บทที่ 9 สภาพไม่สู้ดี
"คุณ……"
ในวินาทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เซิ่นเหยาก็พลันสะดุ้ง ปากของเธออ้าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของเธอในเวลานี้เต็มไปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดระแวง
แม้ว่าหลินโจวจะสวมแว่นกันแดด และยืนอยู่ด้านหลังผู้จัดการและผู้ช่วยส่วนตัวของซูชิงเหม่ย แต่หลังจากแต่งงานกันมาถึง 3 ปี เซิ่นเหยาก็ยังคงจำหลินโจวได้ทันที
อย่างที่คิด ที่แท้เขาก็ไม่อยากจะหย่ากับเธอ ถึงได้ตามเธอมาถึงสตาร์ซิตี้!
แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าฉันจะต้องมาถ่ายรายการที่สตาร์ซิตี้ TV? สตาร์ซิตี้ TV ยังไม่ได้ประกาศรายชื่อแขกรับเชิญในรายการ "I am a Singer" ซีซั่นนี้เลยด้วยซ้ำ!
แล้วแบบนี้เขาสามารถตามหาฉันเจอได้ยังไง? ผู้ชายคนนี้ยังคิดจะตามติดฉันอยู่อีกเหรอเนี่ย?
เซิ่นเหยามองไปที่หลินโจวด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
เขาภูมิใจในเสน่ห์ของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็กังวลว่าหลินโจวจะเผลอเปิดเผยความจริงที่ว่าพวกเขาเคยแต่งงานกัน
ในขณะที่เธอกำลังลังเลอยู่นั้น เฉินจื่อผู้จัดการของเซิ่นเหยาก็เป็นคนที่สงบสติอารมณ์ได้กอด เธอยิ้มให้จางหงแล้วพูดขึ้นว่า:
“พี่หง บังเอิญจังเลยนะคะ”
ซูชิงเหม่ย และเซิ่นเหยาต่างก็เป็นนักร้องที่เซ็นสัญญากับเทียนหยุน เอ็นเตอร์เทนเมน เหมือนกัน เฉินจื่อและจางหงเองก็เป็นผู้จัดการในสังกัดของเทียนหยุนเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าพวกเธอต้องรู้จักกันอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระดับความนิยมของศิลปินภายใต้ความดูแลที่แตกต่างกัน ผู้จัดการจึงถูกแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น เฉินจื่อต้องเรียกจางหงว่า "พี่" แม้ว่าจริงๆ แล้วเธอจะอายุมากกว่าจางหงหลายปีก็ตาม
จางหงไม่ได้ถือตัว เธอยิ้มและตอบกลับอย่างสุภาพ: "พี่จื่อ พวกคุณมาเร็วจังเลยนะคะ ฉันได้ยินมาว่าเพลงที่เซิ่นเหยาเลือกในรอบนี้ดีมากเลย สู้ๆ นะคะ!"
"พวกเราก็แค่มาแสดงตัวเท่านั้นแหละค่ะ จริงๆ แล้ว บริษัทก็ยังต้องพึ่งพาชิงเหม่ยก่อน ว่าแต่..."
เฉินจือกล่าวอย่างสบายๆ ก่อนจะหันกลับไปถามซูชิงเหม่ยด้วยรอยยิ้ม:
“ชิงเหม่ยรู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม?”
ซูชิงเหม่ยล้มป่วยเมื่อไม่นานมานี้ เธอหยุดงานเพื่อพักรักษาตัวมาระยะหนึ่งแล้ว ทุกคนในวงการที่อยู่ภายใต้สังกัดของเทียนหยุนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ต่างรู้ดีว่าคราวนี้เธอต้องใช้รายการ "I am a Singer" เพื่อประกาศการกลับมาอีกครั้ง
หลังจากหายป่วยกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรก แฟนคลับมากมายต่างตั้งตารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ขณะเดียวกันก็มีผู้คนอีกจำนวนมากที่รอให้เธอพลาดพลั้ง
วงการบันเทิงนั้นโหดร้าย ใครจะสนว่าคุณจะล้มป่วยหรืออยู่ในสภาพไหน ยังไงแล้ว หากคุณทำพลาด ก็จะมีคนอื่นพร้อมขึ้นมาแทนที่คุณทันที
ตัวอย่างเช่น เซิ่นเหยาเป้าหมายของเธอคือใช้โอกาสในรายการ "I am a Singer" เพื่อเอาชนะซูชิงเหม่ยอย่างตรงไปตรงมา
ด้วยวิธีนี้ บริษัทจะมอบทรัพยากรที่แต่เดิมเป็นของซูชิงเหม่ยมาทุ่มให้กับเธอแทน
อย่างไรก็ตาม เธอไม่คิดมาก่อนว่าหลินโจวจะมาปรากฏตัวที่นี่ แถมยังยืนเคียงข้างซูชิงเหม่ยอีกด้วย!
“ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”
จางหงหันไปตอบคำถามเฉินจื่อด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะนำซูชิงเหม่ย หลินโจว และคนอื่นๆ เดินออกจากลิฟต์ไปพร้อมกัน
เฉินจื่อดึงเซิ่นเหยาที่ยังคงอยู่ในอาการตกตะลึงให้มาอยู่ข้างๆ จากนั้นก็เดินเข้าไปในลิฟต์
เซิ่นเหยาเดินผ่านหลินโจวไป ในเวลานี้หัวใจของเธอเต้นระรัว ด้วยเกรงว่าหลินโจวจะโวยวายขึ้นมาตรงนั้น
แต่หลินโจวกลับยังคงนิ่งเฉยราวกับว่าเขากับเธอไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จนกระทั่งประตูลิฟต์ปิดลงเขาก็ยังไม่พูดอะไรสักคำ
ฟูวว!
เซิ่นเหยาถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนนี้ภายในลิฟต์มีเพียงเธอกับเฉินจื่อเท่านั้น ใบหน้าของเซิ่นเหยาดูน่าเกลียดเล็กน้อย: “เขาอยากจะทำอะไรกันแน่!”
เฉินจื่อเองก็ขมวดคิ้ว “เมื่อดูสถานการณ์ตอนนี้ หลินโจวเดินตามหลังซูชิงเหม่ยอยู่ตลอด หรือว่าเขาอาจจะกลายเป็นผู้จัดการหรือผู้ช่วยส่วนตัวของซูชิงเหม่ย?”
จากนั้นเธอก็ส่ายหัวปฏิเสธความคิดดังกล่าว: "ฉันไม่เคยได้ยินว่าทางบริษัทรับสมัครผู้จัดการหรือผู้ช่วยคนใหม่เลย"
ใบหน้าของเซิ่นเหยา ยิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้น "เขาต้องมาที่นี่เพราะฉันแน่ๆ!"
เฉินจื่อถอนหายใจ: "ดูเหมือนว่าค่าปิดปาก 3 แสนนั่นจะยังน้อยเกินไป ไม่น่าแปลกใจที่เขาปฏิเสธมัน"
“มันไม่เกี่ยวกับเงิน” เซิ่นเหยาส่ายหัว: “หลินโจวแค่ไม่ต้องการหย่ากับฉัน เขายังอยากจะติดตามฉันไปตลอด”
“แล้วเมื่อกี้ทำไมเขาถึงไม่เข้ามาพูดกับเธอตรงๆ เลยล่ะ?” เฉินจื่อถามอย่างสงสัย
เซิ่นเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เขารักฉันมาก ลืมฉันไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้อยากทำร้ายฉัน เพียงแค่อยากครอบครองฉันตลอดไป ผู้ชายก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น!"
เฉินจื่อกล่าวว่า: "ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ถ้าหลินโจวรู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะใจเธอได้อีกแล้ว เขาจะเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับเธอไหม? "
เซิ่นเหยาขมวดคิ้ว: "ฉันควรหาโอกาสคุยกับเขาสักหน่อยดีกว่า หวังว่าเขาจะเข้าใจว่าระหว่างฉันกับเขามันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป"
ในเวลานี้ หลินโจวและซูชิงเหม่ยมาถึงห้องบันทึกเสียงหมายเลข 2 ของสตาร์ซิตี้ TV แล้ว
ก่อนหน้านี้ศิลปินคนอื่นๆ มาฝึกซ้อมกันแล้ว ตอนนี้ไม่มีแขกรับเชิญคนอื่น ๆ ในห้องบันทึกเสียงอีก ซูชิงเหม่ยจึงสามารถขึ้นไปซ้อมบนเวทีได้ในทันที
จางหงไปพบผู้กำกับรายการเพื่อสร้างความสัมพันธ์ ในขณะที่โจวหยุนกำลังยุ่งอยู่กับการจัดเตรียมเสื้อผ้าสำหรับการแสดงของซูชิงเหม่ยเพื่อบันทึกเทปอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้
หลินโจวก็กลายเป็นคนว่างงาน เขาจึงยืนอยู่เงียบๆ อยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง ไอ้โรคจิตที่คุกคามซูชิงเหม่ยคงจะไม่กล้าเข้ามาในสถานีโทรทัศน์สตาร์ซิตี้นี้ได้หรอก
อย่างไรก็ตาม ซูชิงเหม่ยยังไม่ได้ขึ้นเวทีไปทันที เธอเดินไปที่หลินโจวแล้วถามว่า:
“คุณรู้จักกับเซิ่นเหยาหรือเปล่า?”
หลินโจวถึงกับสะดุ้ง เขานึกไม่ถึงว่าซูชิงเหม่ยจะช่างสังเกตขนาดนี้ แม้แต่ตอนที่เซิ่นเหยามองเขาแปลกๆ ในลิฟต์เมื่อกี้นี้ ก็ยังถูกเธอสังเกตเห็น
"ไม่รู้จักครับ." หลินโจวส่ายหัว
เนื่องจากพวกเขาหย่ากันแล้ว จึงไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กันอีกต่อไป และเขาเองก็ไม่ต้องการมีอะไรเกี่ยวข้องกับเซิ่นเหยาอีก
"อืม"
ซูชิงเหม่ยพยักหน้า จากนั้นก็เดินขึ้นเวทีไปโดยไม่ถามอะไรอีก
ข้างๆ วงดนตรีที่อยู่ใกล้ๆ รับเอาโน้ตเพลงของซูชิงเหม่ยไป เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงที่โด่งดังของเธอ หลินโจวเองก็เคยได้ยินมาเช่นกัน มันได้รับความนิยมพอสมควร อาจกล่าวได้ว่าเป็นผลงานเพลงคลาสสิกเลยก็ได้
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเสียงของซูชิงเหม่ยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ หลังจากซ้อมร่วมกับวงดนตรีไปครั้งหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ขอโทษนะคะ ฉันขอลองอีกครั้งได้ไหม?”
