บทที่ 132: เสียสละตัวเองเพื่อท่านอ๋องอีกครั้ง!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay\
บทที่ 132: เสียสละตัวเองเพื่อท่านอ๋องอีกครั้ง!
หลินเป่ยฟานหัวเราะในใจ เขารู้ดีว่าท่านอ๋องคงนั่งนิ่งไม่ได้แล้ว
ราชสำนักของอาณาจักรได้ครอบครองเรือที่เรียกว่าเรือสะเทินน้ำสะเทินบน ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังบนน้ำยิ่ง เขาไม่มีสักอื่น เช่นนั้นเมื่อศึกชิงที่ราบภาคกลางได้มาถึง เขาคงจะเสียเปรียบอย่างแน่นอน การเสียเปรียบย่อมทำให้พ่ายแพ้ เมื่อเขาแพ้เขาก็จะไม่ได้อะไรเลย
สำหรับท่านอ๋องผู้ทะเยอทะยาน นี่เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
ดังนั้นเขาจะทำทุกวิถีทางที่เป็นไปได้เพื่อให้ได้เรือสะเทินน้ำสะเทินบนมา
ไม่ว่าเขาจะต้องจ่ายในราคาเท่าไรก็ตาม!
ดูเหมือนว่าหลินเป่ยฟานจะตกเหยื่อตัวใหญ่ได้แล้ว!
หลินเป่ยฟานถอนหายใจ แสร้ทงำหน้าเศร้าและพูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น “ข้าเข้าใจท่านอ๋อง แต่สถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องยาก!”
“ทำไมมันถึงยากได้เล่า?” กัวเส้าส้วยถามด้วยความสับสน “ท่านเป็นผู้ประดิษฐ์เรือสะเทินน้ำสะเทินบน เพียงแค่เขียนวิธีการผลิตและมอบให้กับท่านอ๋อง แค่นั้นไม่ใช่หรือ?”
“มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด” หลินเป่ยฟานกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น “ก่อนหน้านี้วิธีการผลิตของวัตถุสวรรค์อย่างบัลลูนลมร้อนได้รั่วไหลออกมา ทั้งจักรพรรดินีและราชสำนักก็โกรธมาก พวกเขาถึงกับฆ่าคนไปหลายร้อยคน! ถึงขั้นตรวจสอบขุนนางทั้งหมดในกรมโยธา มีบางคนที่ถูกพบและถูกส่งไปยังลานประหารโดยตรง!”
“เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ ทั้งจักรพรรดินีและราชสำนักต่างก็ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อเรือสะเทินน้ำสะเทินบนในครั้งนี้ พวกเขาได้ส่งองค์รักษ์เสือแพรและทหารมาตรวจสอบดูขั้นตอนในกรมโยธาทุกกระบวนการ! หากวิธีการผลิตของเรือสะเทินน้ำสะเทินบนรั่วไหลออกมา คงไม่ต้องบอกว่ามันมาจากข้าเท่านั้น!”
“ครั้งที่แล้วข้าโชคดีที่รอดมาได้ แต่ครั้งนี้เล่า? ใครจะรับประกันได้ว่าเทพธิดาแห่งโชคชะตาจะอยู่เคียงข้างข้าตลอดไปไหม?”
หลินเป่ยฟานกุมหน้าผากของเขาแสร้งทำเป็นเศร้าและกล่าวว่า “นายท่านท่านพยายามจะเอาชีวิตข้าหรือ?”
โม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยเข้าใจสถานการณ์ของหลินเป่ยฟานในทันที
อย่างที่เขาพูดไป เหตุการณ์รั่วไหลบัลลูนอากาศทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างมาก กว่าร้อยคนสูญเสียศีรษะไป ขุนนางทั้งหมดในกรมโยธาได้รับการตรวจสอบ พวกเขาหลายคนถูกส่งไปที่เครื่องประหารศีรษะ ทุกคนถูกปรับลดเงินสองปี การลงโทษนั้นรุนแรงอย่างไม่ต้องสงสัย!
ทำให้ยามนี้จักรพรรดินีและราชสำนักก็ยิ่งระมัดระวังมากขึ้น พวกเขาถึงขั้นใช้ทหารปิดล้อมพื้นที่ไว้
ขุนนางทุกคนในกรมโยธาได้รับการลงโทษอย่างรุนแรงแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้เลยที่พวกเขาจะกล้ายั่วยุอำนาจของราชสำนักอีก!
