บทที่ 293 : เตรียมความพร้อมก่อนเผชิญหน้ากลุ่มพันธมิตรเงา!
บทที่ 293 : เตรียมความพร้อมก่อนเผชิญหน้ากลุ่มพันธมิตรเงา!
“โอ้พระเจ้า…..ชูโจวได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้ทรงพลังที่สุดจริงๆ, และเขายังกลายเป็นผู้บริหารหลักคนที่สี่ของกลุ่มพันธมิตรมนุษย์ของเราอีกด้วย”
“ตามที่คาดไว้, เขาเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรานี่นา”
“ฮ่าฮ่าฮ่า, ผู้ทรงพลังที่สุดในวัย 18 ปี…มีใครกล้าที่จะจินตนาการถึงเรื่องนี้ไหม?”
"นี่ถ้าให้เวลาเขาอีกสักหน่อย, บางทีเขาอาจจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือผู้ทรงพลังที่สุดได้เเน่ๆ”
“ถือเป็นโชคดีอย่างยิ่งที่พันธมิตรมนุษย์ของเราจะมีอัจฉริยะผู้ไม่มีใครเทียบได้เช่นชูโจว”
"เเถมตอนนี้พันธมิตรมนุษย์ของเรากำลังเผชิญกับการกดขี่จากมอนสเตอร์และองค์กรใหญ่ทั้งสาม……เเละสถานการณ์เเบบนี้เเหละที่เราต้องการอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้มาพลิกกระแสน้ำ”
“ณ ตอนนี้…..อัจฉริยะของสามองค์กรใหญ่และอัจฉริยะของมอนสเตอร์ล้วนเป็นเหมือนฝุ่นเมื่ออยู่ต่อหน้าชูโจว”
"มาเฉลิมฉลองกันเถอะ….. ชูโจวกลายเป็นผู้ทรงพลังที่สุด, นี่เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเราทุกคน"
ในวันนี้, มนุษย์นับไม่ถ้วนทั่วโลกกำลังตื่นเต้นเเละมีความสุข
ไม่ว่าจะเป็นฝั่งตะวันออก, ฝั่งตะวันตก…..หรือภูมิภาคอื่นๆ, ผู้คนเกือบทั้งหมดของพันธมิตรมนุษย์ต่างกำลังชื่นชมยินดี
บนอินเทอร์เน็ต, ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนยังโพสต์และแสดงความคิดเห็นอย่างบ้าคลั่งในฟอรัมและแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ….เพื่อแสดงความตื่นเต้น
นับตั้งแต่การมาถึงของสามองค์กรใหญ่….สถานการณ์ทั่วโลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก, และมันมีเมฆที่ไม่อาจลบเลือนอยู่เหนือหัวใจของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนในกลุ่มพันธมิตรมนุษย์
ก่อนหน้านี้…..พลังขององค์กรใหญ่ทั้งสามที่เเสดงออกมานั้นยิ่งใหญ่เกินไป
แม้ว่าโรงยิมศิลปะการต่อสู้หลักสามแห่งและพันธมิตรมนุษย์จะได้ทำการโต้กลับอย่างดุเดือดหลายครั้งในระหว่างกระบวนการนี้
แต่พวกเขาก็แทบจะไม่สามารถทำให้สถานการณ์ของกลุ่มพันธมิตรมนุษย์มั่นคงขึ้นได้เลย
หัวใจของทุกคนจึงเริ่มหนักหน่วงมาก
ปกติ, เพียงแค่ต้องจัดการกับมอนสเตอร์ก็ลำบากมากอยู่แล้ว
เเต่ในขณะนี้กลับมีองค์กรอีกสามองค์กรที่แข็งแกร่งกว่าฝ่ายมอนสเตอร์โผล่ขึ้นมา
สิ่งนี้ทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนไม่สามารถมองเห็นอนาคตของมนุษยชาติได้เลย
…..
