Ch12: คนอื่น 2
-----คลิก-----
ในเวลานี้ ที่จับประตูบานเล็กเริ่มหมุนราวกับว่ามีคนบิดและพยายามจะเปิดเข้ามา หลี่เฉิงอี้กลั้นหายใจ วิ่งไปสองสามก้าว--กระโจนเข้าใส่ประตูบานเล็กโดยไม่ลังเล
----ปังงง!!----
ประตูบานเล็กที่กำลังจะเปิดถูกบังคับให้ปิดอีกครั้งเมื่อโดนเข้าไปจังๆ หนึ่งดอก
'ตราบใดที่ประตูยังไม่เปิด ไอ้ผีตัวนั้นก็ออกมาได้!' ตอนนี้เขามีความคิดนี้อยู่แค่นั้นแหละ ร่างกายของเขาถูกกดเข้ากับแผงประตูอย่างแน่นหนา ประตูบำรุงรักษาสีแดงเย็นชาถูกปิดกั้นและไม่สามารถเปิดได้เลย
-----ปึงงง! ปึงงง! ปึงงง!----
ในห้องซ่อมบำรุงมีอะไรซักอย่างที่กระแทกแผงประตูอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเสียงก้องๆ มันพยายามที่จะดันประตูออกมาซะจริง แม้จะสู้ชีวิตมากแต่หลังจากโดนหลี่เฉิงอี้สู้กลับอย่างหนักประตูก็ปิดและล็อคอีกครั้ง ทั้งการล็อคและแรงต้านทานแบบเต็มที่ของเขาทำให้ไอ้สิ่งที่อยู่ข้างในไม่สามารถเปิดประตูบานเล็กได้
-----ปึงงง! ปึงงง! ปึงงง!----
-----ปึงงง! ปึงงง! ปึงงง!----
เสียงกระแทกดังต่อเนื่องกันไม่หยุด และหนักขึ้นในแต่ละครั้ง แถมการกระแทกอย่างต่อเนื่องก็ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนที่ทำให้แก้วหูของหลี่เฉิงอี้เต้นรำ จนแขนและไหล่ของเขาที่กดทับประตูเหล็กก็เริ่มรู้สึกชา เขากัดฟันและทำให้ร่างกายของเขาเป็นเส้นทแยงมุม กดอย่างแน่นหนากับประตูเหล็ก ไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย
แต่ผลสะท้อนกลับดูจะหนักขึ้นเรื่อยๆ และพลังก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้เขาเริ่มจะสงบใจต่อไม่ไหว
'ไม่ได้การแล้วเว้ย! ต้องหาทางทำอะไรซักอย่าง! ขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไปฉันคงตายแน่! '
ชุดเกราะดอกไม้ช่วยเขาป้องกันภัยพิบัติก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้มันได้รับความเสียหายเกินกว่าจะเรียกใช้ได้อีก เขาจึงเหลือเพียงความสามารถด้านภาษาดอกไม้เท่านั้น และไม่มีทางที่ชนกับไอ้หน้ายักษ์ดำๆ นั่นได้ และที่สำคัญกว่านั้นคือแม้ครั้งแรกเป็นใบหน้ายักษ์ก็จริง แต่จะแน่ใจได้ว่าครั้งที่สองจะเหมือนเดิม มันอาจจะที่เป็นสัตว์ประหลาดตัวอื่นที่อัพเลเวลขึ้นมาอีกหลายเท่าก็ได้
'หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็จะให้มันออกมาไม่ได้!!'
หลี่เฉิงอี้ยึดลูกปิดประตูไว้แน่น ความคิดทุกประเภทแวบขึ้นมาในใจของเขา แต่ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมาด้วยเช่นกัน เนื่องจากความสามารถทางภาษาของดอกไม้สามารถใช้ได้โดยการสัมผัสเท่านั้น แล้วมันสามารถนำไปใช้โดยการสัมผัสผ่านวัตถุได้หรือไม่!?
'ตอนนี้ฉันอยู่ข้างประตูแล้วและสัตว์ประหลาดที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็อยู่ข้างประตูด้วย นี่นับเป็นการเชื่อมต่อโดยตรงด้วยรึเปล่าวะ'
ทันทีที่ความคิดนี้เกิดขึ้น มันก็ลุกลามอย่างรวดเร็วในใจของเขา
'ลองดูดีมั้ย!?'
เขาตัดสินใจวางมือขวาไปไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว สัมผัสที่เย็นและแข็งกระจายเข้าสู่จิตใจไปตามฝ่ามือ ในทันใดนั้น ความคิดของเขาก็ไหลออกมา และฝ่ามือของเขาก็ถูกปกคลุมอย่างรวดเร็วด้วยชั้นของการบิดเบี้ยวที่โปร่งใส ทันทีสิ่งนั้นสัมผัสกับประตูเหล็กพวกมันก็กระจายตัวไปทั่วและเจาะเข้าไปในแผงประตูและหายไป
----วูบบบบ!-----
ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงเคาะหนักอีกครั้งจากด้านหลังประตู แต่คราวนี้มันดังได้แป๊บเดียวเท่านั้นแหละเพราะทันทีที่หลี่เฉิงอี้หันไปสนใจมัน เขารู้สึกราวกับว่ามีเส้นเชื่อมมือของเขาเข้ากับแผงประตูและมีอะไรบางอย่างอยู่ด้านหลังแผงประตู
'เฮ้ย! ได้ผลว่าะ! แถมยิงทีเดียวได้โชคสองชั้น!!'
นั่นคือเอฟเฟกต์ทั้งหมดของ "มือที่มึนเมา" มันมีรูปแบบการทำงานที่แบ่งออกเป็นสองขั้นตอน
ขั้นแรก: ระบุเป้าหมาย
ขั้นที่สอง: กำหนดว่าจะให้เป้าหมายวิ่งไปที่ไหนตามที่ผู้ใช้ต้องการ
กระนั้นครั้งแรกที่หลี่เฉิงอี้ใช้มัน เขารู้สึกว่าการเชื่อมโยงนั้นเหมือนกับด้ายเส้นเล็กๆ ที่กำลังระบายความแข็งแกร่งทางกายภาพของร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง ความเร็วสกัดแบบนี้เร็วมากเหมือนกับการวิ่งอย่างดุเดือดบนสนามตลอดเวลาเพียงครึ่งนาทีความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาอาจจะหมดไปโดยสิ้นเชิง
มันเป็นการจุดระเบิดตัวเองอย่างเฉียบคมมาก
ฝามือของเขายังคงสัมผัสประตูเหล็ก
ในเวลาเดียวกัน ประตูก็ตกอยู่ในความเงียบสนิท
ครืดด... ครืดด...
หลี่เฉิงอี้ปิดปากของเขา สูดจมูกอย่างแรง และจ้องมองไปที่ประตูเหล็กตรงหน้าเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง รอสักครู่ ประมาณสิบวินาที หรืออาจจะหนึ่งนาที
ประตูยังคงเงียบอยู่
เขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย ก้าวถอยหลัง และปล่อยมือ
'สำเร็จแล้วสินะ?'
เขาไม่รู้ แต่เมื่อพิจารณาจากการเคลื่อนไหวและปฏิกิริยา ดูเหมือนว่าจะประสบความสำเร็จ
-----ครืดดดดด-----
มีเสียงถูเบาๆ ดังมาจากด้านหลังประตูเหล็กทันที ดูเหมือนมีคนอยู่ข้างใน และใช้มือลูบประตูเบาๆ เสียงนั่นคงที่ ไม่ดัง แต่ต่อเนื่อง
เมื่อหลี่เฉิงอี้ได้ยินเสียงครั้งแรก หัวใจของเขาก็เต้นแรง แต่แล้วเมื่อเขาก็พบว่าประตูไม่มีท่าทีว่าจะเปิดอีกเลย และหัวใจของเขาก็ค่อยๆ ผ่อนคลาย
'ดูเหมือนว่าจะประสบความสำเร็จ ตราบใดที่ฉันไม่เสือกกะโหลกไปเปิดประตูซะเอง มันก็ดูจะไม่เป็นไร'
เขารู้สึกได้ว่ามีการเชื่อมต่อที่ละเอียดอ่อนและเปราะบางบนประตูเหล็ก เชื่อมโยงประตูกับบุคคลในห้องบำรุงรักษา ตราบใดที่ไม่มีการรบกวนจากภายนอก ภาวะมึนเมานี้สามารถดำเนินต่อไปได้จนกว่าความสามารถทางภาษาของดอกไม้จะสิ้นฤทธิ์
ประเด็นคือเขาเสือกไม่รู้อีกว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะสิ้นฤทธิ์น่แหละ ดูเหมือนไอ้สิ่งนี้จำเป็นต้องได้รับการทดสอบและบันทึกผล
แต่ตอนนี้ อย่างน้อยตอนนี้ ในที่สุดเขาก็มีวิธีที่มีประสิทธิภาพในการหลีกเลี่ยงอันตราย
หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหาชัวส์ๆ เขาก็ถอยหลังไปสองสามก้าว หยิบกระเป๋าแล้ววิ่งไปที่มุมห้อง เพราะแม้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายชั่วคราว แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะอยู่ใกล้ไอ้ประตูเฮ็งซวยนี่อีกต่อไป เพราะความรู้สึกว่าตัวเองอยู่ใกล้ชิดกับอะไรซักอย่างที่มันจะเป็นอันตรายต่อชีวิตเมื่อไหร่ก็ได้นั้น แค่คิดถึงก็ขนหัวลุกจะแย่แล้วไม่ต้องพูดถึงหัวใจที่เต้นแรงจนทำท่าจะทะลุออกมาวางข้างนอก
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะไม่มีทางได้พักผ่อนและฟื้นฟูความแข็งแกร่งทางร่างกายเลย
เขายังคงประสาทหลอนไปตลอดทาง ขณะที่อยู่ห่างจากประตูเล็กๆ และเดินเป็นระยะทางกว่าร้อยเมตรก่อนที่จะหยุดและนั่งลงด้านหลังเสาหินที่รองรับ โดยใช้เสาหิน เขาสามารถมองเห็นประตูเล็กๆ ของห้องซ่อมบำรุงได้โดยการเอียงศีรษะเล็กน้อย โรงจอดรถที่เย็นและว่างเปล่านั้นว่างเปล่า ไม่มีรถยนต์สักคัน (แล้วเช็ตที่เป็นโรงจอดรถทำหอกอะไรถ้าจะไม่มีรถเข้า เป็นโกดังร้างก็ได้มั้ง)
หลี่เฉิงอี้ถือถุงพลาสติกสีขาว หอบ และใบหน้าของเขาเริ่มซีดเซียว
แสงโทนสีเย็นสะท้อนบนใบหน้าของเขา ทำให้ดูซีดยิ่งขึ้น
และตอนที่เขากำลังจะพักกินหรือดื่ม
"มีใครอยู่มั้ย?"
เดี๋ยวนะ... ดูเหมือนเขาจะได้ยินเสียง
มีคนตะโกน
"มีใครอยู่ที่นี่มั้ยคะ?"
มันเป็นเสียงหญิงสาว เสียงมีพลัง สงบ และไม่มีความรู้สึกตื่นตระหนก
'ใครวะ!?' หลี่เฉิงอี้ตกตะลึงในตอนแรก คิดว่าเขาได้ยินผิดและมีอาการประสาทหลอน ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับคนหากพวกเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเป็นเวลานานเกินไป และเนื่องจากมันเงียบเกินไปและเสียงรอบข้างน้อยเกินไป เสียงในจินตนาการในใจจะสับสนกับเสียงอันละเอียดอ่อนจากโลกภายนอก ทำให้ยากต่อการแยกแยะระหว่างภาพลวงตาและความเป็นจริง
"มีใครอยู่บ้าง.. มีใครอยู่ที่นี่มั้ย?" เสียงผู้หญิงดังขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้เสียงก็ใกล้และชัดขึ้น หลี่เฉิงอี้เบิกตากว้างและในที่สุดก็มันก็ได้รับการยืนยันว่าเขาได้ยินถูกต้องจริงๆ ซึ่งแปลว่านอกจากเขามีบุคคลที่สองที่กำลังพูดอยู่! ทันทีที่เขายืนขึ้น เขาก็กำลังจะตอบกลับ
แต่เสียงในลำคอของเหมือนจะติดเบรก และเขาก็หยุดมันก่อนที่จะได้พูดออกไปจริงๆ
'เดี๋ยวนะ... มันไม่ได้รึเปล่าวะ! ที่นี่มันโลกอื่นชัดๆ แล้วพึ่งเจอสัตว์ประหลาดไปหมาดๆ ดังนั้นมันจะแปลกตรงไหนวะที่จะได้เจอสัตว์ประหลาดตัวใหม่ที่สามารถเลียนแบบเสียงมนุษย์ได้!'