ดังนั้นหากวิธีการผลิตของเรือสะเทินน้ำสะเทินบนรั่วไหลออกมา มันก็จะชี้ไปที่หลินเป่ยฟานอย่างไม่ต้องสงสัย!
ครั้งที่แล้วเขาสามารถหลบหนีภัยพิบัติได้ แต่ครั้งนี้ล่ะ?
ไม่มีใครรับประกันได้!
“อา ท่านหลิน ทำไมท่านไม่แอบมอบมันให้กับท่านอ๋องยามที่ท่านค้นคว้ามันคราแรกล่ะ?” กัวเส้าส้วยกล่าวด้วยความเสียใจ
“เจ้าคิดว่าข้าไม่ต้องการหรือ? เพียงแต่ว่ามันทำเช่นนั้นไม่ได้ต่างหาก!” หลินเป่ยฟานยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “นับตั้งแต่การประดิษฐ์บัลลูนลมร้อนครั้งก่อน ทุกคนในราชสำนักก็ได้เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของข้าทุกครั้ง พวกเขารู้ทุกอย่างที่ข้าทำ! ในสถานการณ์เช่นนี้ ข้าจะซ่อนมันได้ยังไง?”
"อนิจจา! ที่ท่านกล่าวมาถูกต้องทุกประการเลย!" ทั้งสองคนถอนหายใจออกมา มันเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้สักนิดเดียว
ในยามนั้นเอง หลินเป่ยฟานก็กัดฟันและกล่าวว่า “ช่างมันเถอะ! เพื่อผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของท่านอ๋องและความสงบสุขของโลก ข้าจะเขียนวิธีการผลิตเรือสะเทินน้ำสะเทินบนและมอบให้กับท่านอ๋อง!”
"ท่านหลิน!" โม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง
โม่หรูซวงอุทานอย่างตื่นเต้น “ท่านหลิน อย่าได้หุนหันพลันแล่นเลย การทำเช่นนี้ท่านรังแต่จะต้องเสี่ยงชีวิต!”
หลินเป่ยฟานตอบกลับไปอย่างแน่วแน่ว่า “เพื่อท่านอ๋อง ข้ายินดีที่จะเสียสละตัวเอง!”
โม่หรูซวงจึงกล่าวแนะนำว่า “ท่านหลิน เรามาคิดกันอีกคราเถิด บางทีอาจจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ก็ได้!”
"มันไม่มีวิธีอื่นแล้ว! ท่านอ๋องต้องการวิธีการผลิตเรือสะเทินน้ำสะเทินบน ถ้าข้ามอบมันให้ ราชสำนักก็จะเอาชีวิตข้าไป! หากข้าไม่ทำเช่นนั้น ท่านอ๋องคงจะต้องผิดหวัง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภารกิจในการปกป้องอาณาจักร!”
“ขงจื้อกล่าวว่า บ่มเพาะความเมตตากรุณา และเม่งจื๊อก็กล่าวว่า จงยึดมั่นในความชอบธรรม!” หลินเป่ยฟานหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง “ดังนั้นหลังจาก ข้าจึงคิดหนทางที่บรรลุสันติสุขอันเป็นนิจได้ นั่นคือการเสียสละตนเอง”
"ท่านหลิน!" โม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก
“แต่แม้ข้าจะพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ข้าก็จะไม่มีวันหมดหวังไป” หลินเป่ยฟานหันศีรษะไปมองพวกเขา “หรูซวง เส้าส้วย พวกเจ้าช่วยอะไรข้าหน่อยได้ไหม?”
สายตาของโม่หรูซวงกลับกลายเป็นแน่วแน่ “ท่านหลิน ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ได้โปรดบอกเรามาเถิด ข้ายินดีที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อท่านโดยไม่ลังเลเลย”
กัวเส้าส้วยก็ตะโกนออกมาอย่างร้อนแรง “ท่านหลิน แม้ว่ามันจะทำให้ข้าเสียชีวิต แต่ข้าพร้อมพลีกายช่วยท่าน!”
หลินเป่ยฟานโบกมือไปมา “มันไม่ได้ร้ายแรงถึงเพียงนั้น! ข้าแค่ต้องการให้เจ้าไปขอเงิน 2.5 ล้านตำลึงจากท่านอ๋องในนามของข้า ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับการได้รับวิธีการผลิตเรือสะเทินน้ำสะเทินบน!”
โม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยถึงกับตกตะลึงไปในทันที!
หลังจากพูดคุยกันมา สุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องของเงิน!
ความซาบซึ้งใจของพวกเขาเมื่อครู่ได้กลับกลายเป็นไร้ประโยชน์ในทันที!
“พวกเจ้าคิดว่าข้าโลภเรื่องเงินจริงๆ หรือ? ข้าเพียงต้องการเงินเพื่อการปกป้องตัวเองเท่านั้น!” หลินเป่ยฟานกล่าวอย่างมั่นคง “การมีเงินอยู่ในมือถือเป็นสิ่งสำคัญในช่วงวิกฤต! เมื่อมีเงินอยู่ในมือ ท่านอ๋องก็จะจดจำข้าไว้ และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยข้า!”
กัวเส้าส้วยรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “ท่านหลิน ข้าเข้าใจสถานการณ์ของท่าน! แต่ท่านขอเงินจำนวนน้อยกว่านี้ไม่ได้เหรอ? ท่านอ๋องแทบไม่มีเงินเหลือมากนัก! แต่วางใจได้ ท่านอ๋องเป็นผู้มีคุณธรรมและยึดมั่นในความถูกต้อง หลังจากทั้งหมดที่ท่านทำเพื่อเขา เขาย่อมจะช่วยท่านอย่างแน่นอน!”
หลินเป่ยฟานหัวเราะเยาะ “ล้อกันเล่นหรือเปล่า? หากเขามีความสามารถ เขาคงช่วยคุณชายใหญ่ไว้ได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ทำไมเขาต้องขอร้องให้ข้าช่วยกัน?”
ทันใดนั้นกัวเส้าส้วยก็พูดไม่ออก
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงกล่าวว่า “ที่นี่ก็มีท่านจิงไท่อยู่ เขาสามารถช่วยชีวิตท่านได้ในยามวิกฤตแน่!”
“จิงไท่ทรงพลังแก่กล้าจริงๆ แต่เจ้าคิดว่าราชสำนักจะไม่มียอดฝีมือหรือ? เจ้าเองก็รู้ดีว่าราชสำนักอู๋ที่ยิ่งใหญ่เป็นกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดในอาณาจักร ถ้าพวกเขาไม่มีความแข็งแกร่งอยู่ ผู้ใดจะยอมจำนนต่อพวกเขากัน?”
“ตอนนี้ราชสำนักรู้แล้วว่ามีพระชราที่ทรงอิทธิฤทธิ์อาศัยอยู่ในเรือนของข้า หากความจริงปรากฏออกมา เจ้าคิดว่าพวกเขาจะไม่มีมาตรการตอบโต้หรือ?” กัวเส้าส้วยถึงกับพูดไม่ออกอีกครั้ง
“ดังนั้นหลังจากพิจารณาแล้ว ข้าจึงคิดว่าวิธีนี้น่าเชื่อถือมากที่สุด! เพราะเมื่อข้ามีเงิน ผู้อื่นก็จะไม่ต้องการให้ข้าตาย! ยิ่งข้ามีเงินมากเท่าไร โอกาสรอดชีวิตของข้าก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น!” เมื่อเห็นสีหน้าลังเลของทั้งสอง หลินเป่ยฟานก็ยิ่งกระวนกระวายและตะโกนออกมาเสียงดัง
“อึก…พวกเจ้ามัวชักช้าอะไรอยู่?”
“เพื่อประโยชน์ของท่านอ๋อง เพื่อความสงบสุขของโลก ข้ายินดีที่จะเสี่ยงชีวิตของข้าและสิ่งที่เขาต้องจ่ายมีเพียง 2.5 ล้านตำลึงเท่านั้น มันเป็นเงินจำนวนมากหรือไงกัน? บัลลูนลมร้อนก่อนหน้านี้ ข้าก็ขอเพียง 2.5 ล้านตำลึงเท่านั้น!”
“คราวนี้ข้าตกอยู่ในอันตรายมากยิ่งขึ้น ทว่าข้าขอเพียง 2.5 ล้านตำลึงจากท่านอ๋อง ก็ถือว่าข้าลดให้มามากแล้ว!”
“อาวุธทางน้ำและชีวิตของข้า มันไม่มีค่าเท่ากับ 2.5 ล้านตำลึงเลยหรือ?”
