็นสำคัญคือการตัดสินใจของผู้ชายคนนี้ไม่เคยจบลงด้วยดีเลย เขาวุ่นวายอยู่ทั้งวัน และไม่เคยลงเอยด้วยดีเลย
คนผู้นี้แปลกมาก เขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ในการทำร้ายตัวเองชัดๆ
หลังจากเหลือบมองหวังซ่งแล้ว ลู่หมิงก็ไม่ได้สนใจเขาอีกและมองไปยังซอมบี้ที่อยู่ไกลออกไป
ซอมบี้ระดับสอง
นักล่า!
มันดูเหมือนกับสิ่งที่ไม่ควรล้อเล่นด้วยเลย
แต่พูดตามตรง แรงกดดันจากนักล่าก็ไม่ได้รุนแรงอะไรขนาดนั้น
อย่างน้อย มันก็ไม่ได้รู้สึกกดดันเหมือนกับเมื่อตอนที่เขาเจอซอมบี้ยักษ์เป็นครั้งแรก
“บางทีอาจจะเป็นเพราะรูปร่างของมัน… แม้ว่ามันจะดูแข็งแกร่ง แต่มันก็ยังดูผอมไปหน่อย ความแข็งแกร่งของมันไม่น่าจะมากมายอะไร และพลังป้องกันของมันก็น่าจะไม่ได้สูงมากด้วย”
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังเป็นสัตว์ประหลาดกินคน! มันเป็นภัยคุกคามต่อฉัน!
ถ้ามันเป็นภัยคุกคาม เขาก็ต้องกำจัดมัน
ถ้าเขาไม่สามารถกำจัดมันได้ ลู่หมิงก็พร้อมที่จะล่าถอยเข้าไปในห้องใต้ดิน
เขายกแขนขึ้นแล้วดึงหนังสติ๊ก
สายหนังสติ๊กส่งเสียงดัง
แม้ว่านักล่าจะไม่ได้แผ่ความรู้สึกกดดันอันรุนแรงออกมา แต่มันก็ยังเป็นซอมบี้ระดับสอง
ลู่หมิงตัดสินใจว่าจะทุ่มสุดตัว
สายหนังสติ๊กถูกยืดขึ้นเรื่อยๆ
ลู่หมิงออกแรงอย่างบ้าคลั่ง!
พร้อมกับเสียงดังปัง ลู่หมิงก็ได้ทำให้หนักสติ๊กของเขาหัก