บทที่ 116 ราชาหนอนไหมเขียว
“เกิดอะไรขึ้น???”
ในตอนแรก ซืออวี๋ยิ้มในขณะที่เขาเฝ้าดูบักกี้รีบคลานไปหาหญ้าวิญญาณมังกร ทว่าเขาก็ได้ตกตะลึงอย่างกะทันหัน
เขามองดูบักกี้ที่แผ่พลังการปราบปรามออกมาและมึนงงอยู่ที่จุดเดิม
การปราบปรามเหรอ?
บัดซ* บักกี้ปลุกทักษะการปราบปรามของมันด้วยตัวเองเหรอ??
นี่ต้องเป็นเรื่องล้อเล่น!
ซืออวี๋ไม่ตอบสนองชั่วขณะหนึ่งและรู้สึกว่านี่ไร้หลักวิทยาศาสตร์เล็กน้อย
เมื่อนานมาแล้ว เขาเห็นว่าเขาสามารถสอนการปราบปรามให้แก่บักกี้ได้ผ่านสารบัญทักษะ เขาได้ถอนหายใจด้วยอารมณ์ “ใครจะบ่มเพาะหนอนไหมเขียวที่มีการปราบปรามกัน?”
ในเวลานั้น ไม่ว่าซืออวี๋จะคิดถึงเรื่องนี้มากเพียงใด เขาก็ไม่คาดคิดว่าบักกี้จะปลุกการปราบปรามของมันด้วยตัวเอง…
นี่ไร้สาระมาก!!!
มักษะประเภทจิตวิญญาณ การปราบปรามเป็นสัญลักษณ์ ‘ศักยภาพแห่งราชา’...
หลังจากเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ซืออวี๋ก็ค่อยๆ สงบลง
ใจเย็น ทั้งหมดเป็นเพราะเขาบ่มเพาะมันมาอย่างดี
แม้ว่าจะดูไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ในครั้งนี้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดหลักวิทยาศาสตร์เสียทีเดียว
หนอนไหมเขียวของเขาได้เพิ่มพลังจิตของมันผ่านการหลับลึกและภูติมายาขั้นชำนาญ สองทักษะระดับสูงประเภทพลังจิตซึ่ง อีเลฟเว่นมักจะใช้มันเป็นเป้าหมายการฝึกการปราบปราม พลังจิตของมันจึงไม่อ่อนแออย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะเผ่าพันธุ์ของมันก็ถึงขั้นสูงสุดแล้ว มันได้เติบโตสู่ระดับเหนือธรรมชาติด้วยร่างกายของหนอนไหมเขียว หากจะกล่าวว่ามันเป็นราชาแห่งเผ่าพันธุ์หนอนไหมเขียวกก็จะดูแคลนมัน
มันควรจะเป็นเทพแห่งเผ่าพันธุ์หนอนไหมเขียว!
เมื่อคิดเช่นนี้ แม้กระทั่งราชาหมาป่าหิมะและกิ้งก่ามังกรปฐพีก็สามารถปลุกการปราบปรามของพวกมันได้ก่อนถึงระดับราชันย์ หลังจากหนอนไหมเขียวของเขาเอาชนะเผ่าพันธุ์มังกร การที่จะยอมรับว่ามันปลุกศักยภาพแห่งราชาขึ้นมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก
ซืออวี๋วิเคราะห์เหตุและผลอย่างรวดเร็ว ทว่าในขณะที่เขาเข้าใจเรื่องนี้ จิตใจของหยูซูและสัตว์อสูรทั้งสองตัวของหยูซูก็แตกสลายอย่างสิ้นเชิง
เขา จิตวิญญาณมังกร และมังกรกระดูกยมโลกมองดูราชาหนอนไหมเขียวรอบหญ้าวิญญาณมังกรด้วยความงุนงง พวกเขารู้สึกได้ว่าพลังจิตที่แข็งแกร่งของมันเพิ่มสูงขึ้นและไม่สามารถเข้าใจได้เลย
“บัดซ*” หยูซูสาปแช่งออกมา
สัตว์อสูรของซืออวี๋คือตัวอะไรกันแน่? มันคืออะไรกัน!!
นอกจากนี้ ทำไมมันจึงปลุกกการปราบปรามขึ้นมาได่ก่อนที่มันจะกินหญ้าวิญญาณมังกรเสียอีก!
หยูซูจะไม่อิจฉาสัตว์อสูรที่มีโอกาสปลุกการปราบปรามหลังจากกินหญ้าวิญญาณมังกร อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นกิ้งก่ามังกรปฐพีและสัตว์อสูรตัวนี้ที่ดูเหมือนจะเป็นหนอนไหมเขียวที่สามารถแปลงร่างได้ และเห็นว่าพวกมันเชี่ยวชาญการปราบปราม เขาก็รู้สึกว่าหญ้าวิญญาณมังกรมีค่ามากขึ้นเรื่อยๆ
“ไปกันเถอะ พวกเจ้ากำลังมองอะไรอยู่?”
มันเป็นเพียงทักษะการปราบปราม ทักษะที่สัตว์อสูรทุกตัวสามารถปลุกขึ้นมาได้ไม่ช้าก็เร็ว
เมื่มองไปที่จิตวิญญาณมังกรและมังกรกระดูกยมโลกที่มึนงง ใบหน้าของหยูซูก็มืดลงอีกครั้ง เขาเร่งฝีเท้าของเขาและจากไป มังกรกระดูกยมโลกและจิตวิญญาณมังกรมองหน้ากันและรีบตามนักฝึกสัตว์อสูรของพวกมันไป
หนอนไหมเขียวน่ากลัวเกินไปแล้ว นักฝึกสัตว์อสูรกล่าวว่าเผ่าพันธุ์มังกรแข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่เหรอ?
