ตอนที่ 33 เทพโบราณทั้งเจ็ด
[ติ้ง! กองทัพเอลฟ์ประสบกับมือสังหารลึกลับ เมื่อท่านเดินทางมาพบถือว่ามีโชคชะตาร่วมกัน จำเป็นต้องยื่นมือช่วยเหลือ
-เงื่อนไขภารกิจ ขับไล่มือสังหารก่อนเป้าหมายเสียชีวิต
-รางวัลภารกิจ 1.ค่าประสบการณ์ + 20000 2.กล่องสุ่มระดับดับกลาง ×5 3.โอกาสหมุนวงล้อนำโชค(ระดับตำนาน) ×1 ]
[ติ้ง! ท่านทำภารกิจสำเร็จโปรดรับรางวัลภารกิจดังนี้
1.ค่าประสบการณ์ + 20000 2.กล่องสุ่มระดับดับกลาง ×5 3.โอกาสหมุนวงล้อนำโชค(ระดับตำนาน) ×1 ]
ออสบอร์นรู้สึกว่ามีพลังเวทย์เพิ่มเข้ามาภายในร่างกาย แม้จะไม่มีมากนักแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
เขากำลังจะกดดูพื้นที่เก็บของในระบบต่อ แต่ก็ชะงักไว้เพราะสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่เหมาะสม
พ่อมดเฒ่าหันหลังไปดูกองทหารม้าเอลฟ์เกือบร้อยนายด้านหลัง
จะเอายังไงดี?
"นี่ตาแก่"
โรอานั่งถัดจากออสบอร์นไปไม่มาก ตอนนี้ใกล้สว่างแล้ว
"หืม?"
พ่อมดเฒ่าส่งเสียงในลำคอ ในมือแก้วถ้วยชาทำจากไม้เนื้อแข็งกระดำกระด่างมันติดตามเขามาหลายปีแล้ว
"ท่านไปทำอะไรมากันแน่?"
"เปล่า"
เด็กชายมองไปรอบๆตัวเขา นี่มันอะไรกันทำไมมีแต่ทหารเอลฟ์เต็มไปหมด!
ตอนแรกเขาที่ไม่เคยเห็นเอลฟ์อย่างใกล้ชิดแบบนี้มาก่อนก็ตื่นเต้นดีหรอก แต่นี่มันเยอะเกินไปรึเปล่า เหมือนกับว่าเขาอยู่ภายในค่ายทหารยังไงยังงั้น
"แล้วท่านไปพาพวกเขามาทำไม!?"
โรอาคิดในใจ ชีวิตอันสงบสุขของเขาหมดลงแล้ว
"พวกเขาตามข้ามาเอง"
ออสบอร์นวางถ้วยชาลงและหยิบไปป์ขึ้นมาสูบ ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาเป็นสาย
โรอายังคงบ่นพึมพำอยู่ก่อนจะหยิบขนมปังสีขาวนุ่มออกมามันเป็นอภินันทนาการจากเอลฟ์ เด็กชายที่ไม่เคยกินขนมปังที่อร่อยเช่นนี้มาก่อนก็ถูกรสชาติของมันทำให้เงียบไป
พ่อมดเฒ่าที่อัดยาสูบเข้าไปหลายครั้งเริ่มมีสีหน้าแจ่มชัดขึ้นมาเหมือนกำลังครุ่นคิดเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งบางอย่าง
ควันสีขาวพวกนี้แม้จะมีโทษอยู่บ้างแต่กลับทำให้สมองปรอดโปร่งเหมาะกับเวลาที่ต้องใช้ความคิด
เขายังจำคำพูดของทาสรับใช้แห่งหอคอยดำคนนั้นได้ ก่อนที่คนผู้นั้นจะลงมือมีประโยคหนึ่งที่ว่า "นี่คือประสงค์ของเทพโบราณทั้งเจ็ด..." คำพูดนี้ยังคงดังก้องอยู่ในความคิดของเขา
