1206 - การต่อสู้เริ่มต้นแล้ว
1206 - การต่อสู้เริ่มต้นแล้ว
การปรากฏตัวของราชาจิ่วหวงทำให้สถานการณ์สงบลงทันทีแน่นอนว่าในตอนนี้สิ่งมีชีวิตโบราณจำนวนมากเกิดความโกรธแค้นต่อนักพรตตงเทียนอย่างยิ่ง
หากไม่ฆ่าเด็กน้อยคนนี้ใบหน้าของเผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมดจะต้องถูกฉีกจนพังยับเยิน
“การโจมตีเมื่อครู่นี้เหมือนทักษะจักรพรรดิอสูรเก้าบาดแผลไม่ผิดเพี้ยน”
สีหน้าของเอี๋ยนหรูอวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย นางมองเข้าไปในสนามรบพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างสับสน
“ผังป๋อ”
เย่ฟ่านซึ่งเฝ้ามองจากระยะไกลเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของผู้อื่นไม่สามารถมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของผังป๋อได้
แต่สำหรับดวงตาของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ที่เย่ฟ่านฝึกฝน เขาย่อมตระหนักได้ถึงตัวตนของผังป๋อตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายก้าวไปข้างหน้า
“เจ้าเป็นใคร?” ผังป๋อเห็นเย่ฟ่านเดินเข้ามาใกล้ก็ถามอย่างระมัดระวัง
“นักพรตหยวนซีผู้น่าสงสาร” เย่ฟ่านยิ้ม
ผังป๋อหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะกอดคอกันอย่างกลมเกลียว
เป็นเวลาสิบสองปีแล้วที่พวกเขาแยกจากกัน มันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่งกว่าที่พวกเขาจะกลับมาพบกันอีกครั้ง
เย่ฟ่านเดินทางคนเดียวในทุ่งดาวอันรกร้าง และผังป๋อก็ประสบกับการต่อสู้ระหว่างความเป็นและความตายในตงหวงนับร้อยครั้ง สถานการณ์ที่เปี่ยมไปด้วยอันตรายนี้ทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
“ทุ่งดาวโบราณจื่อเว่ยเป็นอย่างไรบ้าง มีตำนานจากโลกของเราเหมือนเช่นที่นี่หรือไม่?”
“เหมือนกันกับที่นี่ มีตำนานของผู้คนจากโลกเราปรากฏขึ้นมากมาย แต่พวกเขามุ่งหน้าสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวแล้ว เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมเจ้าถึงปรากฏตัวเอาตอนนี้ ?”
“ข้าเพิ่งหนีออกมาจากวังเซียนในดินแดนต้องห้ามของภาคใต้ การเดินทางครั้งนี้ทำให้ข้าได้รับผลประโยชน์มากมาย”
ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนคำพูดกันอย่างรวดเร็วจากนั้นพวกเขาก็ใช้เวลาหนึ่งวันก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้นดื่มสุราและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ในรุ่งเช้าดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก และแสงสีทองของเช้าวันใหม่ก็ส่องสว่างไปทั่วโลก สนามรบโบราณมีผู้คนมากมายเข้าจับจองพื้นที่อันเหมาะสมตั้งแต่เมื่อวาน
นี่คือการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์โบราณกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ดังนั้นแม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับปราชญ์ของเผ่าพันธุ์โบราณมากมายหลายคนก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นแล้ว
ในช่วงเช้าของวันนั้นประตูมิติอีกแห่งเปิดขึ้นที่ด้านนอกสนามรบโบราณซีเซี่ย ตัวอ่อนเต๋าโดยกำเนิดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์คฤหาสน์ม่วงพร้อมด้วยหญิงสาวหลายสิบคนก็มาชมการต่อสู้ครั้งนี้เช่นกัน
