1218 - ซากเทวะ
1218 - ซากเทวะ
“ผู้อาวุโสช่วยอธิบายหน่อยได้หรือไม่” ผังป๋อก้าวไปข้างหน้าและแสดงความเคารพต่อราชันศักดิ์สิทธิ์ตระกูลจี้
“นี่คือสิ่งที่ข้าเห็นในคัมภีร์โบราณเล่มหนึ่ง มันเก่าแก่อย่างยิ่งและข้าก็แทบจะลืมเนื้อหาภายในไปแล้ว ที่นี่ไม่ใช่สถานที่คุยกันพวกเราเข้าไปข้างในเถอะ”
ราชันศักดิ์สิทธิ์ตระกูลจี้กล่าว จากนั้นจี้ฮ่าวเยว่ก็เข้ามารับหน้าที่ดูแลพวกเขาต่อ
ตระกูลจี้ซึ่งเป็นราชาแห่งภาคใต้ และในโลกนี้มีดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สามารถเปรียบเทียบกับพวกเขาได้ พวกเขาสร้างรากฐานของตัวเองขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่เพราะการดำรงอยู่ของจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่า
เมฆและหมอกยังคงอยู่ วิหารต่างๆ ลอยอยู่บนท้องฟ้า อสูรวิญญาณและวิหคศักดิ์สิทธิ์กระจายตัวอยู่ทั่วบริเวณ
“โฮก!!...”
เสียงคำรามดังมาจากระยะไกล ภูเขาสีดำตระหง่านอยู่ท่ามกลางเมฆและหมอก มีมังกรดำตัวหนึ่งผูกอยู่ที่นั่น มันใหญ่โตเท่าภูเขา
กลุ่มคนค่อนข้างประหลาดใจ ตระกูลจักรพรรดินั้นทรงพลังอย่างแท้จริง พวกเขามีแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตสายเลือดมังกรคอยดูแลตระกูล
จี้จื่อเยว่กล่าวว่า “นั่นคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีโลกเล็กๆ เชื่อมต่อกับมัน มีผู้พิทักษ์มังกรดำอยู่ที่นั่น มันไม่สามารถขยับไปไหนได้ และต้องทำหน้าที่ดูแลดินแดนบรรพชนเท่านั้น ในอดีตข้ากับพี่ชายไปเยี่ยมมันอยู่เสมอ”
แน่นอนว่าสถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ลับซึ่งเป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดของตระกูลจี้ ไม่มีใครนอกจากทายาทสายตรงสามารถก้าวไปที่นั่นได้
ระหว่างทาง เย่ฟ่านได้พบกับคนรู้จักอีกคนซึ่งก็คือผู้อาวุโสแปดของตระกูลจี้ คนผู้นี้มีสถานะโดดเด่น ครั้งหนึ่งเขาเคยยืนหยัดเคียงข้างตระกูลหวังแห่งเป่ยหยวนและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะสร้างปัญหาให้กับเย่ฟ่าน
ทั้งสองคนต่างตกใจเมื่อพบกัน ดวงตาของผู้อาวุโสแปดแห่งตระกูลจี้เกิดความผันผวนทางอารมณ์อย่างไม่สิ้นสุด สุดท้ายเขาก็ประสานมือแสดงความเคารพต่อเย่ฟ่านและเลือกที่จะถอยออกไปด้านข้าง
ตอนนี้สถานการณ์ในโลกแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว ตระกูลหวังแห่งเป่ยหยวนถูกเย่ฟ่านและทหารม้าของเขาบดขยี้จนราบคาบ การล่มสลายของตระกูลหวังย่อมทำให้ผู้สนับสนุนของเขาในตระกูลจี้ได้รับผลกระทบไปด้วย
ตระกูลจี้ปฏิบัติต่อเย่ฟ่านและสหายด้วยความสุภาพ การต่อสู้ของเย่ฟ่านสั่นสะเทือนโลกและดึงดูดความสนใจของทุกฝ่าย แม้แต่สายเลือดของจักรพรรดิโบราณยังถูกฆ่าตาย จะมีใครในโลกสามารถหยุดความเคลื่อนไหวของเขา
เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลจี้มีหลายคนที่เห็นการต่อสู้ครั้งนี้โดยละเอียด หลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจี้จื่อเยว่และเย่ฟ่าน ทุกคนต่างก็สนับสนุนความสัมพันธ์นี้อย่างเต็มที่
ในอดีตบางคนคัดค้านการที่จี้จื่อเยว่และเย่ฟ่านอยู่ใกล้เกินไป แต่ตอนนี้เกือบทุกคนเปลี่ยนใจแล้ว หากตระกูลจี้มีเซียนผู้ยิ่งใหญ่ให้การดูแลอยู่พวกเขาจะดำรงสถานะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปได้นานนับหมื่นปี
ก่อนที่เย่ฟ่านและผังป๋อจะถามถึงแม่น้ำจี้สุ่ย ชายชราคนหนึ่งของตระกูลจี้ได้เดินเข้ามาและกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามาจากอีกฟากหนึ่งของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว จริงไหม?”
