บทที่ 93 : ศิลปะไม่มีวันล้มเหลว!
บทที่ 93 : ศิลปะไม่มีวันล้มเหลว!
“ก่อนที่เรื่องจะยุ่งยากเกินไป ฉันจะเอาจริงแล้วนะ” ซาโซริที่สวมเสื้อคลุมเมฆสีแดง ผมสีแดงปลิวไสวตามสายลม ใบหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกได้มองไปที่กายและคนอื่นๆ
เสียงของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ แต่ใบหน้ากลับเหมือนหุ่นเชิดที่ไร้ซึ่งอารมณ์
เขารู้สึกได้ว่าหลังจากที่กายเปิดประตูด่านที่หกแล้วนั้นจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ถ้าเขาไม่ลงมือจริงจัง การต่อสู้คงจะยืดเยื้อ
ซึ่งหากยื้อไปนาน ซาโตรุคงจะปรากฏตัวขึ้นมา
เขาค่อนข้างที่จะระวังเรื่องความแข็งแกร่งของซาโตรุพอสมควร เพราะซาโตรุเคยเอาชนะอิทาจิมาก่อน ทั้งยังจับคิซาเมะได้ตัวเป็นๆ อีกด้วย
“ท่านซาโซริ ไม่ว่าจะมองใบหน้าที่แท้จริงของท่านกี่ครั้ง ก็ยังตลกมากเลยนะ” เดอิดาระมองดูซาโซริด้านล่างด้วยความรู้สึกขบขัน เมื่อเขาเห็นใบหน้าของซาโซริ เขาก็ผงะเล็กน้อย ดวงตาของเขาฉายแววสงสัยขึ้นมา
ใบหน้าที่เขาได้เห็นก่อนหน้านี้เป็นคุณลุงไม่ใช่เหรอ?
ทำไมครั้งนี้ถึงกลายเป็นวัยรุ่นไปได้เล่า?
นี่คือศิลปะแห่งนิรันดร์ที่ว่างั้นเหรอ?
“เดอิดาระ อย่ามายุ่ง” ซาโซริหยิบม้วนหนังสือออกมา และเมื่อควันสีขาวลอยขึ้น หุ่นสองตัวก็ปรากฏขึ้นในอากาศ
"อา?" ใบหน้าของเดอิดาระเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพูดด้วยความโกรธว่า "ท่านต่างหากที่ควรเลิกยุ่ง เพราะงานศิลปะของผมมันกำลังเริ่มต้นไงล่ะ"
ตอนนี้เขากำลังอารมณ์ดี ทว่าซาโซริกลับออกคำสั่งไล่เขางั้นเหรอ?
ตลกแล้ว
เขาน่ะต้องการแสดงงานศิลปะที่งดงามให้กับคนเหล่านี้ทั้งหมดได้เชยชม
"หุ่นเชิดคือศิลปะแห่งความนิรันดร์ การระเบิดมันก็เป็นแค่การระบายอารมณ์ออกมาเท่านั้น" ซาโซริขยับนิ้วของเขาเล็กน้อย หุ่นสองตัวที่มีรูปร่างเป็นชายและหญิงลอยอยู่บนท้องฟ้าตรงหน้าเขา
หุ่นเชิดทั้งสองตัวนี้คือพ่อและแม่ของซาโซริจากหมู่บ้านซึนะ
“หา? ถึงจะเป็นท่านที่กล่าวเช่นนี้ก็เถอะ แต่ผมจะโกรธแล้วนะ!” หน้าผากของเดอิดาระปรากฏขึ้นพร้อมกับตัวอักษร [底] และมีร่องรอยของความโกรธปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
ต่อหน้าหน่วยสอดแนมและคนอื่นๆ ซาโซริและเดอิดาระกลับเริ่มโต้ตอบกันอย่างดุเดือด
คนหนึ่งคิดว่าความเป็นนิรันดร์ของหุ่นเชิดเป็นศิลปะที่สวยงามที่สุด
อีกคนหนึ่งก็คิดว่าช่วงเวลาแห่งการระเบิดเป็นศิลปะที่น่าตกตะลึงที่สุด
“พวกเขาสองคนนั้น...เกิดอะไรขึ้นกัน? พวกเขาไม่สนใจเราเลยเหรอ?” ฮิวงะ เนจิกุมหน้าท้องที่มีเลือดไหลออกมา หอบหายใจแรงๆและจ้องมองไปที่สมาชิกแสงอุษาทั้งสองที่อยู่ไกลๆ อย่างระมัดระวัง
ทีมหน่วยสอดแนมในตอนเรกเป็นศัตรูกับองค์กรแสงอุษา
แต่ตอนนี้แสงอุษาทั้งสองเริ่มทะเลาะกันงั้นเหรอ?
