บทที่ 95 : การเปิดประตูด่านที่เจ็ดพ่ายแพ้ คาคาชิจะใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาเหรอ?
บทที่ 95 : การเปิดประตูด่านที่เจ็ดพ่ายแพ้ คาคาชิจะใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาเหรอ?
“แต่ดูเหมือนว่าคงจะสู้ได้อีกไม่นานสินะ ช่างไม่มีศิลปะเอาเสียเลย”
ซาโซริหยิบคัมภีร์ออกมา และหลังจากเปิดคัมภีร์นั้นควันสีขาวก็ลอยออกมา จากนั้นหุ่นที่มีรูปร่างเหมือนคาเสะคาเงะรุ่นที่ 3 ก็ปรากฏตัวขึ้น
หลังจากที่เขาสร้างหุ่นเชิดจากคนที่ไปตายแล้ว หุ่นเชิดก็จะสามารถใช้ขีดจำกัดทางสายเลือดได้
เขาเป็นคนเดียวในโลกนินจาที่สามารถบังคับหุ่นเชิดได้โดยยังคงมีขีดจำกัดสายสายเลือด
เขาเป็นอัจฉริยะหุ่นเชิดที่ไม่มีใครเทียบได้
"ทรายเหล็ก" ซาโซริขยับนิ้วเล็กน้อย และหุ่นคาเสะคาเงะรุ่นที่สามก็เริ่มประสานอิน
“ครืน” พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และทรายสีดำและเหล็กชิ้นใหญ่ก็ลอยขึ้นมาจากพื้น โจมตีกายราวกับคลื่นลูกใหญ่
“ขีดจำกัดทางสายเลือดเหรอ? จับตาดูให้ดี นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ฉันพัฒนาขึ้นเพื่อจะมาเอาชนะอัจฉริยะทั้งสองอย่างซาโตรุและคาคาชิ”
กายพับมือเข้าหากัน พื้นที่รอบตัวของเขาบิดเป็นเกลียว และฝ่ามือทั้งสองข้างก็ได้ทำให้เกิดการไหลเวียนของอากาศ เกิดแรงบีบอัดที่มีความหนาแน่นสูงเป็นพิเศษ
“พยัคฆ์กลางทิวา!”
กระแสลมที่มีความหนาแน่นเป็นพิเศษพุ่งออกไปและกลายเป็นศีรษะเสือยักษ์ ทุกที่ที่มันผ่านไปมันเสียดสีกับอากาศจนพื้นก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ศีรษะของเสือยักษ์พุ่งทะลุคลื่นทรายเหล็กขนาดมหึมา และกระแสลมที่มันพุ่งออกมาทำให้หินและภูเขาโดยรอบสั่นสะเทือน แสดงให้เห็นได้ชัดเลยว่าวิชานี้ทรงพลังเพียงใด
"ม่านทรายเหล็ก" นิ้วของซาโซริขยับเล็กน้อย และผนึกของหุ่นกระบอกคาเสะคาเงะรุ่นที่สามก็เปลี่ยนไป
ทรายและเหล็กอันกว้างใหญ่พุ่งขึ้นมา ก่อตัวเป็นกำแพงทึบด้านหน้าซาโซริ
“บูม” ศีรษะเสือยักษ์พุ่งใส่ม่านทรายเหล็ก หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่นที่สามถูกชนออกไป ซาโซริถูกกลืนหายไปโดยพยัคฆ์กลางทิวาและมีรอยแตกปรากฏขึ้นทั่วร่างกายของเขา
ในที่สุด...
ซาโซริก็พ่ายแพ้แล้ว
“แข็งแกร่งมาก.. นี่นายพยายามจะใช้ไอ้นี้เอาชนะฉันเลยงั้นเหรอ?” คาคาชิมองซาโซริที่กลายเป็นขี้เถ้าด้วยดวงตาปลาตายของตนพลางนึกถึงสิ่งที่กายพูดเมื่อครู่
กายบอกว่าเขาเตรียมวิชานี้ไว้สำหรับเขาและซาโตรุใช่หรือเปล่า?
ซาโตรุอาจจะป้องกันได้ แต่เขาป้องกันไม่ได้แน่นอน หากกายใช้กำลังทั้งหมดเพื่อโจมตีด้วยการใช้พยัคฆ์กลางทิวา
นี่กายวางแผนที่จะฆ่าเขาหรือเปล่าเนี่ย?
เดอิดาระไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่นิดเดียว เขามองดูขี้เถ้าของซาโซริแล้วพูดเอือมๆ “ขอให้ตายอย่างสงบนะ เดี๋ยวไว้อาลัยกับพระเจ้าให้แทนเอง”
“โจมตีสองเท่า!” กายไม่หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียวหลังจากจัดการซาโซริได้แล้ว เขาถือกระบองไว้ในมือ และทุบใส่เดอิดาระอย่างแรง
เขาใกล้หมดเวลาแล้ว
ด้วยร่างกายของเขาในปัจจุบัน เขาสามารถรักษาสถานะของประตูด่านที่เจ็ดได้เพียงสามนาที และหลังจากสามนาทีผ่านไป เขาจะสูญเสียพลังการต่อสู้ของเขา
เขาจึงต้องแข่งกับเวลา
“ช่างเป็นศิลปะที่น่าตกใจจริงๆ!” รูม่านตาของเดอิดาระหดตัวลง และเมื่อเขากำลังจะหลบหลีกหนี กระบองก็ทำให้พื้นที่รอบตัวเขาบิดเบี้ยวไป
เป็นผลให้เขาไม่สามารถใช้ท่าร่างหนีไปได้ในทันที
ถ้าเขาโดนการโจมตีของกาย แม้ว่าเขาจะไม่ตายก็ตาม เขาก็คงจะพิการ
ทันใดนั้นเอง
สีผิวของกายก็เปลี่ยนไป มีเลือดจำนวนมากพุ่งออกมาจากปากของเขา ร่างกายของเขาแข็งทื่อและล้มลงบนพื้นอย่างรุนแรง ไอน้ำที่ปกคลุมทั้งตัวของเขาค่อยๆ หายไป ผิวหนังบนแขนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม
"เกิดอะไรขึ้นกัน?" กายดูสับสน
“ฟู้ว..ดูเหมือน พระเจ้าคงกลัวท่านจนแย่เลยสินะ” เดอิดาระถอนหายใจด้วยความโล่งอก และมองไปที่แขนขวาสีม่วงของกาย
พิษสินะ?
คงใช้ดินเหนียวเล็กๆ เพื่อระเบิดกล้ามเนื้อจากภายในของกาย
แต่เขาไม่คิดเลยว่ากายจะต้านทานมันได้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว กายก็ได้ล้มลงไปกับพื้นเพราะพิษของซาโซริ
กระทั่งกล้ามเนื้อของเขาปลิวไปเพราะระเบิดก็ยังคงมีแรงเหลือเลย
ช่างเป็นพลังที่ประหลาดเสียจริง
“พิษเพิ่งจะได้ผลตอนนี้ ร่างกายของนาย...แข็งแกร่งมาก” ซาโซริปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ไม่มีแม้แต่บาดแผลหรือรอยเลือดที่ผิวหนัง
ร่างกายของเขาเป็นเพียงหุ่นเชิด แม้ว่ามันจะกลายเป็นขี้เถ้า แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก
ยังไงซะ เขาก็มีหุ่นสำรองมากมาย
นี่แหละคือช่องว่างของความฉลาด
การโจมตีของกายที่ใช้พยัคฆ์กลางทิวาสามารถฆ่าซาโซริได้จริงๆ แต่มันไม่อาจสังหารหุ่นเชิดของเขาได้
ร่างกายที่แท้จริงของซาโวรินั้นเป็นก้อนเนื้อที่อยู่ตรงหัวใจ
หากคนที่กายโจมตีเป็นเดอิดาระ เขาคงจัดการกับสมาชิกของแสงอุษาได้แล้ว
แต่ก็น่าเสียดาย
“คนจากแสงอุษาแข็งแกร่งขนาดนี้เหรอ? แรงระเบิดเมื่อครู่นี้...ทำอะไรไม่ได้เลยเนี่ยนะ!” กายตกใจเมื่อเห็นซาโซริไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
เขาโจมตีโดยการเปิดประตูที่เจ็ดด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขา แต่เขาไม่สามารถเอาชนะซาโซริได้ และเขาก็ไม่สามารถทำสร้างบาดแผลได้เลย
มันเกินไปมาก!