หากเกี่ยวกับเทพโบราณทั้งเจ็ดเขาเองก็แอบหวาดหวั่นอยู่ในใจ
ตามความเข้าใจของเขาในบันทึกประวัติศาสตร์อันยาวนานของระบบพ่อมด แรกเริ่มก่อกำเนิดเอกภพ ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่าอันโกลาหล กฎเกณฑ์ใดๆยังคงไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยดังเช่นปัจจุบัน
ฝุ่นละอองกระจาดกระจายไปทั่ว ไม่มีดวงดาว ไม่มีชีวิต มีแต่ความบิดเบี้ยวแสนวุ่นวาย
เทพโบราณทั้งเจ็ดคือผู้ทรงพลังกลุ่มแรกที่ถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายนี้ แต่เพราะระเบียบขาดแคลน สมดุลไม่มีอยู่ ความงดงามและเหตุผลทั้งมวลจึงล้วนขัดแย้งกัน
เทพทั้งเจ็ดกลายเป็นพวกวิปริตและบ้าคลั่ง
จึงเป็นเหตุผลให้เทพที่ถือกำเนิดขึ้นภายหลังร่วมมือกันก่อกบฏโค้นล้มเทพบิดรมารดาทั้งเจ็ดองค์นี้และผนึกพวกท่านเหล่านั้นเอาไว้ในที่ใดที่หนึ่งในมหาเอกภพที่กว้างใหญ่เกินจะนับ
แต่ใครจะรู้ นั่นคือบันทึกประวัติศาสตร์ที่บันทึกโดยเหล่าพ่อมดและข้ารับใช้ทวยเทพในดินแดนต้นกำเนิด ซึ่งถือว่าเป็นเทพกบฏด้วยกันทั้งสิ้น พวกเขาอาจบันทึกอะไรลงไปก็ได้
ออสบอร์นมาจากโลกอื่นที่ระบบความคิดพัฒนาแล้ว เขาไม่ถูกจำกัดความคิดเอาไว้ด้วยความศรัทธาในเทพเจ้า
และจากที่ออสบอร์นทราบ ประวัติศาสตร์นี้ไม่ได้รับการยอมรับจากสาวกของเหล่าเทพโบราณที่ยังคงสืบทอดลัทธิของพวกเขามาจนถึงปัจจุบัน
แต่ประวัติศาสตร์ของอีกฝ่ายเป็นอย่างไรนั้นเขาก็ไม่รู้ เพราะสาวกลัทธิเทพโบราณไม่เคยเผยแพร่คำสอนของพวกเขา เอาแต่เก็บตัวในเงามืดและทำในสิ่งที่ผู้คนไม่เข้าใจ
คงจะวิปริตไปตามเทพเจ้าที่พวกเขานับถือกระมัง
"ท่านพ่อมด พวกข้ามาบอกลา"
อาลารันเดินเข้ามายังบริเวณกองไฟของออสบอร์น เขาพาเจ้าชายเอลฟ์อวาเซอามาด้วย เจ้าชายน้อยผู้นี้ดูเหมือนจะทำตัวเกร็งเป็นพิเศษเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อมดที่เขาคิดว่าเป็นระดับตำนาน
ก็ไม่แปลกอะไรที่เขาจะทำตัวไม่ถูกเช่นนี้เพราะระดับตำนานในอาณาจักรของเขาไม่ใช่สิ่งที่จะพบได้ทั่วไป ทั้งเกลิออนมีเพียงเสด็จปู่ของเขา อวาเรย์ออน ทายาทสายตรงของเอลฟ์สิบแปดตระกูลใหญ่เท่านั้น
