บทที่ 40 : [ด่าน 2] สิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 40 : [ด่าน 2] สิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้
ชาร์เลส ครอสได้ใช้เวลาประมาณหนึ่งเพื่อต่อสู้กับจิตใจของตนเอง
เขาเกิดในป้อมปราการ มีจุดประสงค์เพื่อสังหารสัตว์ประหลาดทั้งหมด
ก่อนที่เขาจะเข้าใจอะไรได้มากนัก เขาก็เดินตามรอยพ่อของเขาไปยังแนวหน้า เติบโตท่ามกลางฝูงสัตว์ประหลาดที่พยายามจะเจาะกำแพงป้อมปราการ
เมื่อพ่อของเขาล่วงลับไป เมื่อเขาสืบทอดตำแหน่งของมาร์คกราฟ เมื่อเขากลายเป็นเจ้าเมืองป้อมปราการในวัยเยาว์
ทุกวันเขาต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาด
อันที่จริง นี่คือทั้งหมดที่เขาต้องการ การต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเป็นจุดแข็งของเขา และเป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถเข้าใจได้อย่างแท้จริง
กำจัดศัตรูที่พยายามจะหมายสังหารข้า
เป็นโลกที่ตรงไปตรงมาและชัดเจน
’สวัสดีค่ะ นายท่าน!'
จนกระทั่งนางได้มาถึงเมือง
’เจ้าตั้งใจจะขายอะไรในที่แห่งนี้กัน?'
’ดอกไม้ค่ะ นายท่าน’
แม่ค้าสาวได้ยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจในใจกลางเมือง
การปรากฏตัวของนางทำให้มาร์คกราฟแห่งตระกูลครอสตกตะลึง
’ที่นี่คือแนวหน้าต้านสัตว์ประหลาด เราต้องการเพียงดาบ หอก ลูกศรและกระสุน เจ้าจะมาขายดอกไม้ที่นี่ทำไมกัน? มีแต่พวกมันจะเหี่ยวเฉาไปเท่านั้น'
’แม้นพวกมันดูไร้ประโยชน์ แต่พวกมันก็มีเหตุผลในการมีอยู่ของมัน! มนุษย์ต้องการดอกไม้นะคะ นายท่าน’
’…?’
’ความงามชั่วขณะนี้ได้เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว นั่นแหละคือเหตุผลที่ดอกไม้สวยงามยิ่ง!'
เขาไม่สามารถเข้าใจได้เลย
ในตอนแรก เขาจึงสงสัยในตัวนาง เขาสงสัยว่านางอาจเป็นสายลับจากอาณาจักรข้างเคียง
มาร์คกราฟครอสได้แวะไปที่ร้านของนางบ่อยๆ ที่นั่นเต็มไปด้วยดอกไม้และหญ้า แต่เขาก็ยังพยายามหาหลักฐานที่จะสื่อว่านางเป็นสายลับ
ทุกครั้งที่เขาไปเยี่ยม นางจะคอยให้ความรู้เรื่องดอกไม้แก่เขา
นางอธิบายรายละเอียดเรื่องภาษาดอกไม้ ทำให้เขาคุ้นเคยกับกลิ่นหอมและเฉดสีของพวกมัน
มาร์คกราฟครอสได้เรียนรู้ที่จะแยกแยะความแตกต่างของสีและกลิ่นของดอกไม้ จดจำดอกไม้ได้ทุกชนิด
แต่เขาก็ยังคงไม่เข้าใจความงดงามของพวกมัน
หนึ่งปีต่อมา ชาร์เลส ครอสได้ขอนางแต่งงาน
และนางก็ยอมรับ
***
กร็อบ กร็อบ กร็อบ กร็อบ-!