ตอนนี้ความลึกลับของตัวตนของเย่ฟ่านนั้นแค่ได้รับการเปิดเผยจนหมดแล้ว มันไม่ใช่ความลับอีกต่อไป
“ถูกต้อง” เย่ฟ่านพยักหน้าและยอมรับ
“ดินแดนแห่งดวงดาวนั้นไร้ขอบเขตและมีความลับมากมาย ไม่น่าแปลกใจที่จักรพรรดิโบราณทุกคนต่างเดินทางเข้าสู่เส้นทางสายนั้น มันยังมีบางสิ่งบางอย่างที่เต็มไปด้วยความลับซึ่งเราไม่รู้” ชายชราถอนหายใจ
“ไม่คิดว่าช่วงนี้ข้าจะได้ลิ้มรสชาวิเศษแบบนี้บ่อยๆ” จักรพรรดิดำยืนขึ้นและยื่นอุ้งเท้าใหญ่คู่หนึ่งเพื่อหยิบน้ำชาขึ้นมาดื่ม การกระทำของมันทำให้สาวใช้หลายคนแตกตื่นเป็นอย่างมาก
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลจี้ก็ไปหยิบหนังสือโบราณเล่มหนึ่งออกมา พวกเขาส่งหนังสือเล่มนั้นให้กับผังป๋อและเย่ฟ่านเพื่อดูสถานที่ลึกลับที่จักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าเคยไปเยือน
“กล่าวตามตรงตระกูลจี้ของเราไม่ใช่คนพื้นเมืองของโลกใบนี้ จักรพรรดิโบราณดูเหมือนจะข้ามมาจากดินแดนที่เจ้าพูดถึง” ชายชราคนนั้นกล่าว
เย่ฟ่านและผังป๋อต่างก็ประหลาดใจ มีเพียงจักรพรรดิดำเท่านั้นที่นั่งอยู่บนเก้าอี้และกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า
“ชายผู้โหดเหี้ยมและจักรพรรดิอู่ซือก็ถือกำเนิดอยู่ในโลกนั้นเช่นกัน พวกเขามาที่โลกใบนี้เพื่อพิสูจน์เต๋าหรือไม่?”
“อาจจะ” ชายชราของตระกูลจี้ยิ้มและไม่ได้โต้แย้ง
“บางทีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งตระกูลของเราอาจมาจากโลกของเจ้า” ชายชราที่กำลังอ่านหนังสือโบราณกับผังป๋อกล่าว
“เป็นไปไม่ได้ เมื่อหลายแสนปีก่อนบรรพชนของเรายังคงเป็นเพียงมนุษย์วานรที่ไม่มีอารยธรรมใดๆทั้งสิ้น รูปร่างของพวกเขาแตกต่างจากมนุษย์ปัจจุบันโดยสิ้นเชิง” ผังป๋อส่ายหน้า
แม้ว่าปากเขาจะพูดเช่นนั้นแต่ในใจของเขากลับรู้สึกตกตะลึงมากขึ้นเรื่อยๆ
นั่นก็เพราะบุคคลอย่างเหล่าจื๊อและปรมาจารย์ยุคก่อนฉินล้วนได้ชื่อว่าเป็นเซียนผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมด บางทีในยุคโบราณอาจมีเทพเจ้าอยู่ในโลกก็เป็นได้
มีตำนานมากมายบนโลกนี้และค่อนข้างเกี่ยวข้องกับโลกใบเดิมของพวกเขา บางทีสิ่งที่มนุษย์ในโลกได้เรียนรู้มาอาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด
“พบแล้ว ที่นี่…”
เย่ฟ่าน ผังป๋อ และชายชราสองคนอ่านคัมภีร์โบราณเล่มนั้น และค้นพบสถานที่ที่จักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าใช้พักผ่อน
อย่างไรก็ตาม มีบันทึกน้อยเกินไป มีเพียงคำสำคัญเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ในขณะเดียวกันยังมีบันทึกความทรงจำของจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าอีกเล็กน้อยถูกเขียนไว้
“มันต้องเป็นโลกอย่างแน่นอน!” เย่ฟ่านและผังป๋อตกอยู่ในความงุนงง
“และ... ซากเทวะ!” แม้แต่จักรพรรดิดำก็ยังตกตะลึงและจ้องมองคำสุดท้ายในคัมภีร์ด้วยความสงสัย
คนในตระกูลจี้หัวเราะ ชายชราหลายคนส่ายหน้าและบอกว่าอย่าจริงจังกับเรื่องนี้มากนัก จักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าเคยได้ยินเรื่องซากเทวะก็จริงแต่นั่นเป็นเพียงเรื่องที่เขาได้ยินตอนเด็กเท่านั้น