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป และเขาล้มเลิกความคิดที่จะตอบกลับทันที และหันไปมองตามเสียงแทน
เสียงผู้หญิงมาจากทางขวา ด้านนั้นคือจุดเปลี่ยนของชั้นบน พร้อมกับเสียงตะโกน ยังมีเสียงฝีเท้าอันนุ่มนวลที่ค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างช้าๆ ดูเหมือนว่าไอ้ตัวนั้นกำลังเข้าใกล้ชั้นนี้ทุกทีแล้ว ฝีเท้าที่ฟังดูเหมือนไม่ใช่รองเท้าบูทหนังที่มีพื้นแข็ง แต่เป็นพื้นยางนุ่ม
หลี่เฉิงอี้ซ่อนตัวเองอย่างอดทนหลังเสา ยืนตัวตรง เงยหน้าขึ้นและหันไปด้านข้าง ซ่อนร่างของเขาไว้ด้านหลังเสาสีเทา-ขาวเส้นผ่านศูนย์กลางครึ่งเมตร รอให้ฝีเท้านั่นเข้ามาใกล้มากขึ้น ปลายจมูกของเขาแทบจะสัมผัสพื้นผิวขรุขระของเสาหิน และเขาได้กลิ่นปูนซีเมนต์จางๆ
เมื่อเสียงฝีเท้าเข้าใกล้มากขึ้น เสียงก็จะดังขึ้นเรื่อยๆ
"มีใครอยู่มั้ยเนี่ย" เสียงผู้หญิงดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ชัดเจนกว่าเดิมมาก และได้ยินเสียงหอบเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนั้นก็เหนื่อยพอควรเช่นกัน (ถ้ามันเป็นผู้หญิงจริงๆ นะ)
หลี่เฉิงอี้เปิดมุมตาของเขาอย่างระมัดระวังและจ้องมองที่มุมนั้นเพื่อรอให้ใครบางคนปรากฏตัว
ห้าวินาที
สิบวินาที
สิบห้าวินาที
ในที่สุด คนๆ หนึ่งก็ค่อยๆ เดินออกจากมุมที่ห่างไกลออกไป
ผู้หญิงผมยาวในชุดสีเข้มและมีเสื้อคลุมลายสก๊อตสีน้ำตาลและสีขาวอยู่ในมือ หญิงสาวมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าสงบ แต่เมื่อพิจารณาจากฝีเท้าที่เร่งขึ้นเรื่อยๆ ของเธอ เธอดูเหมือนจะเริ่มสูญเสียความสงบ
"มีใครอยู่มั้ย" เธอตะโกนออกมาอีกครั้งและเดินไปทางหลี่เฉิงอี้
เมื่อระยะทางเข้าใกล้มากขึ้น หลี่เฉิงอี้ก็ค่อยๆ มองเห็นรูปร่างหน้าตาของเธออย่างชัดเจน ผิวของผู้หญิงเป็นสีขาวสักหน่อย และใบหน้าของเธอโดยทั่วไปนั้นสวยกว่าค่าเฉลี่ย มีรอยการทำศัลยกรรมพลาสติกเล็กน้อยที่มุมตาและคางของเธอ และความโค้งเชิงเส้นของใบหน้าเธอมีมาตรฐานผิดปกติ เธอมีผมผ้าคลุมไหล่สีดำยาวและสวมเสื้อกั๊ก สวมเสื้อกันลมสีดำบาง ๆ บนร่างกายส่วนบนโดยไม่มีส่วนโค้งให้เห็น สวมกางเกงขายาวสีดำรัดรูปบนและรองเท้าส้นเตี้ยสีดำมีส้นรองเท้าหนาครึ่งฝ่ามือ
หลี่เฉิงอี้สังเกตเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นถือถุงช้อปปิ้งใบใหญ่อยู่ในมือ ถุงสีขาวมีโลโก้ของห้างสรรพสินค้าพิมพ์อยู่ด้านนอก: Kanemina เป็นแบบอักษรศิลปะสี่แบบและล้อมรอบด้วยพวงมาลัยสีขาวบริสุทธิ์
Kanemina เป็นห้างสรรพสินค้าที่หลี่เฉิงอี้รู้จัก เท่าที่จำได้มันเป็นห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ที่มีฐานผู้บริโภคค่อนข้างสูงและตั้งอยู่ในใจกลางเมือง
พูดได้คำเดียวว่าของแม่งแพง
ผู้หญิงคนนั้นเดินไปสักพัก หยุด และหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าเสื้อโค้ต มันยังอยู่ในเคสสีดำและมีจี้รูปแมวการ์ตูนสีชมพูตกแต่งที่ด้านหลัง เธอมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ของเธอ ซึ่งพอจะดูออกว่ากำลังทำอะไร มันคือการเช็คสัญญาณโทรศัพท์ หลังจากได้รับการยืนยันว่ายังไม่มีสัญญาณ เธอก็เก็บมันลงด้วยความผิดหวัง หน้าอกของเธอพองขึ้นลงมากขึ้นเรื่อยๆ
ในเวลานี้ดูจะชัดเจนแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่สัตว์ประหลาด แต่เป็นคนที่มีชีวิตจริง หลี่เฉิงอี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมองไปที่ประตูห้องซ่อมบำรุงที่เขาปิดไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากแน่ใจว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เขาก็ค่อยๆ เดินออกไป
"คุณก็ถูกดึงเข้ามาเหมือนกันเหรอ?"
