บทที่ 5 จับเจ้านายทุ่ม
หลินโจวทำความสะอาดบันไดและห้องนั่งเล่นอย่างง่ายๆ เช็ดคราบน้ำที่ไหลมาจากห้องน้ำบนชั้น 2 ส่วนประตูห้องน้ำที่เสียหายนั้น คงต้องเรียกให้ช่างเข้ามาซ่อมในภายหลัง หลินโจวมองขึ้นไปบนชั้นสองอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบการเคลื่อนไหวใดๆ
บางทีซูชิงเหม่ยอาจจะหลับไปแล้ว
หลินโจวกลับไปที่ห้องของเขา ปิดประตู แล้วหยิบกีตาร์ขึ้นมา
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เดบิวต์เป็นศิลปิน แต่เขาก็ยังคงชอบเล่นดนตรีในยามว่าง
จริงๆ แล้ว ในบ้านที่เขาและเซิ่นเหยาเคยอาศัยอยู่ร่วมกันก่อนหน้านี้ มีเปียโนอยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งมันก็เป็นของเขา แต่การขนย้ายมันนั้นไม่ค่อยสะดวก ดังนั้นหลินโจวจึงตัดสินใจนำเพียงกีตาร์ติดตัวออกมาด้วยเท่านั้น
เพลง "เสียดายที่ไม่ใช่เธอ" เวอร์ชันออริจินอลนั้นไม่มีกีตาร์ แต่ด้วยเงื่อนไขที่จำกัดในเวลานี้ หลินโจวจึงทำได้เพียงบรรเลงโดยใช้กีตาร์ไปก่อน
ที่จริงแล้ว ตราบใดที่มีทักษะดีพอ ก็สามารถบรรเลงและร้องเพลงอะไรก็ได้ด้วยกีตาร์เพียงตัวเดียว ผลลัพธ์นั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
ด้วยฝีมือการร้องบวกกับเนื้อร้องและท่วงทำนองที่สมบูรณ์แบบของเพลง "เสียดายที่ไม่ใช่เธอ" เพียงพอที่จะกวาดชาร์ทเพลงฮิตของ"เอสสเตชั่น" ได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่า เพลงนี้เดิมทีเป็นเพลงที่เหมาะกับเสียงร้องของผู้หญิงมากกว่า แต่หลินโจวก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้เพลงนี้ทำให้เขาดังเปรี้ยงปร้างในชั่วข้ามคืน หรือแม้แต่ทำลายกำแพงระหว่างนักร้องมือสมัครเล่นและนักร้องมืออาชีพในคราวเดียว
อาวุธลับที่แท้จริงของเขาก็คือเพลง "ผู้กล้าหาญที่โดดเดี่ยว" เพลงนี้สื่อถึงความรู้สึกร่วมได้ดีมาก ทุกคนที่ได้ฟังมันจะรู้สึกซาบซึ้งในแบบของตัวเอง
เพลงแบบนี้ต้องปล่อยออกมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่สุด รับรองว่ามันจะต้องดังระเบิดไปทั่วโลกออนไลน์อย่างแน่นอน อาจจะกลายเป็นเพลงฮิตระดับตำนานได้เลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าในการคัดลอกเพลง "ผู้กล้าหาญที่โดดเดี่ยว" ในปัจจุบันยังคงอยู่ที่ 35% เท่านั้น ดูเหมือนว่ายังต้องอดทนรอต่อไป
หลินโจวหยิบกีตาร์ขึ้นมา ดีดสายสองสามครั้ง เพื่อทำความคุ้นเคย จากนั้นจึงเริ่มบรรเลงทำนองเพลง "เสียดายที่ไม่ใช่เธอ"
มันเหมือนกับว่ารายละเอียดทั้งหมดของเพลงนี้ถูกตราตรึงไว้ในสมองของเขา การแปลงเนื้อเพลงและโน้ตเพลงต้นฉบับให้กลายเป็นคอร์ดกีตาร์เขาก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย
หลังจากทดลองร้องเพลงกับกีตาร์ไปหลายรอบ หลินโจวก็พบว่าการบรรเลงเพลงนี้โดยใช้กีตาร์คลอไปกับเนื้อเสียงของผู้ชายก็ฟังดูดีเหมือนกัน มันสามารถกลบบางท่อนของเพลงต้นฉบับที่ไม่เหมาะกับช่วงเสียงผู้ชายได้อย่างแนบเนียน
เมื่อเขาฝึกซ้อมพอใช้ได้แล้ว หลินโจวก็ใช้โทรศัพท์มือถือของเขาตั้งกล้องถ่ายวิดีโออย่างจริงจัง จากนั้นจึงใช้โปรแกรมตัดต่อวิดีโอแก้ไขอีกเล็กน้อย