เเต่ตอนนี้
ข่าวการเลื่อนขั้นของชูโจวสู่ผู้ทรงพลังที่สุดจึงเป็นเหมือนกับแสงรุ่งอรุณที่สดใสและทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนมองเห็นความหวัง
ทุกคนรู้ดีว่าชะตากรรมสุดท้ายของ กลุ่มพันธมิตรมนุษย์….จะถูกกำหนดได้โดยเหล่าผู้ทรงพลังที่สุดเท่านั้น
ดังนั้น, การที่กลุ่มพันธมิตรมนุษย์มีผู้ทรงพลังที่สุดคนใหม่ถือกำเนิดขึ้น มันจึงมีความสำคัญมาก
ยิ่งไปกว่านั้น, ผู้ทรงพลังที่สุดที่เพิ่งได้รับการเลื่อนขั้นล่าสุดยังมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น
สิ่งนี้ทำให้สมาชิกของกลุ่มพันธมิตรมนุษย์ทั้งหมดตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
เเละทุกคนยังเคยได้เห็นประสบการณ์การเติบโตของชูโจว…..ได้เห็นด้วยตาของตัวเองว่าชูโจวเคยสร้างปาฏิหาริย์อันน่าเหลือเชื่อครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่แน่ว่า, เขาอาจจะเป็นคนที่สามารถแก้ปัญหาที่กลุ่มพันธมิตรมนุษย์กำลังเผชิญอยู่ได้ก็ได้
……
“เขากลายเป็นผู้ทรงพลังที่สุดไปเเล้ว…..ดูเหมือนว่าฉันจะตามเขาไม่ทันอีกเเล้ว”
ในเมืองฐานธรรมชาติ, ออกัสมองไปในทิศทางของเมืองฐานกวางตุ้ง
เขาเผยรอยยิ้มเบี้ยว, เเต่หลังจากนั้นมันก็เหลือเพียงความชื่นชมอย่างสุดซึ้งในดวงตาของเขา
นับตั้งแต่เขาพ่ายแพ้ต่อหวงฟู่เปียนอัน, ออกัสก็เอาแต่ฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งมาตลอด
เเละโดยไม่รู้ตัว…..ปัจจุบันเขาได้รับการเลื่อนขั้นเป็นนักรบขั้นราชาเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้เขายังได้เข้าถึงขั้นราชาระดับกลางอีกด้วย
ในตอนแรก, เขาคิดว่าแม้ว่าเขาจะไล่ตามชูโจวไม่ทัน….แต่เขาก็ยังไล่หลังชูโจวได้
เเต่ตอนนี้เขาตระหนักได้เเล้วว่า…..แม้แต่หลังของชูโจว, เขาก็ไม่สามารถไล่ตามได้ทันเเล้ว
อย่างไรก็ตาม, ออกัสไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้…..เเละทำเพียงชื่นชมเท่านั้น
นอกจากนี้, ในฐานะอัจฉริยะคนสำคัญของโรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งธรรมชาติ…..เขาจึงเข้าใจสถานการณ์โดยรวมของกลุ่มพันธมิตรมนุษย์เป็นอย่างดี
เเละการที่ชูโจวได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้ทรงพลังที่สุดในช่วงเวลานี้….มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับกลุ่มพันธมิตรมนุษย์
"ถึงแม้ฉันจะตามเขาไม่ทัน...แต่ฉันก็จะยอมแพ้ไม่ได้"
"ฉันจะก้าวไปสู่ระดับเทพนักรบให้ได้โดยเร็วที่สุด" ออกัสพึมพำกับตัวเอง และเริ่มการฝึกแบบบ้าคลั่งอีกครั้ง
เกือบจะในเวลาเดียวกัน, เฟรดเดอริกและคาสยาปาซิวถัวซึ่งเคยโด่งดังพอๆกับชูโจวก็มองไปในทิศทางของเมืองฐานกวางตุ้งด้วยความชื่นชม จากนั้นก็เริ่มฝึกเช่นกัน
ในฐานะอัจฉริยะของเผ่าพันธุ์มนุษย์, พวกเขาทุกคนมีความภาคภูมิเป็นของตัวเอง
แม้ว่าจะไล่ตามชูโจวไม่ทัน….แต่พวกเขายังไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นคนธรรมดา
นอกจากนั้น, เส้นทางสู่ศิลปะการต่อสู้ยังอีกยาวไกล
ผู้ชนะคนสุดท้ายยังไม่สามารถตัดสินได้…..ดังนั้นตราบใดที่คุณยังคงก้าวไปข้างหน้า, คุณก็มีความหวังว่าจะสามารถเอาชนะได้
……….