"พวกเจ้าจะไปแล้วรึ ทำไมไม่กลับเกลิออนกับเรา ข้าจะไปวอร์บัสอย่างไรก็ไปทางเดียวกันได้"
พ่อมดเฒ่าไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกเป็นห่วงพวกเขาผิดปกติ ไม่ใช่ว่าติดใจยาสูบที่พวกเอลฟ์ให้มาหรอกนะ
"ฝ่าบาทมีคำสั่งให้เราไปที่ธีรันเดีย จากนี้เราจะไปขึ้นเรือของกองทัพเรือเกลิออนที่อ่าวพินกวิก ที่นั่นมีนายพลเอลฟ์ขั้นครึ่งก้าวระดับตำนานอยู่ท่านหนึ่ง เขาจะเป็นคนรับหน้าที่คุ้มกันเจ้าชายไปยังธีรันเดียแทนกองทหารม้า"
อาณาจักรเกลิออนที่เป็นอาณาจักรเอลฟ์ไม่ปราถนาจะเดินทางไปบนแผ่นดิน เพราะพวกเขาจะต้องอ้อมภูเขาธีรันเดียไปทางชายแดนของเมดีซี และเป็นที่แน่นอนว่าไม่มีอาณาจักรใดยอมให้พวกเขาเดินทัพผ่านแม้จะมีกองทหารแค่ไม่กี่ร้อยนายก็ตาม
กองทหารม้าเหล่านี้จึงมีหน้าที่มาส่งแค่ท่าเรืออ่าวพินกวิกที่อยู่ทางเหนือของอิกซอร์เท่านั้น
"เช่นนั้นก็ไปเถอะ"
ออสบอร์นทำเท่าที่ทำได้แล้ว เขาทั้งปกป้องเด็กชายเอลฟ์คนนี้ไว้หนึ่งครั้ง และเอ่ยปากชวนอีกหนึ่งครั้ง ถือว่าได้พยายามเต็มที่
"ท่านพ่อมดข้าขอเป็นตัวแทนพระบิดาขอเชิญท่านไปเยือนอาณาจักรของเราในอีกสามเดือนต่อจากนี้ พี่ชายข้าเจ้าชายอวาเรนดิลจะเข้าพีธีหมั้นหมายกับท่านหญิงเอเร็ตเต้จากเวอดานดิ
หวังว่าท่านจะไปเป็นเกียรติแก่พวกเขา"
เจ้าชายเอลฟ์ก้าวออกมาด้านหน้า เขาโค้งให้กับพ่อมดเฒ่าอย่างดงามและเอ่ยปากเชิญผู้ทรงพลังระดับตำนานลึกลับคนนี้ไปงานของพี่ชายตน
ผิวเผินอาจดูว่าเจ้าชายผู้นี้ขาดความระมัดระวัง แต่แท้จริงแล้วพวกเอลฟ์รู้สึกดีกับออสบอร์นเป็นพิเศษ อย่าว่าแต่อวาเซอาเลยหากบิดาของเขาอยู่ที่นี้ก็ต้องเคารพพ่อมดเฒ่าถึงสามส่วน
หนึ่งส่วนอาจมาจากตัวตนระดับตำนานที่พวกเขาคิดเองเออเอง แต่อีกสองส่วนเป็นเพราะคำอวยพรจากดวงดาวและแสงแห่งเทลเพริออนที่ส่องประกายอยู่ทั่วร่างของเขามากกว่า
ทวิพฤกษามีความสำคัญกับพวกเอลฟ์มากกว่าที่ออสบอร์นคิดและสำหรับพวกเอลฟ์แล้ว ผู้ที่มีความเกี่ยวพันกับทวิพฤกษาเทลเพริออนล้วนไม่ใช่คนที่มีจิตใจชั่วร้าย
"ตกลง ข้าจะไป"
พ่อมดเฒ่าไม่คิดอะไรมาก เมื่อถึงตอนนั้นอาณาจักเอลฟ์คงให้ของตอบแทนกับเขาจากการช่วยเจ้าชายน้อยเอาไว้ครั้งนี้ และน่าจะไม่น้อยไปกว่าอารามอสแน่นอน ช่วยไม่ได้พ่อมดก็ยังต้องกินต้องใช้ เขาเปล่างกนะ!
