1211 - อาณาจักรวิญญาณ
1211 - อาณาจักรวิญญาณ
หมัดหกสังสารวัฏนั้นมีพลังการโจมตีที่รุนแรงและสามารถบดขยี้กระดูกของหยวนกู่จนแหลกละเอียดได้อย่างง่ายดาย
วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหยวนกู่พยายามหลบหนีจากการไล่ล่าของเย่ฟ่าน อย่างไรก็ตามหมัดสีทองขนาดใหญ่ได้พุ่งผ่านความว่างเปล่าและทุบตีวิญญาณของเขาจนแตกสลาย
“เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าจริงๆ!”
ร่างกายของหยวนกู่ทุกตารางนิ้วกลายเป็นผง เขาฟื้นตัวด้วยความยากลำบากและค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
เขารู้ดีว่าความมุ่งหมายของเย่ฟ่านไม่เพียงต้องการเอาชนะเขาเท่านั้นแต่ยังต้องการทำลายจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาให้พังทลายไปด้วย นี่คือทัศนคติที่ชั่วร้ายอย่างแท้จริง”
หยวนกู่ส่งเสียงคำรามพร้อมกับพุ่งเข้าหาเย่ฟ่านเหมือนเงาสีดำ เขารู้ดีว่าไม่มีทางหลบหนีจากการไล่ล่าของเย่ฟ่านที่ครอบครองความเร็วสูงสุดได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะสู้ตายกับเย่ฟ่านแทน
“ปัง!”
ความเคลื่อนไหวของหยวนกู่ไม่มีอะไรในสายตาของเย่ฟ่านซึ่งครอบครองทักษะการฆ่าที่ทรงพลังที่สุดในโลก ร่างของเย่ฟ่านหลบซ่อนอยู่ในความว่างเปล่าและพุ่งตัวออกมาโจมตีหยวนกู่จากทิศทางที่คาดไม่ถึงหลายครั้ง
“ปัง”
หมัดหกสังสารวัฏนั้นไม่มีใครเทียบได้ เขาทุบตีหยวนกู่จนกลายเป็นหมอกเลือดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ข้าจะถูกฆ่าจริงๆ ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้…” หยวนกูมีสีหน้ามืดมนอย่างถึงที่สุด
จากนั้นดวงตาข้างซ้ายของเขาก็มีดวงอาทิตย์สีดำปรากฏขึ้น ในขณะที่ดวงตาข้างขวามีพระจันทร์สีเลือดปรากฏออกมา ทักษะที่เขาแสดงออกมาในตอนนี้เต็มไปด้วยความชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าขยะแขยงที่ออกมาจากร่างกายของหยวนกู่ ผู้ชมจำนวนมากที่กระจายตัวอยู่โดยรอบต่างถอยหลังออกไปเล็กน้อย
แรงผลักดันของหยวนกู่นั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงราวกับว่าชีวิตใหม่ที่ได้รับการฟื้นฟูนั้นไม่ใช่ตัวเขาแต่เป็นอสูรโบราณที่ตื่นขึ้นจากการหลับไหล
“ไปกันเถอะ อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว!”
ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสแต่ละเผ่าพันธุ์ต่างกวาดเอาลูกหลานของตัวเองออกจากสนามรบ พวกเขารู้ดีว่านี่จะต้องเป็นทักษะลับของจักรพรรดิหยวนอย่างแน่นอน ดังนั้นทางที่ปลอดภัยที่สุดคือพาคนของตัวเองออกห่างจากที่นี่ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้!”
ในขณะนี้ผู้คนแทบจะหายใจไม่ออก แน่นอนว่าคัมภีร์ที่ถูกเขียนโดยจักรพรรดิหยวนนั้นไม่ใช่แค่กระบี่เต๋าจักรพรรดิเพียงอย่างเดียว แต่มันจะต้องมีทักษะลับอีกหลายประเภทซุกซ่อนอยู่
ทักษะลับคือแก่นแท้แห่งชีวิตของพวกเขา แม้แต่ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็แทบจะไม่สามารถเข้าใจแก่นแท้แห่งชีวิตของตัวเองได้ทั้งหมด
ดังนั้นทุกแรงบันดาลใจที่สามารถเปลี่ยนให้เป็นทักษะการต่อสู้ได้พวกเขาจะบันทึกลงในคัมภีร์วิชาฝีมือประจำตัว ซึ่งในบางครั้งแม้แต่ตัวของพวกเขาเองก็ยากที่จะใช้กระบวนท่าเหล่านี้ออกมาเป็นครั้งที่สอง
ร่างกายของเย่ฟ่านไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก เขาถูกพลังกดดันที่อธิบายไม่ได้ซึ่งแผ่ซ่านออกมาจากร่างของหยวนกู่บีบรัดไว้
“นี่เป็นทักษะต้องห้ามอีกอย่างหนึ่งของจักรพรรดิหยวนหรือเปล่า?”
เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเองแต่ไม่ได้ตื่นตระหนกมากนัก เพราะพลังปราณสีทองในร่างของเขายังคงเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเหมือนเดิม
ในขณะนี้ดวงตาของหยวนกู่น่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาต่อมาท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำสนิทและทำให้บรรยากาศโดยรอบในสนามรบมืดครึ้มลงทันที
จากนั้นเสียงที่เย็นชาและโหดเหี้ยมของหยวนกู่ดังขึ้นในระยะไกลโดยกล่าวว่า
“เจ้าบังคับข้าเอง นี่คือทักษะต้องห้ามของจักรพรรดิโบราณ เจ้าควรภาคภูมิใจที่ได้เห็นมันก่อนตาย”
ตาซ้ายของเขากลายเป็นดวงอาทิตย์สีดำและบินออกมาข้างนอก ดวงอาทิตย์นั้นขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับปลดปล่อยความร้อนที่ไม่สิ้นสุดออกมา
ในเวลาไล่เลี่ยกันดวงตาข้างขวาของเขาที่กลายเป็นพระจันทร์สีเลือดก็พุ่งออกมาข้างนอกพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นความหนาวเย็นให้กวาดออกไปรอบทิศทาง
เย่ฟ่านรู้สึกตกใจเล็กน้อย ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มเร่งเร้าพลังปราณสีทองภายในร่างกายของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นดวงตาของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ของเย่ฟ่านก็ถูกกระตุ้น เขามองเข้าไปในเงามืดและเห็นพลังชั่วร้ายบางอย่างปิดล้อมร่างกายของหยวนกู่อย่างแน่นหนา
และดูเหมือนว่าจะมีเพียงพลังวิญญาณเท่านั้นที่สามารถเคลื่อนตัวผ่านสิ่งกีดขวางเหล่านี้เข้าไปข้างในได้
“อาณาจักรวิญญาณ”
เสียงของหยวนกู่ยังคงเย็นชา เขากล่าวสามคำนี้อย่างสบายๆ อย่างไรก็ตามคำพูดของเขานั้นดังก้องสวรรค์พิภพราวกับเสียงฟ้าผ่า
บริเวณโดยรอบมืดมิดลงมากกว่าเดิมและแม้แต่ดวงตาปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ของเย่ฟ่านยังยากจะมองเห็นความเคลื่อนไหวของเขาได้
ความเคลื่อนไหวของเขามันเหมือนกับโลกที่พังทลาย เต็มไปด้วยความหายนะ บางส่วนทรุดโทรม หนาวเย็นและเงียบสงบ และไม่มีอะไรอื่นอีก
เย่ฟ่านพบว่าเขาถูกดึงเข้าสู่ดินแดนลึกลับที่ไม่ใช่โลกใบเดิมอีกต่อไป
“เขาพาเขาไปที่โลกวิญญาณดินแดนที่ร่างกายไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้” เย่ฟ่านคิดในใจ
“หยวนกู่เจ้ากลัวแล้วหรือ ร่างกายของเจ้าไม่มีทางเทียบกับร่างกายของข้าได้ ตอนนี้เจ้าจึงต้องการที่จะต่อสู้ด้วยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สินะ เช่นนั้นข้าจะบดขยี้ความหวังสุดท้ายของเจ้าเอง!”
“การต่อสู้ที่แท้จริงเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าร่างกายหรือวิญญาณพวกเราจำเป็นต้องใช้ทุกสิ่งทุกอย่างในการบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามให้ได้ ดังนั้นต่อให้เจ้าถูกฆ่าตายที่นี่ข้าก็ไม่มีความละอายใจใดๆ!” หยวนกู่กล่าว
“บูม!”
ทันใดนั้นดวงอาทิตย์สีดำและพระจันทร์สีเลือดเริ่มหลอมรวมเข้าหากันอย่างรวดเร็ว จากนั้นทวนเหล็กกล้าที่มีสีดำแดงได้ก่อตัวขึ้นกลางท้องฟ้าและลอยเข้าหาฝ่ามือของหยวนกู่
เย่ฟ่านเพียงมองเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ด้วยสีหน้าเย้ยหยันและไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย เขาฝึกฝนเก้าญาณวิเศษลึกลับและสามารถเพิ่มพลังวิญญาณให้กับตัวเองได้ถึงสิบเท่า
ซึ่งแน่นอนว่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาคือวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
ในขณะนั้นหว่างคิ้วของเย่ฟ่านแยกออกจากกัน ลมหายใจต่อมาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สีทองของเขาที่ถือแส้ศักดิ์สิทธิ์ยาวกว่าสามฉื่อก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
“จิน!” หยวนกู่ส่งเสียงคำรามด้วยภาษาโบราณที่เย่ฟ่านฟังไม่เข้าใจ
อย่างไรก็ตามเมื่อคำพูดนี้ดังขึ้นคลื่นเสียงที่ระเบิดออกมาได้ทำให้จิตใจของเย่ฟ่านสั่นสะท้านอย่างรุนแรง แม้กระทั่งวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าก็ยังได้รับผลกระทบจนเกือบจะร่วงลงมาด้านล่าง
พลังการโจมตีทางวิญญาณของคู่ต่อสู้นั้นมีเอกลักษณ์อย่างยิ่ง เย่ฟ่านควบคุมจิตใจให้สงบและกระตุ้นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาฟาดฟันแส้ศักดิ์สิทธิ์ให้พุ่งเข้าหาหยวนกู่ด้วยความเร็วไม่แตกต่างจากสายฟ้า
นี่คือโลกที่ร่างกายที่แท้จริงไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้ ดังนั้นสิ่งที่ต่อสู้กันตอนนี้จึงเป็นการวัดกันที่ความแข็งแกร่งของวิญญาณเพียงอย่างเดียว
หยวนกู่ที่ถือทวนสีดำแดงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเมื่อมองเห็นแส้ศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่าน
“อะไรนะ เจ้า...ก็มีอาวุธวิญญาณเหมือนกัน?”
เย่ฟ่านก็มีความตกตะลึงไม่น้อย ทวนเหล็กในมือของหยวนกู่นั้นแม้ว่ามันจะมีสีสันที่ราวกับถูกสร้างขึ้นมาจากเหล็กกล้า แต่ในความเป็นจริงวัสดุที่ใช้สร้างทวนเล่มนี้จะต้องเป็นประเภทเดียวกันกับวัสดุที่ใช้สร้างแส้ศักดิ์สิทธิ์ของเขาอย่างแน่นอน
หัวใจของหยวนกู่เต็มไปด้วยคลื่น เขารู้ดีว่าอาวุธวิญญาณประเภทนี้จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
การที่เขาควบคุมฝ่ายตรงข้ามให้มาสู้กันในโลกวิญญาณนั้นสาเหตุหลักก็เพราะเขาต้องการเอาเปรียบเย่ฟ่านจากอาวุธวิญญาณชิ้นนี้
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายก็มีอาวุธวิญญาณเช่นกัน ข้อได้เปรียบเดียวของเขาดูเหมือนจะพังทลายไปโดยสิ้นเชิง
เย่ฟ่านก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ในตอนแรกเมื่อเข้ามาในโลกวิญญาณนี้เขาที่ครอบครองแส้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือมั่นใจว่าตัวเองจะได้เปรียบเต็มประตู
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายก็มีอาวุธวิญญาณที่ไม่เป็นรองแส้ศักดิ์สิทธิ์ ข้อได้เปรียบเดียวของเขาก็ดูเหมือนจะหายสาบสูญไปกับสายลม!
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในตอนนี้ไม่อนุญาตให้ทั้งสองคนถอยหลังแล้ว พวกเขาพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้ามโดยต้องการจบการต่อสู้ครั้งนี้ให้เร็วที่สุด
เย่ฟ่านต่อสู้อย่างหนัก อาวุธในมือของอีกฝ่ายไม่สามารถเทียบได้กับแส้วิเศษ อย่างไรก็ตามทวนเหล็กเล่มนี้กลับมีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมากซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่เขาจินตนาการไว้
“ฟ้ากำหนดให้เจ้าตายยามสอง ต่อให้เจ้าเลื่อนเวลาออกไปถึงยามสี่สุดท้ายเจ้ายังคงต้องตายอยู่ดี!”
หลังจากที่เย่ฟ่านก้าวถอยหลังไประยะหนึ่ง เขาก็หัวเราะอย่างเย็นชาและกระตุ้นพลังวิญญาณของตัวเองด้วยเก้าญาณวิเศษลึกลับอีกครั้ง
ปัง!
วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านใช้มือเปล่ารับการโจมตีจากทวนเหล็กกล้า จากนั้นพลังวิญญาณสีทองที่แข็งแกร่งของเขาพยายามขัดเกลาอาวุธวิญญาณเล่มนี้ให้แหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผง
ในเวลาเดียวกันแส้ศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านก็พยายามทะลวงเข้าไปที่หน้าผากของหยวนกู่อย่างรุนแรง
หยวนกู่เป็นผู้ชักนำเย่ฟ่านให้มาต่อสู้กันในโลกวิญญาณนี้ มีหรือที่พลังวิญญาณของเขาจะอ่อนแอ ดังนั้นเขาจึงใช้มืออีกข้างรับแส้ศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านและพยายามขัดเกลาอาวุธวิญญาณชิ้นนี้เช่นกัน
“ไม่คิดเลยว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะมากมายถึงขนาดนี้ เมื่อเจ้าตายไปข้าจะใช้กะโหลกศีรษะของเจ้าเป็นจอกสุราให้กับตัวเอง” หยวนกู่กล่าวอย่างเย็นชา
“ว่ากันว่าเส้นทางแห่งการเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่จะปูไว้ด้วยซากศพของอัจฉริยะมากมายนับไม่ถ้วน วันนี้เจ้าจะเป็นศพแรกในเส้นทางการเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของข้า!” เย่ฟ่านตะโกน
………………………..