บทที่ 97 : ความสามารถหุ่นเชิดนับร้อยเหรอ? มันก็เป็นเพียงของเล่นเท่านั้นแหละ
บทที่ 97 : ความสามารถหุ่นเชิดนับร้อยเหรอ? มันก็เป็นเพียงของเล่นเท่านั้นแหละ
"ของเล่น?"
ทุกคนในทีมที่เจ็ดตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อมองดูหุ่น 100 ตัวที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า พวกเขาก็รับรู้ได้เลยว่าหุ่นแต่ละตัวมีจักระจำนวนมาก และเกือบจะอยู่ในระดับจูนิน
หุ่น 100 ตัวนั้นเทียบเท่ากับพลังของจูนิน 100 คน แต่อาจารย์ซาโตรุกลับบอกว่าหุ่นที่มีพลังการต่อสู้ในระดับจูนินเหล่านี้เป็นเพียงแค่ของเล่นงั้นเหรอ?
โอ้ พระเจ้าช่วย!
“ตอนนี้เรารู้จุดอ่อนของศัตรูแล้ว ลุยไปด้วยกันเลยดีกว่าวัยรุ่น” กายที่กำลังอดทนต่อความเจ็บปวดในกล้ามเนื้อของเขาได้ลุกยืนขึ้นด้วยขาที่สั่นเทา เพราะผลจากประตูด่านทั้งแปด ตอนนี้จึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่จะยืนขึ้นมาได้
“เราทุกคนอยู่ในสภาพย่ำแย่ ถึงช่วยไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”คาคาชิหน้าซีด คุกเข่าลงบนพื้นและมองซาโตรุอย่างอ่อนแรง ก่อนจะถอยกลับไป
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะหายดีแล้ว แต่จักระก็ยังคงน้อยมากอยู่ดี
ทุกคนยกเว้นทีมที่เจ็ด ตกอยู่ในสภาพอ่อนแรง
การช่วยเหลือในสภาวะอ่อนแอแบบนี้ มีเพียงแต่จะไปเป็นภาระ
“ฉันจะทนดูได้ยังไง? เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันตกอยู่ในอันตรายเพียงลำพัง ในฐานะเพื่อนแล้ว ฉันก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองสิ!” กายยกนิ้วให้และฝืนยิ้มจนเห็นฟันขาวครบทุกซี่ แต่ตัวเขาสั่นไปหมด
คุเรไนมองสภาพของกายในตอนนี้ แม้แต่การลุกขึ้นยืนให้ตรงก็ยากมาก เธอจึงพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย "นายพักผ่อนเถอะ"
“เพราะซาโตรุ...แข็งแกร่งมาก” คุเรไนมองไปที่ซาโตรุ และในสายตาของเธอก็มองแผ่นหลังของซาโตรุนั้นเป็นที่พักพิงที่ปลอดภัยที่สุดในโลก
มีแค่เธอที่รู้ ต่อให้รวมทั้งหมู่บ้านนินจาทั้งห้ามาก็คงไม่สามารถต่อสู้กับซาโตรุแบบซึ่งๆ หน้าได้
“ถ้าอย่างนั้นเราได้แต่ต้องมองดูงั้นเหรอ?” เนจิดูสีน่าบิดเบี้ยว เขาจ้องมองไปที่เดอิดาระและซาโซริอย่างเย็นชา
เขาเคยคิดว่าเขาเป็นอัจฉริยะ แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเกะนินทั้งหมด
เขายังเป็นคนเดียวที่ได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นอีก จากบรรดาเกะนินทั้งหมดที่มีมา