ซูชิงเหม่ยโค้งคำนับไปทางอาจารย์ที่สอนวงดนตรี แม้ว่าปกติเธอจะดูเป็นคนที่เย็นชา แต่พอขึ้นเวทีไปแล้ว เธอกลับกลายเป็นนักร้องที่เข้มงวดกับตัวเองเป็นอย่างมาก
ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็ยังคงเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งวงการเพลง ดังนั้นทุกคนจึงให้เกียรติเธอพอสมควร เธอจึงสามารถซ้อมร้องเพลงได้อีกครั้ง
และครั้งนี้มันก็ดีขึ้นกว่าครั้งที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด
ยังมีนักร้องคนอื่นๆ ที่ต้องฝึกซ้อมต่อ ซูชิงเหม่ยไม่สามารถอยู่บนเวทีและขอให้วงดนตรีซ้อมต่อไปกับเธอได้ตลอด หลังจากซ้อมเสร็จ เธอก็ต้องกลับไปที่โรงแรม
“พี่ชิงเหม่ย เมื่อกี้พี่ร้องได้ดีมากเลย!”
โจวหยุน และจางหงเองก็กลับมาแล้วเช่นกัน หลังจากได้ยินการแสดงครั้งที่สองของซูชิงเหม่ย โจวหยุนก็ปรบมือและพูดขึ้นอย่างมีความสุข
แต่ใบหน้าของซูชิงเหม่ยกลับดูไม่ค่อยดีนัก เธอส่ายหัว เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับการแสดงของตัวเอง
เมื่อเห็นดังนั้น จางหงก็ปลอบใจเธอ: "ชิงเหม่ย อย่าคิดมากนะ ยังไงเสียงของเธอก็ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่"
ซูชิงเหม่ยเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ เธอก็พูดขึ้นว่า: "พี่หงคะ พี่ช่วยหาเพลงใหม่ให้ฉันได้ไหม? "
จางหงถามว่า: "เธออยากร้องเพลงใหม่เหรอ? "
ซูชิงเหม่ยพึมพำว่า: "ฉันไม่อยากร้องเพลงเก่าซ้ำๆ ฉันไม่มีความรู้สึกกับเพลงพวกนั้นแล้ว"
หลินโจวที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าน้อยๆ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมซูชิงเหม่ยถึงกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์วงการเพลงได้ภายในเวลาเพียงสามปีนับจากเดบิวต์ อย่างน้อย เธอก็ยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ในปัจจุบันนี้ มีนักร้องชื่อดังหลายคนเข้าร่วมรายการร้องเพลงเลือกที่จะใช้เพลงเก่าของตัวเองหรือไม่ก็เพลงของคนอื่นที่คุ้นเคยเพื่อความปลอดภัย คนเหล่านั้นต่างสูญเสียจิตวิญญาณ สูญเสียความกล้า ไม่มีความกระตือรือร้นที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เพียรยึดติดกับความสำเร็จในอดีตเท่านั้น
นักร้องที่บริสุทธิ์และเต็มไปด้วยจิตวิญญาณอย่างซูชิงเหม่ย กลับมีน้อยลงเรื่อยๆ
สิ่งสำคัญก็คือเธอยังสวยขนาดนี้ ขาก็ยาวขนาดนี้ กล่าวได้ว่าหาได้ยากมากจริงๆ
(มันเกี่ยวอะไรกันครับพี่)
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากการฝึกซ้อมเมื่อครู่นี้ อาการของซูชิงเหม่ยดูเหมือนจะยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ถ้าพรุ่งนี้อัดรายการจริงเธอยังอยู่ในสภาพนี้แล้วละ คาดว่าสุดท้ายแล้วอันดับของเธอก็คงจะไม่ดีนัก
อย่างไรก็ตาม หลินโจวเป็นเพียงผู้ช่วยและบอดี้การ์ด ดังนั้นเขาจึงพูดอะไรมากไม่ได้
พวกเขาทั้งสี่ออกจากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมสตาร์ซิตี้ เข้าพักโรงแรมที่พวกจองเอาไว้ และเพื่อความสะดวกในการปกป้องซูชิงเหม่ย หลินโจวจึงต้องพักอยู่ห้องที่ติดกับเธอ
ทันทีที่หลินโจวเข้ามาในห้อง โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
มันเป็นสายโทรเข้าของเซิ่นเหยา
“หลินโจวนายอยู่ไหน? ฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับนาย”