บทที่ 124: ท่านหญิง ครั้งถัดไปอย่าลืมนำเงินมาเพิ่มด้วย!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 124: ท่านหญิง ครั้งถัดไปอย่าลืมนำเงินมาเพิ่มด้วย!
อารมณ์ปัจจุบันของท่านหญิงซือเย่ว์ไม่อาจอธิบายได้อย่างแท้จริง!
ความรู้สึกอันหลากหลายมากมายผสมปนเปกันหมด!
เดิมทีนางมาด้วยความจริงใจ ต้องการขอความช่วยเหลือและคำแนะนำจากหลินเป่ยฟาน
ตอนนี้เขาตอบตกลงแล้ว ไฉนนางถึงไม่รู้สึกยินดีกันเล่า?
นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเขาทั้งไร้ยางอายและไม่น่าเชื่อถือ!
นางควรไว้ใจคนที่สามารถซื้อได้ในราคาหนึ่งล้านตำลึงหรือไม่?
นี่นางจะให้บทบาทหน้าที่อันสำคัญแก่เขาได้หรือ?
ท่านหญิงซือเย่ว์ไม่แน่ใจ
เช่นั้นมาดูทีละขั้นตอนกันเลยดีกว่า!
ในยามนัน้เอง หลินเป่ยฟานก็ถือพัดขนนกสีขาวในมือของเขาและค่อยๆพัดขึ้นไปในอากาศ ทำท่าทางคล้ายกุนซือจูกัดเหลียงก็ไม่ป่าน
“ท่านหญิง เชิญกล่าว กุนซือผู้นี้พร้อมรับฟัง!” เขากล่าว
ท่านหญิงซือเย่ว์ละความคิดที่กระวนกระวายไปและกล่าวว่า “ยามนี้เราได้ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนไปยังภูมิภาคทางตะวันตกของอาณาจักรอู๋เตรียมที่จะซ่องสุมกองกำลังอย่างเงียบๆ ที่นั่นและรอโอกาสที่เหมาะสม! แต่เราไม่รู้วิธีการ ได้โปรดแนะนำข้าด้วย ท่านกุนซือ!”
หลินเป่ยฟานยิ้มและกล่าวว่า “ท่านสามารถเผยแผ่คำสอนของท่านเช่นเดิมได้ ใช้วิธีการหลอกลวงของท่านในการหลอกหลวงผู้คนที่นั้น ข้ารับประกันว่าท่านจะได้กลุ่มผู้ติดตามได้อย่างรวดเร็ว!”
“นั่นคือสิ่งที่ข้าคิดในตอนแรก! ทว่าการทำเช่นนั้นจะไม่มั่นคงเกินไป อาจล่มสลายได้ตลอดเวลา!” ท่านหญิงซือเย่ว์ถอนหายใจ “ท่านกุนซือ เราต้องการกองทัพที่แข็งแกร่งและภักดีที่มีความเชื่ออย่างมั่นคง สามารถชนะการต่อสู้จริงได้!”
“ดูเหมือนว่าท่านจะจำสิ่งที่ข้าพูดก่อนหน้านี้ได้ดีเลยสินะ เช่นนั้นก็ง่ายดายเลย!”
“ก่อนอื่น เรามาพูดถึงเรื่องความเชื่อกันก่อน!”
หลินเป่ยฟานกระแอมไอในลำคอ “โดยพื้นฐานแล้ว ความเชื่อคือการทำให้พวกเขาเข้าใจว่าพวกเขากำลังต่อสู้เพื่อใคร ทำไมพวกเขาถึงต่อสู้ พวกเขาต้องรู้ว่าพวกเขาจะได้อะไรหลังจากที่เสียแรงพยายามไป! เมื่อปัญหานี้ได้รับการแก้ไขแล้ว ความเชื่อของพวกเขาก็จะมั่นคง แม้จะเผชิญกับความท้าทายมากมาย ศรัทธาและจิตวิญญาณของพวกเขาก็จะยังคงไม่สั่นคลอน!”
“ได้โปรดสอนข้าด้วยท่านกุนซือ!” ท่านหญิงซือเย่ว์ถามอย่างนอบน้อม
“ก่อนอื่น เรามาอธิบายด้วยคำถามแรกกันก่อนเถิด พวกเขาควรต่อสู้เพื่อใคร?”