ณ เมืองศูนย์กลาง
ซูหยิงเสวี่ยและหนานกงอี้เหรินได้มาพบหน้ากันอีกครั้ง
เเต่การพบกันครั้งนี้….ทั้งสองกลับมีสีหน้าซับซ้อนด้วยกันทั้งคู่
ทันใดนั้น, หนานกงอี้เหรินก็เป็นคนเปิดปากพูดก่อน
"ฉันคิดว่าในยุคนี้, ฉันจะเป็นตัวเอก และคู่ต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดของฉันก็คือเธอ….สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์กรจันทร์เดือนดับ"
“แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันเป็นไม่ได้แม้แต่ตัวประกอบด้วยซ้ำ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ซูหยิงเสวี่ยก็แสดงรอยยิ้มเบี้ยวออกมาเช่นกัน
"ฉันก็คิดว่าคู่ต่อสู้ของฉันคือเธอคนเดียวเท่านั้น"
"และฉันไม่เคยคาดคิดเลยว่า, ก่อนที่การแข่งขันของเราจะได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ…..พวกเรากลับถูกกำจัดโดยบุคคลที่ไม่คาดคิดเสียก่อน"
“ยุคนี้เป็นของชูโจว…...เเละการแข่งขันของพวกเราหมดความหมายไปแล้ว”
…….
ณ ขณะนี้…..ทั้งสองต่างมีความรู้สึกผสมปนเปกันไป
ในอดีตที่ผ่านมา
ทุกครั้งที่องค์กรจันทร์เดือนดับให้กำเนิดสตรีศักดิ์สิทธ์….องค์กรโลกก็จะให้กำเนิดสตรีศักดิ์สิทธ์ด้วยเช่นกัน
จากนั้น, โลกทั้งใบจะกลายเป็นเวทีสำหรับการแข่งขันของพวกเขา
แต่ตอนนี้…
มันกลับมีอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างชูโจวปรากฏตัวขึ้นมา
ดังนั้น, การแข่งขันของพวกเธอจึงไม่มีความหมายอะไรอีกเเล้ว
เเละในขณะเดียวกัน, ความเกลียดชังต่อกันในใจของพวกเธอก็หายไปเช่นกัน
จากนั้นหนานกงอี้เหรินก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า
"ซูหยิงเสวี่ย, การแข่งขันของพวกเราหมดความหมายแล้ว….ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆต่อไปอีก"
"เเบบนี้, คุณมีแผนอย่างไรในอนาคต"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ซูหยิงเสวี่ยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
จากนั้นเธอก็ฉีกยิ้มสดใสและพูดอย่างหนักแน่น
"เนื่องจากเวทีบนโลกไม่มีความหมายเเล้ว…..ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะเปลี่ยนเวที"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, หนานกงอี้เหรินก็คาดเดาแผนของซูหยิงเสวี่ยได้อย่าง่ายดาย
"ฉันก็กำลังเตรียมที่จะออกจากเวทีบนโลกเช่นกัน.....ฉันมักจะรู้สึกเสมอว่าเวทีบนโลกนั้นเล็กเกินไป, เเละตอนนี้มันถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางแล้ว"
ซูหยิงเสวี่ยก็หัวเราะกับเเผนการของหนานกงอี้เหรินเช่นกัน
"ดูเหมือนว่าความคิดของเราจะเหมือนกัน….ไปยังเวทีขั้นถัดไปแล้วมาดูว่าระหว่างเราใครจะไปได้ไกลกว่ากัน"
"เข้าใจเเล้ว….มาดูกันว่าระหว่างเราใครจะไปได้ไกลกว่ากัน"
หนางกงอี้เหรินพูดพร้อมกับมองไปทางเมืองฐานกวางตุ้งแล้วพูดว่า
"ชูโจว…..ครั้งนี้ฉันหนานกงอี้เหรินพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชมาก, แต่ฉันจะไม่แพ้ตลอดไป"
"บนถนนของการฝึกศิลปะการต่อสู้นั้นยังอีกยาวไกล….และการแข่งขันที่แท้จริงมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น”
หลังจากพูดจบ….เธอก็หันหลังและเดินจากไป
“ใช่แล้ว, การแข่งขันที่แท้จริงมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้น”
"ฉัน…..ซูหยิงเสวี่ยก็จะไม่แพ้ไปตลอดชีวิตเช่นกัน”
ซูหยิงเสวี่ยก็มองลึกไปในทิศทางของเมืองฐานกวางตุ้งแล้วเดินจากไป
………….