นี่เป็นโอกาสอันดีของพวกเขาแล้ว!
“ความสามารถของเดอิดาระนั้นแข็งแกร่งมาก ส่วนสมาชิกอีกคนของแสงอุษาก็ดูเหมือนจะเก่งมากในการบังคับหุ่นเชิด” คุเรไนมองดูพวกเขาอย่างระมัดระวัง
“คาคาชิ สมาชิกแสงอุษาที่ควบคุมหุ่นกระบอกนั้นให้กายจัดการ ส่วนเราจะจับเดอิดาระเอง”คุเรไนกล่าว
คาคาชิพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “งั้นก็มาเริ่มกันเลย”
เขารู้ว่าซาโซริและเดอิดาระเป็นสองนินจาที่แข็งแกร่งระดับคาเงะ ทว่าดูเหมือนพวกเขาจะไม่มีการทำงานเป็นทีมเลย
นี่เป็นจุดอ่อนที่ดีที่พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์ได้
“ทะเลาะกันแรงเลย ทุกคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ใครๆ ก็อยากเอาชนะ นี่แหละวัยรุ่นตัวจริง” กาย ยกนิ้วโป้งขึ้น แสดงรอยยิ้มที่สดใส ฟันขาวของเขาเปล่งประกายแวววาวออกมา
“เมื่อมองดูสองคนนั้น ฉันก็นึกถึงสมัยวัยรุ่นตอนที่ฉันกำลังวิ่งเหยาะๆ ท่ามกลางพระอาทิตย์ตกดินกับคาคาชิและซาโตรุเลย” กายคิดเรื่องความหลังของเขาจนมีภาพปรากฏขึ้นในใจของเขา
ซึ่งมันเป็นเรื่องสมมติทั้งหมดเลย
“มาพิสูจน์กันหน่อยว่างานศิลปะของใครจะเจ๋งกว่ากัน” เดอิดาระล้วงเข้าไปในมือที่มีฟันของตน กัดดินเหนียวที่ทำให้เกิดการระเบิดจากฝ่ามือของเขา
คุเรไนและคนอื่นๆ ด้านล่างกำลังกระจายตัวกันออกไป
เขาเริ่มสังเกตเห็นแล้วว่าคาคาชิและคนอื่นๆ กำลังจะแยกออกเป็นสองกลุ่มเพื่อจับตัวเขาและเดอิดาระไว้
“ฝากสัตว์ร้ายสีน้ำเงินไว้ให้ฉันจัดการเอง” ซาโซริขยับนิ้วเล็กน้อย หุ่นทั้งสองก็จับใบมีดและฟันเข้าไปที่กายอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองฝ่ายเริ่มต่อสู้กัน
ในเวลาเดียวกันนี้เอง
คาคาชิหายตัวไปทันทีและปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเดอิดาระ
"ตัดสายฟ้า" คาคาชิใช้เนตรวงแหวนจ้องมองเดอิดาระที่อยู่ตรงหน้า และจักระสีฟ้าอ่อนก็โผล่ออกมาจากฝ่ามือของเขา
พลังธาตุได้ไหลเข้ามาในจักระ
นี่คือคาถาแข็งแกร่งที่สุดของเขาในยามนี้ และเขาเองก็เหลือจักระไม่มากนัก ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะใช้กระบวนท่านี้เพื่อเอาชนะ
ทันใดนั้น
เดอิดาระก็กระโดดไปด้านข้าง หลบการโจมตีของตัดสายฟ้า และเขาก็มองไปที่เนตรวงแหวนของคาคาชิด้วยความโกรธเล็กน้อย
"เร็วมาก" คาคาชิขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เนตรวงแหวนงั้นเหรอ?” ใบหน้าของเดอิดาระบิดเบี้ยวและเขาก็กัดฟันแน่น ภาพของอุจิวะ อิทาจิในอดีตได้ปรากฏขึ้นในใจของเขาในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
ดวงตาคู่นั้น...ไอ้เนตรวงแหวนบัดซบนั้น!