แต่เมื่อได้เดินทางออกจากหมู่บ้าน เขาก็พบว่าโลกนี้ช่างยิ่งใหญ่มาก จากที่เคยภูมิใจในความแข็งแกร่งของตนก็แปรเปลี่ยนไป
แต่ด้านหน้าในตอนนี้คือตัวตนระดับคาเงะที่แท้จริง เขานั้นเป็นเสมือนมดที่สามารถถูกบดขยี้จนตายได้อย่าง่ายดาย
“ไอ้เจ้าโง่นี้ กว่าจะรู้ตัวก็ช้าไปหน่อยแล้วล่ะ” ซาสึเกะเอามือล้วงกระเป๋าเหลือบมองเนจิด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เขาเองก็อยากแข่งขันกับเนจิมาโดยตลอด เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขานั้นแข็งแกร่งที่สุดในเกะนิน
แต่..เนจิได้รับการเลื่อนขั้นเป็นจูนิน อีกทั้งเขาก็ยังพ่ายแพ้ให้กับนารูโตะ
ซาสึเกะเจ็บใจมาก เขาทนเรื่องแบบนี้ไม่ได้เลย
“นายคือซาสึเกะเหรอ? ฉันได้ยินมาว่านายเป็นอัจฉริยะ” เนจิยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยพร้อมยิ้มเยาะเย้ย เขานั้นสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังของซาสึเกะ
“พลังของตระกูลอุจิวะของฉันนั้นแข็งแกร่งกว่าเนตรสีขาวของนายมาก” ซาสึเกะพูดอย่างภาคภูมิใจ
ทั้งสองจ้องหน้ากันด้วยสายตาที่เป็นศัตรูกัน
นารูโตะเหลือบมองเนจิ จากนั้นก็มองซาสึเกะ มองสลับไปมาระหว่างทั้งสองหลายครั้ง
ทำไมทุกคนถึงสนใจแค่ซาสึเกะกันเล่า?
ซาสึเกะมีอะไรดีขนาดนั้นเลยเหรอ ก็แค่ไอ้จอมอวดดีเท่านั้นไม่ใช่เหรอ?
“ฉ-ฉ-ฉัน พวกนายน่ะจงจำชื่อฉันไว้นะ ฉันคืออุซึมากิ นารูโตะ และฉันจะเป็นโฮคาเงะในอนาคต!” นารูโตะขยับที่คาดหน้าผาก และมองเนจิด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
เขาอยากจะอวดต่อหน้าซากุระด้วย
เนจิขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับแววตาเยาะเย้ย เขาพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชาว่า "โฮคาเงะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้าน อย่างนายจะเป็นโฮคาเงะได้ยังไง?"
นารูโตะชี้ไปที่เนจิแล้วพูดด้วยความโกรธ “ฟังฉันนะ ไอ้บ้านี้ ไอ้คนปากเสีย ฉันน่ะจะเป็นโฮคาเงะที่ทุกคนจดจำและยอมรับให้ได้!”
คุณปู่โฮคาเงะรุ่นที่สามมักจะบอกเขาเสมอว่าโฮคาเงะคือผู้ที่ทุกคนจดจำและยอมรับ
“เด็กหลังห้องก็คือเด็กหลังห้องวันยังค่ำ ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้หรอก” เนจิชี้นิ้วไปที่เสื้อกั๊กสีเขียวด้วยท่าทีหยิ่งผยอง เขาเยาะเย้ยว่า “แน่จริงก็เป็นจูนินให้ได้ก่อน”
“ไอ้บ้านี้..จูนินแบบนายแข็งแกร่งมากเลยหรือยังไง? ถ้าอย่างนั้นฉันจะไล่ตีนายที่นี่ และกลายเป็นจูนินในวันนี้แหละ!” นารูโตะพุ่งเข้าหาเนจิด้วยความโกรธในดวงตาของเขา
ฮิวงะ เนจิคนนี้มีนิสัยแย่กว่ายิ่งกว่าซาสึเกะเสียอีก!