มาร์คกราฟครอสสวมชุดเกราะและถือหอกพร้อมโล่ กระตุ้นม้าของเขาไปที่กำแพงป้อมปราการ
มาเพียงผู้เดียว
ไร้ซึ่งผู้คุ้มกัน
“นี่มันบ้าอะไรกัน… เขากำลังทำอะไรอยู่ ?”
เขาอยู่บนม้าที่แก่ชรา สวมชุดเกราะที่ไม่ได้รับการบำรุงรักษาจนมีสนิม ถือโล่ขนาดใหญ่และหอกที่ดูเหมือนจะไม่สอดคล้องกับร่างกายผอมแห้งของเขา
ด้วยสภาพนั้น เขากลับกำลังพุ่งเข้าหาพวกหนูเป็นพันอย่างเด็ดเดี่ยว
คิดว่าเป็นดอนกิโฆเต้ที่กำลังพุ่งใส่กังหนลมหรือไงกัน
“เจ้าคิดอะไรอยู่ มาร์คเกรฟ! เจ้ากำลังคิดที่จะตายหรือไงกัน-!”
ราวกับว่าเสียงร้องของข้าไม่ได้ถึงหูของเขา มาร์คกราฟครอสยังคงพุ่งเข้าใส่อย่างไม่หยุดยั้ง
"ย๊ากกก-!"
เสียงร้องของเขาดังก้องออกมาจากหมวกขึ้นสนิมที่เขาสวมใส่
หนูแต่ละตัวที่พยายามจะเจาะหรือขุดโพรงใต้กำแพงอย่างกระตือรือร้นก็หันกลับมามอง
พฤติกรรมขอสัตว์ประหลาดเป็นไปตามที่ข้าได้อธิบายไปหลายสิบครั้ง พวกมันนั้นตรงไปตรงมา
– กำจัดมนุษย์ที่อยู่ใกล้ที่สุด
จิ๊ด!
จิ๊ด จิ๊ด!
เมื่อมาร์คกราฟพุ่งเข้ามา พวกหนูก็เปล่งแสงในดวงตาเป็นสีแดง ความเป็นปรปักษ์ของพวกมันสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
ทว่ามาร์คกราฟครอสไม่ได้ลดความเร็วลง เขาพุ่งเข้าใส่พวกมัน
เขากู่ก้องตะโกนขณะที่นำหอกพุ่งเข้าใส่กลางฝูงหนู
แล้วต่อจากนั้น
“หันมามองข้าสิ ไอ้พวกบัดซบ!”
เขาเปิดใช้งานทักษะเยาะเย้ยของเขา ซึ่งเป็นทักษะที่มีชื่อเสียงยิ่งของอัศวินโล่
เขาไม่แน่ใจว่าระดับทักษะเยาะเย้ยที่อีกฝ่ายฝึกฝนมันมานับครั้งไม่ถ้วนในป้อมปราการด้านหน้ามีระดับสูงเท่าไร
แต่สายตาของหนูเกือบพันตัวที่เคยโจมตีกำแพงกลับหันไปมองตัวเขาที่จุดเดียว...มันเป็นภาพที่ไม่น่าเชื่อสายตาเป็นอย่างยิ่ง
“…”
ข้ายืนนิ่ง พูดไม่ออกมองดูมาร์คกราฟครอส
อะไรกัน?
เขากำลังจะทำอะไร?
ตาของข้ากับมาร์คกราฟครอสได้สบตากัน
ดวงตาสีเขียวเข้มและใหญ่ของเขาเปล่งแสงเป็นประกายบางเบาใต้เงาหมวกของเขา
ข้าพยายามหาแรงจูงใจของเขา แต่ข้าก็สับสนยิ่ง
จิ๊ด!
จิ๊ด!