เพิ่มชื่อเพลงลงไป จากนั้นก็ใส่ชื่อนักร้อง นักแต่งเพลง ผู้เรียบเรียง และมือกีตาร์ อ้อ ขออภัย ทั้งหมดเป็นคนเดียวกัน — เสวี่ยโจว (เรือหิมะ)
“เสวี่ยโจว”
"เอสสเตชั่น"เป็นแพลตฟอร์มสำหรับมือสมัครเล่นในการเผยแพร่ผลงาน การอัปโหลดสิ่งต่าง ๆ นั้นสะดวกมาก เพียงแค่ใช้โทรศัพท์มือถือของคุณบันทึกวิดีโอ ตัดต่ออีกเล็กน้อย ก็สามารถอัปโหลดไปที่ "เอสสเตชั่น" ได้แล้ว
โดยปกติแล้ว หลินโจวเองก็มักจะแวะเวียนไปที่ "เอสสเตชั่น" อยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นหมวดดนตรี หมวดบทกวี หรือคลิปตลก ดังนั้นเขาจึงมีบัญชีอยู่แล้ว ซึ่งชื่อ ID ก็คือ : เสวี่ยโจว
หลังจากใส่เนื้อเพลงลงไป ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ส่วนเรื่องหน้าตานั้น เขาไม่จำเป็นต้องใส่ฟิลเตอร์หรืออะไรทำนองนั้น เพราะหลินโจวได้ทำการปกปิดใบหน้าของตัวเองในวิดีโอแล้ว
เขาไม่ได้อยากเป็นแค่นักร้องเพียงอย่างเดียว แต่อยากเข้าสู่ในวงการในฐานะของนักร้องนักแต่งเพลง ก่อตั้งสตูดิโอของตัวเอง เติบโตจนกลายเป็นบริษัทบันเทิงในท้ายที่สุด
สิ่งที่เขาจะทำก็คือยื่นข้อเสนอสัญญาให้คนอื่น ไม่ใช่ให้คนอื่นมาเสนอสัญญาให้เขา
เคยเห็นเจ้านายคนไหนต้องออกไปโชว์ตัวตลอดทั้งวี่วันบ้าง?
ชายผู้บริสุทธิ์ในอดีตหายไปตั้งแต่วินาทีที่หย่ากับเซิ่นเหยาแล้ว ตอนนี้คนที่ยังคงอยู่ก็คือเครื่องจักรสร้างความสำเร็จที่ไร้หัวใจเท่านั้น
หลินโจวแตะหน้าจอโทรศัพท์เข้าสู่เข้าแอป "เอสสเตชั่น" เมื่อเข้าไปแล้วบัญชีไอดี “เสวี่ยโจว” ก็ล็อกอินเข้าสู่ระบบโดยอัตโนมัติ
จากนั้นเลือกไอคอน "อัปโหลดผลงาน" อัปโหลดวิดีโอเพลง "เสียดายที่ไม่ใช่เธอ" ลงไป
"โปรดเลือกหมวดหมู่สำหรับผลงานที่อัปโหลด"
‘หมวดดนตรี’
"โปรดเพิ่มคำบรรยายสำหรับผลงานของคุณ"
หลินโจวคิดอยู่ครู่หนึ่ง เพลงนี้เคยเป็นเพลงฮิตที่โด่งดังมากในชีวิตที่แล้วของเขา ผู้คนยังคงร้องเพลงนี้มาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ มันเป็นอันดับต้นๆ ในแง่ของจำนวนครั้งในการกดเล่นมากที่สุด
หลายคนถึงกับร้องไห้เพราะเพลงนี้ โดยเฉพาะเหล่าคนอกหักทั้งหลาย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มุมปากของหลินโจวก็ยกยิ้มน้อยๆ และรีบใส่คำบรรยายสำหรับผลงานแรกของเขาบน "เอสสเตชั่น" ทันที:
“เพลงต้นฉบับฮีลใจ คนอกหักจะหายขาดทันทีหลังจากได้ฟัง”
>>คลิกเพื่อยืนยันการอัปโหลด<<
จากนั้นก็มาถึงขั้นตอนการตรวจสอบ และการจดทะเบียนลิขสิทธิ์
หากเป็นเพลงต้นฉบับ หลังจากผ่านการอนุมัติแล้ว ทางแอปพลิเคชันก็สามารถช่วยเจ้าผลงานจดทะเบียนลิขสิทธิ์ได้โดยตรง
แพลตฟอร์มสำหรับมือสมัครเล่นนั้นมีประสิทธิภาพสูงมาก หลังจากผ่านไปเพียง 1 ชั่วโมง ขั้นตอนการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ก็เสร็จสิ้น และได้รับการอนุมัติ
หลินโจวเลื่อนดูหน้าแรกของ "เอสสเตชั่น" ทันที แต่เขากลับหาวิดีโอของตัวเองไม่เจอ
เขาจึงค้นหาคำว่า "เสวี่ยโจว" จึงได้พบวิดีโอที่เพิ่งอัปโหลด รีบเข้าไปดูข้อมูล
รับชม: 2; ชอบ: 0; รางวัล: 0; บันทึก: 1
ก็น่ะ!! เพิ่งอัปโหลดไปไม่นาน อีกอย่างเขาก็ไม่ใช่เน็ตไอดอลชื่อดังอะไร หวังให้มีคนมาฟังเร็วขนาดนั้นได้ยังไง?