“พวกเขาควรต่อสู้เพื่อราชวงศ์จันทราเซียนเยว่ของเรา…” ท่านหญิงซือเย่ว์ตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
"ผิดถนัด! ทำไมพวกเขาต้องทำเช่นนั้นด้วย?" เสียงของหลินเป่ยฟานได้ดังขึ้นมา
“มนุษย์เราล้วนเห็นแก่ตัวโดยเนื้อแท้ ทำไมพวกเขาต้องต่อสู้เพื่อราชวงศ์เซียนเยว่ของท่าน? มันเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา?”
“จำไว้ว่าท่านมุ่งมั่นที่จะดึงดูดผู้คนภายในดินแดนอาณาจักรอู๋อันแสนยิ่งใหญ่ พัฒนาซ่องสุมกองกำลังอยู่ที่นั่น! คนเหล่านี้เป็นชาวอาณาจักรอู๋ เหตุใดพวกเขาจึงควรละทิ้งชีวิตของตนและตามไปเสี่ยงชีวิตกับท่าน?”
“ถ้าเป็นท่าน ท่านจะเข้าร่วมอย่างโง่เขลาหรือไม่?”
"ไม่อย่างแน่นอน!" ท่านหญิงซือเย่ว์ส่ายหัวอย่างแรง
“ดังนั้นข้าจะบอกท่านว่า พวกเขานั้นจะสู้เพื่อตัวเองเท่านั้น เมื่อพวกเขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่ารางวัลที่พวกเขาจะได้รับจากความพยายามของพวกเขานั้นเหนือกว่าสิ่งที่พวกเขาเคยมีมาก่อน พวกเขาก็จะเข้าร่วมกับท่าน!”
ท่านหญิงซือเย่ว์พยักหน้าพร้อมกับครุ่นคิด "ท่านพูดถูกต้อง!"
“เช่นนั้นมาดูคำถามที่สอง เหตุใดพวกเขาจึงควรต่อสู้?”
"เหตุใดพวกเขาจึงควรต่อสู้งั้นหรือ?” ท่านหญิงซือเย่ว์ครุ่นคิดและตอบ
“มีอาหารเพียงพอ มีเงินใช้ มีชีวิตที่ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้ว!”
“แล้วรากฐานของทั้งหมดนี้คืออะไร?” หลินเป่ยฟานเอ่ยถามอีกครั้ง
“จะเป็นอะไรได้ …” ท่านหญิงซือเย่ว์ถามด้วยความสับสน
"โง่เขลา! ท่านไม่สามารถเข้าใจเรื่องง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ? แน่นอนว่ามันต้องเป็นที่ดิน!”
หลินเป่ยฟานกล่าวออกมา “สำหรับการเกษตรกรหรือสำหรับคนธรรมดา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือที่ดินอย่างไม่ต้องสงสัย! เพียงมีที่ดิน พวกเขาก็สามารถเพาะปลูกพืชผลและมีอาหารให้กิน! ด้วยที่ดิน พวกเขาสามารถขายผลผลิตและหาเงินได้! ด้วยที่ดิน พวกเขาสามารถหาภรรยาและมีชีวิตอันสุขสมได้!”
“รากฐานของทั้งหมดนี้คือที่ดิน! ด้วยที่ดิน พวกเขาสามารถอยู่รอดได้! ด้วยที่ดิน ชีวิตของพวกเขาย่อมมีหนทาง! ด้วยที่ดิน พวกเขาย่อมเสี่ยงชีวิตเพื่อติดตามท่าน! ข้าพูดถูกไหม?”
"ใช่ใช่ ถูกต้องอย่างแน่นอน!” ท่านหญิงซือเย่ว์พยักหน้าซ้ำๆ
“เมื่อปัญหานี้ได้รับการแก้ไขแล้ว คำถามที่สามก็จะง่ายขึ้นมาก! ขอข้าถามท่านว่า ถ้าพวกเขาติดตามท่านไปและพยายามอย่างมากมายเพื่อท่าน สิ่งใดจะเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา?”
"ที่ดิน!” ท่านหญิงซือเย่ว์ตอบโดยไม่ลังเล
“ถูกต้องแล้ว มันคือที่ดิน!”