…
ซืออวี๋และอีเลฟเว่นเดินมาอยู่ข้างบักกี้และมองดูบักกี้ที่ดูประหลาดใจด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
“ดีมาก” ตอนนี้ซืออวี๋ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ
นอกเหนือจากทักษะเผ่าพันธุ์แล้ว อีเลฟเว่นได้เรียนรู้ฝ่ามือสายฟ้าด้วยตัวเอง และบักกี้ก็ได้เรียนรู้การปราบปรามด้วยตัวเอง ซืออวี๋สงสัยเกี่ยวกับทักษะต่อไปที่พวกมันเรียนรู้ด้วยตัวเองว่าจะเป็นอะไร
ซืออวี๋คาดการณ์ว่านั่นอาจเกิดขึ้นหลังจากที่พวกมันวิวัฒนาการ
หลังจากที่พวกมันวิวัฒนาการแล้ว พวกมันจะปลุกทักษะเผ่าพันธุ์ใหม่อย่างแน่นอน
ซืออวี๋เดาว่าทักษะที่อีเลฟเว่นปลุกขึ้นมาก็คือทักษะระดับสุดยอดพลังภายในและการแข็งกร้าวอย่างแน่นอน
สำหรับบักกี้แล้ว ซืออวี๋ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าทักษะเผ่าพันธุ์ใหม่ที่มันปลุกขึ้นมาได้หลังจากวิวัฒนาการคืออะไร
นี่ไม่ได้หมายความว่าจะมีทักษะระดับสุดยอดประเภทจิตวิญญาณและประเภทมิติอย่างละทักษะใช่ไหม?
อย่างไรก็ตาม หากมีการปลุกสองทักษะระดับสุดยอดหรือมากกว่า ระดับเผ่าพันธุ์ของบักกี้ควรจะถือว่าเป็นผู้ปกครอง นี่ขัดสามัญสำนึกเล็กน้อย
เนื่องจากการวิจัยในปัจจุบันเกี่ยวกับการวิวัฒนาการในอาณาเขตนักฝึกสัตว์อสูรนั้นชัดเจนมาก มีกฎสามข้อสำหรับการวิวัฒนาการทางชีวภาพ
ข้อแรก ระดับเผ่าพันธุ์อาจไม่เปลี่ยนแปลงหลังจากการวิวัฒนาการทางชีวภาพ และการวิวัฒนาการไม่สามารถเพิ่มระดับเผ่าพันธุ์ได้เกินสามระดับ
ข้อสอง สัตว์อสูรแต่ละตัวมีความเป็นไปได้ในการวิวัฒนาการที่หลากหลาย
ข้อสาม การวิวัฒนาการไม่เพียงแค่เปลี่ยนรูปร่างของสัตว์อสูรเท่านั้น ทว่ายังเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ คุณสมบัติ และเพศของพวกมันเช่นกัน
ทั้งหมดนี้เข้าใจได้ง่ายมาก ตัวอย่างเช่น หากวิวัฒนาการของบักกี้เป็นไปตามรูปแบบการวิจัยในปัจจุบัน ระดับสูงสุดของวิวัฒนาการของมันอาจเป็นเผ่าพันธุ์ระดับราชันย์ขั้นสูงที่เทียบได้กับเผ่าพันธุ์ระดับผู้ปกครอง
หากต้องการกลายเป็นเผ่าพันธุ์ระดับผู้ปกครอง พวกเขาต้องพึ่งพากฎข้อที่สองเพื่อการวิวัฒนาการครั้งที่สอง
อีเลฟเว่นก็อาจเป็นเช่นเดียวกัน เรื่องนี้ได้ถูกยืนยันมาแล้วในการทดลองวิวัฒนาการครั้งก่อน ทักษะเผ่าพันธุ์ขั้นสมบูรณ์ + วัสดุวิวัฒนาการมูลค่านับร้อยล้านหยวนของอสูรกินเหล็กของหลินฮงเหนียนได้ยกระดับเผ่าพันธุ์ของอสูรกินเหล็กตัวนี้กลายเป็นระดับราชันย์ขั้นกลาง
สำหรับผีเสื้อกลางคืนฟินิกซ์น้ำแข็งที่มีไหมหนอนขั้นสมบูรณ์และใช้วัสดุที่เกี่ยวข้องกับฟินิกซ์เพื่อวิวัฒนาการ มันเป็นเพียงเผ่าพันธุ์ระดับราชันย์ขั้นต่ำเท่านั้น ทุกอย่างล้วนตรงกับกฎ
ซืออวี๋สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก หนอนไหมเขียวของเขาที่มีไหมหนอนขั้นสูงสุดจะทำลายกฎนี้ได้ไหม? อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่านั่นขึ้นอยู่กับวัสดุวิวัฒนาการ…
สำหรับกฎข้อที่สาม มันเข้าใจได้ง่ายมาก การเปลี่ยนแปลงรูปแบบเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และการวิวัฒนาการก็มักจะเกิดการเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ ตัวอย่างเช่น ปลาคาร์ปกลายเป็นมังกร จากร่างชีวิตสู่อันเดต เผ่าพันธุ์นั้นถือได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงโดยตรง ในทางกลับกัน การเปลี่ยนเพศนั้นเกิดขึ้นน้อยมาก และเกิดขึ้นกับสัตว์อสูรจำนวนไม่กี่ชนิดเท่านั้น
“อู๋!”