เมื่อถึงช่วงสายอาลารันก็มาหาออสบอร์นอีกครั้ง ครั้งนี้เขามาคนเดียวและอยู่ในสภาพที่พร้อมจะออกเดินทางทันที
"ข้าอยากมาเตือนท่าน ท่านพ่อมด แม้ว่าท่านจะอยู่ในระดับตำนาน แต่สาวกเจ็ดเทพโบราณพวกนั้นวิปริตและบ้าคลั่ง ไม่ทำสิ่งใดตามเหตุตามผล พวกเขาอาจโกรธแค้นท่านที่ขัดขวางพวกเขาและหันมาเพ่งเล็งท่านได้
ข้าไม่ได้ดูถูกท่าน แต่ตามที่บรรพชนของเราในเกลิออนกล่าวเตือนเอาไว้ ณ มุมสุดของทิศตะวันออกคือที่ตั้งของหอคอยดำ สถานที่พำนักของเจ้าแห่งพิธีการและคำทำนาย ผู้ทรงพลังลึกลับที่อยู่มาตั้งแต่ยุคแรกของมหาทวีป เขาคือเจ้าลัทธิผู้ภักดีต่อเทพโบราณที่สุด
และเขาก็มีวิธีแปลกประหลาดพิศดารมากมายในการจัดการกับระดับตำนาน หากท่านเจอปัญหาใด ท่านอย่าได้รีรอที่จะขอความช่วยเหลือจากเกลิออน ฝ่าบาทจะทราบเรื่องของท่านทันทีที่กองทหารม้ากลับไปถึงเมือง ข้าได้ฝากจดหมายไปกับพวกเขาแล้ว ข้าลาก่อน"
อาลารันโค้งคำนับเขาอย่างจริงใจ พ่อมดเฒ่าพยักหน้าเบาๆและมองส่งพวกเขาหายลับไปหลังเทือกเขาอิกซอร์
"เจ็ดเทพโบราณคืออะไร ท่านไปสู้กับใครมากันแน่?"
โรอาจัดกระเป๋าของเขาที่ตุงขึ้นมาจนแน่นอย่างระมัดระวัง พรางถามคำถามกับออสบอร์น เขาได้คอยฟังการสนทนาของอาลารันกับพ่อมดมาตั้งแต่ต้น
"เจ็ดเทพโบราณ มีด้วยกันเจ็ดองค์ คือ เออาอินเล เฟเรตีตี ปาบาบา โคโลวาวา อูลูลู ซีเซกูฟู และนอสกา
นอกเหนือจากเวลาแล้วพวกท่านถือว่ากำเนิดก่อนกฎเกณฑ์ทั้งหมด ทำให้มีพลังอำนาจมากและเพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์บางส่วนของเอกภพได้
แต่เพราะเกิดจากความโกลาหลเมื่อเริ่มสร้างเอกภพ จึงมีนิสัยโหดร้ายและไร้เหตุผล อาจถึงขั้นวิปริตในบางครั้ง จึงถูกเทพยุคหลังช่วยกันผนึก แต่ก็ยังมีคนที่วิปริตพอกันบูชาพวกเขาอยู่ล่ะนะ"
เด็กชายไม่เคยได้ยินเรื่องเจ็ดเทพโบรารมาก่อนก็หูผึ่งขึ้นทันที
"วิปริตขนาดไหนหรือ?"
"อืม เฟรฟตีตีเป็นพระแม่แห่งตัณหาและการสืบพันธุ์ นางมีบุตรมากมายถึงเจ็ดหมื่นแปดพันตน แต่นางไม่ได้มีลูกเพราะรักนางมีลูกเอาไว้กิน หรือปาบาบา พระผู้เป็นเจ้าแห่งคำลวงและโป้ปดมดเท็จ ก็มีงานอดิเรกเป็นการแปลงเป็นเทพตนอื่นและล่อลวงสาวกพวกเขาให้ทำสิ่งวิปริตต่างๆนานา มีองค์อื่นๆอีกแต่ข้าว่าเจ้าอย่างฟังดีกว่า"
ออสบอร์นมองว่าเด็กอายุสิบเจ็ดอย่างโรอายังไม่เป็นผู้ใหญ่ แต่เขาลืมไปว่าผู้คนในโลกนี้แต่งงานกันตั้งแต่อายุสิบหกด้วยซ้ำ
"เอาเถอะ เอาไว้ข้าถามท่านอาก็ได้เขาใจดีกับข้าเสมอ เรารีบออกเดินทางกันเถอะ"
เด็กชายขึ้นควบม้าสีขาวออกไป มีพ่อมดเฒ่าตามหลัง ในใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุข ญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ของเขาจะได้พบกันแล้ว...