ความงามของพวกนางทำให้ผู้คนทั้งเผ่าพันธุ์โบราณและเผ่าพันธุ์มนุษย์เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาพบว่าผู้นำกลุ่มคือตัวอ่อนเต๋าโดยกำเนิดทุกคนยิ่งเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
ในไม่ช้ากลุ่มยอดฝีมือจากราชวงศ์ต้าเซี่ยก็มาถึง พวกเขาขี่เมฆมงคลข้ามผ่านท้องฟ้าพร้อมกับราชองครักษ์ที่สวมชุดเกราะสีทองเปล่งประกายแวววาว
ในครั้งนี้องค์ชายเซี่ยได้ปรากฏตัวในฐานะจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยแล้ว ที่ยืนอยู่ด้านข้างของเขาคือแม่ชีน้อยที่มีความงามอย่างน่าเหลือเชื่อ
“ผู้คนจากสันเขาเสิ่นคานมาถึงแล้ว”
มีคนร้องอุทาน จากนั้นชายชราคนหนึ่งได้เดินนำหน้ากลุ่มชายหนุ่มและหญิงสาวหลายสิบคนเข้ามาในสนามรบโบราณ
ท่าทางของคนกลุ่มนี้ดูธรรมดาอย่างมาก แต่การปรากฏตัวของพวกเขากลับทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวมากที่สุด นั่นก็เพราะชายชราผู้นำกลุ่มก็คือราชาปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ผู้แข็งแกร่งซึ่งเป็นน้องชายร่วมสายเลือดขององค์หญิงเสิ่นฉาน
เมฆพายุกำลังพลุ่งพล่าน ราชวงศ์อมตะแห่งจงโจวเช่นจิ่วหลีและกู่ฮั่วก็ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าอันห่างไกล
การต่อสู้ครั้งนี้มีผลกระทบอย่างมาก แม้ว่าในอดีตจะมีมหาอำนาจหลายแห่งเป็นศัตรูกับเย่ฟ่าน แต่พวกเขายังคงมาที่นี่เพื่อเอาใจช่วยเย่ฟ่านให้บดขยี้ผู้นำอัจฉริยะแห่งเผ่าพันธุ์โบราณให้ได้
สำหรับการปรากฏตัวของมหาอำนาจเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นไม่มีเหตุการณ์ใดสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนได้มากเท่ากับการปรากฏตัวของยอดคนจากทะเลสาบหยก
เพราะผู้คนจำนวนมากเพิ่งตระหนักได้ว่าราชินีตะวันตกซึ่งเป็นผู้นำคนปัจจุบันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเซียนไปแล้ว
ในไม่ช้าเซียนจากลานพนันหินเทียนซวนก็ก้าวเข้ามาในสนามรบ ท่าทางของเขาดูอ่อนโยนคล้ายกับไม่มีความสนใจต่อการต่อสู้ครั้งนี้ อย่างไรก็ตามหากเขาไม่สนใจจริงๆ เขาคงไม่มาที่นี่ตั้งแต่แรก
“ถึงเวลาแล้ว ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณเจ้าอยู่ที่นี่ไหม”
เสียงคำรามดังก้องไปทั่วซีเซี่ยราวกับเสียงคำรามของเทพอสูรผู้ยิ่งใหญ่
หยวนกู่ปรากฏตัวขึ้นแล้ว
สิ่งมีชีวิตอยากเผ่าพันธุ์โบราณต่างโห่ร้องเสียงดัง การปรากฏตัวของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์โบราณสร้างความตื่นเต้นให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก
นี่คือชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง มีเส้นผมสีดำยาวถึงเอว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย และเสียงคำรามของเขาก็ทำให้สวรรค์พิภพสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ชายผู้แข็งแกร่งแห่งเผ่าพันธุ์โบราณก้าวเข้าสู่ใจกลางสนามรบซีเซี่ยท่ามกลางเสียงโห่ร้องที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจของสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมด
“ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณเจ้าหวาดกลัวแล้วหรือ ตอนนี้ถึงเวลาตายของเจ้าแล้วยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีก?”
“ข้าคิดว่าเขาคงไม่มีความกล้าถึงขนาดนั้น ถ้าเขาปรากฏตัวออกมาเขาต้องตายอย่างแน่นอน เด็กน้อยคนนี้เป็นเพียงเซียนเทียมระดับสองเขาจะเอาความกล้าที่ไหนมาต่อสู้กับราชาผู้ยิ่งใหญ่ในขอบเขตเซียนเทียมขั้นสาม” คนหนุ่มสาวแห่งเผ่าพันธุ์โบราณเริ่มเย้ยหยัน
แน่นอนว่าคำพูดของพวกเขามีเจตนายั่วยุอย่างชัดเจน พวกเขาพยายามใช้คำพูดเพื่อผูกมัดเย่ฟ่านไม่ให้หลบเลี่ยงการต่อสู้กับหยวนกู่ได้
ตอนนี้สงครามกำลังจะเริ่มต้นขึ้นและพวกเขาก็รู้ว่าเย่ฟ่านจะมาแน่นอน ในวันปกติคงไม่มีใครกล้าพูดดูถูกเหยียดหยามร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณอย่างเย่ฟ่านต่อหน้าได้
อย่างไรก็ตามพวกเขาค่อนข้างมั่นใจว่าเย่ฟ่านจะต้องตายในมือของหยวนกู่ ดังนั้นหลายคนจึงฉวยโอกาสนี้กล่าวดูถูกเหยียดเย่ฟ่านสักครั้ง
“ปัง!”
ภายใต้สายฟ้าสีทองที่ระเบิดขึ้นกลางท้องฟ้า ฝ่าเท้าขนาดใหญ่ของเย่ฟ่านเหยียบย่ำชายหนุ่มของเผ่าพันธุ์โบราณคนนั้นจนบี้แบนต่อหน้าสักขีพยานหลายแสนคน
“ปัง”
“ปัง”
สองชายหนุ่มผู้ทรงพลังจากเผ่าพันธุ์โบราณอีกสองคนถูกเหยียบตายอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีโอกาสกรีดร้องด้วยซ้ำ
“เจ้า...”
คนหนุ่มสาวหลายคนจากเผ่าพันธุ์โบราณอดไม่ได้ที่จะถอย กลับด้วยความหวาดกลัว พวกเขาเคยได้ยินมาว่าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณมีความโหดเหี้ยมอย่างถึงที่สุด
แต่พวกเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าต่อหน้าต่อตาสิ่งมีชีวิตระดับปราชญ์ เย่ฟ่านก็ยังมีความกล้าถึงขนาดนี้
“เจ้าพวกขยะ!”
เย่ฟ่านสะบัดเท้าและเตะคนหนุ่มสาวของเผ่าพันธุ์โบราณหลายสิบคนออกไปด้านข้าง
ร่างของผู้คนมากมายปลิวกระเด็นออกไปทุกทิศทางและได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที
ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณปรากฏเปล่งประกายด้วยแสงสีทอง เพียงการปรากฏตัวขึ้นของเขาก็สร้างความตื่นตะลึงให้กับสิ่งมีชีวิตจากเผ่าพันธุ์โบราณนับแสนคน
“ข้ารอเจ้ามานานแล้ว” หยวนกู่คำรามก่อนจะพุ่งเย่ฟ่านโดยไม่คิดจะเสียเวลาพูดคุยเรื่องไร้สาระ
“บูม”
หยวนกู่กระแทกหมัดที่แข็งแกร่งออกไปข้างหน้า ทันใดนั้นเบื้องหลังของเขาได้มีอวตารรูปพระจันทร์เสี้ยวสีทองซึ่งมีขนาดใหญ่โตกว่าพันวาปรากฏขึ้น
พระจันทร์เสี้ยวสีทองนั้นได้ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่สิ้นสุดเข้าสู่ร่างกายของหยวนกู่ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาได้รับการเติมเต็มอยู่ตลอดเวลา
“ไม่เคยมีใครบอกเจ้าหรือว่าอย่านำอวตารมาเล่นต่อหน้าข้า” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นการต่อสู้ของชายผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าพันธุ์ทั้งสองได้เริ่มต้นขึ้น ท้องฟ้าและแผ่นดินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พลังการโจมตีของพวกเขาสร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้คนจากทั้งสองเผ่าพันธุ์เป็นอย่างมาก
“นี่คือการปะทะกันของสายเลือดที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดหรือ?”
การเผชิญหน้าระหว่างคนทั้งสองนั้นเหมือนกับโลกสองใบปะทะกัน คลื่นพลังที่เกิดจากการปะทะกันของพวกเขาทำลายพื้นที่กว่าพันลี้ให้กลายเป็นที่ราบโดยสิ้นเชิง
……………