“จิ๋!”
จากนั้นอีเลฟเว่นและบักกี้ก็เริ่มแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกของการปราบปราม
เยี่ยมไปเลย
นอกจากทักษะการหลับลึกแล้ว พวกมันมีทักษะที่สองซึ่งคล้ายกันแล้ว
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ มีวิธีไหนบ้างที่พวกมันทั้งสองตัวจะผสานทักษะนี้เข้าด้วยกันและทำให้ออร่าของพวกมันหลอมรวมเข้าด้วยกันเพื่อให้แข็งแกร่งและกดขี่มากยิ่งขึ้น?
สัตว์อสูรทั้งสองตัวเริ่มสร้างแนวคิดทักษะผสานที่สองหลังจากกลยุทธ์ทะยานฟ้าเพื่อรังแกผู้อื่น
(ขอเปลี่ยนจากกลยุทธ์อู๋จิ๋เป็นกลยุทธ์ทะยานฟ้านะครับ)
“พวกเจ้าทั้งสองกำลังกล่าวเรื่องบ้าอะไรกัน…” ซืออวี๋มองไปที่หญ้าวิญญาณมังกรด้วยสีหน้าอันมืดมน หยูซูดูเหมือนจะกล่าวว่าห้ามกินหญ้าวิญญาณมังกรโดยตรงใช่ไหม?
หมายความว่าเขาจำเป็นต้องกินมันร่วมกับทรัพยากรพืชจิตวิญญาณอื่น
พืชจิตวิญญาณหลายชนิดเป็นเช่นนี้ โดยเฉพาะพืชบางส่วนที่แข็งแกร่งหรือมีพิษ พวกมันจำเป็นต้องจับคู่กับพืชจิตวิญญาณอื่นเพื่อต้านผลกระทบ
ซืออวี๋ตัดสินใจที่จะตรวจสอบเรื่องนี้เมื่อเขากลับ จากนั้นเขาก็เริ่มปลูกหญ้าวิญญาณมังกรเข้าไปในลูกปัดซากปรักหักพัง
ในเวลาเดียวกัน
ทางฝั่งของคณะกรรมการประเมิน ด้วยความช่วยเหลือจากเนตรสวรรค์ ทุกคนก็ตกตะลึงอีกครั้ง…
…
หลังจากคัดกรองมาหนึ่งวัน ผู้คุมสอบทั้งเก้าคนนี้ก็ได้ยืนยันผู้เข้าร่วมเมล็ดพันธุ์หลักทั้งสิบหกคนแล้ว
ในการต่อสู้จัดอันดับต่อไป คนทั้งสิบหกคนเหล่านี้จะไม่พบกันเร็วเกินไป การพบกันระหว่างพวกเขาจะเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้จัดอันดับ
นอกจากนั้น คนทั้งสิบหกคนเหล่านี้ก็ยังเป็นไพ่ลับของการประเมินมืออาชีพกลุ่มนี้ในเมืองหลวงโบราณ พวกเขาต้องตัดต่อผลงานอันน่าทึ่งของคนเหล่านี้ในการสอบเอาชีวิตรอดถิ่นทุรกันดารนี้พร้อมกับประกาศให้สาธารณชนรู้ทั้งก่อนและหลังการสอบจัดอันดับ
ด้วยวิธีนี้ นักฝึกสัตว์อสูรจากเมืองอื่นจะสามารถเห็นความแข็งแกร่งของผู้เข้าร่วมจากเมืองหลวงโบราณได้!
งานที่ยากลำบากในของการตัดต่อนั้นตกเป็นของเนตรสวรรค์
เนตรสวรรค์นี้รับผิดชอบการประเมินมืออาชีพในเมืองหลวงโบราณมาหลายปีแล้ว มันคุ้นเคยกับงานนี้เป็นอย่างดีและจะไม่ทำพลาด
ผู้คุมสอบเชื่อใจมัน
อย่างไรก็ตาม…
เมื่อพวกเขาเห็นวิดีโอดั้งเดิมที่ถูกประกาศมาโดยเนตรสวรรค์ พวกเขาก็ตกตะลึงในทันที
เด็กหนุ่มที่หล่อเหลาซึ่งมีอายุ 12 ปี หยินเจิ้งฟานได้ควบคุมผีเสื้อคริสตัลมิติเอาชนะศัตรูทีละตัวอย่างสง่างาม ไม่มีปัญหากับฉากนี้ ประเภทมิตินั้นลึกลับอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ สะดุดตาอย่างมาก
ผู้ที่ควบคุมศพสัตว์อสูรดุร้ายนับไม่ถ้วนด้วยปรสิตกู่ของเขา จ้าวกู่ที่แปลกประหลาด เหมียวตงตง เขาตระเวนไปทั่วเกาะทดสอบด้วยคลื่นสัตว์อสูรขนาดเล็ก ผลงานของเขาก็น่าประทับใจมากเช่นกัน และอาชีพฝึกสัตว์อสูรพิเศษนี้ก็เด่นมากเช่นกัน
หยูซูผู้ขี่มังกรกระดูกจิตวิญญาณและสำรวจท้องฟ้าของเกาะทดสอบ การต่อสู้ทุกครั้งเผยให้เห็นถึงออร่าของนักฝึกมังกน
คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์
ทว่าปัญหาก็คือ ทำไมเมื่อถึงคราวซืออวี๋ กลับเป็นภาพของเขาที่ขี่อสูรกินเหล็กและต่อสู้ด้วยตัวเองล่ะ??
