1220 - สถานการณ์แปลกประหลาด
1220 - สถานการณ์แปลกประหลาด
ก่อนหน้านี้กลิ่นอายของเฟิ่งหวงสายฟ้าได้กลบกลิ่นอายของไข่ใบนี้โดยสิ้นเชิง แต่เมื่อเฟิ่งหวงสายฟ้าตายไปแล้วกลิ่นอายของไข่ก็ถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจน
ทุกคนวิ่งขึ้นไปบนเนินเขาด้วยความกระตือรือร้น รังของเฟิ่งหวงสายฟ้าสร้างด้วยต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ภายในปูด้วยสมุนไพรที่ปลดปล่อยรัศมีอันอ่อนโยนออกมาบำรุงไข่ ในรังนี้มีมีไข่ใหญ่เท่ากำปั้นวางอยู่ตรงกลาง แสงสีทองของมันเปล่งประกายแวววาวอย่างยิ่ง
“นี่คือไข่ของนกเฟิ่งหวงสายฟ้า ในโลกนี้ไม่มีไข่ของสัตว์อสูรประเภทนี้ใบที่สองอีก ตอนนี้ภายใต้ความช่วยเหลือครั้งสุดท้ายของมารดามัน หากไม่มีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้น ในอนาคตมันจะเติบโตเป็นเซียนอสูรผู้แข็งแกร่ง” สุนัขสีดำตัวใหญ่กล่าว
ไข่ทองคำกำลังดูดซับความผันผวนที่เกิดจากเต๋าซึ่งแผ่กระจายออกมาจากร่างของเฟิ่งหวงสายฟ้า เห็นได้ชัดว่าเฟิ่งหวงสายฟ้าตนนั้นเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อให้ไข่ใบนี้เติบโตขึ้น
“ของข้า!”
สุนัขสีดำตัวใหญ่เริ่มต่อสู้กับคู่แข่งที่สำคัญอย่างผังป๋อ แน่นอนว่าผังป๋อก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เขาขยายร่างของตัวเองใหญ่ขึ้นเกือบสองเท่าและลงมือต่อสู้กับจักรพรรดิดำอย่างรุนแรง
“เลิกทะเลาะกันได้แล้ว!” เย่ฟ่านเตือน ไข่ใบนี้มีความพิเศษอย่างยิ่งและเขาไม่ต้องการให้มันได้รับผลกระทบใดๆ
ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจปล่อยให้จี้จื่อเยว่เก็บไข่ใบนี้ไปเพื่อชดเชยความเสียใจในอดีต
“ข้าคิดว่าแม่ของมันช่างน่าสงสารจริงๆ มันเพียงต้องการใช้พลังแห่งเต๋าที่เกิดจากการตายของตัวเองเพื่อทำให้ไข่ใบนี้กลายเป็นเซียนอสูรในอนาคต” จี้จื่อเยว่กล่าว
หลายคนถอนหายใจ มันควรจะเป็นแบบนี้ อย่างไรก็ตามหากเฟิ่งหวงสายฟ้าตัวนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียก่อนมันคงเลือกที่จะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรเซียนด้วยตัวเองแทนที่จะฝากความหวังอย่างเลื่อนลอยไว้กับไข่ใบนี้
“ไปกันเถอะยังมีระยะห่างหลายหมื่นลี้กว่าที่เราจะไปถึงหุบเขาอมตะได้”
พวกเขาข้ามเทือกเขาตามแผนที่ ภูเขาบางลูกสูงตระหง่านอยู่ในก้อนเมฆ บางลูกก็เขียวชอุ่มตลอดปีและมีเมฆหมอกปกคลุมอยู่อย่างแน่นหนา ในระหว่างนี้มีป่าหินปรากฏขึ้นอยู่บ่อยครั้งซึ่งเป็นไปตามสิ่งที่ตระกูลจี้แนะนำ
“ตามแผนที่ หลังจากที่เราข้ามป่าหินในระยะทางหลายสิบลี้นี้ได้สำเร็จเราก็จะค้นพบมันแล้ว” เอี๋ยนอี้ซีซึ่งเป็นคนดูแผนที่กล่าว
ที่นี่มีนกศักดิ์สิทธิ์และสัตว์หายากทุกชนิด ป่าหินมีกลิ่นหอมโชยออกมาในบางครั้ง เพราะสถานที่แห่งนี้อุดมไปด้วยราชาโอสถมากมายนับไม่ถ้วน
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่แม้ว่าจะผ่านปีแต่เรากลับไม่เคยได้ยินเรื่องของหลินเจี๋ยเลย ปรากฎว่านางซ่อนตัวอยู่ในดินแดนอันบริสุทธิ์แห่งนี้และนางจะต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างรวดเร็ว” ผังป๋อกล่าว
พวกเขาเดินไปตามป่าหินมากกว่าสามสิบลี้ ในที่สุดพวกเขาก็เห็นดินแดนอันงดงามที่มีหมอกเป็นมงคล นกกระเรียนบินอยู่บนท้องฟ้า สัตว์หายากนานาชนิด และฉากที่น่าอัศจรรย์มากมาย