ทันใดนั้นพวกหนูก็พุ่งเข้าหามาร์คกราฟครอส
***
เวลาผ่านไปนาน ตั้งแต่ทั้งคู่ได้แต่งงานกัน
แม้จะกลายเป็นภรรยาของเจ้าเมืองแล้ว แต่นางก็ยังคงปลูกดอกไม้และตัดแต่งต้นไม้ต่อไป
จากเมล็ดพันธุ์ที่เบ่งบานเป็นชีวิตใหม่ ลำต้นที่บอบบางก็เอื้อมมือไปรับแสงตะวันในฤดูร้อน
ดอกไม้บาน ผลไม้เติบใหญ่ ใบไม้ร่วงและจากนั้น -
ลูกสาวของพวกเขาก็ได้ลืมตาสู่โลก
“ดูสิ ที่รัก”
ภรรยาที่เหน็ดเหนื่อยจากการคลอดบุตรก็ได้ยื่นห่อผ้าที่เต็มได้เลือดออกมา
“ลูกสาวของท่าน”
มันเป็นวันที่สัตว์ประหลาดได้เลือกโจมตี
ชาร์เลส ครอสได้กลับมาอย่างเร่งรีบ โดยไม่แม้แต่จะทำความสะอาดเลือดและคราบสกปรก เขาค่อยๆ ประคองห่อผ้าเล็กๆ นั้น
ทารกหลับสนิท
ตัวเล็กและบอบบางมาก ดูเหมือนว่านางอาจแตกสลายภายใต้การสัมผัสเพียงเล็กน้อยของเขา
“เอวานเจลีน”
ภรรยากระซิบชื่อทารก
“ลูกสาวของเรา นางสวยเหมือนชื่อของนางเลยไม่ใช่หรือ?”
“…”
ด้วยความสับสน ชาร์เลส ครอสจึงยังคงไม่ตอบกลับ
เขายังไม่เข้าใจ
สิ่งมีชีวิตที่ตัวเล็กและบอบบาง มีความอบอุ่นอันเล็กน้อยและดูเหมือนจะเลือนหายไปได้ทุกเมื่อ มันได้ทำให้หัวใจของเขารู้สึกผิดแปลกไป
เมื่อสักครู่ก่อนหน้านี้ในแนวหน้า เขายังคงสังหารพวกสัตว์ประหลาดโดยไม่สนใจอะไรอยู่เลย
ทว่ายามนี้ เขากลับรู้สึกสับสนอย่างยิ่ง
***
“จัดกลุ่มใหม่! เดี๋ยวนี้เลย!”
ข้ารีบถ่ายทอดคำสั่ง
หนูที่เจาะกำแพงและเข้ามาภายในทั้งหมดได้ถูกกำจัดไปส่วนใหญ่ เป็นเพราะไม่มีพวกที่เข้ามาอีก
หนูทั้งหมดได้ถูกผลักกลับออกไปนอกกำแพง มาร์คกราฟแห่งตระกูลครอสยืนตระหง่าน
“อย่าใช้ปืนใหญ่หรือคันศรยักษ์! มันอาจโจมตีถูกมาร์คกราฟได้ ใช้เพียงหน้าไม้และคันธนูเล็งไปที่หนูที่มุ่งหน้าเข้ามาก่อน!”
"ขอรับองค์ชาย!"
นักธนูรับคำสั่งและเริ่มกำจัดหนูทีละตัว
“ลิลลี่! สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์เปลวไฟพร้อมแล้วหรือยัง?”
“พร้อมแล้วค่ะ!”
“เมื่อถึงระยะก็ใช้ได้เลย!”
ในขณะที่สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์กำลังแผดเผาพวกหนู ข้าก็ตะโกนเรียกลูคัสที่พื้นดิน
“ลูคัส!”
“ขอรับฝ่าบาท!”