เขาพูดด้วยเสียงแผ่วเบา ขณะนี้หลังผ่านความพยายามที่จะกินและพักทางกายภาพเขาฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย ทำให้เสียงของเขาสงบและมีพลัง และยิ่งสภาพแวดล้อมไม่คุ้นเคยและไม่ปลอดภัยมากเท่าใด โอกาสที่จะแสดงด้านอ่อนของตนก็จะน้อยลงเท่านั้น นี่ไม่ใช่หลักการของชีวิต แต่เป็นเพียงการรักษาสัญชาตญาณของบุคคลต่อความรู้สึกมั่นคงของตนเอง
"!!?"
เมื่อเห็นใครบางคนออกมา หญิงสาวผมสีดำก็ดูหวาดกลัวและถอยหลังไปหนึ่งก้าว ทั้งสองอยู่ห่างกันประมาณ 10 เมตรในเวลานี้ ส่วนสูงของเธอมากกว่า 170 เซนติเมตรแน่น่อน เตี้ยกว่าของหลี่เฉิงอี้แค่เล็กน้อย แต่ดูอีกทีมันเป็นเพราะรองเท้าพื้นสูงของเธอซึ่งทำให้ความสูงเพิ่มของเธอเพิ่มขึ้นมาก ฉะนั้นจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ควรจะเตี้ยกว่านี้มาก
ด้วยความกลัวนี้ ผู้หญิงคนนั้นซวนเซจนแทบจะล้มลงไป แต่ก็กลับรักษาสมดุลย์กลับมาทันทีทันใดและยืนนิ่งด้วยสีหน้าประหลาดใจ และมองไปที่หลี่เฉิงอี้
"ในที่สุดก็เจอคนแล้ว!! ที่นี่ที่ไหน? คุณเป็นพนักงานที่นี่เหรอ! คุณพาฉันออกไปได้ไหม!? ฉันให้เงินคุณได้! หนึ่งพันหยวนพอมั้ย!?"
เธอพูดทั้งหมดออกรวดเดียว
ความสงบบนใบหน้าของเขาในตอนนี้กลิ้งไถลไปกับพื้นหมดละ หลี่เฉิงอี้มองไปที่อีกฝ่ายและมองไปที่หัวเข่ากางเกงสีดำและหลังรองเท้าของนาง มีเถ้าสีขาวละเอียดและร่องรอยการใช้งานทั้งสองข้าง เห็นได้ชัดว่าคงจะไปกลิ้งเกลือกที่ไหนมาก่อน นอกจากนี้แม้ว่าทั้งสองคนอยู่ห่างกันมากกว่า 10 เมตร แต่เขายังเสือกได้กลิ่นน้ำหอมกลิ่นพีช ชนิดที่เดินผ่านใครก็คงคิดว่า: นี่เธอฉีดน้ำหอมไปกี่ปืดละเนี่ย?
"โทษที ผมไม่ใช่พนักงานที่นี่ และผมไม่สามารถพาคุณออกไปได้ คุณรู้มั้ยว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?" หลี่เฉิงอี้ไม่เชื่อหรอกว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้จักมุมอับหลังจากเจอลางบอกเหตุสองครั้ง เพราะประสบการณ์ลางบอกเหตุมันชัดเจนอย่างยิ่งจนแม้แต่คนที่โง่ที่สุดก็ควรรู้สึกและค้นหาข้อมูล
'คิดออกไวๆ หน่อย!'
เขาคิดอย่างวุ่นวายเร่งรีบ และดวงตาที่แดงกล่ำก็กวาดสายตาไปรอบๆ อย่างรวดเร็วโดยไม่หยุด และกดมือขวาอย่างแรงบนประตูเหล็กที่อยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง ตอนนี้มีคนอื่นอยู่ข้างนอกเพิ่ม และไม่ว่าจะคิดยังไงก็ควรเดาได้ว่าไอ้สิ่งที่ที่อยู่ในประตูก็จะออกมาอย่างแน่นอน ทำไมเขาไม่ลองเอาประตูเหล็กนี้พวกนี้มาเป็นเป้าหมายไปเลยล่ะ และปล่อยให้พวกสัตว์ประหลาดหมกมุ่นอยู่กับประตูเล็กๆ นี้!
*********************
คนแปล: มีผู้หญิงโผล่มาคน หวังว่าจะไม่ใช่ภาระ ("- -)