ตอนที่ 26 : ผู้ตื่นระดับสอง
ตอนที่ 26 : ผู้ตื่นระดับสอง
ในขณะที่เมิ่งเจียพูด จางเย่ หลี่ซีถง และน้องสาวของจางเย่ จางเฉิงเฉิง ต่างก็ล้วนมีสมาธิจดจ่ออยู่กับทุกถ้อยคำ
เมื่อเมิ่งเจียพูดจบ ทั้งสามก็ครุ่นคิด
ครู่ต่อมา จางเย่ก็กล่าวว่า “งั้นด็อกเตอร์เมิ่ง เธอหมายความว่าซอมบี้สามารถวิวัฒนาการได้ด้วยการกินเลือดเนื้อของคนธรรมดาหรือผู้ตื่น และผู้ตื่นกับคนธรรมดาก็สามารถวิวัฒนาการได้ผ่านคริสตัลศพใช่ไหม?”
ตามที่คาดไว้ ในฐานะผู้ตื่น จุดสนใจของจางเย่นั้นเหมือนกับของหวังซ่งเลย
พวกเขาสามคนไม่ได้ให้ความสนใจกับหอคอย สสารลึกลับ หรือการผสานเข้ากับเซลล์นัก
สิ่งที่พวกเขาสนใจมากที่สุดก็คือวิวัฒนาการของซอมบี้และวิวัฒนาการของผู้ตื่น
เมื่อสังเกตเห็นความสนใจของจางเย่ เมิ่งเจียก็รีบกล่าวเสริมว่า “ทั้งหมดนี้เป็นการคาดเดาและยังไม่ได้รับการพิสูจน์จากการทดลอง”
แต่จางเย่ก็ยิ้มอย่างสุภาพว่า “แค่การคาดเดาก็เพียงพอแล้ว”
ด้วยเหตุนั้นเอง เขาจึงหันไปหาจางเฉิงเฉิงและกล่าวว่า “ไปเอาคริสตัลศพทั้งหมดที่พวกเราเก็บไว้มา”
…
จนถึงตอนนี้ เขาได้แยกประเภทซอมบี้ออกเป็นระดับต่างๆ โดยให้ซอมบี้ทั่วไปคือซอมบี้ระดับศูนย์ ส่วนซอมบี้ยักษ์คือซอมบี้ระดับหนึ่ง
จากเหตุการณ์ของหวังซ่ง มันจะเห็นได้เลยว่าผู้ตื่นนั้นมีแรงดึงดูดที่สูงต่อซอมบี้ยักษ์
ซึ่งมันก็มีผู้ตื่นทั้งหมดสามคนในบ้านตระกูลจาง
ดังนั้นนี่จึงเป็นเค้กชิ้นใหญ่สำหรับซอมบี้ยักษ์
เมื่อรวมกับวิวัฒนาการของซอมบี้ธรรมดาที่สามารถกลายเป็นซอมบี้ยักษ์ได้ บ้านตระกูลจางจึงถูกโจมตีจากซอมบี้ยักษ์อยู่ไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง
โชคดีที่กำแพงแข็งแรง จางเย่จัดการสถานการณ์ได้ดี และซอมบี้ยักษ์ก็ยังไม่ได้วิวัฒนาการไปจนถึงระดับที่ล่ากันเป็นฝูงได้
นี่ทำให้บ้านตระกูลจางสามารถตั้งรับได้ และทำให้จางเย่รวบรวมคริสตัลซอมบี้ระดับหนึ่งได้ประมาณ 10 อัน
จางเฉิงเฉิงรีบไปนำคริสตัลศพมาอย่างรวดเร็ว
คริสตัลศพกว่า 10 อันถูกวางไว้บนโต๊ะ และแวววาวเป็นประกายในแสงแดด
จางเย่หยิบคริสตัลศพอันหนึ่งขึ้นมา หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ยัดมันเข้าไปในปาก
สิ่งนี้ทำให้หวังซ่ง เมิ่งเจีย และคนอื่นๆ ตกใจมาก!
“นายทำอะไรหน่ะ?!”
‘พี่จาง พี่ใจร้อนเกินไปแล้ว!“
“สิ่งที่ฉันเพิ่งพูดเป็นเพียงการคาดเดาและยังไม่ได้รับการพิสูจน์จากการทดลองเลย นายกำลังเล่นกับชีวิตของตัวเองอยู่นะ!”
อย่างไรก็ตาม จางเย่ก็ทำมันไปแล้วและมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรอีก
หลังจากพากันบ่นออกมาแล้ว และเห็นว่าจางเย่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ พวกเขาก็เงียบลง
หวังซ่งและผู้ตื่นอีกสองคนล้อมจางเย่ไว้ตรงกลางเพื่อป้องกันไม่ให้เขากลายร่างเป็นซอมบี้ จางหลี่ซินก้าวถอยไปสองสามก้าวและประจำตำแหน่งอยู่ใกล้กับมุมๆ หนึ่งเพื่อคอยปกป้องเมิ่งเจียที่มีสีหน้าจริงจังในขณะที่เตรียมจดบันทึกและสังเกตการณ์
ในไม่ช้าจางเย่ก็เคลื่อนไหว
เขาบิดคอเล็กน้อยแล้วหันไปมองเมิ่งเจีย จากนั้นก็กล่าวว่า “ไม่มีรสชาติ ละลายในปาก ฉันรออยู่ประมาณสามนาที แต่มันก็ไม่มีปฏิกิริยาผิดปกติอะไรเลย”
ปฏิกิริยาผิดปกติที่ว่าหมายถึงไม่มีความรู้สึกไม่สบายทางร่างกายหรือจิตใจ และไม่มีสัญญาณจะเกิดอะไรขึ้นเลย
เมิ่งเจียคิดอยู่ชั่วขณะและกล่าวว่า “ปริมาณยังไม่เพียงพอ”
จางเย่พยักหน้า “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
ด้วยเหตุนั้นเอง เขาจึงหยิบคริสตัลศพขึ้นมาอีกอัน
เขากำลังจะยัดมัดเข้าไปในปาก แต่เขาก็ถูกหยุดไว้โดยหวังซ่ง จางเฉิงเฉิง และหลี่ซีถงซะก่อน
หวังซ่งกล่าวว่า “พี่ คิดดีๆ ก่อน อย่าเพิ่งรีบร้อน”
จางเฉิงเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนจะร้องไห้ “พี่ มันจะเกิดอะไรขึ้นกับเขตปลอดภัยของพวกเราถ้าพี่ไม่อยู่?”
คำพูดของน้องสาวทำให้จางเย่ลังเลและถอนหายใจออกมา
เขายิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ก็จริง ฉันไม่ใช่คนที่หุนหันพลันแล่น การคิดก่อนทำคือหลักการในชีวิตของฉันมาเสมอ แต่น่าเสียดายที่พวกเราไม่มีเวลาแล้ว…”
“น้องหวังซ่งอาจจะไม่รู้ แต่ซีถงและเฉิงเฉิงน่าจะรู้แล้วว่าความถี่ที่ซอมบี้บุกโจมตีนั้นได้เพิ่มขึ้นในช่วงนี้ และความถี่ที่ซอมบี้ยักษ์ปรากฏขึ้นมาก็เพิ่มขึ้นด้วย ตามทฤษฎีของด็อกเตอร์เมิ่ง สถานที่รวมตัวขนาดใหญ่เช่นบ้านของพวกเราได้ถูกกำหนดให้เป็นเป้าหมายของพวกซอมบี้หรือกระทั่งซอมบี้ยักษ์อยู่แล้ว การเข้าร่วมของน้องหวังซ่งอาจจะเป็นประโยชน์กับพวกเราจริงๆ แต่ฉันก็เป็นกังวลเหมือนกันว่าอีกไม่นานคงจะมีซอมบี้ระดับสูงกว่านี้ปรากฏตัวขึ้น”
“เมื่อเวลานั้นมาถึง ที่พักพิงของพวกเราก็คงไม่อาจต้านทานได้เหมือนกัน”
ในขณะที่เขาพูด หลี่ซีถงและจางเฉิงเฉิงก็ได้ปล่อยเขาไปแล้ว
พวกเขาเองก็คิดตามด้วย เพราะสิ่งที่จางเย่พูดนั้นก็เป็นความจริง
จางเย่ถือคริสตัลศพเอาไว้และพูดอย่างจริงจังว่า “ในตอนนี้ด็อกเตอร์เมิ่งได้เสนอเส้นทางที่เป็นไปได้สำหรับการวิวัฒนาการของผู้ตื่นแล้ว พูดตามตรงนะ ฉันเองก็อยากได้เสน้ทางที่ปลอดภัย 100% แต่ตอนนี้มันก็ทำแบบนั้นไม่ได้ และสถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเราก็ไม่อนุญาตให้พวกเรารอต่อไปวันๆ ได้…”
“ฉันคิดว่าในเมื่อมันต้องการการทดลองเพื่อยืนยันสมมติฐานของด็อกเตอร์เมิ่ง… งั้นทำไมไม่ใช้ฉันเป็นหนูทดลองล่ะ!”
เมื่อพูดจนถึงตรงนี้ จางเย่ก็ยิ้มอย่างไร้กังวล “หากมีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับฉัน ฉันขอฝากที่นี่ไว้ด้วยนะ”
ด้วยเหตุนั้นเอง เขาก็สบัดมือของหวังซ่งออกและกลืนคริสตัลศพอันที่สองเข้าไป
คราวนี้ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก
…
หลังจากกลืนคริสตัลศพเข้าไปอีกอันแล้ว จางเย่ก็รออีกห้านาที
หลังจากกลืนอันที่สองเข้าไปแล้ว มันก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร
อันที่สาม…
อันที่สี่…
จนกระทั่งถึงอันที่สิบที่ทำให้สีหน้าของจางเย่เปลี่ยนไป
“ด็อกเตอร์เมิ่ง มันมีปฏิกิริยาแล้ว”
เมิ่งเจียอดเดินออกมาข้างหน้าไม่ได้และสังเกตสภาพร่างกายของจางเย่อย่างถี่ถ้วน
จางเย่กล่าวว่า “ฉันรู้สึกแสบร้อนในร่างกาย ราวกับว่ามีลูกไฟอยู่ในหัวใจของฉัน… ไม่ มันไม่ใช่แค่หัวใจ แต่มันเป็นทั้งร่างกายเลยที่รู้สึกร้อนมาก”
มันไม่จำเป็นต้องให้จางเย่พูดอะไรมาก
นี่เป็นเพราะทุกคนสามารถมองเห็นได้ว่าผิวหนังของจางเย่กำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว และอากาศอันร้อนระอุก็แผ่ออกมาจากรูขุมขนของเขา
ในเวลานั้นเอง อุณหภูมิร่างกายของเขาก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 43 องศาเซลเซียสแล้ว!
เมิ่งเจียถามด้วยความเป็นกังวล “แล้วความรู้สึกอื่นล่ะ? โดยเฉพาะจิตสำนึกและสมองของนาย! นายรู้สึกเวียนหัวหรือปวดหัวไหม?”
จางเย่ส่ายหัว “ไม่ สมองของฉันปลอดโปร่งดี มันแค่ร้อนมากเท่านั้นเอง”
จากนั้นเขาก็คิดอยู่ชั่วขณะและเสริม “แต่มันก็รู้สึกสบายตัวมากเลย”
ในทันทีที่เขาพูดคำว่า ‘สบายตัว’ เมิ่งเจียก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทันที “ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
ร่างกายของมนุษย์นั้นมหัศจรรย์มาก
เมื่อมีบางสิ่งผิดปกติ มันจะต้องรู้สึกไม่สบายตัวอย่างแน่นอน
ถ้ามันไม่มีอาการแบบนั้น งั้นมันก็มีโอกาสสูงที่มันจะไม่มีปัญหาอะไร
หลังจากรออยู่สักพัก ทุกคนก็เห็นผิวหนังของจางเย่ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ มันมีเสียงกระดูกลั่นเบาๆ อยู่ในร่างกายของเขา แต่รูปร่างหน้าตาของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปนัก
หลังจากผ่านไปประมาณ 20 นาที จางเย่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความพึงพอใจ เขายืนขึ้นอย่างช้าๆ และบิดแขนขาของเขา “มันจบแล้ว”
“ปฏิกิริยาภายในคือความรู้สึกร้อนๆ แต่มันก็สบายตัวมาก มันกินเวลาอยู่ประมาณ 20 นาทีก่อนที่จะสงบลง”
“ความร้อนหายไปแล้ว แต่ฉันก็รู้สึกว่าร่างทั้งร่างของฉันนั้นเต็มไปด้วยพลัง!”
ในขณะที่เขาพูด จางเย่ก็เอื้อมมือออกไปคว้ามุมโต๊ะ ด้วยแรงกระแทกอย่างกะทันหันนี้ มันทำให้เกิดรอยแตกขึ้นมา และมุมโต๊ะไม้มะฮอกกานีก็ถูกหักโดยจางเย่ในทันที
“สมรรถภาพทางร่างกายของฉันเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ในเวลาเดียวกัน ฉันก็ยังได้รับความสามารถใหม่ด้วย…”
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมองไปยังทุกคนที่กำลังดูตื่นตระหนกและยิ้มกว้างออกมาทันที
“ออกไปลองกันเถอะ มาดูว่าฉันที่เป็นผู้ตื่นระดับสองแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงยังไงบ้าง!”