ตอนที่ 24 การ์อาลอส
ความมืดด้านหลังคนแคระจับตัวขึ้นเป็นกลุ่มก้อนขยายไปยังบัลลังก์ของกอดิมดูอิน
มันกลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา!
"เจ้าบังอาจเสแสร้งต่อหน้าข้า แล้วหวังว่าจะหนีรอดไปจากที่นี่ได้ เจ้าคิดผิด"
ออสบอร์นใช้มือแตะไปยังหินสีขาวในถุงผ้า มันคือหินวิเศษสมบัติลับก้นหีบของเขา
ฉับพรันพลังแห่งแสงที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาก็กระจายไปทั่วท้องพระโรง เงาดำที่ตะเกียกตะกายไปบนบัลลังก์เริ่มหวีดร้องอีกครั้ง คราวนี้มันเริ่มพูดเป็นภาษามนุษย์ออกมา
"อาจารย์ช่วยข้าด้วย!"
ไกลออกไปยังทิศตะวันตกริมสุดมหาทวีป มุขมนตรีวอร์ล็อค การ์อาลอส ผู้ทรงภูมิประจำหอตำรากำลังตรวจดูจารึกสมัยยุคกลางตรงหน้าอย่างระมัดระวัง แต่ไม่ทันไรเขาก็ขมวดคิ้วและมองไปยังทิศทิศหนึ่งนั่นคือทิศทางที่อารามอสตั้งอยู่
ในทันใดเสียงกรีดร้องทุกข์ทรมานก็ดังขึ้นข้างหูของเขาพร้อมกับประโยคที่ว่า"อาจารย์ช่วยข้าด้วย!"
การ์อาลอสสำแดงพลังของวอร์ล็อคระดับสูงในทันที หอสมุดทั้งหลังถึงกับสั่นสะเทือน ฝุ่นผงปลิวว่อนชั้นหนังสือชั้นแล้วชั้นเล่าล้มละเนละนาดเศษกระดาษเศษหนังสือขาดกระจายไปทั่ว
ผนังกำแพง ต้นเสาและหลังคาของหอสมุดปรากฎรอยปริร้าว
"ท่านการ์อาลอสเกิดอะไรขึ้น"
เสียงดังสนั่นปานฟ้าผ่าก้องสะท้านมาจากหอคอยสภาแห่งซิน มอร์เทรียสรีบย้ายร่างของเขามาหน้าหอสมุดทันที
ขณะเดียวกันร่างจำแลงของการ์อาลอสก็จุติมายังท้องพระโรงแห่งอารามอส เขาถูกเงาดำอัญเชิญมาด้วยคาถาลึกลับโบราณ
ร่างยักษ์สูงสิบสองเมตรยืนทะมึนใต้ผ้าคลุมสีดำ ใช้สายตาสีขาวล้วนไร้ตาดำและใบหน้าเหี่ยวย่นยับยู่ยี่ก้มมองลงมาจากด้านบน มันสังเกตเห็นแสงแห่งเทลเพริออนของออสบอร์นได้ทันที
"กล้าทำร้ายศิษย์ข้า!"
เสียงที่โหยหวนดุจภูติผีร่ำไห้ดังมาจากร่างจำแลงนั้น ครั้นพูดจบฝ่ามือสีดำใต้ผ้าคลุมก็เคลื่อนไหว มือเงาจำแลงขนาดสองเมตรตบลงมาที่แสงเบื้องหน้า คาถาระดับกลางหายวับไปในพริบตา
ออสบอร์นผงะถอยหลังและปลดคาถาลวงตาทันที
ฉับพรันแสงสีเงินสว่างก็อาบอยู่ทั่วร่างพ่อมดเฒ่า ในความมืดมัวหม่นหมองที่ร่างจำแลงของมุขมนตรีวอร์ล็อคนำมาเขาคือแสงเดียวที่ส่องสว่างอย่างท้าทาย
วอร์ล็อค มีวอร์ล็อคปรากฎขึ้นที่นี่!