“นารูโตะ เนจิ ซาสึเกะ ช่วยเงียบหน่อยได้ไหม?” คุเรไนยิ้มเบาๆ แต่รอยยิ้มที่อ่อนหวานและสง่างามนั้นกลับแผ่ให้เห็นถึงความรู้สึกถึงอันตราย ทำให้เด็กๆ ที่อยู่ตรงนั้นต่างก็หวาดกลัว
ซาโตรุ ตอนนี้กำลังต่อสู้กับศัตรู และเด็กๆ เหล่านี้กลับกำลังวุ่นวายเสียงดัง
"พักยก" หัวใจของนารูโตะสั่นไหว เขานั่งขัดสมาธิบนพื้นและกอดอกพลางมองไปทางด้านหลังของซาโตรุ
ที่จริงเขาเองก็กังวลมาก
“นั่นสินะนารูโตะ เงียบๆ หน่อยเถอะ” ซากุระจ้องมองนารูโตะและตำหนิ "อาจารย์ซาโตรุพาเรามาทำภารกิจครั้งนี้เป็นพิเศษ เพราะเขาต้องการให้เรามาสังเกตการต่อสู้ของนินจาระดับคาเงะนะ"
"ซากุระจัง ทำไมเธอถึงว่าฉันแค่คนเดียวล่ะ" นารูโตะรู้สึกเสียใจ
เห็นได้ชัดว่าเรื่องมันเกิดจากเนจิและซาสึเกะ แล้วทำไมซากุระถึงว่าแค่เขาเท่านั้น?
“อาจารย์ซาโตคนเดียวงั้นเหรอ? แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่เขาจะสามารถจัดการกับคนที่แข็งแกร่งระดับคาเงะสองคนได้ในเวลาเดียวกันได้หรือ?” เนจิมองดูสถานการณ์การต่อสู้ด้วยเนตรสีขาวของเขา และพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
"ยิ่งกว่านั้นนะ... สมาชิกทั้งสองขององค์กรแสงอุษามีจักระที่เกินกว่าระดับโฮคาเงะไปซะอีก"
“กบที่อยู่ก้นบ่อย่อมมีความรู้น้อย”ซาสึเกะตะคอกอย่างเย็นชา “กลอุบายใดๆ ก็ไม่มีความหมายต่ออาจารย์ซาโตรุหรอก”
แม้ว่าเขาจะชอบเก๊ก อวดดี หยิ่งผยองและไม่แยแส แต่เขาก็เคารพซาโตรุจากก้นบึ้งของหัวใจ
เพราะซาโตรุแข็งแกร่งมาก
ทุกครั้งที่ทีมที่เจ็ดสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง อาจารย์ซาโตรุก็สามารถจัดการกับมันได้อย่างสงบและเยือกเย็น
"ถึงอย่างนั้นก็คงลำบากอยู่ดี" คาคาชิเกาหัวด้วยท่าทีที่เป็นทุกข์และแอบถอนหายใจออกมา
ต้องขอบคุณซาโรตุที่รับช่วงต่อมาดูแลทีมที่เจ็ด หากเขาได้รับมอบหมายให้ดูแลทีมที่เจ็ด ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องหมดแรงก่อนแน่นอน
แต่การที่สามารถฝึกซาสึเกะและนารูโตะให้พัฒนาไปได้ดีเช่นนี้ จนเด็กสองคนนี้ยังสามารถใช้กระสุนวงจักร...
วิธีการสอนของซาโตรุนั้นดีเกินคาดไปจริงๆ
กายพยักหน้าด้วยความพอใจและพูดว่า "จงปฏิบัติต่อกันเหมือนเป็นคู่แข่ง นี่แหละคือวิถีของวัยรุ่น!"
"เฮ้อ" คาคาชิถอนหายใจและคิดในใจเงียบ ๆ
ทุกคนรอบตัวฉันทำไมถึงดูเหมือนจะมีแต่ตัวปัญหากันนะ
“ผ่านไปหนึ่งนาทีแล้วนะ จะเริ่มตอนไหนล่ะ?” ซาโตรุคาบอมยิ้ม ล้วงมือในกระเป๋าด้วยท่าทีสงบ พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า เขามองดูซาโซริที่อยู่ตรงหน้าเขา
เขาไม่ได้เริ่มโจมตีก่อน และซาโซริก็ไม่โจมตีก่อนเช่นกัน
ยามนี้ซาโซริระวังตัวมาก