บทที่ 29 การทำลายล้าง! ฉันแค่อยากจะมีชีวิตรอด!(อ่านฟรี)
เกิดแสงวาบไปทั่วแผงเกม ซูโม่ไปที่แผงแชทของเกมและคลิกที่การถ่ายทอดสดการต้านทานภัยพิบัติ
จากนั้นห้องถ่ายทอดสดที่ต่างจากห้องอื่นๆก็ปรากฏขึ้น
มองเห็นเพียงประกายไฟริบหรี่ในภาพ
ในขณะเดียวกันห้องถ่ายทอดสดต่างประเทศซึ่งอยู่ในอันดับที่สิบก็ถูกบีบออก
ห้องถ่ายทอดสดชื่อ “หัว” ปรากฏขึ้นในอันดับที่หนึ่ง
ซึ่งมีคะแนนมากกว่าศูนพักพิงของซุสที่เป็นอันดับสองถึงสามเท่า
แทนที่จะใส่ใจกับรายละเอียดเหล่านี้ ซูโม่คลิกอย่างรวดเร็วบนฟีดถ่ายทอดสด เปลี่ยนชื่อเป็น "Carrying Out God's Will" และเปิดภาพถ่ายทอดสดขึ้นมา
ประกายไฟทั้งห้านั้นชัดเจนมากในตอนกลางคืน
ซูโม่รู้ได้ทันทีว่าทั้งห้าคนอยู่ที่ไหน
“เอาล่ะ พวกคุณทุกคนกำลังรอความตายอยู่ที่ท่อระบายอากาศสินะ”
ซูโม่หัวเราะด้วยความโกรธและเดินไปที่หลุมข้างเตียงขณะที่เขาดูภาพถ่ายทอดสดไปด้วย
เขาเพ่งสมาธิไปที่หลุม คุณสมบัติของหลุมก็ปรากฏออกมา
[ทางเดิน]
[คำอธิบาย :ทางเดินที่ไม่สมบูรณ์]
[ทิศทางการอัพเกรด : ทางหนี : ขยายขนาด (5), ทางเข้า (60), วัสดุ (40), ความแข็งแรง (200), ประตูทางเข้า (40)]
[บทนำ: กระต่ายเจ้าเล่ห์ต้องมีสามโพรง!]
“ฉันเลือกการขยายและทางเข้า”
คะแนนการเอาชีวิตรอดลดลง 65 คะแนน แสงสีเขียวพุ่งออกมาจากร่างของซูโม่
ทางเข้าที่แต่เดิมขรุขระเริ่มขยายขนาดออก
หลุมที่มีขนาดความสูงได้เพียงเอว ค่อยๆ สลายภายใต้พลังของระบบจนมีความสูงเพียงพอที่ผู้ใหญ่จะก้มลงและเดินเข้าไปได้
พื้นผิวในหลุมเริ่มเรียบ และปากหลุมบนกำแพงหินก็กลายเป็นวงกลมที่สมบูรณ์
เมื่อมองเข้าไปในหลุม ดินด้านในก็ดูเหมือนจะละลายและหายไปอย่างรวดเร็ว
ภายในไม่กี่วินาที แสงสีเขียวก็จางหายไป บ่งบอกว่าการเปลี่ยนแปลงเสร็จสมบูรณ์
ซูโม่ก้มศีรษะลงและเดินเข้าไปตามทางเดิน
แม้ว่าจะไม่มีบันได แต่ดินในทางเดินนั้นแข็งมากและมีความลาดชันเล็กน้อย หลังจากเดินไม่นานซูโม่ก็มาถึงจุดสิ้นสุด
มีประตูไม้เรียบง่ายอยู่ตรงนั้น เขาดันมันออกด้วยแรงเพียงเล็กน้อย
เมื่อมองไปรอบๆ ซูโม่ก็พบตำแหน่งของแผ่นไม้บนฟีดถ่ายทอดสด
มันอยู่ตรงหน้าทะเลสาบฝนกรด
หากคุณไม่รู้เกี่ยวกับหลุมนั้นและไม่สังเกตอย่างรอบคอบ คุณจะไม่มีวันพบมัน
เขาผลักประตูไม้ให้เปิดออกแล้วก้าวออกจากที่หลบภัย
ฝนกรดที่ตกลงมาหยดลงมาตามเสื้อกันฝนและหน้าไม้
เขาหมอบลงบนพื้นและเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
มองจุดสว่างบนหน้าจอขณะเดินไปข้างหน้า
ซูโม่เดินอย่างระมัดระวัง
เมื่ออยู่ในเสื้อกันฝนที่มีสีดำ ในค่ำคืนที่ฝนตกท้องฟ้ามืดมิด เขาดูเหมือนยมทูตที่ถือเคียวแห่งความตาย ที่ทำให้ผู้คนสั่นกลัว
ไม่เพียงแต่เขาจะเห็นประกายไฟจากภาพถ่ายทอดสดเท่านั้น แต่เขายังเห็นประกายไฟด้วยตาของเขาเองด้วย
“เขาใส่แว่นเหรอ?”