ธาดอกิน ผู้บัญชาการทหารรักษาเมืองและระดับเหนือมนุษย์อีกสองคนก้าวออกมาทันที
พวกเขาปลดปล่อยพลังของผู้ทรงพลังระดับสูงและระดับกลางออกมาพร้อมกัน ห้องโถงทั้งห้องปั่นป่วนไปด้วยพลังงานธาตุมหาศาลที่กำลังปะทะกับพลังงานจากร่างจำแลงของวอร์ล็อคเฒ่า
ผู้ทรงพลังระดับเหนือมนุษย์ไม่ใช่นักเวทย์พวกเขาจึงไม่สามารถใช้พลังเวทมนตร์ได้ แต่เมื่อร่างกายทะลุขีดจำกัดของระดับเหนือมนุษย์แล้วพวกเขาจะสามารถเชื่อมต่อกับพลังงานธาตุที่บริสุทธิ์และควบคุมพลังงานธาตุเหล่านั้นในการต่อสู้
พลังเวทย์และพลังธาตุนั้นต่างกัน พลังงานธาตุคือองค์ประกอบของสรรพสิ่งในโลก องค์ประกอบเหล่านี้ธรรมดาและไม่มีพลังเวทย์ปะปนอยู่ เช่นหินก้อนหนึ่ง น้ำแก้วหนึ่ง พวกมันมีกฎของตัวมันเองก่อกำเนิดขึ้นเองไม่ได้มีผลจากพลังของเวทมนตร์
หมายความว่าถ้าสิ่งเหล่านี้ขาดพลังเวทมนตร์ไปมันก็ยังอยู่ต่อไปได้รักษากฎของมันต่อไปได้
นี่คือจุดแข็งของผู้ทรงพลังเหล่านี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพลังเวทย์ที่มีข้อจำกัดมากมาย คนธรรมดาจึงกลายเป็นผู้ทรงพลังได้เช่นกัน
ธาดอกินปลดปล่อยดาบพลังงานสีทองแดงออกไปเบื้องหน้า ตอนแรกดาบพลังงานมีขนาดไม่ถึงเมตรแต่เมื่อออกไปได้สองสามวินาทีมันก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนยาวเท่ากับร่างจำแลง
"ไม่มีประโยชน์!"
ดาบพลังงานของผู้ทรงพลังระดับสูงขั้นบนสุดอย่างธาดอกิน ถูกร่างจำแลงของการ์อาลอสเมินอย่างสิ้นเชิง มันสูดลมหายใจเข้าลึกและยาวจนเกิดวังวนลมพายุใต้ร่างจำแลงของมัน
เมื่อดาบพลังงานมาถึงเบื้องหน้าการ์อาลอส ปากสีดำมหึมาก็เป่าเอาลมพายุออกมาจากปากปะทะกับดาบพลังงานจนสลายหายไป
"ครึ่งก้าวระดับตำนาน!"
ธาดอกินรู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้ามีพลังเหนือกว่าเขา พร้อมกันลมพายุที่ทำลายดาบพลังงานลงได้ในอึดใจเดียวก็พัดตรงมาที่ธาดอกินกับผู้ทรงพลังอีกสองคนทันที
ลมพายุดังกล่าวไม่เหมือนลมแบบใดในโลก มันหมุนวนอย่างรวดเร็วและรุนแรงสามารถฉีกเอาหินก้อนเท่าตัวคนแตกละเอียดเป็นก้อนดินได้ในวินาที
ผู้บัญชาการทหารรักษาเมืองพยายามรวบรวมพลังงานธาตุอีกครั้งแสงสีแดงสว่างวาบออกมาจากร่างของเขา เส้นเลือดปูดโปนไปทั่วแขนขาและใบหน้า ผมเพ้าหนวดเคราปลิวไสวเมื่อยามลมพายุแห่งความตายมาถึงปลายจมูก นายทหารเฒ่าเกร็งมือขวาก่อนจะต่อยออกไปเต็มแรง หมัดพลังธาตุปะทะกับลมพายุจนเกิดแรงระเบิดดังสนั่น
ฝุ่นผงพัดกระจายเศษอิฐเศษปูนลอยไปทั่วท้องพระโรงจนบดบังผลการต่อสู้เอาไว้
เมื่อฝุ่นจางลงธาดอกินยังคงยืนหยัดอยู่ได้สองวินาทีก่อนจะล้มลง ระดับเหนือมนุษย์อีกสองคนที่พยายามช่วยเขาต้านทานไว้ถูกแรงปะทะจากลมพายุปลิวออกไปนอกปราสาทก่อนแล้ว นี่คือการต่อสู้ของระดับสูงมีแต่ผู้ที่อยู่ในระดับสูงเท่านั้นจะเข้าร่วมได้
พวกเขาพ่ายแพ้!