“รวบรวมทหารทั้งหมดที่มีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้แบบประชิด ให้ออกไปนอกปราสาท! เราต้องช่วยมาร์คกราฟ”
“ไม่ พะยะค่ะฝ่าบาท มันไม่ใช่แค่การช่วยเหลือ”
ลูคัสปรับหมวก ดวงตาสีฟ้าสดใสของเขาเป็นประกาย
“มันเป็นการซุ่มโจมตีไอ้หนูพวกนั้นจากด้านหลังด้วย เราสามารถจัดการพวกมันได้ในคราวเดียว เราจะกวาดล้างพวกมันและกลับไปพร้อมกับมาร์คกราฟ”
“…เช่นนั้นก็จงทำให้มันเกิดขึ้น ไปได้แล้ว”
"ขอรับ!"
ครืนนน
ประตูเปิดออก ลูคัสที่เกาะอยู่บนหลังม้าก็ยกดาบขึ้นสูง
"พุ่งทะลวงไป! ฆ่าไอ้พวกบัดซบพวกนั้นและช่วยมาร์คเกรฟ!”
เฮ้!
คล้ายดั่งเกลียวคลื่นมหึมา ทหารได้พุ่งออกมาอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาตะโกนจนสุดเสียง
ทหารผ่านศึกที่เคยรับใช้มาร์คกราฟได้เป็นหัวหอกในการโจมตี
’ขอให้ทันทีเถอะ!'
ข้ากำหมัดแน่น
’ได้โปรดขอให้ทันทีเถอะ!'
***
“ย๊ากกกกก!”
มาร์คกราฟครอสตะโกน
แต่ละครั้งที่หอกทหารม้าขนาดใหญ่ของเขาเฉือนผ่านอากาศ หนูประมาณสิบตัวได้พ่นเลือดและกลิ้งไปบนพื้น
แต่กองทัพหนูที่มีจำนวนมากกว่าก็กำลังแทะเนื้อของเขา
แม้ว่าชุดเกราะของเขาจะหมดสภาพ แต่มันก็ยังคงเป็นอุปกรณ์ชั้นยอด นอกจากนี้ทักษะของเขายังมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมการป้องกันทั้งหมด
ถึงจะมีของเหล่านี้อยู่ แต่เขาก็ยังได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่อง
ทว่าแม้จะอยู่ท่ามกลางความทรมานจากการถูกกัดโดยฝูงหนู แต่มาร์คกราฟก็ยังคงพุ่งทะยานไปพร้อมหอกของเขา
’ข้ายังหยุดไม่ได้’
มาร์คกราฟครอสไม่เข้าใจแล้วว่าด้วยเหตุอันใดเขาถึงตัดสินใจเช่นนี้
ทำไมเขาถึงเลือกเมืองนี้อีกครั้ง ทั้งที่ตัวเขาตัดสินใจจะจบชีวิตของตนเคียงข้างภรรยา
คล้ายถูกล่อลวงโดยบางสิ่งบางอย่างของเมืองนี้ … ทไมเขาถึงต่อสู้อีกครั้งกัน
’ข้าไม่อาจรู้ได้เลย’
แม้จะถึงวัยชรา เขาก็รู้สึกว่าโลกใบนี้ยังคงเป็นปริศนา
ทำไมเขาถึงตัดสินใจสู้เพื่อเมืองบัดซบนี้
เขาได้แต่ไถ่ถามใจของเขา
แม้จะทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อมัน แต่มาร์คกราฟก็ยังคงไร้เงื่อนงำว่าไฉนเขาถึงตัดสินใจเช่นนี้
…แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาเข้าใจมันดี
“อ๊ะ อึก-!”
ดอกไม้ ลูกสาวของเขา
ของอันแสนบอบบางที่อาจเลือนหายได้ตลอดเวลา เขาต้องปกป้องพวกนางจากสัตว์ร้ายเหล่านี้
ซึ่งานที่เขาถนัดสุดคือการสังหารพวกสัตว์ประหลาด
“ลูกสาวของข้าอาศัยอยู่หลังกำแพงนี้”
นั่นแหละเป็นเหตุผลที่เขาได้สู้
“โลกที่ลูกสาวของข้าอยู่”
เพราะเขาไม่รู้อะไรอีกแล้ว นอกจากการต่อสู้ เขาได้ต่อสู้อย่างดันทุรัง สิ้นหวังและโง่เขลา
“หากพวกแกสักตัวเดียวเข้าไปเด็ดขาด…!”