“แกมาจากตระกูลอุจิวะเหรอ?” เดอิดาระพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “ดวงตาคู่นี้ ไม่แปลกใจเลยที่แกจะมองผ่านงานศิลปะที่สมบูรณ์แบบของฉันได้”
“แต่ว่าไอ้นัยน์ตาคู่นั้นมันบดบังงานศิลปะของฉัน”
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว!”
เดอิดาระเกลียดเนตรวงแหวนมาก เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยพ่ายแพ้ให้กับเนตรวงแหวน
เขาเองถึงขั้นต้องเปลี่ยนตาซ้ายของเขาให้เป็นเครื่องจักรเพื่อต่อสู้กับเนตรวงแหวน จากนั้นเขาก็ฝึกฝนวิธีจัดการกับเนตรวงแหวนเป็นพิเศษ
เขาเกลียดเนตรวงแหวนมากจริงๆ เพราะมันขัดขวางงานศิลปะของเขา
“มาสิ ฉันจะทำให้แกตายด้วยงานศิลปะของฉันเอง!” ปากบนฝ่ามือของเดอิดาระได้เปิดออก แมงมุมดินเหนียวชิ้นใหญ่พุ่งออกมา
เมื่อเขากำลังจะประสานอินนั้นเอง
"พึ่บ" กลีบดอกซากุระสีชมพูอ่อนที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า และมังกรดินเหนียวก็กลายเป็นดอกไม้สีชมพูขนาดใหญ่
ทุกคนหายไปในพริบตา มีเพียงเดอิดาระที่แข็งทื่อและยืนอยู่บนยอดดอกไม้ด้วยความงุนงง
"คาถาลวงตา · กลีบดอกไม้หลบหลีก" คุเรไนปรากฏตัวออกมาจากอากาศ ในมือมีดอกไม้ขนาดใหญ่
คาถาลวงตา · กลีบดอกไม้หลบหลีก เป็นคาถาที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอในยามนี้แล้ว
"ให้ตายเถอะ! ฉันตกหลุมพลางกลอุบายอ่อนแอแบบนี้อีกแล้ว..." ดวงตากลของเดอิดาระหรี่ลง และมือของเขาก็ค่อยๆ ขยับได้อีกครั้ง
เพื่อที่จะเอาชนะเนตรวงแหวนของอุจิวะอิทาจิ เขาได้ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อต่อต้านภาพลวงตา
คุเรไนตะโกนออกมา “คาคาชิ!”
คาคาชิอาศัยช่วงเวลานั้นไว้โดยไม่ลังเล เขากระโจนเข้าหาเดอิดาระโดยใช้ตัดสายฟ้า เป้าหมายคือตรงที่หัวใจ
"ฮึ่ม!" เดอิดาระประสานอินด้วยมือข้างเดียว จักระไหลเข้ามาตามเท้าของเขา เขาวางแผนที่จะระเบิดพาหนะที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาทิ้งเสีย
มังกรยักษ์ตัวนี้มีพลังระดับ C2 และพลังของมันก็เพียงพอที่จะระเบิดภูเขาหินเล็กๆ หลายลูกได้ในคราวเดียว
แต่ทว่า..มังกรกลับไม่ระเบิด
“เป็นไปได้ยังไง? งานศิลปะของฉันไม่เคยล้มเหลวมาก่อน!” ใบหน้าของเดอิดาระเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองเห็นกระแสสีฟ้าอ่อนที่ไหลบนพื้นผิวร่างของมังกรอย่างคลุมเครือ
คาถาสายฟ้าเหรอ?
เพราะคาถาสายฟ้างั้นเหรอ!