ณ เมืองฐานจันทร์เดือนดับ
ตัวแทนขององค์กรใหญ่ทั้งสามและฝ่ายมอนสเตอร์ซึ่งได้แก่, เหมิงกาน, หวงฟู่จ้านเทียน, ราชันนักฆ่าจั่วเลื่อ และจักรพรรดิปลาหมึกได้มารวมตัวกันอีกครั้ง
เพียงแต่ว่าบรรยากาศระหว่างการรวมตัวครั้งนี้มันดูน่าหดหู่มาก
การเลื่อนขั้นเป็นผู้ทรงพลังที่สุดอย่างกะทันหันของชูโจวนั้นมีผลกระทบอย่างมากต่อหัวใจของพวกเขา
เมื่อไม่กี่เดือนก่อน, พวกเขาได้มารวมตัวกันที่นี่เพื่อออกคำสั่งให้ไล่ล่าชูโจวซึ่งเป็นเพียงนักรบขั้นราชาเท่านั้น
ในเวลานั้น, แม้ว่าพวกเขาจะให้ความสำคัญกับชูโจว….แต่พวกเขาไม่มีใครคิดเลยว่าชูโจวจะสามารถเปรียบเทียบกับผู้ยิ่งใหญ่เช่นพวกเขาได้
เเต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือน…ชูโจวกลับมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ขั้นแรกเขาเลื่อนขั้นเป็นเทพนักรบได้อย่างรวดเร็ว….เเละจากนั้นก็เลื่อนขั้นเป็นผู้ทรงพลังที่สุดโดยตรง
สำหรับชูโจว, ดูเหมือนว่าการบุกทะลวงอาณาจักรนั้นง่ายดายพอๆกับการดื่มน้ำ
ชูโจวคนปัจจุบันไม่ใช่เหยื่อตัวน้อยในสายตาของพวกเขาอีกต่อไป…..แต่เป็นผู้ทรงพลังที่สุดและอยู่เหนือพวกเขามาก
“ให้ตายเถอะ, ทำไมชูโจวถึงได้รับการเลื่อนขั้นได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้?....มันไม่สมเหตุสมผลเลย!”
หวงฟู่จ้านเทียนกำมือของเขาแน่นพร้อมคำรามอย่างไม่เต็มใจ…..เขาไม่สามารถยอมรับความแตกต่างนี้ได้เลยสักนิด
“ใช่, มันเร็วเกินไป...”
ในสายตาที่ไม่แยแสของจักรพรรดิ์ปลาหมึก, ร่องรอยของความอิจฉาก็อดไม่ได้ที่จะเล็ดลอดออกมา
ต้องรู้ก่อนว่าจักรพรรดิปลาหมึกติดอยู่ที่ระดับครึ่งก้าวผู้ทรงพลังที่สุดมาหลายร้อยปีแล้ว
แต่มันยังไม่รู้ว่าจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้ทรงพลังที่สุดได้หรือไม่
ครึ่งก้าวผู้ทรงพลังที่สุดและผู้ทรงพลังที่สุดนั้น….ดูเหมือนว่าจะเป็นคูน้ำตามธรรมชาติที่ไม่มีที่สิ้นสุด, จนทำให้ไม่สามารถทะลุผ่านได้
เเต่ตอนนี้…. ชูโจวกลับได้ทะลวงผ่านจากระดับราชาไปสู่เทพนักรบและจากเทพนักรบไปสู่ผู้ทรงพลังที่สุดในเวลาไม่กี่เดือน
เเล้วเเบบนี้จะให้เขาปรับสมดุลจิตใจได้อย่างไร?