ด้วยแสงจากคบไฟทำให้ซูโม่มองเห็นหน้าคนคนนั้นได้
ซูโม่เริ่มเคลื่อนตัวไปทางซ้ายอย่างเงียบๆ
การโจมตีครั้งแรกนั้นต้องรุนแรงที่สุด เขาต้องทำให้แน่ใจว่าเขาสามารถโจมตีชายที่ดูเหมือนจะมีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาห้าคน
เขามองไปรอบๆ และประกายไฟอันที่สองก็ปรากฏขึ้น
“ที่หน้ามีแผลเป็น คอหนา และดูเย่อหยิ่ง…”
วิธีที่ดีที่สุดในการตัดสินความสามารถในการต่อสู้ของผู้ชายคือการดูที่คอและแขนของเขา
คนที่มีคอหนาอาจเป็นนักศิลปะการต่อสู้หรือผู้แข็งแกร่งก็ได้ คนเหล่านี้รับมือได้ยากกว่าคนทั่วไปมาก
“คนนั้น...”
เมื่อได้ยินคำสาปแช่งจากชายผู้มีแผลเป็นจากระยะไกล ดวงตาของซูโม่ก็ยิ่งเย็นลง
เขาหมอบลงบนพื้นและวางหน้าไม้ลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง เขาเล็งไปที่ Scarface และเหนี่ยวไกหน้าไม้อย่างนุ่มนวล
ฟึบ!
ซูโม่ไม่มีเวลาที่จะลิ้มรสเสียงอันไพเราะที่ดังขึ้นท่ามกลางสายฝน
เขาเห็นชายที่มีแผลเป็นที่หน้ายกมือขึ้นมากุมหน้าอกและล้มลงกับพื้น
แสงจากคบเพลิงที่ล่วงลงพื้น ทำให้ซูโม่เห็นลูกดอกหน้าไม้ตรงกลางหน้าอกของชายที่มีรอยแผลเป็น
มันเป็นหน้าไม้ที่อาบด้วยฝนกรด!
การถูกโจมตีที่หน้าอกก็เพียงพอที่จะทำให้ตายได้!
“อ๊ากกกกก...”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นท่านกลางสายฝน
ภาพจากการถ่ายทอดสด ทั้งสี่คนที่เหลือดูตื่นตระหนกมาก
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของทั้งสี่คนเป็นระเบียบมาก
ไม่มีใครเลือกที่จะช่วยชายที่มีรอยแผลเป็นแต่พวกเขากลับรีบซ่อนตัว มีคนหนึ่งดับคบเพลิงของเขาทันทีและซ่อนตัวอยู่ในความมืดอย่างชาญฉลาด
“เขาฉลาดมาก ฉันคิดว่าฉันจะกำจัดเขาเป็นคนต่อไป”
ชายสวมแว่นเป็นคนดับคบเพลิง
ชายสวมแว่นตากลิ้งไปกับพื้นและโยนคบเพลิงไปใกล้ๆเพื่อนร่วมทีมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
น่าเสียดายที่ผ้าสีแดงบนหลังของเขาสะดุดตามากในภาพถ่ายทอดสด!
ซูโม่นอนลงบนพื้น เขากรอเชือกด้วยมือทั้งสองข้างอย่างเงียบๆ
ด้วยเสื้อกันฝนที่ทนกัดกร่อน เขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเม็ดฝนจะตกลงบนร่างกายของเขา ทั้งสี่คนที่อยู่ตรงข้ามเขายังคงถือร่มและหมอบอยู่กับที่ ทำให้ตัวเองกลายเป็นเป้าที่สมบูรณ์แบบ
สิบห้าวินาทีต่อมา ซูโม่บรรจุลูกดอกหน้าไม้อันที่สองเสร็จ เขาค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปบนพื้น
ซูโม่เริ่มมองเห็นจุดซ่อนตัวที่ชายสวมแว่นคิดว่าเป็นจุดที่ดีที่สุด
'วางหน้าไม้ให้เข้าที่'
'เล็งเป้า!'
'ยิง!'
ลูกดอกหน้าไม้สีดำสนิทจพุ่งเข้าใส่คอของชายสวมแว่น
แรงกระแทกที่รุนแรงทำให้ชายสวมแว่นล้มลงกับพื้นในทันที
สายฟ้าฟาดลงมาและในพริบตาเดียว
ชายสวมแว่นมองเห็นซูโม่ที่หมอบอยู่กับพื้น สีหน้าของเขาราวกับเห็นผี เขาพยายามจะยืนขึ้นและเปล่งเสียงออกมา
แต่น่าเสียดายที่คอของเขามีเลือดไหลอย่างต่อเนื่องทำให้คำพูดของเขาติดอยู่ในลำคอ
ภายในสามถึงห้าวินาที ชายสวมแว่นก็สิ้นใจ
ตอนนี้คบเพลิงทั้งห้าดับลงแล้ว และเป็นการยากที่จะบอกระบุตำแหน่งพวกนั้น
ซูโม่นอนอยู่บนพื้นกรอหน้าไม้ไปพร้อมกับปรับมุงมองภาพซูมเข้าออกเพื่อคนหาตำแหน่งของคนอื่นๆ
“เจอแล้ว~”
ภายใต้หน้ากาก มุมปากของซูโม่กระตุกเป็นรอยยิ้ม
"บางทีนี่อาจจะทำให้ฉันเข้าใจได้ว่าทำไมบางคนถึงอยากเปิดมุมมองเต็มรูปแบบเมื่อเล่นเกมยิงปืน"
ความตึงเครียดของซูโม่เกี่ยวกับการฆ่าโจรสองคนติดต่อกันบรรเทาลงด้วยความคิดที่ตลกขบขัน
หลังจากผ่านไป 30 วินาที การกรอจะเสร็จสิ้น
เขาเปลี่ยนตำแหน่ง มองหาเป้าหมาย เล็ง และยิง
แสงเย็นๆ แวบขึ้นมาและลูกดอกก็พุ่งไปที่ท้องหม่าซี พลังงานจลน์มหาศาลทะลุทะลวงท้องของเขา
ความเจ็บปวดอันใหญ่หลวงทำให้หม่าซีลุกขึ้นยืนและตะโกนออกมา
“อย่าฆ่าฉัน!! อย่าฆ่าฉัน!! ฉันไม่อยากตาย!!! ไปฆ่าหวงเปียว เขาฆ่าไป 7 คน! ฉันไม่ได้ฆ่าใคร! เขาบังคับฉันให้เป็นฆาตกร ฉันคิดว่า...”