ความล้ำลึก มหาตกตะลึง!
ความล้ำลึก : ประกายสายฟ้า!
ความล้ำลึก : บรรจบไร้สิ้นสุด!
ในฉาก ซืออว๊่เหวี่ยงกระบี่ของเขา และกระบี่ไม้หลายสิบเล่มก็ลอยออกไปราวกับพายุ พลังกระบี่นั้นราวกับตาข่าย รุนแรงและน่าตื่นเต้น มันล้อมรอบผึ้งสังหารหลายสิบตัวที่อยู่ด้วยกัน ที่มุมหนึ่ง บักกี้ใช้ไหมหนอนโปร่งใสของมันเพื่อควบคุมกระบี่ไม้ที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า นั่นสุดยอดมาก
ทักษะลับไหมหนอน ควบคุมกระบี่!
ผู้คุมสอบตกตะลึง นี่เป็นการประเมินมืออาชีพจริงเหรอ?
แน่ใจเหรอว่าไม่ใชการสอบเข้าสถาบันภาพยนตร์เมืองหลวงโบราณ?
ผู้คุมสอบอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
พวกเขาสับสนเป็นเวลานานก่อนที่จะตอบสนอง
วิดีโอนี้หลอกหลวงมากเกินไป
ยิ่งกว่านั้น การตัดต่อของเนตรสวรรค์นั้นซับซ้อนและล้ำหน้ามาก มันทำให้สัตว์อสูรจืดจางและทำให้ซืออวี๋เด่นขึ้น นั่นเข้ากันได้ดีกันท่าทางของซืออวี๋
เป็นเพราะพวกเขามีประสบการณ์ พวกเขาจึงสามารถบอกได้ว่าเทคนิคกระบี่เหล่านี้ถูกใช้มาได้ยังไง
กลุ่มผู้คุมสอบสามารถบอกได้ว่านี่ไม่ใช่เพราะตัวซืออวี๋ที่แข็งแกร่งจนน่าขัน ซืออวี๋ไม่มีพรสวรรค์ที่ทรงพลังเช่นพรสวรรค์การหลอมรวมที่ทำให้เขาต่อสู้ได้ แต่นั่นล้วนเป็นเพราะอสูรกินเหล็กนั้นเชี่ยวชาญการเคลือบแข็งขั้นเหนือธรรมชาติ ฝ่ามือสายฟ้าขั้นสมบูรณ์ และแม้กระทั่งทักษะการปราบปรามที่น่าประทับใจ หนอนไหมเขียวก็ไร้สาระมากเช่นเดียวกัน มันเชี่ยวชาญไหมหนอนขั้นเหนือธรรมชาติ ด้วยการร่วมมือกันของสัตว์อสูรทั้งสองตัว ซืออวี๋จึงสามารถทำการแสดงที่น่าตื่นตานี้ได้
ผู้เข้าร่วมทุกคนในเขตผิงเฉิงของเมืองทุ่งน้ำแข็งของเจ้าเก่งด้านการแสดงเหรอ?
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ความเชี่ยวชาญทักษะของการเคลือบแข็ง ฝ่ามือสายฟ้า และไหมหนอนนั้นไร้สาระเกินไป
แม้ว่าจะเป็นเพียงทักษะไร้ระดับ ทักษะระดับต่ำ และทักษะระดับกลาง แต่กลุ่มผู้คุมสอบก็ยังคงตกตะลึงเล็กน้อย
พวกเขากล้าที่จะสรุปได้ว่าซืออวี๋เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมที่ร้ายกาจที่สุดในการประเมินมืออาชีพกลุ่มนี้! น่าเสียดาย หนอนไหมเขียวยังไม่ได้วิวัฒนาการ มิฉะนั้น เขาคงจะได้อันดับหนึ่งอย่างแน่นอน!
“เราต้องเผยแพร่ภาพพวกนี้เป็นคลิปของการประเมินมืออาชีพในเมืองหลวงโบราณจริงเหรอ?” ปรมจารย์คนหนึ่งกล่าวออกมาท่ามกลางความเงียบ
ซืออวี๋ผู้นี้ไม่มีฉากต่อสู้ปกติเลยเหรอ? เดี๋ยวก่อน ดูเหมือนจะมีหนึ่งฉาก มันคืองูหลามพิษแหวนทมิฬที่ซืออวี๋พบตัวแรก… ส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าในตอนนั้นซืออวี๋ยังไม่ได้ออกโรง…
“นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ นี่คือวิดีโอดั้งเดิม มาดูกันว่ามีวิดีโอที่ดีกว่านี้ไหม…” ปรมจารย์ฉู่เจี่ยกล่าวออกมา
“เดี๋ยวก่อน ดูเหมือนจะมีการต่อสู้ระหว่างผู้เข้าร่วมเมล็ดพันธุ์”
เนื่องจากเจตจำนงของเนตรสวรรค์มุ่งเน้นไปที่ผู้เข้าร่วมที่สำคัญบางคน เมื่อผู้เข้าร่วมที่สำคัญได้พบและต่อสู้กัน กลุ่มผู้คุมสอบจะรู้เป็นคนแรก
เนตรสวรรค์ยกวิดีโอการต่อสู้แสนสั้นขึ้นมา
“ใครเหรอ?”
