บทที่ 8 เส้นทางคับแคบ
หลินโจวเองก็นอนไม่หลับเช่นกัน วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งทำให้จิตใจของเขาอยู่ในสภาวะตื่นตัวแปลกๆ สมองส่วนเปลือกนอกทำงานเป็นปกติ
ง่ายๆ ก็คือเขานอนไม่หลับนั่นแหละ
ดังนั้นเขาจึงเริ่มพูดคุยกับบุคคลนี้ชื่อ "กู่เหมย" ผ่านข้อความส่วนตัวบน “เอสสเตชั่น”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายบอกถึงเหตุผลที่ใช้ชื่อไอดีว่า "กู่เหมย" หลินโจวก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
คนคนนี้หลงตัวเองมากจริงๆ ถึงขนาดกล้าชมว่าตัวเองสวนออกมาตรงๆ
จากประสบการณ์ของหลินโจว ยิ่งพูดแบบนี้ ก็ยิ่งมีแนวโน้มว่าเธอจะเป็น “เขา” สาวน้อยในร่างชายที่ปลอมตัวมา
ปากก็พร่ำบอกว่าฉันหน่ะเป็นผู้หญิงที่สวยมากนะ แต่จริงๆ แล้วคนอยู่หน้าจอก็คือไอ้หนุ่มหัวล้าน!
หลินโจวไม่อยากจะคุยกับ “สาวจอมปลอม” นี้ต่อไป เขาจึงส่งข้อความตอบกลับอีกฝ่ายไปว่า:
"ผมจะนอนแล้วนะครับ ลาก่อน"
จากนั้นเขาก็วางโทรศัพท์มือถือ ทิ้งตัวลงนอน และหลับตาลง
พูดแล้วก็แปลกดีเหมือนกัน หลินโจวพบว่าหลังจากได้คุยกับ "กู่เหมย" คนนี้ไปสักพัก อารมณ์ของเขาก็รู้สึกค่อยๆ สงบลง เขารู้สึกง่วงนอนขึ้นมา ไม่นานก็เผลอหลับไป
บนชั้นสอง
ซูชิงเหม่ย รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
เธอกำลังจะถามคำถามอื่นเกี่ยวกับการเรียบเรียงเพลง "เสียดายที่ไม่ใช่เธอ" เพราะเธอรู้สึกว่าหากเพลงนี้ใช้เครื่องดนตรีที่หลากหลายกว่านี้ มันจะต้องเพราะยิ่งกว่านี้อย่างแน่นอน
แต่ "เสวี่ยโจว" คนนี้กลับส่งข้อความมาว่า “ลาก่อน” แล้วก็เงียบหายไปเลย
ซูชิงเหม่ยตะลึงงันไปครู่หนึ่ง คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
ในที่สุดเธอก็ได้พบกับเพลงต้นฉบับที่มีทั้งจิตวิญญาณ และเทคนิคชั้นสูงบนแพลตฟอร์มมือสมัครเล่น ในขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่ดีๆ อีกฝ่ายกลับเพิกเฉยทิ้งเธอไปยังไม่ไยดี
ปล่อยให้ค้างๆ คาๆ แบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากจริงๆ!
ในขณะเดียวกัน ผู้ช่วยน้อยโจวหยุนส่งข้อความมาทาง WeChat: "พี่ชิงเหม่ย พี่หลับไปแล้วหรือยัง? พี่หลินคนนั้นเป็นยังไงบ้าง? เขาไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ ใช่ไหม? "
โจวหยุนรู้จักเธอเป็นอย่างดี และรู้ว่าซูชิงเหม่ยมักมีปัญหานอนไม่หลับ ในเวลานี้เธออาจจะยังไม่นอน
ซูชิงเหม่ยตอบกลับไปว่า: "กำลังจะนอนแล้ว คุณหลินก็ดีนะ ไม่มีอะไรผิดปกติ เธอเองก็ควรรีบนอนได้แล้วนะ ราตรีสวัสดิ์"
จากนั้นเธอก็ทิ้งตัวลงบนเตียง ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว ในความมืดมิด ดวงตาอันสดใสคู่หนึ่งกะพริบ 2-3 ครั้ง สมองก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตัวเองที่ตื่นขึ้นมาในสภาพเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงหลังจากหมดสติไปในห้องน้ำ
ไม่งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หาโอกาสถามเขาหน่อยว่า เขา...เขาเห็นมากขนาดไหน?
บางทีเขาอาจมองเห็นไม่ชัดมากก็ได้?
แต่…ฉันจะถามเรื่องแบบนี้ยังไงดี?