หม่าซีล้มลงอย่างอ่อนแรงบนเนินเขาขณะวิ่ง
ฝนกรดที่เกาะอยู่บนหัวลูกดอกกัดกร่อนอวัยวะภายในที่เปราะบางของร่างกายมนุษย์เกือบจะทันที
อีกสองคนที่เหลือได้ยินเสียงตะโกนของหม่าซี พวกเขาจึงคิดได้ว่า หากยังอยู่ตรงนี้ จะกลายเป็นว่าพวกเขายืนรอความตายเท่านั้น พวกเขาจึงลุกขึ้นและวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง
ขณะที่ซูโม่กำลังดึงสายหน้าไม้ มีโจรคนหนึ่งวิ่งมาทางเขา
ชายคนนั้นวิ่งด้วยความตื่นตระหนกโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังวิ่งเข้าหาความตาย
หลังจากที่ซูโม่ยกหน้าไม้ขึ้น ชายคนนั้นถึงได้รู้สึกตัว เขาอยากจะกรีดร้องออกมา
แต่คำพูดนั้นกลับติดอยู่ในลำคอ และเขาก็ล้มลงอย่างอ่อนแรง
เมื่อเห็นร่างที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจากภาพถ่ายทอดสด ซูโม่ก็ลุกขึ้นโดยไม่มองชายที่พึ่งล้มลงและวิ่งตามเขาไปพร้อมทั้งดึงสายหน้าไม้ในมือไปด้วย
“นี่คงจะเป็นหวงเปียว ที่พวกเขาพูดถึง เขาคงเป็นฆาตกรจริงๆ การหนีของเขาดูมีแบบแผน”
หวงเปียวไม่คุ้นเคยกับพื้นที่นี้ พื้นที่มีความยวบยาบของดินที่ชุ่มน้ำ แต่เขาก็ยังวิ่งได้เร็ว
ซูโม่ที่มีความได้เปรียบจากความคุ้นเคยกับพื้นที่ บวกกับ
มีภาพถ่ายทอดสดไว้อ้างอิง ทำให้วิ่งได้เร็วไม่ต่างกัน
คนหนึ่งไล่ตามในขณะที่อีกคนวิ่งหนี ไม่นานซูโม่ก็ไล่ตามได้ทัน เขาอยู่ห่างจากหวงเปียวประมาณ 50 เมตร
เขายกหน้าไม้ขึ้นเล็งในขณะที่วิ่งและยิงออกไป
ลูกดอกหน้าไม้พุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง แต่น่าเสียดายที่พลาดไปโดนเสาร่มจนหักเป็นสองท่อน
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูโม่ก็รีบนอนลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว หยิบลูกดอกหน้าไม้ห้าลูกออกมาจากช่องเก็บของ และเริ่มกดมันเข้าไปในหน้าไม้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการยิง
ร่มของหวงเปียวหัก เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปหยิบร่ม เขาตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"คนดี คนดี อย่าเชื่อที่ซุนหม่าซีพูด ฉันเป็นคนดี ฉันไม่เคยฆ่าใครเลย เขาต่างหากที่เป็นคนฆ่าและโยนความผิดมาให้ฉัน”
"ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ ได้โปรดไว้ชีวิตฉันที่เป็นชาวโลกเหมือนกันกับคุณด้วย”
สายฟ้าที่แลบลงมา ทำให้หวงเปียวมองเห็นซูโม่ที่นอนอยู่บนพื้นและกำลังดึงสายหน้าไม้ เขารู้สึกหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจ
เขาเห็นอาวุธสังหารที่คร่าชีวิตทั้งสี่คนได้อย่างชัดเจน
ด้วยอาวุธนี้ เขารู้แล้วว่าไม่มีประโยชน์ที่จะหลบหนีอีก
“ฉันจะทิ้งสิ่งของทั้งหมดไว้ข้างหลัง ฉันรู้... ฉันรู้จักสถานที่แห่งหนึ่ง ซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วยเสบียง และฉันรู้ว่ามีผู้คนอยู่ที่ไหน ฉันจะบอกคุณทั้งหมด ปล่อยฉันไป. ปล่อยฉันไป. ฉันจะเล่าให้ฟังทั้งหมด”
หวงเปียวยกมือขึ้นสูงและตะโกนซ้ำ ๆ ด้วยคำพูดของเขา ดูเหมือนอยากจะยอมแพ้
อย่างไรก็ตาม ซูโม่ซึ่งนอนอยู่บนพื้น เห็นถึงก้าวเล็กๆ ที่เขาทำจากภาพถ่ายทอดสด
เขาก้าวไปข้างหน้าและเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
“คุณบอกว่าซากปรักหักพังเหรอ? ซากปรักหักพังอะไร? มันอยู่ที่ไหน?”
