ตอนที่ 25 : ย้าย
ตอนที่ 25 : ย้าย
หวังซ่งอยู่ในบ้านตระกูลจางจนถึงตอนบ่าย
เขาได้เดินสำรวจบ้านตระกูลจางจนทั่ว
นอกจากสถานที่แห่งนี้แล้ว หวังซ่งก็ได้ทำความเข้าใจคร่าวๆ เกี่ยวกับจางเย่ด้วย
ก่อนวันสิ้นโลกจะมาถึง จางเย่ได้มีบริษัทเป็นของตัวเอง
เดิมทีจางเย่ได้กลับมาที่หมู่บ้านกู๊ดโฮปเพื่อมาไหว้บรรพบุรุษ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่คาดคิดเลยว่าหายนะเช่นนี้จะปะทุขึ้นอย่างกะทันหันและเขาก็ต้องติดอยู่ที่นี่
โชคดีที่เมื่อซอมบี้ปรากฏตัว มันก็ไม่ค่อยมีคนแก่อยู่ในบ้านตระกูลจาง และมีวัยรุ่นกับผู้ชายที่แข็งแรงอยู่กันเยอะ
ด้วยเหตุนี้ จางเย่จึงตัดสินใจใช้ที่นี่เป็นที่หลบภัยทันที
สมาชิกหลักย่อมเป็นชายหนุ่มของตระกูลจาง แต่ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ต้องออกไปข้างนอกเพื่อช่วยผู้คนและเพิ่มจำนวนสมาชิกด้วย
มันเป็นวันที่สิบเจ็ดของวันสิ้นโลกแล้ว
เดิมทีมันมีคนแค่ประมาณ 30 คนอาศัยอยู่ในที่พักพิงแห่งนี้เท่านั้น แต่ในตอนนี้มันก็มีคนมากกว่าหนึ่งร้อยคนแล้ว
ในเวลาเดียวกัน มันก็มีคนถึงสามคน รวมจางเย่ด้วยที่กลายเป็นผู้ตื่น นี่จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ที่พักพิงได้เป็นอย่างมาก และมันก็ไม่ได้ยากอะไรที่จะออกไปหาเสบียง
หลังจากออกมาจากบ้านของตระกูลจาง หวังซ่งก็ครุ่นคิดในขณะที่เขากำลังเดินทางกลับ
เขาสามารถบอกได้ว่าแม้จางเย่จะไม่ได้เป็นมิตรขนาดนั้น แต่เขาก็เป็นคนดี
นอกจากนี้ เขายังเป็นคนมีความสามารถมาก บ้านตระกูลจางได้รับการจัดการเป็นอย่างดีโดยเขา การป้องกันของเขาค่อนข้างดี และเขาก็มีเสบียงเพียงพอด้วย
ในเวลาเดียวกัน จางเย่ก็ยังได้ชวนหวังซ่งให้เข้าร่วมกับเขาด้วย
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหวังซ่งจึงตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ทางฝั่งของเขาก็มีที่พักพิงที่มีคนมากกว่า 10 คนแล้ว
อีกด้านหนึ่ง ที่พักพิงของตระกูลจางก็มีเสบียงเพียงพอและการป้องกันที่โดดเด่น
จนกระทั่งถึงตอนเย็นที่หวังซ่งกลับมาถึงเซฟเฮาส์ เขาจึงตัดสินใจได้
“ผมคิดว่าพวกเราควรย้ายกันนะ”
เขาพูดกับจางหลี่ซิน เมิ่งเจีย และคนอื่นๆ
…
มันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ที่จะอยู่ร่วมกันในวันสิ้นโลก
ทุกคนเข้าใจหลักการเรื่องความแข็งแกร่งของจำนวนดี
มันมีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นอย่างลู่หมิง คนส่วนใหญ่มักจะมีแนวโน้มที่จะอยากอยู่ร่วมกันมากกว่า
สิ่งนี้ไม่เกี่ยวอะไรไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ตื่นหรือไม่
“ผมได้ตรวจสอบที่นั่นดูแล้ว สิ่งที่ผมมั่นใจก็คือมันไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับที่พักพิงและจางเย่”