โม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยถูกตำหนิจนศีรษะของพวกเขาหมุนไปทั่ว
เมื่อโม่หรูซวงคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียคนรักไป สายตาของนางก็เริ่มแน่วแน่ยิ่งขึ้น “ท่านหลินพูดถูก! วิธีการผลิตเรือสะเทินน้ำสะเทินบนเป็นสิ่งสำคัญ แต่ชีวิตของท่านมีความสำคัญมากยิ่งกว่า ดังนั้นข้าจึงสนับสนุนการตัดสินใจของท่านหลิน!”
หลินเป่ยฟานรู้สึกประทับใจยิ่ง “หรูซวง เจ้าเข้าใจข้าจริงๆ!”
“ท่านหลิน ข้าคิดว่า 2.5 ล้านตำลึงมันน้อยไปหน่อย! คราวนี้ท่านต้องแบกรับความเสี่ยงมากขึ้น ดังนั้นท่านควรขอเพิ่มอีกสักหน่อย! เอาสัก 3 ล้านตำลึงเป็นเช่นไร?”
หลินเป่ยฟานคว้ามือของโม่หรูซวงอย่างตื่นเต้น “หรูซวง เราทำได้จริงหรือ?”
ใบหน้าของโม่หรูซวงพลันแดงทั่วใบหน้า เสียงของนางก็เบาลงไปมาก “ท่านหลิน ความมั่งคั่งเป็นเพียงเรื่องภายนอกและถ้ามันสูญเสียไป ก็สามารถหาใหม่ได้อีกครา แต่ชีวิตของท่านไม่สามารถถูกแทนที่ได้! ข้าเชื่อว่าท่านอ๋องจะเข้าใจท่าน!”
หลินเป่ยฟานยิ่งหวั่นไหวมากขึ้น เขาจับมือของโม่หรูซวงไว้แน่น “หรูซวง เจ้าดีกับข้ามาก!”
"อืม!" โม่หรูซวงก้มหน้าลงอย่างเขินอาย ท่าทางที่กล้าหาญและสง่างามของนางในฐานะยอดฝีมืออยู่ที่ไหนแล้ว?
“ท่านหลิน ข้าก็เข้าใจท่านเหมือนกัน!” กัวเส้าส้วยยกใบหน้าที่น่าเกลียดของเขาขึ้นมาและทำลายบรรยากาศทันที
“หลีกไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า!”
กัวเส้าส้วยได้แต่นิ่งเงียบไปชั่วครู่
ไม่นานหลังจากนั้น ท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยเหนือก็ได้รับจดหมายจากโม่หรูซวง
เขาเปิดมันด้วยหัวใจที่ตื่นเต้น
เพียงแวบเดียว มือและเท้าของเขาพลันเย็นไป!
เมื่อเหลือบมองอีกครั้ง ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน!
แวบที่สาม…
บัดซบ!
ไม่สามารถที่จะทนมองมันได้อีกต่อไป!
ด้วยความปวดศีรษะ เขาจึงส่งจดหมายให้กุนซือจูกัดที่อยู่ใกล้ๆ “ท่านที่ปรึกษา ดูสิ สิ่งเหล่านี้เป็นเงื่อนไขที่เสนอโดยท่านหลิน มันมีราคาแพงกว่าวิธีการผลิตบัลลูนลมร้อนเสียอีก!”
หลังจากที่จูกัดอ่านจบ มือของเขาก็สั่นและเหงื่อก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “อันที่จริงมันมากเกินไปหน่อย…”
“แค่มากเกินไปหน่อยเหรอ? มันมากมายเกินไปเลยต่างหาก!” ท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือถอนหายใจอย่างขมขื่น “วิธีการผลิตบัลลูนลมร้อนมีราคาเพียง 2.5 ล้านตำลึงเท่านั้น แต่อาวุธอย่างเรือสะเทินน้ำสะเทินบกกลับดันมาเรียกร้อง 3 ล้านตำลึงจากข้า! ความโลภของท่านหลินชักมีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!”
“ตามเนื้อหาของจดหมาย สถานการณ์ที่ท่านหลินกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้อันตรายยิ่งกว่าเดิม! เขาคงต้องการเงินเพิ่มเพื่อการปกป้องตัวเอง!” จูกัดกล่าว
ท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือหัวเราะอย่างขมขื่นยิ่งขึ้น “ข้าเข้าใจ แต่ทางเราไม่มีเงินเหลือมากนัก!”
“ฝ่าบาท ได้โปรดส่งมันไปเถิด! หากเราไม่ทำเช่นนั้น ความพยายามทั้งหมดของเราก่อนหน้านี้จะสูญเปล่า” จูกัดได้ให้คำแนะนำ “ฝ่าบาท ท่านลองคิดดูสิ! ยามนี้เขาได้กลายเป็นขุนนางผู้เสียสละ ได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดินีมากยิ่งขึ้น เขามีบทบาทอย่างมากในราชสำนัก!”
“อีกทั้งเขาเป็นผู้อำนวยการใหญ่ของสำนักศึกษาหลวง สำนักศึกษาหลวงเป็นสถานที่แบบไหน? เป็นที่ซึ่งบุคคลที่มีความสามารถทั้งหมดของราชวงศ์มารวมตัวกัน! หากเขาเป็นผู้อำนวยการใหญ่ของสำนักศึกษาหลวง มันก็จะกลายเป็นสวนสรรหาบุคคลผู้มีความสามารถให้ท่านไม่ใช่หรือ?”
“ประโยชน์ของการรวมเหล่าบัณฑิตไว้มีไว้ไม่เสียหลาย!”
“เงินสามารถหาได้อีกครั้ง แต่ถ้าเราสูญเสียบุคคลมากความสามารถอย่างเขาไป ต่อให้มีเงินจำนวนมากเท่าไรก็นำเขากลับมาไม่ได้!”
ท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือพยักหน้ารับ “ท่านกุนซือ ท่านพูดถูก!”
“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านหลินยังสัญญาว่าเขาจะใช้เงินเพียงเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น! หากเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต และเราสามารถนำเขากลับมายังเหอเป่ยทางเหนือได้ เขาก็จะทำเงินและสมบัติทั้งหมดคืนกลับมา!”
“ฝ่าบาท มันเสมือนกับว่าเรามอบเงินให้กับเขาไปเพียงชั่วคราว! เพราะเขาเองก็เสี่ยงชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อท่านมามาก เราไม่สามารถทำให้เขาผิดหวังได้อีก!”
ท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือกัดฟันกรอด “ท่านกุนซือ คำพูดของท่านเป็นความจริง! ทว่าเราไม่มีเงินมากขนาดนั้นจริงๆ …”
สายตาของจูกัดพลันเปลี่ยนไปเป็นเฉียบคม “ฝ่าบาท ผู้ที่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้!”
ท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือพยักหน้าอย่างหนัก ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงแวววาวเย็นชา
ธนบัตรเงิน 3 ล้านตำลึงได้ถูกส่งมอบให้กับหลินเป่ยฟานอย่างรวดเร็ว
หลินเป่ยฟานมีความสุขมาก
ถึงกับสามารถหาเงิน 3 ล้านตำลึงได้อย่างรวดเร็ว ปรากฎว่าท่านอ๋องผู้นี้ร่ำรวยไม่น้อย! ดูเหมือนว่าในอนาคตคงต้องรีดไถให้มากกว่านี้เสียแล้วสิ!
“นี่คือวิธีการผลิตของเรือสะเทินน้ำสะเทินบก!”
หลินเป่ยฟานส่งกระดาษหลายแผ่นที่เต็มไปด้วยคำพูดและภาพวาด ก่อนจะสั่งการว่า “เจ้าต้องระวังและอย่าปล่อยให้มันรั่วไหลออกไป มิฉะนั้นเราทุกคนจะมีปัญหาใหญ่แน่!”
“ท่านหลินวางใจได้เลย เรารู้วิธีจัดการกับมันดี!”
โม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยหยิบเอกสารขึ้นมาอย่างระมัดระวัง พวกเขานำมันใส่กล่องและออกไปทันที
เมื่อได้โชคลาภครั้งใหญ่แล้ว หลินเป่ยฟานก็อารมณ์ดีมาก เขาวางแผนที่จะออกไปเดินเล่นสักหน่อย ทว่าในยามนั้นเอง เขาก็เห็นคนที่คุ้นเคยกำลังยิ้มให้
“เถ้าแก่หวัง ไม่ได้เจอกันนาน! ว่าแต่ท่านมาที่นี่ทำไมหรือ...?”