เพล้ง!!
ในขณะนั้นเอง หลินโจวก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างจากข้างนอก
จู่ๆ หัวใจของหลินโจวก็กระตุกวูบ!
หรือว่าจะเป็นโรคจิตที่ส่งรูปคุกคามซูชิงเหม่ย นี่มันกล้าถึงขั้นบุกมาถึงบ้านเลยงั้นเหรอ?
เขาลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เอื้อมไปปิดไฟในห้อง เดินไปที่ประตู แล้วค่อยๆ เปิดประตูออกไปอย่างเบามือ
ขณะนี้เป็นเวลาดึกสงัด ภายในห้องนั่งเล่นก็มืดสนิท แต่กลับมีเสียงอะไรบางอย่างดังออกมาอย่างแผ่วเบา!!
มีคนอยู่จริงๆ ด้วย!
หลินโจวหาอาวุธอะไรไม่ได้ในตอนนี้ เขาจึงทำได้เพียงย่องไปที่ห้องเล่นด้วยฝีเท้าที่เงียบที่สุด แต่เมื่อเขาลองฟังเสียงดูดีๆ อีกครั้ง เขากลับได้ยินเหมือนเสียงเคี้ยวอย่างชัดถ้อยชัดคำ เสียงนั้นก็กลายเป็นเสียงแหลมอีกครั้ง เหมือนกับว่ามีคนกำลังกินอะไรบางอย่างอยู่
เสียงนี้ดังมาจากในห้องครัว
นี่มันยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่!
ในครัวมีของมีคมเต็มไปหมด!
แต่ไอ้คนโรคจิตที่คุกคามซูชิงเหม่ยเข้าไปทำอะไรในห้องครัว? แล้วยังแอบกินของในครัวอีก หรือนี่จะเป็นเรื่องปกติที่พวกโรคจิตชอบทำ? คนปกติแบบเราคงไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ
หลินโจวไม่สนใจเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว ยังไงซะซูชิงเหม่ยก็เป็นนายจ้างของเขา แถมเธอยังเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวอีก เขาคงไม่สามารถหนีไป และทิ้งเธอไว้คนเดียวในบ้านได้หรอก
หลินโจวย่อตัวลง และเดินตามเสียง "แจ๊บๆๆ " เงียบ ๆ ไปเรื่อยๆ ในความมืด ก่อนจะมองเห็นเงาร่างๆ อยู่ข้างหน้า
หลินโจวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้นก็กระโจนออกไป รวบตัวร่างนั้นจากด้านหลัง แล้วทุ่มลงไปบนทันที เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายใช้อาวุธ หลินโจวจึงรัดแขนของอีกฝ่ายไว้แน่นจากด้านหลัง
ขาทั้งสองข้างของเขาก็รัดอีกฝ่ายเอาไว้เช่นกัน!
"อย่าขยับ!"
หลินโจวตะโกนลั่น หากเสียงของเขาสามารถปลุกให้ซูชิงเหม่ยตื่นได้ก็จะดีที่สุด ตัวเขาควบคุมตัวคนร้ายเอาไว้ แล้วให้เธอรีบโทรแจ้งตำรวจ
แต่จู่ๆ หลินโจวก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล เขาไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้โรคจิตนี่ถึงมีรูปร่างผอมขนาดนี้?