เมื่อเขาได้ยินซูโม่พูด หวงเปียวยังคงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วคงที่ ร่องรอยแห่งความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“มันอยู่ไม่ไกล เพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น ฉันพบมันอยู่ใต้ดิน มีสิ่งดี ๆ มากมายอยู่ในนั้น แต่เราไม่สามารถเปิดมันได้ ดังนั้นเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเร่ร่อน”
“แต่ฉันรู้ว่าคุณทำได้ ฐานของคุณใหญ่และดีมาก! คุณหล่อและมีพลังมาก ฉันแน่ใจว่ามันไม่ยากอะไรสำหรับคุณ”
ในขณะที่พูดหวงเปียวยังคงเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ ตอนนี้อยู่ห่างจากซูโม่ประมาณ 30 เมตรแล้ว
มันเป็นระยะทางที่ผู้ใหญ่คนหนึ่งจะใช้เวลาประมาณสามถึงห้าวินาทีในการวิ่งไปถึง
หลังจากเคลื่อนไปข้างหน้าห้าหรือหกเมตร เสียงของหวงเปียวก็ดังขึ้น
“ซากปรักหักพังมีของดีๆ มากมาย... และยังมี...หัวของคุณ!”
หลังจากจบคำว่า “หัว” คทาก็ปรากฏขึ้นในมือของ หวงเปียว เขาโยนร่มทิ้งทันทีและวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่สนว่าจะได้รับบาดเจ็บจากฝนกรด
20 เมตร.
10 เมตร.
สายฟ้าแลบสว่างวาบไปทั่ว เขาสามารถเห็นใบหน้าของซูโม่ภายใต้หน้ากากแทบจะชัดเจน
จากสีหน้ามั่นใจกลับกลายเป็นเคร่งเครียดทันที!
วินาทีถัดมา ลูกดอกก็แทงเข้าที่กลางท้องของเขา
“คุณคือ... ซูโม่?”
หวงเปียวคุกเข่าลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง จับท้องของเขาไว้ และพูดอย่างสั่นเทา
"รู้จักฉันไหม?"
ซูโม่ถามอย่างเย็นชาขณะที่เขาถอยออกมา
น่าเสียดายที่หวงเปียวไม่สามารถพูดในสิ่งที่เขาอยากพูดได้
สายฟ้าอีกลูกหนึ่งแวบเข้ามา และซูโม่ก็เห็นสีหน้าของหวงเปียว
มันเป็นความไม่เชื่อผสมกับความเสียใจ
ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน โจรร้ายห้าคนได้ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ตลอดกาล
เลือดเป็นหลักฐานเดียวที่พวกเขาทิ้งไว้เพื่อพิสูจน์การมีอยู่ของพวกเขา
“ฉันแค่อยากมีชีวิตรอด หากคุณไม่ต้องการให้ฉันมีชีวิตอยู่ ฉันก็แค่ขอให้คุณตายเท่านั้น!”
เขาวางหน้าไม้ลง และมองไปที่หวงเปียวที่ยังคงดิ้นรนอยู่บนพื้น ซูโม่หันหลังกลับอย่างไร้ความปรานี และกลับไปตรวจสอบการโจมตีครั้งสุดท้าย เขาไม่ได้ถามถึงความลับเรื่อง"ซากปรักหักพัง" ที่หวงเปียวพูดถึง
ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง และค่อยๆขจัดร่องรอยการต่อสู้ออกไป
การเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองฝ่ายกินเวลาเพียงสามถึงห้านาที และมีผู้เล่นหลายพันล้านคนที่เข้ามาดูการถ่ายทอดสดนี้