“ช่องว่างของความแข็งแกร่งนั้นเยอะมากเกินไปแล้ว” คุเรไนคุกเข่าลงบนพื้น จับแขนที่มีเลือดไหลของเธอ ดวงตาสีแดงสดของเธอค่อยๆ เบิกกว้าง และเธอก็มองดูซาโซริด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
ตอนนี้การโจมตีของกายนั้นมีพลังเทียบเท่าระดับคาเงะ แต่มันกลับไม่สามารถทำร้ายซาโซริได้เลย
เป็นไปได้ไหมว่าสมาชิกขององค์กรแสงอุษามีความแข็งแกร่งระดับซาโตรุ?
หากเป็นเช่นนี้แล้ว องค์กรแสงอุษาก็สามารถโค่นล้มโลกนินจาทั้งหมดลงได้แน่!
ทว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแปลกๆ ถึงอะไรบางอย่างในตัวซาโซรุ ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน?
คุเรไนขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองดูซาโซริอย่างระมัดระวัง เธอรู้สึกว่าซาโซรุนั้นเหมือนกับหุ่นเชิดที่ไม่มีชีวิต
ไม่มีอารมณ์ ไม่มีสัญญาณของความหิวกระหาย
ดวงตาของคุเรไนขยับเล็กน้อย และเมื่อเธอเห็นหัวใจของซาโซริเธอก็สะดุ้ง
เป็นไปได้ไหมว่า...
"หัวใจ..."
คุเรไนพูดออกมาว่า “จุดอ่อนของเขาคือหัวใจ!”
"หัวใจ?
ทุกคนตกใจเล็กน้อย และมองไปที่หัวใจของซาโวรุอย่างสงสัย สิ่งที่พวกเขาเห็นคือก้อนเนื้อสีดำ
ก้อนเนื้อนั้นเต้นเหมือนกับจังหวะหัวใจ
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือซาโซริเป็นแค่หุ่นเชิดและหัวใจคือร่างกายที่แท้จริงใช่ไหม?
“มนุษย์มีขีดจำกัด ฉันน่ะก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ไปแล้ว แต่หุ่นเชิดนั้นสวยงามชั่วนิรันดร์ พวกมันจะไม่ตายหรือแก่ไปตามกาลเวลา”
“ถึงจะพบจุดอ่อนของฉัน มันก็ไร้ค่า เพราะมันสายเกินไปแล้ว”
ซาโซริโยนเสื้อคลุมเมฆสีแดงไปด้านข้าง เผยให้เห็นหุ่นเชิดที่สะอาดราวกับหยก โดยที่หลังของมันเปิดออกและใบพัดที่แหลมคมปรากฏขึ้น
จุดอ่อนของเขาคือหัวใจ แต่พวกเขาทุกคนรู้ตัวช้าเกินไป
กายเป็นเพียงคนเดียวที่ยังคงมีพลังการต่อสู้ แต่เขาถูกวางยาพิษและล้มลงกับพื้นไปเสียแล้ว
มันสายเกินไป
“แปลงร่างเป็นหุ่นเชิดเหรอ ไอ้นี้มัน...บ้าไปแล้ว!” ใบหน้าของคาคาชิเริ่มจริงจัง ตาขวาที่ปิดไว้มีเลือดไหลออกมา
เขาจะใช้เคล็ดลับนั้นเหรอ?
แต่เขามีจักระเหลือน้อยมาก หลังจากใช้เนตรกระจกหมื่นบุปผาไปอย่าง เขาอาจจะตายได้เลย
"ฉันจะทำให้พวกนายกลายเป็นหุ่นเชิดและกลายเป็นหนึ่งในผลงานศิลปะของฉัน" ด้วยใบพัดที่ด้านหลังซาโซริ เขากระโจนออกไปโจมตีกายทันที
ตาขวาของคาคาชิได้เบิกออก และสามหยดน้ำในดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ลังเลอีกต่อไปเพราะเขาไม่อยากอยู่เฉยเพื่อมองเพื่อนของเขาตายไปต่อหน้า
แค่ครั้งเดียวมันก็เกินพอแล้ว
เขาตั้งใจที่สละจะชีวิตของเขาเพื่อช่วยเพื่อนของตนเอง!
"ร้อนแรงมาก!" กายกัดฟันแล้วลุกขึ้นในขณะที่อดทนต่อความเจ็บปวดในกล้ามเนื้อ อวัยวะภายในของเขาสั่นไหวอันเป็นความรู้สึกแสบร้อนที่เกิดจากพิษ ถึงกระนั้น เขากลับคิดจะเปิดประตูด่านที่เจ็ดอีกครั้ง