บทที่ 11 คืนนี้ช่วยอยู่เป็นเพื่อนเธอได้ไหม?
ดังเช่นที่เซิ่นเหยาคาดเดา ที่หลินโจวยอมออกมาพบเธอไม่ได้มีจุดประสงค์อื่น เพียงต้องการถามเซิ่นเหยาว่าเธอได้จ้างกองทัพน้ำเพื่อโจมตีซูชิงเหม่ยใช่หรือไม่
แต่ไม่จำเป็นต้องรอให้เซิ่นเหยาตอบ เขาก็รู้จักสีหน้าของเธอแล้วว่าผู้บงการอยู่เบื้องหลังก็คือเธอและเฉินจื่อ!
เฉินจื่อรู้จักกับหัวหัวโจกของกองทัพน้ำบนโลกออนไลน์หลายคน ตราบใดที่มีเงินจ่าย การประโคมกระแสข่าวลือก็ไม่ใช่เรื่องยาก
โลกออนไลน์ในปัจจุบันพัฒนาไปไกลมาก การเผยแพร่ข้อมูลไม่มีมาตรการที่รัดกุมมากพอ ไม่ว่าข่าวลือจะเป็นจริงหรือเท็จ หากมีคนแพร่กระจายเป็นจำนวนมาก คนที่ตกเป็นเหยื่อของการปล่อยข่าวลือก็จะไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้เลย.
เว้นแต่จะสามารถจับผู้อยู่เบื้องหลังได้ และยังต้องมีหลักฐานเพียงพอ
แต่ถ้าผลงานของคุณแข็งแกร่งมากพอ ความสามารถและความนิยมของคุณแข็งแกร่งเพียงพอ คุณก็จะสามารถเพิกเฉยต่อข่าวลือที่ไม่เป็นความจริงพวกนั้นได้
แต่มีเพียงศิลปินชั้นนำในระดับราชาและราชินีในวงการเท่านั้นที่จะสามารถเพิกเฉยต่อข่าวลือต่างๆ ได้
แม้ว่าซูชิงเหม่ยจะโด่งดังขึ้นอย่างรวดเร็วและมีแฟนคลับมากมาย แต่ประสบการณ์ของเธอก็ยังน้อยอยู่เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ในวงการบันเทิง ยังไม่เพียงพอที่จะยืนหยัดอยู่ในวงการบันเทิงได้อย่างมั่นคง
นอกจากนี้ เธอยังล้มป่วยและต้องพักฟื้นมาระยะหนึ่ง ช่วงนี้จึงไม่มีผลงานใดๆ ออกสู่สายตาสาธารณชน ส่งผลให้ความนิยมของเธอลดลง ทำให้สถานการณ์ของเธอยิ่งลำบากมากยิ่งขึ้น
การแสดงในรายการ "I am a Singer" ครั้งนี้ จะกลายเป็นตัวกำหนดอนาคตของเธอในระดับหนึ่ง
มันจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าเธอจะสามารถรับมือกับแรงกดดันได้หรือไม่? เพื่อที่จะกลับไปสู่จุดสูงสุดได้อีกครั้ง
หรือไม่เธอก็ต้องยอมแพ้และกลายเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป?
หลินโจวนึกถึงเมื่อคืนที่ซูชิงเหม่ยฝึกซ้อมร้องเพลงคนเดียวอยู่บนชั้น 2 เธอน่าจะเป็นนักร้องที่พยายามอย่างมาก แต่สภาพในปัจจุบันของเธอดูไม่ค่อยดีนัก
ว่าไปแล้ว นี่อดีตภรรยาของฉันจ้างพวกเกรียนคีย์บอร์ดมาโจมตีนายจ้างปัจจุบันของฉันไม่ใช่เหรอ?
หลินโจวส่ายหัวด้วยความเอือมระอา เรื่องนี้มันน่าขบขันเกินไปแล้ว!
เหตุผลที่เขาต้องการยืนยันให้แน่ใจว่าเป็นฝีมือเซิ่นเหยาจริงๆ ก็เพราะเขาอยากดูว่าเธอจะยอมทำทุกอย่างเพื่อชื่อเสียงโดยไม่สนกฎเกณฑ์ใดๆ จริงๆ หรือเปล่า
ตอนนี้ดูแล้ว วงการบันเทิงจะเป็นบ่อโคลนขนาดใหญ่อย่างที่เขาคิดจริงๆ ทุกคนที่ตกลงไปในบ่อโคลนแห่งนี้จิตใจของพวกเขาก็จะถูกย้อมสีดำกันไปหมด
เอิ่ม……
ทันใดนั้น หลินโจวก็นึกถึงซูชิงเหม่ยผู้เย็นชาและโดดเดี่ยว
ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นข้อยกเว้น?
ลิฟต์มาถึงชั้นที่หลินโจวและซูชิงเหม่ยอยู่ และทันทีที่หลินโจว ก้าวออกมาจากลิฟต์เขาก็เห็นชายคนหนึ่งสวมเสื้อฮู้ดสีดำคลุมศีรษะที่กำลังลอบมองไปยังหน้าห้องของซูชิงเหม่ยอย่างมีพิรุธ..