ในวิดีโอ ซืออวี๋และหยูซูเข้าไปในหุบเขาด้วยกัน
ซืออวี๋และหยูซู?
กลุ่มผู้คุมสอบระดับปรมจารย์มึนงงเล็กน้อยและค่อนข้างประหลาดใจ
พวกเขาไม่คาดคิดว่าสองคนที่อยู่ในห้าอันดับแรกของการประเมินครั้งนี้จะมาพบกัน
พวกเขาไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็ยหุบเขานี้ ผู้คุมสอบหลักก็เข้าใจทันที ดังนั้นนี่จึงเป็นการต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงหญ้าวิญญาณมังกร
หญ้าวิญญาณมังกรเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่มีค่าที่สุดบนเกาะทดสอบในคราวนี้ ดูเหมือนว่าโชคของพวกเขาจะค่อนข้างดี
“ใครจะชนะเหรอ?”
“ทว่าไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมายังไง ข้าก็หวังว่าทั้งสองจะไม่มีความขัดแย้งกัน”
ผู้คุมสอบไม่สามารถกล่าวอะไรได้มากนักในเวลานี้
เนื่องจากพววเขายังไม่รู้ว่าหยูซูและซืออวี๋วางแผนที่จะต่อสู้เพื่อแย่งชิงหญ้าวิญญาณมังกรยังไง
ในไม่ช้า พวกเขาก็ได้รับคำตอบ พวกเขาเห็นหยูซูส่งมังกรกระดูกจิตวิญญาณออกมาโดยตรง
สองต่อสองเหรอ?
ในขณะที่พวกเขาได้ตัดสิน สีหน้าของผู้คุมสอบหลักทุกคนก็แข็งทื่อ
“กรรรร…” ในวิดีโอ เสียงคำรามของมังกรดังขึ้นมา
สีหน้าอันตกตะลึงของพวกเขาแสดงออกมาแทบจะในเวลาเดียวกันกับหยูซูในวิดีโอ
ทางด้านของซืออวี๋ อสูรกินเหล็กไม่แยแส หนอนไหมเขียวกระโดดลงบนพื้นโดยตรง และในตอนแรก ทั้งร่างกายของมันก็ปกคลุมไปด้วยหิมะและสายลม แปลงร่างเป็นมังกรน้ำแข็งที่ทรงพลัง!!
ในวิดีโอ มังกรกระดูกจิตวิญญาณและมังกรน้ำแข็งเริ่มปะทะกันอย่างดุเดือด มังกรน้ำแข็งอาศัยพลังกายที่แข็งแกร่งของมันส่งมังกรกระดูกจิตวิญญาณกระเด็นลอยออกไปด้วยกรงเล็บ!!
แครก!!
ในระหว่างลอยกระเด็นออกไป มังกรกระดูกจิตวิญญาณก็ได้ซ่อมแซมร่างกกายที่เสียหายของมันด้วยความเจ็บปวด
พลังของการตบนั้นรุนแรงมากเสียจนร่างกายเสริมพลังโครงกระดูกแตกสลายโดยตรง!!
ผ่านไปสักพักหนึ่ง หยูซูและมังกรกระดูกจิตวิญญาณก็จากไปด้วยสีหน้าอันน่าเกลียด พวกเขายอมแพ้ในการต่อสู้โดยตรง!
มังกรน้ำแข็งเปลี่ยนกลับมาเป็นหนอนไหมเขียว
ในขณะนี้ ห้องประชุมเงียบลง
เหล่าผู้คุมสอบดูวิดีโอซ้ำด้วยความสับสน!
“เป็นไปไม่ได้”
“นี่… เกิดอะไรขึ้นกัน?!?!”
“เจ้าต้องล้อเล่นอย่างแน่นอน”
“มังกรน้ำแข็งตัวนั้นมาจากไหนกัน?!”
บางทีอาจเป็นเพราะมันกังวลว่าเหล่าผู้คุมสอบหลักจะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่เข้าใจทักษะนอกรีตบางอย่าง ในเวลานี้ เนตรสวรรค์จึงได้โหลดข้อมูลทักษะ ‘ภูติมายา’ และแนบไว้ที่ส่วนท้ายของวิดีโอ
ทักษะระดับสูงประเภทจิตวิญญาณและประเภทมิติ ภูติมายา
ทักษะทรงพลังที่เทียบได้กับทักษะระดับสุดยอด
มันถูกควบคุมโดยหนอนไหมเขียวเหรอ?
ผู้คุมสอบหลักตกตะลึงเล็กน้อย
ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับมังกรน้ำแข็ง ทว่านั่นยังไม่หมด
อัจฉริยะที่เข้าใจได้ยากอีกหนึ่งคน
“ข้าจำได้ว่ามีซากปรักหักพังมังกรน้ำแข็งในเมืองทุ่งน้ำแข็งใช่ไหม?”