ด้านราชันนักฆ่าจั่วเล่อนั้นไม่ได้พูดอะไร
นับตั้งแต่ที่เขาได้เห็นอาณาเขตทั้งแปดของชูโจว….เขารู้ดีว่าถ้าชูโจวหนีไปได้, ในท้ายที่สุดเขาจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่
เเละตอนนี้มันเกิดขึ้นจริงแล้ว
………
เหมิงกานหายใจเข้าลึกๆและตอนนี้หัวใจของเขาก็ไม่สงบอย่างมาก
เขาเป็นคนหยิ่งผยองอยู่เสมอเเละชอบโอ้อวดว่าเขาอยู่ยงคงกระพันภายใต้ผู้ทรงพลังที่สุด
แต่ตอนนี้...เขากลับโดนชูโจวเเซงหน้าไปไกลเเล้ว
"สมกับเป็นคนที่ฉันตามหา..... เขายอดเยี่ยมเกินไปจริงๆ"
เหมิงกานเผยยิ้มอย่างเบี้ยว, และมันมีแสงอันเข้มงวดส่องประกายในดวงตาของเขา
หลังจากจบการประชุมครั้งนี้แล้ว, เขาตั้งใจจะขอให้คนอื่นจากองค์กรจันทร์เดือนดับมาเป็นประธานดูแลกิจการบนโลกแทนเขา
เพราะเขาต้องการที่จะกลับไปเก็บตัวฝึกฝนและจะไม่ออกจากการเก็บตัวจนกว่าเขาจะกลายเป็นผู้ทรงพลังที่สุด
“ท่านทั้งสาม, ฉันเชื่อว่าพวกคุณทุกคนคงทราบข่าวว่าชูโจวกลายเป็นผู้ทรงพลังที่สุดแล้ว”
เหมิงกานมองไปที่หวงฟู่จ้านเทียน, ราชันนักฆ่าจั่วเล่อ, และจักรพรรดิปลาหมึกแล้วพูดต่อ
“อย่างไรก็ตาม, ฉันมีข่าวที่แย่ยิ่งกว่านั้นจะมาบอกคุณ”
"ฉันพึ่งได้รับข่าวมาว่าเมืองฐานขององค์กรจันทร์เดือนดับบนดาวศุกร์และดาวเคราะห์อีกเจ็ดดวงถูกชูโจวโจมตี..... เเละความสูญเสียนั้นหนักหนาสาหัสมาก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้, หวงฟู่จ้านเทียน, ราชันนักฆ่าจั่วเล่อ, และจักรพรรดิปลาหมึกต่างตกตะลึงอย่างมาก
ชูโจวกล้าที่จะบุกโจมตีเมืองฐานที่ก่อตั้งโดยองค์กรจันทร์เดือนดับ ท่ามกลางดาวเคราะห์ทั้งเจ็ดดวง….และยังทำการสังหารหมู่อีกด้วย
ชูโจวคนนี้กล้าหาญมากเกินไป….เเละสิ่งนี้ทำให้พวกเขาหวาดกลัวชูโจวมากยิ่งขึ้นไปอีก
ถ้าชูโจวหันมาโจมตีอาณาเขตของพวกเขาเเทนล่ะ…..มันจะไม่สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับกองกำลังของพวกเขาด้วยหรือ?