หวังซ่งตัดความเป็นไปได้ที่จะเผชิญหน้ากับคนไม่ดีก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง
เขามองเห็นศพของซอมบี้ที่ถูกเก็บกวาดออกไปจากถนนนอกหน้าต่างแล้ว… แต่นั่นก็เท่านั้น
มันมีหลายสิ่งที่ต้องทำจริงๆ เพื่อเปลี่ยนให้ที่พักพิงแห่งนี้กลายเป็นเขตปลอดภัยที่ใช้งานได้จริง… และที่นี่ก็มีคนไม่พอเลย
ในแง่ของสภาพโดยรวม ถนนสายนี้เทียบไม่ได้กับบ้านตระกูลจางเลย
“นอกจากนี้พวกเขายังมีคนมากกว่าและมีผู้ตื่นมากกว่าด้วย แม้แต่เสบียงและกำแพงก็มีเพียงพอด้วย ผมเลยคิดว่ามันน่าจะดีกว่าที่จะย้ายไปที่นั่น”
สำหรับสถานะและอำนาจของเขาหลังจากย้ายไปที่นั่นแล้ว หวังซ่งก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นเลย
เขาช่วยผู้คนและก่อตั้งพื้นที่ปลอดภัยขึ้นมาไม่ใช่เพราะเขาอยากเป็นผู้นำ เขาแค่ทำอย่างนั้นเพราะการช่วยชีวิตผู้คนเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ควรจะทำเท่านั้น
มันไม่มีใครคัดค้านการตัดสินใจของหวังซ่งเลย
อันที่จริง หวังซ่ง ในฐานะผู้พิทักษ์ เขาจึงได้กลายเป็นผู้นำโดยพฤตินัยของกลุ่มมานานแล้ว
เมื่อเห็นทุกคนพยักหน้า หวังซ่งก็พูดต่อ
“งั้นก็ตามนั้นละกัน เดี๋ยวผมไปคุยกับพี่ลู่หมิงเอง”
…
หวังซ่งย่อมต้องการพาลู่หมิงไปกับเขาด้วย
ในใจของเขา เขาคิดว่าลู่หมิงจะต้องตามพวกเขาไปด้วยแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การสื่อสารระหว่างหวังซ่งและลู่หมิงก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คาดไว้
“ย้ายเหรอ? ฉันไม่ย้าย!”
เสียงของลู่หมิงจากปลายสายฟังดูเด็ดขาดมาก
สิ่งนี้ทำให้หวังซ่งรู้สึกสับสน…
“พี่ เห็นได้ชัดว่าที่นั่นปลอดภัยกว่า… ถ้ารวมพี่กับผมเข้าไปด้วย มันก็จะมีผู้ตื่นถึงห้าคน นอกจากนี้มันยังมีคนธรรมดาและเสบียงอยู่เป็นจำนวนมากด้วย”
ลู่หมิงที่อยู่ในบ้านอดแค่นเสียงไม่ได้
นายอยากให้ฉันออกไปจากบ้านเหรอ? ฝันไปเถอะ!
แน่นอนว่าเขาก็เริ่มสนิทกับหวังซ่งขึ้นมาแล้วในช่วงนี้ ดังนั้นลู่หมิงจึงไม่พูดอะไรที่รุนแรงเกินไป
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลู่หมิงก็กล่าวว่า
“บ้านของฉันก็ปลอดภัยอยู่แล้วก่อนที่พวกนายจะย้ายมาแถวนี้”
หวังซ่ง: “...”
เจ็บจังพี่
งั้นเขาก็หมายความว่าพวกเราเป็นส่วนเกินงั้นเหรอ?
หลังจากจากคิดดูแล้ว หวังซ่งก็ไม่มีเหตุผลอะไรมาโต้แย้ง
ก็จริง…
ก่อนที่พวกเขาจะมา ลู่หมิงก็อยู่ในบ้านได้แบบสบายๆ แล้ว ในระหว่างช่วงที่ผ่านมา พวกเขาก็ไม่ได้เห็นลู่หมิงออกมาหาเสบียงเลย ซึ่งมันก็บ่งชี้ได้แล้วว่าเขาไม่ได้ขาดแคลนเสบียง
หลังจากเงียบไปนาน หวังซ่งก็ถอนหายใจและกล่าวว่า
“พวกเราจะย้ายกันนะครับ แม้ว่าพี่จะไม่ย้าย แต่พวกเราก็จะย้าย”
“เดินทางปลอดภัยนะ”
หวังซ่ง: “...”
เขาอยากจะลองโน้มน้าวลู่หมิงอีกครั้ง
แต่นิสัยที่ดื้อรั้นของลู่หมิงก็ทำให้หวังซ่งพูดไม่ออก
สุดท้าย เขาก็ทำได้เพียงพึมพำด้วยสีหน้าซับซ้อน “พี่ชาย ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”
“อื้อ”
…
เมื่อมองดูหวังซ่งเดินจากไปผ่านหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ สีหน้าของลู่หมิงก็ยังเป็นปกติ แต่แววตาของเขาก็มีความปั่นป่วนอยู่บ้าง
แม้ว่าหวังซ่งจะจู้จี้จุกจิกและน่ารำคาญเล็กน้อย แต่เขาก็เป็นคนดี
ด้วยการมีหวังซ่งอยู่ ลู่หมิงจึงได้รับทราบสถานการณ์ของโลกภายนอก
แต่ในตอนนี้ หว่งซ่งก็กำลังจากไป…
ลึกๆ แล้ว ลู่หมิงรู้สึกลังเลเล็กน้อยจริงๆ
ใช่ แค่เล็กน้อยเท่านั้น…
หลังจากชกกระสอบทรายในตอนเย็นไปแล้ว ลู่หมิงก็ลืมเรื่องนี้ไป
หลังจากตื่นจากการนอนแล้ว เมื่อเขามองออกไปนอกหน้าต่างในตอนเช้า ลู่หมิงก็เห็นหวังซ่งกำลังนำคนประมาณสิบคนเดินออกไปจากหมู่บ้านกู๊ดโฮป เมื่อนั้นลู่หมิงจึงจำบทสนทนาเมื่อวานได้
ในไม่ช้า ถนนก็กลายเป็นว่างเปล่า มันไม่มีทั้งซอมบี้และคนเป็นเลย
ลู่หมิงปิดช่องสังเกตการณ์และเริ่มการฝึกในวันนี้
…
หวังซ่งได้เคลียร์เส้นทางไปยังบ้านตระกูลจางแล้วเมื่อวานนี้
พวกเขาออกเดินทางในตอนเช้าและไม่พบกับอันตรายอะไรระหว่างทางเลย
ในช่วงสาย หวังซ่งก็ได้พาผู้รอดชีวิต 13 คน รวมทั้งจางหลี่ซินและเมิ่งเจียมาถึงบ้านตระกูลจาง และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากจางเย่
ในช่วงพักเที่ยง จางเย่ก็ได้นำไวน์และไก่ย่างที่เก็บไว้ออกมา หวังซ่งและคนอื่นๆ แย่งกันกินอาหารในทันที ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็มั่นใจว่าพวกเขาตัดสินใจถูกต้องแล้วที่มาที่นี่!
ที่พักพิงที่ปลอดภัยกว่า ใหญ่กว่า และมีทรัพยากรที่มากกว่า
ท่ามกลางวันสิ้นโลก นี่ย่อมเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการอย่างแท้จริง
หลังจากกินกันจนเต็มอิ่มแล้ว มันก็ได้เวลาพูดคุยกัน
ผู้รอดชีวิตทั่วไปถูกนำตัวไปที่หอพัก ส่วนทางนี้ จางเย่ก็เสิร์ฟผลไม้แห้งให้ในระหว่างการพูดคุยกันระหว่างผู้ตื่นจากตระกูลจาง หวังซ่ง จางหลี่ซิน และเมิ่งเจีย
“กองทัพมีแผนการช่วยเหลือไหม?”
จางเย่ได้ทราบแล้วว่าจางหลี่ซินเป็นทหาร ตัวตนเช่นนี้ย่อมมาพร้อมกับออร่าบางอย่าง และเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะพอมีน้ำหนักอยู่บ้าง ดังนั้นเหล่าคนธรรมดาจึงมักจะศรัทธาในตัวของทหาร
จางหลี่ซินส่ายหัวเบาๆ “การปะทุขึ้นของวันสิ้นโลกทำให้พวกเราไม่ทันได้ระวังตัว และกองทัพก็ไม่ได้เตรียมพร้อมเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น การสื่อสารในตอนนี้ยังถูกตัดขาดด้วย ดังนั้นฉันจึงไม่รู้สถานการณ์ด้วยเหมือนกัน”
หลังจากพูดคุยกันในหัวข้อนี้สั้นๆ ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เมิ่งเจียก็หันไปหาเมิ่งเจียและพูดขึ้นมาว่า
“พี่เมิ่ง ผมได้ยินว่าพี่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยา พี่มีการวิจัยหรือข้อมูลเชิงลึกอะไรเกี่ยวกับซอมบี้หรือผู้ตื่นไหมครับ?”
ชายหนุ่มคนนี้มีชื่อว่าหลี่ซีถง หนึ่งในสามผู้ตื่นจากที่พักพิงของตระกูลจาง
เมื่อได้ยินคำถามของหลี่ซีถง เมิ่งเจียก็ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะและเริ่มแบ่งปันข้อมูลของเธอ