หุบเขาแห่งนี้เป็นเหมือนแดนสวรรค์ มีเมฆหลากสีสันล้อมรอบอยู่ทุกทิศทาง ทางเข้าหุบเขาเชื่อมต่อกับป่าหินและในบริเวณโดยรอบก็มีราชาโอสถมากมายเติบโตขึ้น
ที่ด้านหน้าทางเข้ามีแผ่นหินซึ่งสลักไว้ด้วยอักษรสี่ตัว “หุบเขาอมตะ” สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพร มันคือหนึ่งในดินแดนที่งดงามมากที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
“สถานที่แห่งนี้สามารถทำให้ผู้คนสงบใจและสัมผัสได้ถึงเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้ดีกว่าอยู่ในโลกภายนอกหลายเท่า” ผังป๋อกล่าว
“สถานที่แห่งนี้มีความสอดคล้องกับเต๋าอย่างยิ่งมันคือหนึ่งในดินแดนสวรรค์ของโลกใบนี้” จักรพรรดิดำกล่าว
“มีกลิ่นหอมมาก” จี้จื่อเยว่กระพริบตากลมโตด้วยอาการมึนเมาเล็กน้อย
“มีต้นไม้ที่มีเชื้อสายของต้นกิเลนโบราณด้วย!” วานรศักดิ์สิทธิ์ประหลาดใจและมองเข้าไปในหุบเขาเล็กๆ
ที่นั่นมีต้นไม้เก่าแก่อยู่หลายต้นซึ่งกำลังส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว ต้นไม้แต่ละต้นมีลักษณะเหมือนมังกร มีกิ่งก้านแปลกๆลักษณะคล้ายกับมังกรตัวใหญ่
และในบริเวณที่หอมมากที่สุดก็คือดอกของมันซึ่งมีเขาคล้ายกับเขาของกิเลน
“ต้นไม้โบราณชนิดนี้แม้กระทั่งในยุคโบราณยังหาได้ยากยิ่ง ไม่คิดว่าสถานที่แห่งนี้จะปลูกมันไว้หลายสิบต้น ด้วยวิธีนี้มันทำให้สถานที่แห่งนี้สามารถสัมผัสได้ถึงเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้ง่ายกว่าโลกภายนอกค่อนข้างมาก” วานรศักดิ์สิทธิ์อธิบายให้ทุกคนฟัง
“ช่างเป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ!” ทุกคนเต็มไปด้วยความชื่นชมและกำลังจะก้าวไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม เย่ฟ่านยื่นมือออกไปเพื่อหยุดพวกเขาแล้วกล่าวว่า “เดี๋ยวก่อน”
ท่าทางของเย่ฟ่านเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม จากนั้นเขาได้หยิบขนเฟิ่งหวงสายฟ้าที่เปื้อนเลือดขึ้นมาจากพื้นและสัมผัสอย่างแผ่วเบา เห็นได้ชัดว่าขนเส้นนี้เพิ่งจะหลุดร่วงลงมาไม่กี่ชั่วยามก่อน
ภูเขาที่งดงามแห่งนี้แท้ที่จริงแล้วคือสนามรบอันยิ่งใหญ่ของสิ่งมีชีวิตระดับเซียนเทียมขั้นสาม
ขนของเฟิ่งหวงสายฟ้าเปื้อนเลือดและถูกส่งผ่านมือของทุกคน พวกเขาเอาสัมผัสมันด้วยท่าทางระมัดระวังและมีสีหน้าจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ
“ที่นี่มีจิตสังหารเปี่ยมล้น อย่างไรก็ตามยังมีสิ่งมีชีวิตระดับสูงมากมายอาศัยอยู่อย่างสงบ การต่อสู้ครั้งนั้นควรจะทำให้พวกมันแตกตื่นไปแล้ว?” จักรพรรดิดำกล่าวด้วยความสงสัย
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเต่าสีขาวเหมือนหิมะตัวหนึ่งคลานออกมาข้างนอก เต่าตัวนี้มีขนาดใหญ่โตประมาณฝาหม้อ มันโผล่หัวออกมาแล้วคลานอย่างช้าๆ สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือมีเต่าขาวขนาดเท่ากำปั้นนอนอยู่บนหลังของมัน
หลี่เหอสุ่ยหยิบก้อนหินขึ้นมาแล้วขว้างไปข้างหน้า
“ปัง!”
เต่าตัวใหญ่สะบัดเท้าเพื่อกระแทกหินก้อนนั้นกระเด็นไปด้านข้าง ในเวลาต่อมาร่างของมันก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
“ระวังตัวด้วย ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ข้ารู้สึกถึงความผิดปกติอยู่ตลอดเวลา มันให้ความรู้สึกคล้ายกับติดอยู่ในโลกแห่งจินตนาการไม่ใช่ความจริง”
เย่ฟ่านกระซิบและมองไปรอบๆ อย่างไรก็ตามสถานที่แห่งนี้เหมือนจริงอย่างยิ่ง มันจะเป็นภาพลวงตาไปได้อย่างไร?
“ถ้าอย่างนั้นเราเรียกหลินเจี๋ยออกมากันเถอะ” ผังป๋อกล่าว
“ไม่จำเป็นต้องตะโกน ถ้าลางสังหรณ์ของข้าเป็นจริง หลินเจี๋ยน่าจะตายไปหลายปีแล้ว!”
เย่ฟ่านกล่าวด้วยความเศร้าโศก จากนั้นเขาก็ขอให้จักรพรรดิดำสร้างค่ายกลสังหารในระดับจักรพรรดิขึ้นทันที
“ในเมื่อมาถึงแล้วไม่ว่าข้างหน้าจะเป็นอะไรเราจำเป็นต้องทำลายมันให้สิ้นซาก” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าว
เย่ฟ่านพยักหน้า เขามาไกลขนาดนี้แล้วไม่มีทางที่จะถอยกลับได้ เขาและวานรศักดิ์สิทธิ์แยกทางกัน โดยเดินไปรอบๆ หุบเขาอมตะ แต่หลังจากสำรวจอย่างจริงจังพวกเขาก็ต้องตกใจที่คนพบว่านี่คือโลกใบเล็กใบหนึ่ง
“ร่างกายที่แท้จริงไม่สามารถเข้าไปได้ มีเพียงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถเข้าไปข้างใน อย่างไรก็ตามหากเราถอดร่างกายทิ้งไว้นี่มันจะต้องเป็นหายนะครั้งใหญ่อย่างแน่นอน” หลี่เทียนกล่าว
“ความเสียหายของร่างกายจะส่งผลกระทบต่อรากฐานของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ หากเกิดอันตรายกับร่างกายขึ้นเจ้าอาจจะไม่สามารถกลายเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ได้” จี้จื่อเยว่หยุดเย่ฟ่าน
“ข้าจะเป็นคนเข้าไปข้างในเอง”
วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าวพร้อมกับดึงขนวานรสีทองสี่เส้นออกจากร่างกาย จากนั้นขนทั้งสี่เส้นก็แปลงตัวเองกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายกับวานรศักดิ์สิทธิ์ทุกประการ
“ช่างเป็นทักษะพิเศษที่น่าทึ่งเหลือเกิน?” ผังป๋อตื่นเต้นมาก เขาถูมือของตัวเองอย่างกระตือรือร้นเห็นได้ชัดว่าต้องการเรียนรู้ทักษะพิเศษนี้
“นี่คือศิลปะในการเปลี่ยนสิ่งของให้เป็นร่างอวตารของเรา” วานรศักดิ์สิทธิ์อธิบาย เย่ฟ่านและผังป๋อตั้งใจฟังด้วยความกระตือรือร้น
“ให้ตายเถอะ ทำไมมันยากขนาดนั้น” ผังป๋อกล่าวด้วยความเจ็บปวด หลังจากเรียนรู้ทักษะพิเศษนี้เขาดึงเส้นผมออกมามากกว่าครึ่งศีรษะแล้วแต่กลับยังไม่สามารถเสกร่างอวตารของตัวเองขึ้นได้
เย่ฟ่านใช้เส้นผมเพียงสี่เส้นก็สามารถเรียกร่างอวตารของตัวเองออกมาได้อย่างง่ายดาย
“การจะสร้างร่างอวตารของตัวเองในจำนวนเพียงเล็กน้อยไม่ใช่เรื่องยาก ขีดจำกัดของทักษะนี้คือการสร้างร่างอวตารของตัวเองถึงสิบล้านคน” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าว
แน่นอนว่าการเปลี่ยนเส้นผมให้เป็นร่างกายของตัวเองนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อร่างกายที่แท้จริงของผู้บ่มเพาะ อย่างไรก็ตาม วานรศักดิ์สิทธิ์บอกว่านี่เป็นทักษะต้องห้ามที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
เพราะหากมันถูกใช้ออกด้วยมือของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดวงดาวให้เป็นร่างอวตารของตัวเองได้เลย
ร่างทั้งสี่ของเย่ฟ่านเข้าไปในหุบเขาและเดินทางจากทิศทางต่างๆ ที่แตกต่างกัน เมื่อร่างแยกพุ่งไปข้างหน้าร่างจริงของเย่ฟ่านก็สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของพวกมันได้ผ่านพลังวิญญาณ
ในขณะนี้เขาเกิดความรู้สึกแปลกๆอย่างยิ่ง โลกใบเล็กนี้เต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง หากให้วิญญาณศักดิ์สิทธิ์บ่มเพาะอยู่ที่นี่สักหลายปี มันเพียงพอที่จะทำให้วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขากลายเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ระดับเซียนได้เลย
….