“เป็นไปได้ไหมที่ชูโจวจะทำการโจมตีสำนักงานใหญ่ของพวกเราเหมือนกับที่พ่อของเขาเคยทำ?” หวงฟู่จ้านเทียนพึมพำด้วยความกังวล
ในตอนที่, "เทพปีศาจชูตงไหล" เข้าไปในสำนักงานใหญ่ขององค์การโลก
ตระกูลหวงฟู่ของพวกเขาได้รับความสูญเสียอย่างหนักเเละมีสมาชิกของตระกูลครึ่งหนึ่งที่ถูกตัดหัวโดย "เทพปีศาจชูตงไหล"
หากไม่ใช่เพราะบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลหวงฟู่มาหยุดยั้งมันได้ทันเวลา
มันก็เป็นไปได้ที่จะพูดว่าตระกูลหวงฟู่ของพวกเขาเกือบจะถูก "เทพปีศาจชูตงไหล" กวาดล้างไปจนหมดแล้ว
ดังนั้น, หวงฟู่จ้านเทียนจึงรู้สึกอ่อนไหวอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับการบุกโจมตีประเภทนี้
“เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งที่”เทพปีศาจชูตงไหล" ทำในตอนนั้น…จะถูกทำซ้ำโดยชูโจว?”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หวงฟู่จ้านเทียนกล่าว….ราชันนักฆ่าจั่วเล่อและจักรพรรดิปลาหมึกยักษ์ต่างก็แสดงความกลัวและความระแวดระวังอย่างลึกซึ้งในดวงตาของพวกเขา
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหวงฟู่จ้านเทียน…..เหมิงกานก็ตอบอย่างใจเย็น
"อย่ากังวลไป….สิ่งที่ 'เทพปีศาจ' ทำในตอนนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นซ้ำอีก"
“ผู้ยิ่งใหญ่ขององค์กรจันทร์เดือนดับของเราได้ตัดสินใจเเล้วว่าเขาจะเป็นผู้นำกองทัพด้วยตัวเองและจะมายังโลกในอนาคตอันใกล้นี้”
“พวกเราไม่ต้องการรออะไรอีกต่อไปแล้ว…… มาเริ่มเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธ์ของอารยธรรมมนุษย์ล่วงหน้ากันเถอะ!”
“ส่วนสำหรับชูโจว…..เขาจะไม่มีโอกาสได้เติบโตอีกเเล้ว”
เมื่อหวงฟู่จ้านเทียน, ราชันนักฆ่าจั่วเล่อ, และจักรพรรดิปลาหมึกได้ยินคำพูดนี้…..ดวงตาของพวกเขาก็สว่างขึ้นทันที
“ความจริงเราไม่ควรเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธ์ของอารยธรรมล่วงหน้า”
"แต่ไม่เป็นไร, อารยธรรมมนุษย์นี้มีตัวแปรมากเกินไป…..ดังนั้นมันจึงเป็นการดีที่สุดที่จะเก็บเกี่ยวมันล่วงหน้า”
“ฉันจะกลับไปที่สำนักงานใหญ่ขององค์กรโลกทันที…..และขอให้บรรพบุรุษของเรามาเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธ์ของอารยธรรมมนุษย์ล่วงหน้า” หวงฟู่จ้านเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"ในเมื่อทั้งสององค์กรพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวเมล็ดเเห่งอารยธรรมแล้ว…..ฉันจะไปรายงานสถานการณ์นี้ให้หัวหน้าทราบเช่นกัน" จั่วเล่อราชันแห่งนักฆ่ากล่าว
นอกจากนี้, จักรพรรดิปลาหมึกยังกล่าวอีกด้วยว่า
"ฉันก็จะไปรายงานสถานการณ์ให้ผู้ทรงพลังที่สุดทั้งห้าของฝ่ายมอนสเตอร์ทราบ…..หากไม่มีอะไรผิดพลาด, ฝ่ายมอนสเตอร์ของเราก็จะร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อเก็บเกี่ยวอารยธรรมมนุษย์เช่นกัน"