หลินเป่ยฟานปรบมือและหัวเราะ “เช่นนั้นตราบใดที่ท่านสัญญาว่ามาติดตามท่าน พวกเขาก็จะได้รับที่ดินเป็นรางวัล! ยิ่งพวกเขามีส่วนร่วมมากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งได้รับที่ดินมากขึ้นเท่านั้น! พวกเขาก็คงยินดีที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อท่านอย่างแน่นอน! เพราะพวกเขาไม่เหลืออะไรแล้ว ทำไมจะไม่ลองเสี่ยงดูล่ะ? ใครจะรู้กันว่าบางทีพวกเขาอาจจะประสบความสำเร็จในอนาคตที่ดีกว่านี้ได้? นี่แหละคือ…ความเชื่อของพวกเขา!”
ท่านหญิงซือเย่ว์ตื่นเต้นมาก “คำพูดของท่านกุนซือนั้นถูกต้องอย่างยิ่ง!”
แต่แล้วนางก็ขมวดคิ้วและกล่าวด้วยความกังวล “แต่เราไม่มีที่ดิน!”
“โง่เขลา เช่นนั้นเราจะใช้กำลังไม่ได้หรือ?” หลินเป่ยฟานตะคอกออกมา “พื้นที่ทางตะวันตกทั้งหมดของอาณาจักรอู๋นั้นเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ท่านกลัวว่าจะไม่มีที่ดินเลยหรือ? ราชวงศ์ต้าเยว่เองก็มีดินแดนมากมาย มันจะไม่เพียงพอต่อการแจกจ่ายเลยหรือ? ท่านเพียงแค่ต้องพิชิตมัน จากนั้นท่านก็จะมีที่ดิน นั่นไม่ใช่เป้าหมายที่ท่านต้องการมาตลอดหรอกเหรอ?”
"ถูกต้องเลย!" ท่านหญิงซือเย่ว์ตื่นเต้นยิ่ง
หลินเป่ยฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “เมื่อได้ที่ดินมา พวกเขาก็จะปลดปล่อยพลังต่อสู้ที่ไม่เคยมีมาก่อน! เพราะพวกเขารู้ว่าการได้รับชัยชนะหมายถึงการได้ที่ดินและการแพ้หมายถึงการไม่ได้อะไรเลย! กองกำลังใดๆ ที่ต่อต้านพวกเขาคือผู้ที่กำลังลิดรอนที่ดินของพวกเขาและพรากความหวังทั้งหมดไป ท่านคิดว่าพวกเขาจะสู้จนตัวตายหรือไม่?”
"ต้องสู้จนตัวตายอยู่แล้ว!" ท่านหญิงซือเย่ว์ตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
“นี่คือความเชื่อของพวกเขา เป็นความเชื่อที่แท้จริงและไม่อาจสั่นคลอน!”
"ใช่ ใช่เลย!" ท่านหญิงซือเย่ว์พยักหน้าอย่างแรง
“นอกจากนี้ มันยังมีประโยชน์อันยิ่งใหญ่อีกอย่างหนึ่ง!”
หลินเป่ยฟานหัวเราะเบาๆ “ถ้าท่านสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองได้ เกษตรกรจำนวนมากจะมาหาที่ดินของท่านอย่างแน่นอน! เป็นผลให้กองกำลังของท่านจะใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นจนกระทั่ง…”
หลินเป่ยฟานกางแขนออกและตะโกนอย่างตื่นเต้น “ประกายไฟจักถูกจุด บนทุ่งหญ้าอันร้อนระอุไม่อาจหยุดได้!”
"อืม!" ท่านหญิงซือเย่ว์ตื่นเต้นจนหลับตาลง
นางคล้ายกับจินตนาการภาพในยามนั้นได้แล้ว!
เป็นครั้งแรกเลยที่นางรู้สึกว่าความหวังในการแก้แค้นและการฟื้นฟูอาณาจักรของนางใกล้เข้ามาแล้ว!
นางตระหนักว่าทั้งหมดนี้กำลังถูกนำมาโดยชายคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหน้านาง!
ท่านหญิงซือเย่ว์ลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับเล็กน้อย “ขอบคุณมากที่บอกกล่าวข้า ท่านกุนซือ!”
หลินเป่ยฟานยิ้มอย่างนอบน้อมและตอบไปว่า “ท่านหญิง พวกเราทุกคนอยู่ข้างเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองเช่นนั้น!”