มาร์คกราฟตะโกนออกมาอีกครั้ง เขามุ่งมั่นที่จะป้องกันสัตว์ร้ายเหล่านี้ให้ออกห่างจากกำแพง
หนูหลายสิบตัว อาจเป็นหลายร้อยตัวได้พุ่งเข้าใส่มาร์คกราฟพร้อมกัน
มาร์คกราฟไม่สามารถต้านทานการโจมตีของมันได้ จึงเดินโซเซกลับไป
หมวกกันของเขาเปื้อนด้วยเลือดสัตว์ประหลาด ขัดขวางการมองเห็นของเขา
แขนที่แก่ชราของเขาไม่สามารถรวบรวมความแข็งแกร่งได้อีกต่อไป ขาของเขาได้ถึงขีดจำกัดมานานแล้ว มันยอมขยับเขยื้อนไปไหนเลย
"อั๊ก...!"
ข้ารู้อยู่แล้ว
ไม่ว่าข้าจะอยู่ที่นั่น หรือจะต่อสู้อยู่ที่นี่
ไม่ว่าข้าจะเอาชนะสัตว์ประหลาดที่นี่ไปได้กี่ตัว
วันคืนเหล่านั้นย่อมไม่หวนคืนกลับมา
ภรรยาของเขาได้จากไปแล้ว ลูกสาวของเขาก็หายไป ความสุขทุกอย่างได้เลือนหาย ยากเกินจะสามารถฟื้นคืนกลับมาได้
"แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก!
แต่ชายผู้นี้ไม่มีทางอื่นนอกจากต้องต่อสู้ เขาฝืนยกหอกของตนอีกครั้ง
คล้ายกับว่ามันเป็นจุดจบของเขา
ทันทีที่เขาลุกขึ้น เหวี่ยงหอกและผลักโล่ไปข้างหน้า
กึก
แต่ถึงกระนั้นมาร์คกราฟครอสก็พร้อมจะทุ่มทุกอย่าง
เขาไม่รู้สึกอะไรแล้ว ร่างกายของเขาคล้ายถูกกลืนไปโดยชุดเกราะ ความเจ็บปวดที่เกินขีดจำกัดไม่อาจรับรู้ได้ด้วยสมองของเขาอีก
สายตาของเขาพลันพร่ามัว
มาร์คกราฟครอสสัมผัสได้ถึงความตายของเขา
’อีกแค่ตัวเดียว... !'
เพื่อคุ้มกันสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตของเขา มาร์คกราฟครอสกัดฟันแน่นและยังคงฝืนต่อสู้ต่อไป
…
…
…แต่ยามนี้ทุกอย่างกลับเงียบสงบ
ไม่มีหนูที่พุ่งเข้ามาจัดการเขาอีกต่อไป
มาร์คกราฟครอสรู้สึกสับสน
ทำไมสัตว์ประหลาดถึงหยุดโจมตีเขา?
หรือว่าเขาได้ตายไปแล้ว?
“มาร์คกราฟครอส”
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้นมา
มันเป็นเสียงของอัศวินหนุ่มที่เป็นผู้ติดตามของเจ้าเมืองคนใหม่
“เราเอาชนะสัตว์ประหลาดทั้งหมดได้แล้ว การต่อสู้จบลงแล้ว”
“…”
“ท่านสามารถ…พักผ่อนได้แล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น หอกของทหารม้าที่กำอยู่ในมือของเขาก็ร่วงหล่นลงกับมัน
จากนั้นมาร์คกราฟครอสก็ได้ทรุดตัวลงไปข้างหน้า ราวกับหุ่นเชิดที่ถูกตัดสายออก