ผู้บัญชาการคนแคระได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกทั่วร่างแตะละเอียดพลังการรักษาระดับสูงไม่อาจซ่อมแซมได้ทัน
อย่างไรเขาก็เป็นแค่ระดับสูงขั้นบนสุดไม่อาจต้านทานร่างจำแลงของครึ่งก้าวระดับตำนานได้
"ข้าว่าเจ้าลืมอะไรไปนะ"
ออสบอร์นก้าวมาตรงหน้าของธาดอกิน ป้องกันเขาเอาไว้จากร่างจำแลงยักษ์
การ์อาลอสมองไปที่พ่อมดชุดเงินตรงหน้า ก่อนจะหันศรีษะออกไปภายนอกปราสาทเขาเห็นร่างเงาดำของลูกศิษย์กำลังถูกไล่ล่าด้วยวงแหวนสีเงินนอกเมือง วอร์ล็อคเฒ่าไม่สนใจผู้คนในนี้อีกมันรีบออกไปช่วยลูกศิษย์ทันที
ออสบอร์นเมื่อเห็นว่าวอร์ล็อคตนนั้นไปแล้วเขาก็รีบเอาน้ำจากน้ำพุวิเศษให้ธาดอกินเพื่อยื้อชีวิตเอาไว้ ก่อนจะร่ายคาถารักษาให้อีกหลายบท
"ท่านเป็นใครกันแน่"
ธาดอกินถามออกมาอย่างอ่อนแรงลมหายใจเขาติดขัดไม่สม่ำเสมอ
"เดี๋ยวเราค่อยกลับมาคุยกัน"
ออสบอร์นค่อยๆวางร่างของคนแคระลงและเดินไปริมระเบียงของปราสาทใช้สายตามองไปทางทิศใต้ของอารามอส ที่นั่นมีทุ่งกว้างขนาดหลายสิบตารางกิโลเมตร เขาให้วงแหวนดวงดาวไล่ล่าเงาดำไปที่นั่น
จากความรู้สึกของเขาวอร์ล็อคร่างจำแลงตนนั้นก็ไปถึงที่นั่นแล้วเช่นกัน
ในทิศทางหนึ่งเงาดำที่หนีออกมาได้ไกลแล้วหันกลับไปมองด้านหลังเป็นระยะ มันไม่เคยเจอของวิเศษอะไรแบบนี้เลย ไม่มีพลังใดจัดการของวิเศษชิ้นนี้ได้ เหมือนว่ามันอยู่ยงคงกระพัน
แต่ไม่ทันที่มันจะคิดให้ถี่ถ้วนเหนือศรีษะขึ้นไปบนท้องฟ้าหลายร้อยเมตร ก้อนอุกาบาตขนาดใหญ่ก็ตกลงมา สิ่งที่อุกาบาตนี้นำมาด้วยคือความร้อนหลายพันหลายหมื่นองศาและแรงกดดันมหาศาล
มันขยับตัวไม่ได้!
"ดูให้เต็มตาวอร์ล็อค นั่นคือจุดจบเจ้า"
ออสบอร์นตะโกนออกไปเบื้องหน้า ในขณะที่สายตาของเขาจ้องมองอุกาบาตที่ตนเองเรียกออกมาอย่างตื่นตะลึง กลางคืนราวกับกลางวันเพราะแสงสีแดงที่อาบไปทั่วท้องฟ้าจากเปลวไฟของอุกาบาต
"ม่ายยยยยยยย"
การ์อาลอสรีบพุ่งตัวออกไปป้องกันลูกศิษย์ของมันทันที เมื่อสิ้นเสียงร้องของมันพลังงานความร้อนที่เกิดจาการระเบิดของอุกาบาตก็กระจายออกไปทั่วบริเวณหลายตารางกิโลเมตร นอกเมืองอารามอสภูเขาทั้งแถบหายไปเพราะเหตุนั้น
เงาดำตายทันที!
ร่างจำแลงการ์อาลอสสลายไม่เหลือ!