ขณะที่นางมองไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอ่อนโยนและมั่นใจของหลินเป่ยฟาน ท่านหญิงซือเย่ว์ก็คล้ายสูญเสียความคิดไปชั่วขณะ
นางคิดว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นางพยายามอย่างหนักและทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อแก้แค้นและฟื้นฟูอาณาจักร ทว่าความสามารถของนางมีจำกัด จนทำให้นางรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งทางจิตใจและร่างกาย สิ่งที่ได้มาก็น้อยนิดยิ่ง
นางรู้สึกเหนื่อยและหลงทาง
แต่หลังจากที่ได้พบกับชายคนนี้ นางก็ได้พบกับความหวังใหม่
ทันใดนั้น ความรู้สึกปลอดภัยก็ได้ผุดขึ้นมาในใจของนาง
"ข้าต้องขอบคุณท่านเลย!" ท่านหญิงซือเย่ว์ได้แสดงความขอบคุณอีกครั้ง
“ถ้าไม่ใช่เพราะคำแนะนำของท่านกุนซือ เราอาจจะอ้อมไปหลายทางและไม่รู้เลยว่าประสบความสำเร็จเมื่อไหร่? ความเมตตาและคำสอนอันยิ่งใหญ่ของท่านนั้นยากจะลืมเลือน!”
“ถ้าท่านกล่าวเช่นนั้น ก็ขอบคุณข้าด้วยเงินเล็กน้อยได้เลย ข้ายินดีรับไว้!” หลินเป่ยฟานขยิบตา
มุมปากของท่านหญิงซือเย่ว์กระตุก “ท่านกุนซือ เช่นนั้นมาต่อหัวข้อก่อนหน้านี้ของเรากันเถอะ!”
“เช่นนั้นก็ได้!” หลินเป่ยฟานกระแอมในลำคอและพูดต่อ “นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าแนะนำให้ท่านเลือกดินแดนอู๋ซี!”
“แม้ว่าดินแดนในอู่ซีจะกว้างใหญ่ แต่ก็ยากจนมาก ทรัพยากรขาดแคลน ส่งผลให้ราษฎรทั่วไปมีชีวิตที่ยากลำบาก! มันคือเวลาที่จะดำเนินการปกครองด้วยความเมตตากรุณา ให้ทางออกแก่ปวงประชาชน ทว่ากงแห่งอู๋ซีขับเคลื่อนด้วยความทะเยอทะยานของเขาเอง กลับเพิกเฉยต่อทุกสิ่งและระดมกองกำลังนับล้านมา! ราษฎรได้รับความเดือดร้อนภายใต้การปกครองของกงแห่งอู๋ซีมานานเกินไปแล้ว!”
“ดังนั้นเมื่อท่านไปที่นั่นและจูงใจผู้อื่นด้วยที่ดิน ท่านก็จะได้การตอบรับดีๆ กลับมาอย่างไม่ต้องสงสัย! ควบคู่ไปกับอาหารและเงินตรา ท่านสามารถสร้างกองกำลังที่น่าเกรงขามได้อย่างรวดเร็ว!”
“นอกจากนี้ ท่านยังสามารถใช้วิธีการโน้มน้าวใจที่ท่านเคยใช้มาก่อน! ด้วยการควบคุมความเชื่อในเจตจำนงจากสรวงสวรรค์ ทั้งสัญญาว่าจะให้ที่ดินหลังสำเร็จการใหญ่ ท่านจะดึงดูดผู้ติดตามนับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน …”
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลินเป่ยฟานพูดอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ในขณะที่ท่านหญิงซือเย่ว์ก็ฟังอย่างตั้งใจ จดจำทุกคำพูดของอีกฝ่าย
ทุกคำพูดของหลินเป่ยฟานนั้นสมเหตุสมผลและทำให้นางตระหนักได้!
มันชำระล้างจิตใจและความคิดของนางอย่างหมดจด!
มันยังทำให้นางเต็มไปด้วยความมั่นใจมากยิ่งขึ้น!
รู้สึกราวกับว่า ตราบใดที่นางทำตามคำพูดของหลินเป่ยฟาน ความสำเร็จไม่ใช่แค่ความเป็นไปได้ แต่มันจะเป็นไปได้แน่นอน!