หรือจะเป็นไอ้โรคจิตที่ส่งรูปคุกคามซูชิงเหม่ย? !
หลินโจวเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว เมื่อชายคนนั้นได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็รีบหันกลับมามอง และเมื่อเห็นหลินโจวเดินเข้ามาหาเขาอย่างดุดัน เขาก็ตกใจมาก รีบหันหลังและวิ่งไปยังบันไดหนีไฟอย่างรวดเร็ว
หลินโจวตะโกน: "เฮ้ หยุดเดี๋ยวนี้"
ชายคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งต่อไป
มันเป็นไอ้โรคจิตจริงๆ!
หลินโจวรีบไล่ตามไป แต่ด้วยระยะทั้งสองที่ค่อนข้างห่างกัน เมื่อหลินโจววิ่งไปถึงบันไดหนีไฟ ชายคนนั้นก็หายตัวไปแล้ว
ไม่กี่นาทีต่อมา ภายในห้องพักของจางหง จางหงและโจวหยุนก็ได้ฟังคำบอกเล่าของหลินโจว
ใบหน้าของจางหงก็เปลี่ยนไป ขณะเดียวกันโจวหยุนก็เอ่ยขึ้นว่า: "พี่หง พวกเราควรแจ้งตำรวจกันดีไหม? "
จางหงยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว: "ครั้งก่อนฉันก็แจ้งตำรวจไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้อะไรเลย ตามที่เสี่ยวหลินเล่ามา ถึงแม้ว่าจะขอเช็กกล้องวงจรปิด ก็ยังยากที่จะหาตัวคนร้าย ที่สำคัญพรุ่งนี้ชิงเหม่ยก็ต้องถ่ายทำรายการแล้ว ฉันกลัวว่าเรื่องนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเธอ”
หลินโจวพยักหน้า: "ดังนั้นผมก็เลยไม่บอกคุณซู"
จากนั้นโจวหยุนก็ถามขึ้นอย่างกังวล: "แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นมาก่อกวนพี่ชิงเหม่ยตอนกลางคืนอีกจะทำยังไง? "
จางหงนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง มองไปยังหลินโจว เธอดูเหมือนจะกำลังลังเลอะไรบางอย่าง สุดท้ายเธอก็เอ่ยขึ้นว่า: "เสี่ยวหลิน คืนนี้รบกวนอยู่เป็นเพื่อนซูชิงเหม่ยหน่อยได้ไหม? "
“หาา?” หลินโจวอึ้งไป นี่คุณผู้หญิง เธอหมายความว่ายังไง? ฉันสมัครมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวนะ ไม่มีออฟชั่นที่ต้องเสียตัวเพิ่มนะเว้ย!
จากนั้นจางหงก็เหมือนจะตระหนักได้ว่าคำพูดของเธอค่อนข้างคลุมเครือ จึงรีบเอ่ยอธิบายต่อว่า: "ฉันหมายถึง ฉันอยากให้เธอไปอยู่เฝ้าชิงเหม่ยคืนนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น"
โจวหยุนพยักหน้ารัวๆ : "ฉันเห็นด้วย ยังไงพี่หลินก็เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของพี่ชิงเหม่ยอยู่แล้วนี่!!"
หลินโจวมองดูคนทั้งสอง และรู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย
เมื่อคืนที่บ้านของซูชิงเหม่ย เขากับซูชิงเหม่ยยังคงพักอยู่คนละชั้น ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ดังนั้นมันจึงไม่มีปัญหาอะไร
แต่ตอนนี้พวกเขาพักอยู่ในโรงแรม ห้องก็เล็กขนาดนั้น พวกเธอยังจะให้ฉันพักอยู่กับซูชิงเหม่ยสองต่อสอง นี่พวกเธอจะใจกล้าเกินไปหรือเปล่า?
จางหงดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ เธอจึงเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจว่า: "เสี่ยวหลิน ฉันเชื่อในตัวเธอ ชิงเหม่ยไม่เคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ชายมาก่อน แต่กลับยอมให้เธอพักอยู่ในบ้านเดียวกัน แสดงว่าเธอจะต้องมีความเป็นสุภาพบุรุษมากพอ”
สุภาพบุรุษ?
นั่นมันคำด่าไม่ใช่เหรอ?
หลินโจวพูดไม่ออก และทำได้เพียงพูดขึ้นว่า: "แม้ว่าคุณซูจะยอมให้ผมพักอยู่ที่บ้านเดียวกันกับเธอ แต่ก็ยังไม่แน่ว่าเธอจะยอมให้นอนห้องเดียวกับเธอหรอกจริงไหม? "
จางหงยืนขึ้น: "ฉันจะไปคุยกับเธอเอง"
ช่วงครู่ต่อมา จางหงก็เดินกลับมา เธอยิ้มให้หลินโจวแล้วพูดว่า "ชิงเหม่ยตกลงแล้ว ดูท่าว่าชิงเหม่ยจะเชื่อใจเธอจริงๆ "
หลินโจวเริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ เพิ่งจะรู้จักกันแค่วันเดียวเท่านั้น ต้องเชื่อใจกันขนาดนั้นเลยเหรอ?
แต่จะทำไงได้ ในเมื่อเจ้านายก็พูดแล้ว ก็ทำได้แค่ทำตามเท่านั้นแหละ
แค่คืนนี้ระวังตัวดีๆ ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
หลังอาหารเย็น ประมาณทุ่มกว่า ภายใต้การเร่งเร้าของจางหงและโจวหยุน หลินโจวก็หอบผ้าห่มมาเคาะประตูหน้องของซูชิงเหม่ย
"ใครคะ? "
น้ำเสียงที่เย็นชาดังมาจากอีกฟากของประตู มันฟังดูอ่อนแรงอยู่บ้าง
หลินโจวพูดว่า: "คุณซู ผมเองครับ"
ประตูเปิดออกได้ครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามที่แลดูซีดเซียวเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าหลินโจวอุ้มหมอนและผ้าห่มมาด้วย ซูชิงเหม่ยก็ชะงักไปเล็กน้อย แก้มของเธอมีสีแดงขึ้น แต่เธอยังคงเปิดประตูและเอียงตัวให้หลินโจวเข้าไปในห้อง
หลินโจวเดินเข้าไปในห้องของซูชิงเหม่ย มองดูรอบๆ และพบว่าห้องนี้ใหญ่กว่าห้องเขา คล้ายกับห้องนั่งเล่นที่บ้านมีทั้งโซฟาและทีวี
เตียงคิงไซส์ภายในห้อง วางอยู่ห่างจากโซฟาพอสมควร ตรงกลางมีม่านที่สามารถดึงขึ้นลงได้ เพียงแค่ดึงมันลงมา มันก็จะกลายเป็นห้องนอนเล็กๆ ขึ้นมาทันที
เมื่อเห็นการจัดวางสิ่งต่างๆ ภายในห้องของซูชิงเหม่ยแล้ว หลินโจวก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะอย่างน้อยห้องนี้ก็ไม่ได้เหมือนห้องธรรมดาทั่วไป ที่มีเตียง 2 เตียงอยู่ติดกัน หากเป็นแบบนั้นมันคงทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนน่าดู
‘ดูเหมือนว่าคืนนี้ฉันจะต้องนอนที่โซฟาแล้ว’
หลินโจวไม่สามารถพูดอะไรได้ ถึงยังไงเขาก็เป็นแค่ผู้ช่วย แถมยังเป็นบอดี้การ์ดที่ต้องคอยอยู่เคียงข้างตลอด 24 ชั่วโมง การนอนบนโซฟาเพื่อปกป้องนายจ้างก็เป็นส่วนหนึ่งของงาน ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
เขาอุ้มผ้าห่มและหมอนไปวางไว้บนโซฟา ก่อนจะหันหน้าไปมองซูชิงเหม่ย: "คุณซู คุณไม่ต้องกังวลเรื่องผม คุณพักผ่อนเถอะครับ"
แต่ทันทีที่พูดจบ เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาพูดบางอย่างโง่ๆ ออกไป ในตอนนี้ ซูชิงเหม่ยยังคงสวมเสื้อกีฬาและกางเกงยีนที่ใส่มาทั้งวัน เห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ได้อาบน้ำ แบบนี้จะให้เธอไปพักผ่อนได้อย่างไร?
ซูชิงเหม่ยมองเขาด้วยดวงตาอันใสซื่อ เธอดูเหมือนรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เธอจับชายเสื้อของตัวเองไว้แน่น และพูดขึ้นด้วยเสียงเบา: “ฉันยังต้องอาบน้ำก่อนค่ะ”
“อ๋อ โอเค งั้นคุณก็ไปอาบน้ำเถอะครับ”
หลังจากที่หลินโจวพูดเช่นนั้น หลินโจวก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอีกครั้ง ประโยคนี้ทำไมมันถึงฟังดูเหมือนคู่รักเปิดอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ผู้ชายขอให้ผู้หญิงไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยสนุกกับกิจกรรมอื่น?
แต่ความคิดของซูชิงเหม่ยเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น เธอทำเพียงพยักหน้าเบาๆ เดินไปหยิบชุดนอนและเดินเข้าห้องน้ำไป
หลังจากเดินไปได้สองก้าว เธอก็หันกลับมาหาหลินโจวแล้วพูดว่า
"คุณหลิน ขอบคุณค่ะ"
หลินโจวอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ขอบคุณเรื่องอะไรครับ?”
ซูชิงเหม่ยกัดริมฝีปากของเธอเบา ๆ แล้วพูดว่า "ขอบคุณที่ไม่บอกพี่หงกับเสี่ยวหยุนเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนนี้"
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็หันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งหลินโจวที่กำลังงุนงงไว้เบื้องหลัง