ซูชิงเหม่ยรู้สึกเขินอายและสับสนอยู่ครู่หนึ่ง เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเสียบหูฟัง แล้วเปิดเพลง "เสียดายที่ไม่ใช่เธอ" ฟังอีกครั้ง
ขณะที่ฟังเพลงไปเรื่อยๆ เปลือกตาของซูชิงเหม่ยก็ค่อยๆ หนักขึ้น เธอขดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ก่อนจะหลับไปในที่สุด
--------------------------------
วันรุ่งขึ้น เวลาประมาณเจ็ดโมงกว่า
จางหง และโจวหยุนขับรถมารับซูชิงเหม่ย เพื่อขึ้นเที่ยวบิน 10:00 น เดินทางจากเมืองหลินเจียงไปยังสตาร์ซิตี้
ในช่วงบ่ายวันนี้ ซูชิงเหม่ยจะต้องไปที่สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมสตาร์ซิตี้เพื่อถ่ายทำรายการ "I am a Singer" เทปแรก
เมื่อทั้งคู่มาถึง หลินโจวก็ตื่นแต่เช้าแล้ว เพื่อเตรียมอาหารเช้าสำหรับตัวเขาเองและซูชิงเหม่ยไว้เรียบร้อยแล้ว
ส่วนจางหง และโจวหยุนนั้น ขออภัย นั่นไม่ใช่หน้าที่รับผิดชอบของหลินโจว
หน้าที่ผู้ช่วยส่วนตัวของเขาก็คือรับผิดชอบในการดูแลและปกป้องซูชิงเหม่ยอย่างใกล้ชิด รวมถึงอาหารการกินและชีวิตประจำวันของเธอเท่านั้น
ในเวลานี้ ซูชิงเหม่ยกำลังอาบน้ำอยู่บนชั้นสอง โจวหยุนผู้ช่วยน้อยผู้ร่าเริงกวาดตามองดูอาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะ เธออดไม่ไหวขณะกลืนน้ำลายลงไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมืออวบท้วมออกไปโดยต้องการที่จะหยิบเสี่ยวหลงเปาขึ้นมา
เห็นดังนั้น จางหงก็ตบมือเล็กๆ จอมตะกละของโจวหยุน ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า: “ระหว่างเธอเพิ่งกินไปเองไม่ใช่เหรอ?”
“แต่พี่หง เสี่ยวหลงเปานี่มันหอมมากเลยนะ”
ผู้ช่วยตัวน้อยมองไปยังอาหารเช้า ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร: "พี่ชิงเหม่ยกินคนเดียวไม่หมดหรอก"
จางหงจ้องเขม็งไปที่เธอ ก่อนจะหันไปหาหลินโจวแล้วเอ่ยถามว่า:
“เสี่ยวหลิน เมื่อคืนนี้ทุกอย่างปกติดีหรือเปล่า?”
หลินโจวพยักหน้า: "ไม่มีปัญหาอะไรครับ ทุกอย่างปกติดี"
นอกจากเรื่องที่เขาเห็นร่างเปลือยเปล่าของซูชิงเหม่ย และยังจับเธอทุ่มอีกครั้ง ทุกอย่างก็ถือได้ว่าค่อนข้างปกติ
จางหง และโจวหยุนเดินขึ้นไปบนชั้นสอง เมื่อพวกเขาเปิดประตูห้องเข้าไป พวกเธอก็คุยกันสักพัก แต่เห็นได้ชัดว่าซูชิงเหม่ยเองก็ไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ทั้งสองคนฟัง
เป็นไปได้ว่าเธอเองก็คงจะรู้สึกอายเหมือนกัน..
เนื่องจากซูชิงเหม่ยไม่ได้พูดอะไร หลินโจวเองก็ย่อมเลือกที่จะปิดปากเงียบ ถือซะว่ามันเป็นความลับเล็กๆ ของทั้งสองคนก็แล้วกัน
ซูชิงเหม่ยรีบเดินลงมาชั้นล่าง เธอไม่ได้แต่งหน้ามากนัก เพียงแค่รวบผมยาวเป็นหางม้า สวมเสื้อกีฬากับกางเกงยีนสบายๆ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ขาเรียวยาวนั่นก็ยังคงโดดเด่นมาก ต่างจากผู้หญิงบางคนที่ผอมเกินไปขาของพวกเธอผอมแห้งราวกันต่อไม้ไผ่ ขาของซูชิงเหม่ยนั้นทั้งเรียวยาวและได้สัดส่วน เอวของเธอแกว่งไปแกว่งมา ขับเน้นให้เธอดูน่าหลงใหลมีเสน่ห์เป็นพิเศษ..
แม้ว่าเธอจะแต่งตัวแบบสบาย ๆ แต่เสน่ห์ของเธอนั้นก็ไม่ได้ลดลงเลย
นี่คงเป็นสิ่งที่เรียกว่า ทั้งบริสุทธิ์และเย้ายวนใจสินะ
หลินโจวเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไม ซูชิงเหม่ยถึงมีแฟนคลับที่สุดโต่งขนาดนั้น ผู้หญิงประเภทที่ซึ่งมีทั้งด้านที่เย็นชาและมีเสน่ห์โดยธรรมชาติแบบนี้ ย่อมกระตุ้นความอยากเป็นเจ้าของของผู้ชายได้อย่างง่ายดาย
ซูชิงเหม่ยเดินลงมาจากชั้นบน นั่งลงที่โต๊ะอาหาร หยิบเสี่ยวหลงเปาชิ้นเล็กกัดเข้าไปคำนึง จากนั้นดวงตาของเธอก็สว่างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าลงทานอย่างตั้งใจ
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็กินเสี่ยวหลงเปาในจานจนหมดเกลี้ยง กินโจ๊กข้าวฟ่างอีกหนึ่งชาม และไข่อีกหนึ่งฟอง
โจวหยุนมองซูชิงเหม่ยกินจากด้านข้างตาละห้อย สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า:
“พี่ชิงเหม่ย อร่อยมั้ย?”
ซูชิงเหม่ยเหลือบมองหลินโจวแวบหนึ่ง ก่อนจะหลบตาลง และพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า: "ก็ธรรมดา"
โจวหยุนพยักหน้า: "อ๋อ พี่ชิงเหม่ยพี่กินไปเยอะขนาดนี้ ฉันยังคิดว่ามันต้องอร่อยมากแน่ๆ เลย"
ซูชิงเหม่ยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอเช็ดกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดปาก ก่อนจะลุกยืนขึ้น:
"ไปกันเถอะ"
พูดจบ เธอก็รีบปรับประตูออกไปอย่างลุกลี้ลุกลน
จางหงยิ้มให้หลินโจว: "ชิงเหม่ยไม่ได้ทานอาหารเช้าเยอะขนาดนี้มานานแล้ว ดูเหมือนว่าฝีมือการทำอาหารของเธอคงจะดีมากจริงๆ "
หลินโจวประหลาดใจ: “แต่เมื่อกี้ คุณซูบอกว่าก็ธรรมดาไม่ใช่เหรอครับ?”
จางหงหัวเราะออกมายังอดไม่ได้ โจวหยุนที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นว่า: "พี่หลิน เดี๋ยวพี่อยู่กับพี่ชิงเหม่ยไปนานๆ พี่ก็จะรู้เอง พี่ชิงเหม่ยเป็นคนที่ชมคนอื่นไม่เป็น"
หลินโจวมองดูแผ่นหลังที่เย็นชาและโดดเดี่ยวของซูชิงเหม่ยแล้วพยักหน้าน้อยๆ เมื่อคืนเขาเองก็รู้สึกได้ บางทีเทพธิดาผู้เย็นชาคนนี้อาจไม่ได้เย็นชาจริงๆ เธอก็แค่แสดงออกไม่เก่งก็เท่านั้น
-----------------------
เวลา 12.00 น. ทั้งสี่คนขึ้นเครื่องมาถึงสตาร์ซิตี้
สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมสตาร์ซิตี้ส่งคนมารับเป็นพิเศษ เธอเป็นหนึ่งในทีมงานของรายการ สาวน้อยคนนี้ค่อนข้างร่าเริง เล่าสถานการณ์ทั้งหมดเกี่ยวกับรายการ
“จริงสิ อาจารย์ซูคะ เซิ่นเหยาจากบริษัทเดียวกันกับคุณก็เพิ่งมาถึงสถานีเมื่อกี้เหมือนกัน”
สาวน้อยในรถพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
ซูชิงเหม่ยมองออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วพยักหน้าเล็กน้อย: "อ่อ โอเค ขอบคุณนะคะ"
หญิงสาวรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย แต่โจวหยุนที่อยู่ข้างๆ เธอรีบเข้ามารับช่วงต่อ และในที่สุดสาวน้อยผู้ร่าเริงทั้งสองก็เริ่มพูดจ้อต่อไปอีกครั้ง
หลินโจวตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าเซิ่นเหยาเองก็ได้เข้าร่วมรายการนี้ด้วย
ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับศิลปินระดับสองที่จะได้เข้าร่วมในรายการชั้นนำอย่าง "I am a Singer" คาดว่าเฉินจื่อคงลงมือทำอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังแน่ๆ
เดี๋ยวผมจะต้องพยายามทำตัวให้ไม่เป็นจุดสนใจให้มากที่สุด ทางที่ดีอย่าได้เผชิญหน้ากับเธอเลยก็จะดีมาก
ในเมื่อหย่ากันแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป
ขณะที่หลินโจวกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น รถของพวกเขาก็มาถึงสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมสตาร์ซิตี้แล้ว พวกเขาขึ้นลิฟต์จากลานจอดรถใต้ดินไปยังห้องบันทึกเสียงบนชั้นห้า
แขกรับเชิญจะต้องทำความคุ้นเคยกับสถานที่ก่อน จากนั้นจึงฝึกซ้อมร้องเพลงที่จะนำออกมาแสดงของตัวเอง และจะเริ่มบันทึกเสียงในวันพรุ่งนี้
ระหว่างทาง หลินโจวสวมแว่นกันแดดเดินตามหลังซูชิงเหม่ยอย่างเงียบๆ ราวกับเป็นคนไม่มีตัวตน
ลิฟต์มาถึงชั้นห้า และทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก หลินโจวก็เห็นเซิ่นเหยาและเฉินจือผู้จัดการส่วนตัวของเธอยืนอยู่ตรงหน้า