“ซืออวี๋ผู้นี้ได้ถอดรหัสมิติซากปรักหักพังที่ปรากฏขึ้นในเมืองทุ่งน้ำแข้งและสัตว์อสูรของเขาสามารถแปลงร่างเป็นมังกรน้ำแข็งได้ นี่อาจเป็นโอกาสที่ได้รับจากมิติซากปรักหักพัง? ซากปรักหักพังทั้งสองเกี่ยวข้องกันไหม?” ปรมจารย์คนหนึ่งคาดเดา
“ข้าบอกไม่ได้… ทว่าเป็นไปได้สูง”
“กล่าวโดยย่อแล้ว อย่าคิดมากหากพวกเจ้าไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นหนอนไหมเขียวหรือสัตว์อสูรตัวอื่น เราเพียงแค่ต้องจัดการกับการประเมินให้ดีก็พอแล้ว” ปรมจารย์ฉู่เจี่ยจุดบุหรี่
“เขามาจากเมืองชั้นสาม เขาถอดรหัสมิติซากปรักหักพังและศึกษาวิธีการวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กผ่านซากปรักหักพัง เขามีสัตว์อสูรสองตัวที่มีความแข็งแกร่งจนน่าขัน นอกจากนี้ เขายังถูกจองล่วงหน้าโดยสาขาโบราณคดีของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณ… เขาถูกพบโดยบางองค์กรได้เร็วกว่าพวกเรา”
“เราคิดผิด นั่นไม่ใช่หนอนไหมเขียวธรรมดาเลย ประเภทของมันยังคงรออยู่”
ผู้คุมสอบหลักพยักหน้า ข้อมูลประจำตัวของซืออวี๋ธรรมดามาก ทว่าประสบการณ์ของเขาไร้สาระมาก มีความเป็นไปได้เดียวสำหรับผลลัพธ์นี้ ซืออวี๋ถูกเลือกจากนักฝึกสัตว์อสูรที่ทรวงพลัง หรือไม่ก็เขาได้เข้าร่วมองค์กรพิเศษ
เมื่อเหล่าปรมจารย์ได้นึกไปถึงตัวตนของซืออวี๋ในฐานะนักโบราณคดี พวกเขาก็คิดถึงสถานที่แห่งนั้นทันที ทว่าก็ยากที่จะยืนยัน
แม้ว่านักฝึกสัตว์อสูรปรมจารย์จะสามารถเป็นประธานสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรในเมืองชั้นสามได้ แต่พวกเขาก็ถือได้ว่าเป็นเพียงแค่กองกำลังระดับกลางในอาณาเขตนักฝึกสัตว์อสูรเท่านั้น องคืกรเช่นสำนักที่สิบเอ็ดเป็นกองกำลังระดับสูงที่เทียบได้กับนักฝึกสัตว์อสูรตำนาน ไม่ใช่ปรมจารย์ทุกคนที่จะรู้จักสถาบันลึกลับเหล่านี้ดีนัก
“บัดซ* เราพลาดอะไรไปเหรอ? เขาสามารถใช้สัตว์อสูรหนึ่งตัวเพื่อต่อสู้กับสัตว์อสูรสองตัวเพียงลำพังและเอาชนะหยูซูได้อย่างง่ายดายเหรอ?”
จะเกิดอะไรขึ้นหากเพิ่มอสูรกินเหล็กเข้าไป?
สีหน้าของผู้คุมสอบเปลี่ยนไป และพวกเขาก็รู้สึกว่าการจัดอันดับสุดท้ายของการประเมินมืออาชีพในคราวนี้เบลออีกครั้งอย่างกะทันหัน บางทีคุณภาพของการประเมินมืออาชีพในเมืองหลวงโบราณในคราวนี้คงไม่ต่ำกว่าเมืองใหญ่เหล่านั้น
…
บนเกาะทดสอบ
ซืออวี๋ผู้ที่ได้รับหญ้าวิญญาณมังกรรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
“ก่อนที่เราจะออกเดินทาง ดูเหมือนจะมีคนบอกว่าบนเกาะไม่ได้มีเพียงแค่ทรัพยากรประเภทมังกรเท่านั้น ทว่าก็มีทรัพยากรประเภทมิติเช่นกัน พวกมันอยู่ที่ไหนกัน…”
ในตอนนี้ ซืออวี๋ผู้ที่เสพติดการรวบรวมทรัพยากรหายากเริ่มคิดถึงทรัพยากรมิติ
“อีเลฟเว่น การค้นหาทรัพยากรมิติขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”
ซืออวี๋ตั้งความหวังไว้ที่อีเลฟเว่นผู้ที่มีสุดยอดการมองเห็นขั้นสมบูรณ์
“หากเจ้าหามันเจอ ข้าจะใช้เงินซื้อชุดอุปกรณ์ฝึกที่เจ้าชอบ”
นี่อาจเป็นบทลงโทษสำหรับสัตว์อสูรตัวอื่น ทว่าสำหรับอีเลฟเว่น มันเป็นรางวัล
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ อีเลฟเว่นลูบหัวของมันอย่างบ้าคลั่งและแสดงสีหน้าลำบากใจ
นักฝึกสัตว์อสูรที่น่ารังเกียจกำลังสร้างปัญหาให้แก่มันอีกครั้ง
แม้ว่าสุดยอดการมองเห็นของมันจะสามารถตรวจจับความผันผวนของพลังงานในระยะสองสามร้อยเมตรได้ แต่เกาะแห่งนี้ก็ใหญ่เกินไป เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะค้นหาทั้งเกาะได้ภายในสามวัน นี่ไม่ใช่การงมเข็มในมหาสมุทรใช่ไหม?
“ทว่าเรายังต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหามัน ทุกอย่างจะคุ้มค่าอย่างแน่นอน”
“จิ๋ จิ๋ จิ๋” บักกี้พยักหน้าอย่างแรง
ในเวลาเดียวกกัน บักกี้ก็มองไปที่นักฝึกสัตว์อสูร
เมื่อไหร่เขาจะมอบสุดยอดการมองเห็นให้แก่มันกัน?
ทักษะนี้ดีมาก
หลังจากถึงขั้นสมบูรณ์ ไม่เพียงแค่จะมองเห็นความแข็งแกร่งโดยประมาณของคู่ต่อสู้เท่านั้น ทว่าพวกเขายังสามารถใช้เพื่อค้นหาสมบัติได้อีกเช่นเดียวกัน
สิ่งที่สำคัญที่สุด หลังจากที่สายตาของมันถูกเสริมพลังแล้ว นักฝึกสัตว์อสูรจะไม่ต้องกังวลว่ามันจะเล่นโทรศัพท์จนสายตาสั้นอีกต่อไป
“เราจะพูดเรื่องนี้เมื่อเรามีเวลา” ซืออวี๋จับตับของเขา
ในเวลานี้ หลังจากได้ยินคำกล่าวของบักกี้แล้ว ซืออวี๋ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
เจ้าตัวนี้ก็ต้องการสุดยอดการมองเห็นเช่นกัน…
เขารู้สึกว่าไม่มีมาตรฐานการสอนทักษะเช่นสุดยอดการมองเห็น การหลับลึก และการปราบปรามให้แก่สัตว์อสูร
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีสัตว์อสูรเพียงแค่สองตัวเท่านั้น และซืออวี๋รู้สึกว่าเขาทนไม่ไหวแล้ว ในอนาคต หากมีสัตว์อสูรเพิ่ม เขาอาจไม่สามารถเพิ่มแต้มได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าโมโหที่สุดก็คือวิธีการเพิ่มจำนวนหน้าของสารบัญทักษะกระตุ้นให้เขาต้องทำสัญญากับสัตว์อสูรมากขึ้น
ทุกครั้งที่ซืออวี๋ทำสัญญากับสัตว์อสูร สารบัญทักษะจะเพิ่มขึ้นมาห้าหน้า จำนวนหน้านี้อ้างอิงมาจากจำนวนสัตว์อสูร ไม่ใช่ระดับมิติฝึกสัตว์อสูร มันสร้างภาระให้แก่ร่างกายของเขาอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในฐานะนักฝึกสัตว์อสูร ซืออวี๋ไม่ได้ไม่ชอบมัน
ในทางตรงกันข้าม เขารู้สึกขัดแย้งมากในตอนนี้ เมื่อถึงเวลา สัตว์อสูรตัวที่สามจะเป็นสัตว์อสูรประเภทพืช หรือสัตว์อสูรประเภทอันเดตดีล่ะ? หรือสัตว์อสูรประเภทจักรกลที่มีเทคโนโลยีระดับสูง? ตอนนี้เขาค่อนข้างคิดหนัก
“ไปกันเถอะ ค้นหาสมบัติต่อ!”
ซืออวี๋เรียกกอีเลฟเว่นและบักกี้
“อู๋!” ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อีเลฟเว่นถอนหายใจและรู้สึกว่าการแบกซืออวี๋นั้นไร้ความหมาย
หากแค่ซืออวี๋และบักกี้หนักมากขึ้น ด้วยวิธีนี้ อย่างน้อยมันก็สามารถฝึกฝนการยกน้ำหนักได้
“อู๋!” หลังจากนำซืออวี๋และบักกี้ขึ้นหลัง อีเลฟเว่นก็หันกลับมา
พวกเขาขาดสหายที่รู้ทักษะแรงโน้มถ่วง
อีเลฟเว่นแนะนำซืออวี๋
“เจ้าขาดสหายเหรอ? เจ้าต้องการหาสัตว์อสูรที่เป็นเครื่องมือฝึกฝนสำหรับเจ้า!”
วิธีฝึกแรงโน้มถ่วงเหรอ? แพนด้าตัวนี้ต้องการเป็นหมีซุปเปอร์ไซย่าเหรอ?
…
ในชั่วพริบตา นี่ก็เป็นวันสุดท้ายของการสอบเอาชีวิตรอดถิ่นทุรกันดารแล้ว
เวลาผ่านไปค่อนข้างเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนเช่นซืออวี๋ผู้ที่ค้นหาทรัพยากรทั่วเกาะ
อันที่จริง ไม่ใช่การค้นหาทั่วเกาะ ท้ายที่สุด ซืออวี๋ก็เพียงแค่เดินไปรอบพื้นที่ลงของเขาเท่านั้น
แน่นอน นั่นเป็นผลให้เขาลืมเกี่ยวกับทรัพยากรมิติ
เขาไม่พบทรัพยากรระดับสามที่มีค่าเลย
อย่างไรก็ตาม ขยะระดับสองและระดับหนึ่งเป็นสิ่งที่เขาพบ
หากไม่นับหญ้าวิญญาณมังกร มูลค่าของมันแทบจะไม่ถึงเจ็ดหลักเลย
ส่วนใหญ่เป็นเพราะข้อตกลงกับหยินเจิ้งฟาน
เขาสัญญากับหยินเจิ้งฟานเพื่อต่อสู้กับผีเสื้อคริสตัลมิติก่อนที่การสอบจะสิ้นสุดลง
หากเขาไปไกลเกินไป ซืออวี๋กลัวมาเขาจะไม่สามารถกลับมาได้ทันเวลาและปล่อยให้เด็กน้อยรอคอย
เขาสามารถยอมแพ้ทรัพยากรมิติได้ ทว่าการปล่อยให้ใครรอคอยนั้นไม่ใช่พฤติกรรมที่ดีนัก
ท้ายที่สุด หยินเจิ้งฟานก็มีค่ามากกว่าทรัพยากรมิติสำหรับซืออวี๋
“ยังมีเวลาเหลืออีกสองชั่วโมงก่อนจบการสอบ…”
ซืออวี๋มองดูเวลาและรีบไปที่หุบเขาที่เขาตกลงไว้ในตอนแรก
ในสามวันนี้ เขาไม่ได้นับจำนวนสัตว์อสูรที่เขาล่าเลย อย่างไรก็ตาม เขาได้ทำสามภารกิจการสอบได้สำเร็จแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงมีใบรับรองมืออาชีพอย่างแน่นอน
ในไม่ช้า ซืออวี๋ก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเขา
หยินเจิ้งฟานมาถึงก่อนซืออวี๋ เมื่อซืออวี๋มาถึง เด็กคนนี้ก็นั่งรออย่างเงียบเชียบบนสัตว์อสูรตัวใหญ่และใช้เครื่องมือขนปุยในการนวดผีเสื้อคริสตัลมิติ
ผีเสื้อคริสตัลมิติดูราวกับมันกำลังเพลิดเพลิน โดยปกติแล้ว มีเพียงนักฝึกสัตว์อสูรจากสาขาเพาะพันธุ์และแพทย์เท่านั้นที่จะเชี่ยวชาญวิธีการนวดเพื่อผ่อนคลายและชักนำการไหลเวียนของพลังงานสัตว์อสูร เขาไม่คาดหวังว่าหยินเจิ้งฟานจะเป็นอัจฉริยะรอบด้าน
“อู๋” “จิ๋!” อีเลฟเว่นและบักกี้หันมองซืออวี๋ เมื่อไหร่ซืออวี๋จะนวดพวกมันกัน?
ซืออวี๋ : “???”
เขารู้พื้นฐาน ทว่าเขาต้องเพิ่มแต้มและนวดเหรอ? พวกมันยังถือว่าเขาเป็นมนุษย์อยู่ไหม? ซืออวี๋รู้สึกขึ้นมาอย่างกะทันหันว่าเขาทำงานหนักเกินไปแล้ว เจ้าพวกนี้มีวินัยและขยันขันแข็งมาก ทว่าพวกมันไม่รู้วิธีกตัญญูต่อนักฝึกสัตว์อสูรของพวกมันเลยเหรอ?
“ไม่จำเป็นต้องถามอะไรในตอนนี้ หลังจากที่พวกเรากลับไป พวกเจ้าต้องเตรียมตัวสำหรับทักษะการดูแลบ้าน ทักษะการพยาบาล และทักษะการทำอาหาร ในอนาคต หลังจากการเพิ่มแต้ม ข้าจะให้พวกเจ้าดูแลข้า”
ซืออวี๋รู้สึกว่าเขาควรจะเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ไร้อารมณ์
อีเลฟเว่น บักกี้ : (っ╥╯_╰╥c)??
นี่คือความหมายของการโยนหินใส่เท้าตัวเองเหรอ? พวกมันไม่ควรกล่าวขึ้นมาเลย
ด้านล่าง
ในขณะนี้ หยินเจิ้งฟานหันหลับมาพร้อมกับผีเสื้อคริสตัลมิติและพบซืออวี๋ผู้ที่กำลังพุ่งมาจากระยะไกล หลังจากนั้น อสูรศิลาแผงคอของเขาก็หันกลับมา
มันเป็นสัตว์อสูรหินขนาดใหญ่สูงประมาณสี่เมตรที่ดูเหมือนกับไดโนเสาร์ ร่างกายส่วนใหญ่ของมันปกคลุมไปด้วยหินสีน้ำตาลอันแหลมคม และมันมีแขนขากับหางที่แข็งแกร่ง
คุณลักษณะที่ชัดเจนที่สุดก็คือมีแหวนแผงคออันแหลมคมราวกับผ้าพันคอรอบคอของมัน แม้ว่าหินแผงคอเหล่านี้จะเป็นสีน้ำตาลในเวลานี้ แต่ซืออวี๋รู้ว่าพลังที่น่าสะพรึงที่สุดของอสูรศิลาแผงคอถูกเก็บไว้ข้างในนั้นซึ่งคือพลังแห่งลาวา อสูรศิลาแผงคอจึงมีอีกชื่อหนึ่งว่าอสูรลาวาน้อย ส่วนใหญ่เป็นเพราะชื่อนี้ถูกใช้ไปโดยสัตว์อสูรตัวอื่นแล้ว…
[ชื่อ] : อสูรศิลาแผงคอ
[คุณสมบัติ] : ดิน ไฟ
[ระดับเผ่าพันธุ์] : ราชันย์ขั้นต่ำ
[ทักษะเผ่าพันธุ์] : แปลงร่างศิลา ถล่มปฐพี ผนึกศิลา ถล่มภูผา ปืนใหญ่คำรามศิลา ระเบิดลาวา
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน