บทที่ 102 : อุจิวะ โอบิโตะปรากฏตัวและจับเก้าหางเอาไว้
บทที่ 102 : อุจิวะ โอบิโตะปรากฏตัวและจับเก้าหางเอาไว้
“ถ้านายไม่เคยเจ็บปวดมาก่อน ก็จงอย่ามาเหยียบย่ำความฝันของพวกเขา!”
ใบหน้าของโคนันเปลี่ยนสีไป ดวงตาได้เผยแววความโกรธออกมา แต่เธอก็ไม่สามารถหลุดออกไปได้ เพราะพลังงานบวกและพลังงานลบของซาโตรุ เธอจึงทำได้เพียงจ้องมองไปอย่างว่างเปล่า
“อย่ารีบสิ เธอยังตกอยู่ในมือของฉันนะ” ซาโตรุขยับนิ้วของเขาเล็กน้อย
“อืม...” โคนันสูดจมูกเบาๆ หน้าแดงจนจนถึงหู เธอกัดฟันแน่นก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไรออกมา ตอนนี้เธออยากจะจัดการซาโตรุจริงๆ
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอรู้สึกโกรธมากขนาดนี้
"เธอเป็นคนอ่อนไหวมากเลยนะ" ซาโตรุจิ้มหน้าอกของโคนันด้วยอมยิ้ม
“เมื่อนายสูญเสียคนสำคัญไป นายจะรู้สึกเจ็บปวด และนายจะเข้าใจถึงความรู้สึกของคนที่อ่อนแอเอง” ยาฮิโกะประสานอินเข้าทันที เขาทนไม่ได้แล้วที่จะถูกเยาะเย้ยความฝันของเขา อีกทั้งโคนันยังต้องมาถูกลวนลามเช่นนี้อีก
“ไม่เป็นไรอยู่แล้ว เพราะฉันนั้นไร้เทียมทาน” หลังพูดจบ ซาโตรุขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงจักระที่อยู่ห่างไกล
ตอนนี้อุจิวะ โอบิโตะอยู่ที่องค์กรแสงอุษาใช่ไหมนะ?
เขาวางแผนที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อจับเก้าหางหรือเปล่านะ?
งั้นไปตรวจสอบมันกันเถอะ
“เช่นนั้นไว้เล่นกันวันอื่นแล้วกัน ฉันมีเรื่องต้องทำพอดี” เมื่อเขากำลังจะโยนโคนันลงไปที่พื้น ซาโตรุก็พูดเบาๆ ด้วยรอยยิ้มที่ข้างหูของโคนัน
"เธอเหมาะกับสีดำมากกว่าสีขาวอีกนะ ไม่เห็นสมชื่อกับเสือขาวแห่งแสงอุษาเลย"
โคนันผงะเล็กน้อย
สีขาว?
สีดำ?
เสือขาวแห่งแสงอุษา?
หรือมันอาจจะเป็น...
จู่ๆ โคนันก็ตระหนักได้ว่าเขากำลังพูดถึงชุดชั้นในของเธอหรือเปล่า?
ส่วนเรื่องฉายาของเสือขาวแห่งแสงอุษานั้น มันเป็นสัญลักษณ์ที่ถูกมอบให้ตามสมาชิกของแต่ละคน
เธอเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเช่นกัน
“นาย...” ก่อนที่โคนันจะพูดจบ
“ไม่จำเป็นต้องโกรธหรอกนะ คราวนี้ฉันแค่มาหยอกล้อเธอเล่นเท่านั้นเอง” ซาโตรุโยนโคนันลงบนพื้น แล้วหายตัวไปในอากาศ
“ตู้ม” โคนันร่วงลงกับพื้น จับก้นที่เจ็บเล็กน้อยและลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในที่สุดไอ้ซาโตรุจอมโรคจิตก็จากไปซะที
หลังที่เขาจากไป เธอก็มีความรู้สึกแปลกมากที่อธิบายไม่ถูก
“เขาไปแล้วเหรอ?” ยาฮิโกะปล่อยมือออกจากกันแล้วหันไปมองโคนัน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า "คราวหน้าอยู่ให้ห่างจากซาโตรุ เขาแข็งแกร่งกว่าเธอมาก"
หากเผชิญกับซาโตรุในครั้งต่อไปแล้วโคนันยังถูกลวนลาม นางาโตะคงทนไม่ได้กับเรื่องแบบนี้
ขณะเดียวกัน ในป่าแห่งหนึ่ง
“ซาโตรุหาย เขาหายไปไหนแล้ว?”
ทุกคนต่างสับสนว่าซาโตรุพาเดอิดาระไปที่ไหน?
คุเรไนขมวดคิ้วเล็กน้อย ด้วยสีหน้ากังวล เธอพึมพำออกมาว่า "เขารู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว”
เดอิดาระเพิ่งปล่อยจักระที่รุนแรงมากออกมา
เธอเกรงว่า...มันคงจะทำให้เกิดการระเบิดที่รุนแรงในรัศมีสิบกิโลเมตรได้จริงๆ
ซึ่งด้วยความสามารถของซาโตรุ เขาคงจะสามารถหลบหนีออกมาได้ใช่ไหม?