“อย่างไรก็ตาม, พวกเราหวังว่าพวกคุณจะปฏิบัติตามข้อตกลง”
"หลังจากที่เก็บเกี่ยวอารยธรรมของมนุษย์แล้ว…. พวกเรามอนสเตอร์จะได้กลายเป็นเจ้าของโลกใบนี้”
หลังจากตกลงกันได้เเล้ว
หวงฟู่จ้านเทียน, ราชันนักฆ่าจั่วเล่อ และจักรพรรดิปลาหมึกก็จากไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้น, เหมิงกานก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง…มองไปยังทิศทางของเมืองฐานกวางตุ้งและพึมพำกับตัวเอง
"ชูโจว, คุณอยู่นอกเหนือความคาดหมายของฉันมาก….และตอนนี้คุณได้กลายเป็นผู้ทรงพลังที่สุดไปแล้ว"
“อย่างไรก็ตาม, ฉันเหมิงกานจะไม่ยอมแพ้รุ่นเยาว์เช่นคุณ”
หลังจากพูดจบ, ร่างของเขาก็หายไปทันที
…………
ในเมืองอันมืดมิดที่สร้างขึ้นใต้พื้นดิน
ณ ห้องโถงอันยิ่งใหญ่ใจกลางเมือง
ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีออร่ายิ่งใหญ่และเย้ายวนกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ฝังด้วยอัญมณีสีดำต่างๆ
ด้านล่างรอบๆบัลลังก์มีปรมาจารย์หลายคนที่มีบรรยากาศมืดมน
“ผู้ชายของฉัน…..คุณกลายเป็นผู้ทรงพลังที่สุดแล้วหรือ?”
หยวนปิงเม่ยเงยหน้าขึ้นและมองไปยังทิศทางของเมืองฐานกวางตุ้ง
หลังจากนั้น, เธอก็เหลือบมองคนสนิทของเธอหลายคน….และร่องรอยของความไม่พอใจก็ฉายแววอยู่ในดวงตาที่สวยงามล้ำลึกของเธอ
เธอพบว่าความก้าวหน้าของเธอยังช้าเกินไป
หลังจากที่เธอกลายเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์…เธอก็เริ่มปลูกฝังคนสนิทของเธอในกลุ่มพันธมิตรเงา
ตอนนี้มากกว่าหนึ่งในห้าของสมาชิกหลักของกลุ่มพันธมิตรเงาได้กลายเป็นคนของเธอแล้ว
อย่างไรก็ตาม, แม้ว่าความเร็วในการเเทรกเเซงของเธอจะถือว่าเร็วมาก…..แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าความเร็วของเธอยังไม่เร็วพอ
ตอนนี้….ชูโจวได้กลายเป็นผู้ทรงพลังที่สุดแล้ว
ดังนั้น, หากสิ่งต่างๆดำเนินไปเช่นนี้…หลังจากที่เธอพิชิตกลุ่มพันธมิตรเงาได้อย่างสมบูรณ์
กองกำลังนี้อาจไม่มีความหมายสำหรับชูโจวอีกเเล้ว
“ดูเหมือนว่าฉันยังคงต้องขอให้เขาช่วย”
"เพราะถ้าหากเราสามารถควบคุมกองกำลังนี้ได้ล่วงหน้า, มันก็จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นพันธมิตรระหว่างเขากับเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมด”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ในใจ, เธอก็ตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากชูโจว….เพื่อเร่งการควบคุมกลุ่มพันธมิตรเงา
เเละแม้ว่าเธอจะขอความช่วยเหลือจากชูโจว…..แต่เธอก็ต้องเตรียมพร้อมในหลายๆด้านเช่นกัน
อย่างน้อยก็ต้องไม่ให้หัวหน้าเสี่ยวอันหรานทราบเรื่องการกบฏ, ก่อนที่ชูโจวจะมาถึง
เเละเมื่อเธอกับชูโจวสามารถโค่นล้มหัวหน้าเสี่ยวอันรานได้อย่างสมบูรณ์
กองกำลังนี้ก็จะเป็นของขวัญที่เธอเตรียมไว้ให้กับชูโจว
…………………………