ผิวแขนเนียนนุ่ม บั้นเอวคอดกิ่ว ขาเรียวยาวได้รูป...
จากนั้นข้อความที่คุ้นเคยสองสามบรรทัดก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขาอีกครั้ง:
กำลังคัดลอกความทรงจำของโลกคู่ขนาน เพลง [เส้นทางธรรมดา] คืบหน้า 90%...
กำลังคัดลอกความทรงจำของโลกคู่ขนาน เพลง [พบเจอ] คืบหน้า 80%...
กำลังคัดลอกความทรงจำของโลกคู่ขนาน เพลง [ผู้กล้าหาญที่โดดเดี่ยว] คืบหน้า 45%...
กำลังคัดลอกความทรงจำของโลกคู่ขนาน 《รวมบทกวีสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง》คืบหน้า 30%...
ความคืบหน้าในการคัดลอกเพลงฮิตของโลกเก่าเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย และยังมีข้อความใหม่ปรากฏขึ้นอีกด้วย
รวมบทกวีสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง?
นึกไม่ถึงว่านอกจากเพลงแล้ว ยังมีงานวรรณกรรมและศิลปะประเภทอื่นๆ บนโลกด้วย
เดี๋ยวก่อน!! ทำไมการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับไอ้โรคจิตที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ คนนี้แล้วกระบวนการคัดลอกความทรงจำถึงได้เพิ่มขึ้นด้วย?
หรือว่าคนที่ฉันจับทุ่มจะเป็น...
"ปล่อยฉันนะ" เสียงเย็นชาที่แฝงความไม่พอใจดังขึ้น
“......”
หลินโจวตกตะลึง นี่เขาทุ่มซูชิงเหม่ยจริงๆ งั้นเหรอ? !
เดี๋ยวก่อน เธอแอบลงมาทำอะไรข้างล่างดึกๆ ดื่นๆ แล้วยังเสียง “แจ๊บๆๆ” นั่นอีก?
แบบนี้จะไม่ให้คนอื่นเข้าใจผิดได้อย่างไร?
หลินโจวรีบปล่อยเธอออกไป และลุกขึ้นไปเปิดไฟ ก่อนจะเห็นซูชิงเหม่ยในชุดนอนกำลังพยายามดันตัวเองลุกขึ้นมาจากบนพื้น
ในเวลานี้ เทพธิดาสาวผู้แสนเย็นชาตกอยู่ในสภาพยุ่งเหยิงเล็กน้อย ผมยาวของเธอกระชายปกคลุมใบหน้า เสื้อผ้าท่อนบนถูกดึงจนไม่เป็นระเบียบ เผยให้เห็นหน้าท้องขาวเรียบเนียนใต้เสื้อผ้า
รองเท้าแตะข้างหนึ่งของเธอไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว เท้าสีขาวเนียนข้างหนึ่งไม่รู้ว่าจะวางไว้ที่ไหน จึงได้แต่วางแปะกับพื้นอย่างเก้ๆ กังๆ นิ้วโป้งเท้ากลมขยับไปมาโดยไม่รู้ตัว
“คุณซู ขอโทษครับ ผมคิดว่าคนร้ายที่คุกคามคุณลอบเข้ามา ว่าแต่ ทำไมคุณถึงไม่เปิดไฟเหรอครับ? แล้วคุณกำลังทำอะไรอยู่ในครัว?”
หลินโจวเองก็รู้เก้อเขินเช่นกัน
ตนเองเพิ่งเริ่มทำงานวันแรกก็เห็นเรือนร่างของเธอหมดแล้ว ตอนนี้เขายังจับเธอทุ่มอีก
นี่มันช่างวุ่นวายจริงๆ
หลินโจวอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่ผู้ช่วยหน้าซาลาเปาอย่างโจวหยุนพูดไว้: "มันเป็นการคอยรักษาความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง!"
เอ่อ แบบนี้มันก็ดูจะใกล้ชิดเกินไปนะ...
ซูชิงเหม่ยไม่ตอบ เธอก้มหน้าลง ผมยาวยังคงปิดบังใบหน้าของเธอไว้ อย่างไรก็ตาม หลินโจวสังเกตเห็นรอยคราบเปื้อนน้ำมันที่มุมปากของเธอ เขาหันกลับไปมองบนโต๊ะอาหาร และพบกับจานข้าวราดแกงเนื้อที่ถูกกินไปครึ่งหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ . .
หลินโจวตกตะลึง: "นี่คุณลงมาทานข้าวงั้นเหรอครับ? "