นารูโตะประสานมือไว้ด้านหลังศีรษะแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "อาจารย์คุเรไนไม่ต้องกังวลหรอกครับ อาจารย์ซาโตรุน่ะแข็งแกร่งมาก”
นารูโตะยิ้มให้คุเรไน แต่ในใจก็กังวลมากเช่นกัน
“แล้วกาอาระอยู่ไหนเหรอ?” จู่ๆ ซากุระก็เพิ่งจะจำเนื้อหาภารกิจได้ ภารกิจที่พวกเขาได้รับมาคือช่วยเหลือกาอาระ
นารูโตะก็สะดุ้งเล็กน้อย เริ่มหวนนึกถึงตอนที่ต่อสู้กับกาอาระในตอนนั้น จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า "กาอาระตอนนี้น่าจะไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าเขาเก่งมาก"
กายและคนอื่นๆ ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยยิ้มของนารูโตะ ซึ่งพวกเขาได้แต่ต้องจำใจบอกความจริงออกมา
"เขาตายแล้ว" เนจิชี้ไปที่ถ้ำที่อยู่ไกลๆ "ศพเขาอยู่ในภูเขาลูกนั้น"
"ตายแล้ว?"
ทุกคนในทีมที่เจ็ดตกตะลึง พวกเขารู้ดีว่ากาอาระแข็งแกร่งมากแค่ไหน และคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นก็ตายไปอย่างง่ายดายเลยงั้นเหรอ?
พวกเขาเคยต่อสู้กับกาอาระมาก่อน แต่ตอนนี้กาอาระตายไปแล้ว...
นี่น่ะเหรอคือโลกนินจาเหรอ?
ที่จริงพวกเขาก็รู้ดีว่ามันโหดร้าย
“เป็นไปได้ยังไง กาอาระคนนั้น...” รอยยิ้มของนารูโตะหายไป เขาคว้าคอเสื้อของเนจิแล้วตะโกนด้วยอารมณ์คุกรุ่น “เจ้าหมอนั้นยังคงมีความฝัน เป็นความฝันที่ยังไม่สำเร็จเลยนะ!”
กาอาระมีอะไรบางอย่างที่เกือบคล้ายกันกับเขา เขาจึงจดจำกาอาระที่เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งได้ดี
หลังจากตอนนั้น กาอาระ..ก็เปลี่ยนไปมาก
"นี่แหละคือชะตากรรม" เนจิมองดูนารูโตะด้วยสีหน้าเรียบเฉยและพูดอย่างเย็นชา “ชะตากรรมของกาอาระคือการตายยังที่นี่”
"ไอ้บ้านี้!" ตอนนี้นารูโตะมีอารมณ์อ่อนไหวมาก ดวงตาสีฟ้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองซีด และผิวหนังของเขามีจักระสีแดงจางๆ พุ่งออกมา
ซากุระอุทาน “ไม่นะ!”
ทันใดนั้น
พื้นที่บิดเบี้ยวเป็นเกลียว และชายสวมหน้ากากก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ด้านหลังอุซึมากิ นารูโตะ
“การจับเก้าหางสำเร็จแล้ว” โอบิโตะคว้าศีรษะของนารูโตะ ตั้งใจจะพานารูโตะเข้าไปในมิติของคามุย
“นารูโตะ ระวังข้างหลัง!” คาคาชิจับคุไนไว้ในมือแล้วกระโดดพุ่งเข้าไปที่ศีรษะของโอบิโตะ
「บูม」คุไนอันแหลมคมแทงทะลุหัวของอุจิวะ โอบิโตะ และแทงทะลุหัวของอุซึมากิ นารูโตะด้วย
คามุย!
“นั่นมันภาพลวงตาเหรอ?”
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากที่เห็นคุไนทะลุผ่านโอบิโตะ แสดงว่าพวกเขาถูกภาพลวงตาของศัตรูโจมตีเข้าให้แล้ว
“โจมตีสองเท่า!”กายถือกระบองในมือแล้วทุบไปที่หัวของโอบิโตะอย่างรุนแรง แต่กระบองก็ทะลุผ่านหัวไปเช่นกัน
โอบิโตะกระโดดกลับหลังไป เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างกายและคนอื่นๆ
“ยังมีสมาชิกของแสงอุษาอยู่อีก”กายถือกระบองในมือของ ตั้งท่าเตรียมต่อสู้จ้องมองโอบิโตะอย่างระมัดระวัง
เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?
เขาผลักฉันออกไปให้พ้นทางเหรอ?
คาคาชิขยับผ้าที่คาดหน้าผากขึ้นและมองไปที่โอบิโตะพร้อมกับเนตรวงแหวน
ทำไมอาวุธถึงทะลุผ่านมันไปได้?
และ...บรรยากาศของชายสวมหน้ากากคนนี้
ทำไมมันถึงคุ้นเคยมาก!
“ทำจักระของเราให้มั่นคง แล้วเราจะไม่ตกเข้าไปในภาพลวงตาของมัน” คุเรไนดึงคุไนออกมาและยืนอยู่ข้างหน้าของเด็กๆ ในทีมที่เจ็ด ดวงตาสีแดงสดที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
จักระเธอมั่นคงมาก ซึ่งหมายความว่าเธอไม่ได้ตกอยู่ในภาพลวงตา
หากเป็นเช่นนี้ ทำไมกายและคาคาชิถึงโจมตีชายสวมหน้ากากเมื่อครู่นี้ไม่ได้?
มันคือขีดจำกัดทางสายเลือดหรือเปล่า?
"คาคาชิ" โอบิโตะมองผ่านหน้ากาก มีเพียงคาคาชิคนเดียวเท่านั้นที่มีเนตรวงแหวน
ภายในใจของโอบิโตะ มีภาพเมื่อนานมาแล้วปรากฏขึ้น
“เสียงนี้…” หัวใจของคาคาชิสั่นไหว แววตาของเขามีความตกใจ เขาคุ้นเคยกับเสียงนี้ดี
คุเรไนพลันกล่าวทันทีว่า "ฉันได้ยินมาจากซาโตรุว่าชายสวมหน้ากากคนนี้คือโอบิโตะ"