หากมันไม่ประสบความสำเร็จ มันก็จะไม่ได้เกิดจากความไร้ประสิทธิภาพของวิธีการ แต่เป็นนางที่บกพร่องไปเอง!
“เช่นนั้นวันนี้ก็หยุดเท่านี้เถิด!” หลินเป่ยฟานจิบชาที่เย็นไปเสียแล้ว
“จบเร็วปานนัน้เลยหรือ? ท่านกุนซือ เราคุยกันอีกหน่อยได้ไหม?”
ท่านหญิงซือเย่ว์ดูไม่พอใจนักกับเวลาที่ผ่านพ้นไปเร็ว
สีหน้าของหลินเป่ยฟานพลันเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ท่านหญิง ท่านต้องเข้าใจว่าความโลภไม่ได้นำไปสู่อะไรเลยนอกจากการทำให้มันไม่กลั่นกรองโดยดี! ข้าได้ให้ความรู้มากมายไปแล้วในวันนี้ ท่านต้องซึมซับมันให้ดี เพื่อที่จะนำมันไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ มิฉะนั้นมันจะเป็นเหมือนการกลืนไปโดยไม่ต้องเคี้ยว รู้ผลแต่ไม่ใช่เหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งมันจะทำให้วิธีการใช้ไม่ได้ผล แต่เมื่อท่านซึมซับความรู้นี้แล้ว ข้าจะพูดคุยเรื่องถัดไปกับท่านต่อ!”
“ท่านกุนซือกล่าวถูกต้องทุกประการ ซือเย่ว์ได้เรียนรู้มากมาย!”
ท่านหญิงซือเย่ว์ลุกขึ้นยืนโค้งคำนับเล็กน้อยและยิ้ม “วันนี้เริ่มดึกแล้ว ตัวข้าคงจะขอคำแนะนำจากท่านกุนซือในวันอื่น”
“ท่านหญิง เช่นนั้นขออำลา แต่ข้าไม่ไปส่งนะ!” หลินเป่ยฟานยิ้มออกมา
ท่านหญิงซือเย่ว์ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ท่านกุนซือ เราอยู่ฝ่ายเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองหรอก!”
หลังจากพูดเช่นนั้น นางก็สวมผ้าคลุมสีม่วงพร้อมกับหันศีรษะและจากไป
“เดี๋ยวก่อน ท่านหญิง!” หลินเป่ยฟานเรียก
“ท่านกุนซือ มีเรื่องอะไรจะแนะนำเพิ่มเติมหรือ?”
ท่านหญิงซือเย่ว์หันศีรษะกลับมาพร้อมกับยิ้มให้
"ท่านหญิง ครั้งถัดไปอย่าลืมนำเงินมาเพิ่มด้วย!" หลินเป่ยฟานกล่าว
ท่านหญิงซือเย่ว์ได้แต่เงียบกริบไป
ท่านหญิงซือเย่ว์ไม่ตอบอะไรและจากไปอย่างเงียบๆ พร้อมกับสาวใช้ของนาง
เมื่อรู้สึกมีความหวังอันยิ่งใหญ่ อารมณ์ของนางก็ดีเป็นพิเศษ เมื่อนางเดินผ่านคนเดินเท้ามากมาย นางก็พยักหน้าตอบแทบทุกคน
สิ่งนี้นำไปสู่ความเข้าใจผิดบางอย่าง
“แม่นางซือเย่ว์ดูมีความสุขมาก!”
“แน่นอนอยู่แล้วสิ นางเพิ่งพบกับคนรักของนาง นางจะไม่มีความสุขได้ไงกันเล่า?”
“เจ้าหมายถึงสุดยอดขุนนางหลินเป่ยฟานงั้นหรือ?”
"ใช่แล้ว! ข้าเห็นแม่นางซือเย่ว์ไปเยี่ยมคฤหาสน์หลิน เห็นได้ชัดว่านางได้ไปพบกับเขา! มันผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้ว ดูสิว่าพอนางออกมาแล้วมีความสุขเพียงใด!”
"โอ้ ไม่นะ! กระทั่งแม่นางซือเย่ว์ก็ถูกขุนนางหลินเอาไป ข้าคงไม่มีโอกาสอีกแล้วสินะ!”
“เจ้าไม่เคยมีโอกาสตั้งแต่แรกแล้ว คงได้แต่ฝันกระมัง!”