1214 - จักรพรรดิหยวนปะทะอู่ซือ
1214 - จักรพรรดิหยวนปะทะอู่ซือ
“เมื่อความเยาว์วัยของเจ้าถูกดึงออกไปมันจะทำให้พรสวรรค์ของเจ้าลดลง และกว่าที่เจ้าจะควานหาโอกาสในการพิสูจน์เต๋าได้อีกครั้งเวลาจะผ่านไปนานนับร้อยปีแล้ว”
หยวนกู่กล่าวอย่างเย็นชาและร่างกายของเขาก็เหี่ยวเฉาลงอย่างเห็นได้ชัด
“ปัง”
“ปัง”
โซ่ศักดิ์สิทธิ์สิบเส้นทะลุผ่านร่างของเย่ฟ่าน แต่ละเส้นได้ดึงดูดพลังชีวิตของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจร่างกายของเย่ฟ่านเริ่มเหี่ยวเฉาเล็กน้อยซึ่งทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก!
“สวรรค์และพิภพได้สาปแช่งร่างกายของข้ามาตั้งแต่เกิด ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ยังไม่มีปัญญาปิดกั้นเส้นทางของข้าได้ เจ้าก็เช่นกัน!”
เย่ฟ่านตะโกนเสียงดังก้องพร้อมกับปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ประเมินค่าไม่ได้ออกมา แสงศักดิ์สิทธิ์สีทองเหล่านั้นควบแน่นขึ้นกลางอากาศก่อนจะก่อตัวกลายเป็นแผนภูมิไท่จี๋ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมท้องฟ้าอย่างแน่นหนา
ในขณะเดียวกันภาพธรรมของสิ่งต่างๆ ได้ปรากฏตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราชาอมตะผู้ยิ่งใหญ่ แม่น้ำและภูเขาอันงดงาม ทะเลสีทองไร้สิ้นสุด พวกมันปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันก่อนจะเริ่มเชื่อมต่อพลังให้เป็นหนึ่งเดียวภายใต้อำนาจของแผนภูมิไท่จี๋!
“บูม”
รากของโซ่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบแตกสลายกลายเป็นเพียงฝุ่นผงที่กระจายไปทั่วความว่างเปล่า เย่ฟ่านหักโซ่ตรวนที่พยายามกลืนกินพลังชีวิตของเขาไปร้อยปีอย่างดุร้าย
ในเวลาเดียวกันอวตารร่างศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวทั้งหมด ดินแดนโบราณอันยิ่งใหญ่กระแทกลงมาจากด้านบนและบนขยี้เศษเสี้ยวของโซ่ศักดิ์สิทธิ์ที่กระจายอยู่ทั่วท้องฟ้าให้พังพินาศลงอย่างสมบูรณ์
เกิดความเงียบไปทุกทิศทุกทาง ทุกคนตกตะลึงอย่างถึงที่สุด หยวนกู่ได้เลือกที่จะทำลายตัวเองเพื่อยืดระยะเวลาการบรรลุเต๋าของเย่ฟ่านออกไปร้อยปี แต่สุดท้ายเขากลับทำไม่สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม เย่ฟ่านก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน พลังชีวิตของเขาได้รับความเสียหายจากทักษะของหยวนกู่ และมันจำเป็นต้องใช้เวลาหลายวันก่อนจะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้ ซึ่งสถานการณ์ของเขาตอนนี้จึงเลวร้ายอย่างถึงที่สุดเช่นกัน
“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมให้ข้าทำลายเต๋าของเจ้า เช่นนั้นข้าจะใช้กระบวนท่าสุดท้ายเพื่อลากเจ้าให้ตายไปพร้อมกัน”
หยวนกู่เดินโซซัดโซเซเข้าหาเย่ฟ่าน ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งอย่างถึงที่สุด
“อัญเชิญจักรพรรดิหยวน สังเวยโลหิต!” เสียงคำรามของหยวนกู่ดังก้องทั้งสวรรค์พิภพ
“ไม่!”
ผู้คนในทะเลสาบหยวนหูอุทานด้วยความหวาดกลัว นี่เป็นหนึ่งในทักษะลับบทสุดท้ายของจักรพรรดิหยวน ปัจจุบันหยวนกู่ยังไม่สามารถใช้งานมันได้ หากเขาอัญเชิญจักรพรรดิหยวนออกมาชีวิตของเขาจะถูกทำลายทันที
“อา…”
หยวนกู่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เส้นผมสีดำสนิทของเขาเปลี่ยนเป็นขาวโพลนในลมหายใจเดียว จากนั้นเนื้อหนังทุกตารางนิ้วในร่างกายของเขาก็ปะทุขึ้นด้วยแสงสีเลือด
สิ่งนี้คือพลังแห่งสายเลือดจักรพรรดิหยวนที่ซุกซ่อนอยู่ในร่างกายของทายาททุกคน!
“บูม”
กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวครอบงำทั่วทั้งโลก มันให้ความรู้สึกราวกับอสูรระดับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ตื่นขึ้นจากการหลับไหล และกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายของเขาได้ครอบคลุมโลกใบนี้ไว้อย่างสมบูรณ์ทันที
จักรพรรดิหยวน!
นี่คือสิ่งที่ทุกคนอุทานภายในใจ
อัญเชิญจักรพรรดิหยวน คืนชีพจากสายเลือด นี่คือทักษะลับที่ชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด ซึ่งเป็นทักษะสุดท้ายที่จักรพรรดิหยวนทิ้งไว้ให้ลูกหลานของเขาปกป้องทะเลสาบหยวนหู!
“เคลื่อนภูเขา”
หยวนกู่คำรามอย่างสิ้นหวังก่อนที่ร่างกายและวิญญาณของเขาจะถูกฉีกออกจากกันเป็นชิ้นๆ
เย่ฟ่านไม่สามารถขยับตัวได้ เงาสีดำของจักรพรรดิหยวนที่ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าได้สร้างความกดดันให้กับทุกคนที่อยู่ในสนามรบอย่างถึงที่สุด นี่คือการปราบปรามของพลังวิญญาณที่เหนือชั้นอย่างแท้จริง!
“โอม!”
เย่ฟ่านคำรามเสียงดังก้อง เขาเรียกมนต์หกอักขระออกมาต่อต้านอำนาจที่ครอบงำของจักรพรรดิหยวนได้ชั่วคราว ในเวลาเดียวกันภายในสมองของเขาก็เริ่มจินตนาการถึงรูปร่างของมังกรเก้าตัวลากโลงศพทองแดงในทันที
มือของเย่ฟ่านประสานอินอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาได้เรียกมังกรที่แท้จริงเก้าตัวให้ปรากฏขึ้นด้วยเก้าญาณวิเศษลึกลับการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด
มังกรส่งเสียงคำรามดังก้องและลากโลงศพทองแดงขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาจักรพรรดิหยวนอย่างไร้ความปรานี
ปัง!
เมื่อหลายปีก่อนเย่ฟ่านไม่รู้ว่ามังกรทั้งเก้าตัวนี้ทรงพลังมากแค่ไหน ในตอนแรกเขาคิดว่ามันน่าจะอยู่ในระดับเดียวกันกับเซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์
แต่หลังจากฝึกฝนไปหลายปีในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าระดับที่แท้จริงของมังกรทั้งเก้าตัวนี้มีความเป็นไปได้สูงที่พวกมันทุกตัวล้วนเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ และอาจเป็นถึงผู้อมตะที่แท้จริงด้วยซ้ำ
ฉากที่มังกรดำทั้งเก้าตัวพุ่งเข้าหาจักรพรรดิหยวนด้วยความดุร้ายทำให้โลกทั้งใบดูเหมือนจะเงียบสงบลงทันที!
“โครม!!!”
ในที่สุดคลื่นที่เกิดจากการระเบิดกวาดออกไปรอบทิศทางด้วยพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว ในเวลาเดียวกันมังกรทั้งเก้าตัวซึ่งลากโลงศพทองแดงติดตามอยู่ด้านหลังก็กระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้าและหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
ทุกคนเกิดความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด มังกรทั้งเก้าตัวที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่นั้นมีรัศมีที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายมันกลับถูกภาพธรรมของจักรพรรดิหยวนโยนออกจากโลกใบนี้อย่างง่ายดาย
“บูม”
ดวงตาของหยวนกู่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง จิตสังหารของเขาครอบคลุมเข้าหาเย่ฟ่านจากระยะไกลโดยพยายามขัดขวางไม่ให้เย่ฟ่านเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
เย่ฟ่านรู้ดีว่านี่เป็นสถานการณ์วิกฤตแห่งชีวิตและความตาย แต่เขาก็ไม่ตื่นตระหนก ดวงตาของเขายังคงจ้องมองจักรวรรดิหยวนที่เคลื่อนตัวลงมาจากท้องฟ้าด้วยพลังทำลายล้างที่ไม่มีสิ่งใดขัดขวางได้
และในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดนั้นมือทั้งสองข้างของเย่ฟ่านได้ประสานอินอย่างรวดเร็ว นี่คือทักษะที่จักรพรรดิดำส่งต่อให้เขาเมื่อไม่กี่วันก่อน มันคือทักษะที่มาจากคัมภีร์ปราศจากจุดเริ่มต้นนั่นเอง
“บูม!”
ทันใดนั้นฝ่ามือที่มีขนาดใหญ่โตลายหมื่นวาได้กดทับลงมาด้านล่างโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ภาพธรรมของจักรพรรดิหยวน
เย่ฟ่านควบคุมภาพธรรมของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่บนท้องฟ้าให้ปะทะภาพธรรมของจักรพรรดิหยวนที่หยวนกู่เรียกออกมา!
โครม!
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ต่างร่างกายสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว รัศมีพลังที่แปลกประหลาดซึ่งกวาดออกมาจากใจกลางสนามรบแตกต่างจากกลิ่นอายของหยวนกู่และเย่ฟ่านอย่างสิ้นเชิง
มันให้ความรู้สึกราวกับว่าสิ่งที่กำลังต่อสู้กันอยู่นี้คือจักรพรรดิหยวนและจักรพรรดิอู่ซืออย่างแท้จริง
“ปัง!”
ทั้งสองฝ่ายยังคงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง หยวนกู่และเย่ฟ่านกระอักเลือดออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในขณะเดียวกันพลังปราณที่สดใสซึ่งโอบล้อมร่างกายของพวกเขาก็มีทีท่าหม่นหมองลงอย่างรวดเร็ว
“ซ่า”
ทันใดนั้นภาพธรรมของจักรพรรดิหยวนเริ่มปรากฏความขุ่นมัวและมีท่าทีว่าจะหายไปได้ตลอดเวลา สถานการณ์นี้ทำให้ใบหน้าของหยวนกู่มืดลงแทบจะในทันที
แต่สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือตอนนี้พลังชีวิตของเขากำลังถูกเผาผลาญอย่างต่อเนื่อง และมันทำให้เขามีร่างกายที่แก่ชราลงอย่างรวดเร็ว
“บูม”
เย่ฟ่านใช้ทักษะลับนี้ปิดกั้นเงาของจักรพรรดิหยวน แล้วเผาผลาญร่างกายของหยวนกู่อย่างรวดเร็ว
“อัญเชิญจักรพรรดิหยวนด้วยชีวิตของข้า!” หยวนกู่ตะโกน
อย่างไรก็ตาม เย่ฟ่านไม่ให้โอกาสหยวนกู่อีกต่อไปเพราะในขณะนี้หมัดหกสังสารวัฏได้บดขยี้ร่างกายของหยวนกู่จนกลายเป็นฝนเลือดที่กระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า!
ร่างกายและวิญญาณของหยวนกู่สูญสลายไปทั้งหมด เหลือเพียงน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกที่ดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย
“ข้าละทิ้งทุกสิ่ง ลืมแม้กระทั่งบิดามารดาและหญิงคนรัก ทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อให้สามารถตื่นขึ้นมาในยุคอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่สุดท้ายความหวังในการพิสูจน์เต๋าของข้ากลับต้องจบลงเช่นนี้”
น้ำเสียงของหยวนกู่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและสิ้นหวัง
“ท่านพ่อ ท่านแม่...ข้ากลับมาหาพวกท่านแล้ว!”
…………