จนกระทั่งเขาสิ้นชีวิตก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่านั่นเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน มันไม่มีหลักฐานใดๆ สนับสนุนเรื่องนี้เลย
“ซากเทวะ!” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง
แม้จะไม่มีหลักฐานใดๆยืนยันในเรื่องนี้ แต่เย่ฟ่านยังคงเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น นั่นเพราะเขารู้ว่าอาณาจักรเซียนมีอยู่อย่างแน่นอน
“ยังมีเศษของภาพวาดอยู่ด้วย” หลังจากพลิกดูก็เห็นมุมหนึ่งของภาพภูเขาและแม่น้ำ โดยมีภูเขาลูกใหญ่สลักอยู่ตรงกลางภาพและไม่มีคำบรรยายใดๆ ทุกคนก็ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
“ไท่ซาน” เย่ฟ่านและผังป๋อมองหน้ากัน ยิ่งมองก็ยิ่งดูคล้าย
“นี่เป็นภาพภูเขาที่จักรพรรดิทรงวาดขึ้นโดยอาศัยคำอธิบายก่อนที่ท่านจะกลับคืนสู่เต๋า” ไท่ซานได้ชื่อว่าเป็นภูเขาลูกแรกในโลก
“มีเซียนของเราออกจากด่านหานกู่โดยการขี่วัวและมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตก เขาปรากฏตัวขึ้นในโลกใบนี้และทุ่งดวงดาวโบราณจื่อเว่ย เห็นได้ชัดว่าตำนานมากมายคือความจริง” ผังป๋อกล่าว
“คนที่เจ้าพูดถึงคือชายชราขี่วัวสีเขียวใช่หรือไม่” จู่ๆ ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลจี้ก็ถามด้วยความสงสัย
“ใช่”
“ข้าเคยเห็นเขามาก่อน” หัวหน้าตระกูลจี้กล่าว
“แค่กๆ!”
เย่ฟ่านและผังป๋อพ่นน้ำชาด้วยความตกใจ
“ตอนที่ข้ายังเป็นเด็กเซียนผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นเคยมาเยี่ยมตระกูลของเรา…” ราชันศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลจี้กล่าว
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อกว่าสองพันกว่าปีมาแล้ว เขายังเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งยังไม่มีสถานะการเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ
“ผู้มาเยือนนอกอาณาเขตนั้นได้มาเยี่ยมตระกูลของเราอยู่บ่อยครั้ง” ชายชราที่แก่ที่สุดของตระกูลกล่าว
จากนั้นคัมภีร์โบราณหลายเล่มก็ถูกหยิบออกมา มันเป็นเรื่องราวของเซียนผู้ยิ่งใหญ่หลายคนจากจักรวาลนอกอาณาเขตที่เคยมาเยี่ยมเยือนตระกูลจี้ แน่นอนว่าเซียนผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นล้วนมาจากโลกของเย่ฟ่านทั้งสิ้น
“ข้าอยากจะกลับบ้านตอนนี้เลย เย่ฟ่านเจ้าคิดว่าเราจะขุดซากเทวะนั้นขึ้นมาได้หรือไม่?” ผังป๋อกล่าว
“นี่… ข้าไม่สามารถบอกได้จริงๆ” เย่ฟ่านวิเคราะห์อย่างใจเย็น
ในที่สุด เย่ฟ่านและคนอื่นๆ ก็ขอคำแนะนำจากตระกูลจี้ว่าหุบเขาอมตะซึ่งเป็นที่อยู่ของตำหนักเซียนอยู่ที่ไหน และได้รับแจ้งว่ามันเป็นสถานที่ลึกลับมากในตงหวง
ในอดีต เซียนแห่งตระกูลจี้เคยเข้าไปในตำหนักเซียนนอกดินแดนต้องห้ามโบราณและได้เข้าสู่ดินแดนอันยิ่งใหญ่แห่งนั้นโดยบังเอิญ
“จือเยว่เจ้าไปกับเขาได้ ข้าจะอยู่ที่นี่ ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวล” จี้ฮ่าวเยว่กล่าวกับน้องสาวของเขาเมื่อไม่มีใครอยู่ด้วย
บรรพชนของตระกูลจี้ได้ยินคำพูดของพวกเขาแต่ไม่ได้คัดค้านการกระทำของจี้จื่อเยว่ ชายชราบอกว่าต่อให้เดินทางไปที่บ้านของเย่ฟ่านจริงๆ ก็ยังมีเส้นทางที่สามารถกลับสู่โลกอำพรางสวรรค์ได้อย่างแน่นอน
………